ความรัก คือ .....

เพิ่งผ่านช่วงวันแห่งความรักมาไม่กี่วัน

ณ. ห้องสนทนาแห่งหนึ่ง
ทำไมเวลามีความรักที่สมหวัง ถึงมีความสุขมากค่ะ
แล้วเวลามีความรักที่ผิดหวัง ถึงมีความทุกข์หนักเหลือเกินค่ะ

เลิกกะแฟนทีไร ผมเหงาเหลือเกิน ผมจะทำไงดีครับ
หาแฟนใหม่ จะได้ไม่เหงาดีกว่าครับพี่

นี่เป็นบทสนทนาบางส่วน ที่เกี่ยวกับความรัก ....

จริงหรือไม่ ความรักทีสมหวังเป็นสุข ส่วนรักที่ผิดหวังเป็นทุกข์ ความเหงาเพราะไม่มีแฟนหรือโดดเดี่ยว ถ้ามีแฟนใหม่มีเพื่อนเยอะจะไม่เหงาจริงเหรอ?

ผมขออนุญาติคัดลอกบทความบางส่วนจากหนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถอ่านเต็มๆได้ตามลิงค์นี้เลยครับ http://www.sangtean.com/love/images/pdf/love-small-file.pdf

ความรักคืออะไร

นิยามความรักในทางโลกคงแปลได้หลากหลายความหมายตามแต่ที่ใครจะคิดพรรณนา แต่แท้ที่จริงแล้ว ภาษาที่เราใช้ออกมา มันจะสื่ออะไร มากน้อยแค่ไหน ที่แท้สาระของมันคงมีแค่สองอย่างคือ ทำให้เรา “สุข” และทำให้เรา “ทุกข์” แล้วความจริงความรัก ให้สุข หรือ ให้ทุกข์ กันแน่?

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ทั้งนี้ด้วยเหตุว่า ความรักแบบโลก ๆ ส่วนใหญ่ มันควบคู่มากับความหลงเข้าใจคลาดเคลื่อนผิดไปจากความเป็นจริง หรือ ที่เรียกว่า โมหะ ในทางพุทธศาสนา คือ “หลงคิด” หรือ เข้าใจผิด เข้าไปยึดถือว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวเรา เป็นของเรา เสร็จแล้วก็คิดและปักใจเชื่อว่าต้องเป็นอย่างนั้นไปเอง ไปแปะป้าย สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเอง เช่น คนนี้คือแฟนของเรา ถ้าเราไม่มีเขาเราจะอยู่ไม่ได้
พอเกิดความทุกข์ก็รู้สึกว่าความทุกข์นี้คือความทุกข์ของเรา ซึ่งเป็นตัวเราเองทั้งนั้นที่เป็นผู้เลือกจะทั้งกอดทั้งเก็บความทุกข์ (ที่เราสร้างขึ้นมาเองในใจ) ไว้ ทั้งๆ ที่ “ความคิด” เหล่านั้นมันไม่ได้มีตัวตนอยู่ให้จับต้องได้เลยสักนิด

โมหะ คือความหลง (เหมือนหลงทางอยู่ในเขาวงกต) เป็นต้นเหตุที่ทำให้คนเราทุกข์ ให้เราคิดปรุงแต่งหรือคิดฝันเอาเองไปต่างๆ นานาว่าสิ่งไหนหรืออะไรคือทางออก คือสิ่งที่ใช่ เช่นเชื่อไปเองว่าคนนี้ใช่แน่ๆ ทั้งๆ ที่โดยความจริงแล้วเราไม่ได้รู้จักเขาดีพอเลยด้วยซ้ำแต่เพราะโมหะคือความหลงนั้นหลอกให้เราเห็นแต่ด้านที่เราอยากจะเห็น

และโมหะนี้เองเป็นรากเหง้าที่จะงอกออกมาเป็นกิเลสอื่น ๆ เช่น โลภะ (อยากให้เขาหรือเธอทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามใจเรา) ราคะ (อยากยึดเขามาเป็นของเรา) และโทสะ (เมื่อเขาหรือเธอไม่ทำตาม หรือไม่ได้อย่างที่ใจเราอยากให้เป็น ก็โกรธ งอน งอแง อาละวาดจองเวรและอื่นๆ)

