ธารทิพย์
โดย อัศวรักษ์
ธารทิพย์ บทที่ 20
http://ppantip.com/topic/33080218
พรานผายืนมองพุ่มดอกไม้อยู่ที่ชายเขตบ้านของเขาเมื่อรุ่งสาง ไม้ดอกทั้งที่ปลูกเอาไว้เองและดอกไม้ป่าที่ขึ้นตามธรรมชาติหลายพันธุ์ผลิดอกอยู่มากมาย เขาเลือกเก็บดอกสวยสมบูรณ์ที่ต้องการจะใช้บรรจงใส่ลงตะกร้าสานอย่างเบามือ โละพรานหนุ่มเดินผ่านมาหยุดยืนมองพ่อครูของเขาที่กำลังเก็บดอกไม้อยู่อย่างแปลกใจ
“พ่อครูเก็บดอกไม้แต่สาง เหตุไรรึจ๊ะ” โละถามเมื่อเดินเข้ามาหา
“เจ้าวางมือมาช่วยข้าหน่อย” พรานผาพูด
“จ้ะ” โละรับคำ
เขาวางมีดยาวกับตะกร้าใส่ฟืนที่ถือมาลงบนพื้นเดินไปมองตะกร้าใส่ดอกไม้มากมายที่วางอยู่
“พ่อครูจะทำอะไรจ๊ะ” โละสงสัย
“ช่วยข้าเก็บก่อนเถอะนะเจ้า” พรานผาหันมายิ้มบอก
ครู่ใหญ่ดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีก็เกือบเต็มตะกร้าใหญ่ โละเหลือบมองพ่อครูผาอย่างสงสัยปกติแล้วพ่อครูของเขาจะใช้ดอกไม้ก็นานๆครั้งและก็ไม่ได้มากมายขนาดนี้ เขาเก็บความสงสัยไว้รอให้พ่อครูบอกเองไม่กล้าถาม
“เจ้าอยากรู้รึ” พรานผาถามอย่างรู้ความคิด
“พ่อครูคิดทำสิ่งใดรึจ๊ะ” โละเอ่ยปากถาม
“เจ้าคิดเยี่ยงไรกับท่านผู้พัน” พรานผาถาม
“ท่านมีคุณช่วยชีวิตข้ากับน้อง” โละตอบ
“แล้วเจ้าคิดเยี่ยงไรอีก” พรานผาถามต่อ
โละขมวดคิ้วพยายามคิดถึงเรื่องท่านผู้พันไกรศักดิ์
“ท่านเอ็นดูข้ากับน้อง ท่านเป็นคนดี” โละตอบสิ่งที่เขารู้สึก
พรานผายิ้ม เขาแกล้งไม่พูดต่อเพื่อเร่งเร้าความอยากรู้ของโละเรื่องดอกไม้
“หากท่านผู้พันเป็นผู้บ่าวของน้องเจ้า เจ้าจะว่ากระไร” พรานผามองโละแล้วถาม
โละตะลึงกับคำบอกของพ่อครู เขาเป็นเพียงชาวป่าที่ทุกวันคิดแต่เรื่องความอยู่รอดไม่เคยสังเกตเรื่องความคิดหรืออารมณ์ของคนรอบตัวจึงไม่เคยสำเหนียกถึงกิริยาอาการของลอยาน้องสาวมาก่อน
“พ่อครูเย้าข้าเล่นรึกระไร” โละถามด้วยความไม่แน่ใจสิ่งที่พ่อครูผาถาม
“บอกข้า เจ้าจะว่ากระไร” พรานผาถามย้ำ
โละฉีกยิ้มเต็มหน้าเมื่อเชื่อว่าพ่อครูผาไม่ได้พูดเล่น เขาลนลานดีใจทำอะไรไม่ถูกหันไปชะเง้อมองหาบนเรือนและรอบๆตัวอยากเห็นนายทหารหนุ่มกับลอยาน้องสาว
“เจ้าดีใจล่ะซิ” พ่อครูผาถาม
โละหันมาพยักหน้ารับยังฉีกยิ้มหน้าตื่นพูดอะไรไม่ออกอยู่
“ไปยกดอกไม้ขึ้นเรือน ข้าจะผูกข้อมือน้องเจ้า” พ่อครูสั่ง
โละรีบแบกตะกร้าดอกไม้กับของอื่นๆที่เขาแบกมาด้วยสองมือแล้วรีบวิ่งขึ้นเรือนไปอย่างดีใจที่สุด
ลอยานั่งซักผ้าทำความสะอาดข้าวของอยู่ริมลำธารหน้าบ้านเธออมยิ้มไปด้วยอย่างมีความสุข ทอดอารมณ์ไปกับความหวานชื่นที่ได้รับเมื่อคืนภายใต้แสงจันทร์เจ้าผีเสื้อน้อยหลากพันธุ์โบยบินอยู่รอบๆ ขยับปีกเพื่อเผยสีสันแต่งแต้มไปทั่วป่า ลอยายกนิ้วขึ้นให้ตัวหนึ่งที่บินมาใกล้ มันเกาะนิ่งบนนิ้วมือเธอ
โบกปีกสวยขึ้นลงช้าๆ ดวงตาคู่งามใสส่งยิ้มให้ขอบใจที่มันเป็นสื่อรัก ทุกสิ่งรอบตัวเธอสวยสดงดงามไปหมดยามนี้ เสียงสายน้ำในลำธารที่รินเอื่อยซอกเซาะไปกับหินประสานหริ่งเรไรป่าที่ส่งเสียงมาขานขับรับกันดั่งสรวงสวรรค์บรรเลงเพลงรักแห่งพงไพรให้กับเธอ