ดังนั้นความรักแบบโลกที่เป็นความหลงแบบโมหะ ไม่ได้รู้เห็นตามจริง จึงเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหา เกิดทุกข์ ด้วยเหตุนี้ หากเราต้องการมีความสุข เราก็ต้องรู้จักรักให้เป็นคือ ไม่หลงไปทำตามกิเลส ยกตัวอย่างความรักแบบไม่มีกิเลสและไม่มีเงื่อนไขเช่นความรักของพระพุทธองค์ที่ทรงมีต่อสัตว์โลก ความรักชนิดนี้ไม่นำพาให้เกิดทุกข์ทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ ความรักชนิดนี้ ภาษาธรรมเรียกว่า ความรักแบบพรหมวิหาร ๔ คือ มี เมตตา (ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข)
กรุณา (ต้องการให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์) มุทิตา (พลอยยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นสุข) อุเบกขา (มีความเป็นกลางต่อความมุ่งหวังทั้งหมดนั้น)โดยเฉพาะอุเบกขาที่กล่าวได้ว่าเป็นตัวปัญญานั้นมีความสำคัญมากจนต้องระบุควบคู่ไว้ว่า ถ้าขาดอุเบกขาก็ไม่ใช่เมตตา ไม่ใช่รักอย่างฉลาด เพราะไม่รู้จักปล่อยวาง โดยนัยยะนี้ การมีอุเบกขาคือการทำดีโดยใจไม่ทุกข์ เรียกว่ารักได้อย่างบริสุทธิ์ออกมาจากใจทำดีที่สุดแล้วก็ไม่หวังผล ไม่หวังว่าตัวเราจะได้อะไร ไม่หวังว่าคนรับได้แล้วต้องเห็นคุณค่า (อย่างที่ใจเราต้องการ) หรือไม่

ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจง่ายขึ้น หลง กับ รัก ต่างกันชัดเจนที่ความรู้สึกอยากได้ หรืออยากให้นั่นเอง จะทุกข์หรือจะสุขก็วัดกันที่ตรงนี้เช่นกันคือ ที่คิดว่าขาดความรักก็เพราะคิดว่าความรักคือการได้มาหรือได้ครอบครอง แต่ถ้าเข้าใจเสียใหม่ว่าความรักคือการให้ก็จะไม่รู้สึกขาดเลย

ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความรู้สึกอยากได้อะไรจากเขาหรือเธอ นั่นก็แปลว่าคุณกำลัง “หลง” คือ หลงไปยึด ความอยากความคาดหวัง จะพาให้ใจเป็นทุกข์ เมื่อไม่ได้ดังหวัง ก็เป็นทุกข์

แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าเราเพียงต้องการจะ “ให้” เพื่อให้เขาเป็นสุขโดยไม่ได้ยึดมั่นว่าต้องการอะไรจากเขาหรือเธอ นั่นคือ “รัก” แบบเมตตาที่เป็นพรหมวิหารธรรม ถ้าให้แล้วเขาหรือเธอไม่รักก็ไม่ทุกข์ใจ เพราะมีอุเบกขาไปพร้อมกัน ใจไม่เกาะ ไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์

ดังนั้นถ้าเราเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะรู้ว่าที่เรามีทุกข์นั้น เพราะเราเป็นคนเลือกเอง ที่บอกว่ารักมันทำร้ายเรา จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันเป็นเพราะเราไม่รู้จักรักเองต่างหาก ที่คนเราทุกข์ เพราะความรักนั้น ไม่ใช่ทุกข์เพราะการให้ แต่ทุกข์เพราะอยากแล้วไม่ได้ ที่เราเคยบอกว่า รักเขาเหลือเกิน รักเธอที่สุดในโลกนั้น
เราควรย้อนกลับมาดูที่ใจตัวเองก่อนว่าแท้จริงแล้ว เราเรียกสิ่งนั้น ว่า “รัก” ได้จริงหรือ การกระทำใดที่เราทำให้เขาหรือเธอนั้น เราทำเพื่ออยากให้เขามีความสุข หรือ อยากให้ตัวเรามีความสุข

ขอขอบคุณผู้แต่งและทีมงานที่ทำหนังสือเล่มนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่