ไกรศักดิ์นั่งลงริมลำธารห่างจากที่ลอยาทอดอารมณ์อยู่เล็กน้อย
“นั่งยิ้มกับใครรึเจ้า” เขาพูดด้วยสำเนียงเดียวกับเธอ
ลอยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันมาพบบุรุษผู้ที่กำลังอยู่ในฝันกลางวันของเธอ เธออมยิ้มก้มหน้ากัดริมฝีปากเบาๆอย่างเอียงอาย
“ท่านพี่มาเมื่อไรจ๊ะ” เธอก้มหน้าเบือนหลบเอียงอายถามแก้เกี้ยว
“นานแล้ว” เขาแกล้งบอก
“ใยพี่ท่านไม่เรียกขานข้า” เธอแกล้งต่อว่าเบาๆ
“ก็เห็นคนดีของพี่พูดกับผีเสื้ออยู่นี่” เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายิ้มพูดล้อเลียน
“ท่านพี่” ลอยาอายที่สุด เธอใช้สองมือปิดหน้ายิ้มเอาไว้
นายทหารหนุ่มลุกขึ้นเดินมานั่งลงข้างหลังเธอเหยียดขาตั้งเข่าข้างหนึ่งเอนตัวใช้แขนข้างหนึ่งยันพื้น เขาดึงตัวเธอเบาๆให้เอนหลังมาแนบอกกอดประคองไว้แล้วจูบที่ข้างแก้ม สาวเจ้าเอียงแก้มหลับตาพริ้ม
“เจ้ายังไม่อาบน้ำล้างตัวอีกรึ” เขากระซิบที่ข้างหู
“แก้มข้ามิหอมรึจ๊ะท่านพี่” เธอหันหน้าเอียงมาให้แก้มนวลสัมผัสจมูกของชายหนุ่มเบาๆแล้วตอบ
“พี่อยากหอมเจ้าอยู่เยี่ยงนี้ตลอดไป” เขาหลับตาบอกเธอ
“ข้าก็ขออยู่เคียงกายท่านพี่ตลอดไป” เธอหลับตาพูดแผ่วเบาเคลิบเคลิ้ม
ลอยาเอียงตัวหันมา ทรวงอกงามเบียดกับอกชายหนุ่มดวงหน้างามที่หลับตาพริ้มเงยหน้าเผยอริมฝีปากน้อยๆขึ้น นั่นสุดแล้วที่นายทหารหนุ่มจะทนได้ เขาบรรจงประทับจูบลงไปอย่างดูดดื่ม ความรักล้นหัวใจปลดปล่อยให้ทั้งสองนิ่งนานอยู่ในรสจูบนั้น
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากมองหญิงสาวที่ยังคงหลับตาอยู่ในความรัก เขาประทับจูบเบาๆอีกครั้งแล้วพูดขึ้น
“เจ้ารู้รึไม่ดวงใจของพี่ พ่อพรานอยู่บนเรือน เตรียมพิธีผูกข้อมือให้เราแล้ว”เขากระซิบบอกเธอ
หญิงสาวยังคงหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดชั่วครู่แล้วลืมตาขึ้นอย่างเร็วเมื่อได้สติสดับคำที่เขาบอก เธอผละออกจากอกเขาแล้วหันมองขึ้นไปบนเรือน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขที่สุดฉาบไปทั่วใบหน้า เธอลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที
พรานผาและโละพี่ชายหันไปมองตามเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างเร็ว ลอยาเธอหยุดยืนตะลึงอยู่หน้าบันไดเมื่อขึ้นมาถึง บนเรือนดอกไม้สวยสดถูกประดับประดาไว้จนทั่ว พ่อพรานผานั่งอยู่บนเสื่อในชุดสีขาวมีโละพี่ชายนั่งส่งยิ้มกริ่มมาให้เธออยู่ใกล้ๆ ตรงหน้าพ่อพรานมีโต๊ะไม้เล็กๆปูด้วยใบตอง สายสิญจน์วางอยู่บนใบตองนั้น
ไกรศักดิ์เดินตามขึ้นมา ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข
ลอยาเดินเข้าไปก้มลงกราบพ่อพรานผาแล้วเงยหน้ามอง สองดวงตาเอ่อคลอด้วยความปิติ
“เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวให้จงดีนะลอยา” พรานผายิ้มพูดกับเธออย่างมีเมตตา
เธอเลี่ยงไปที่มุมห้องของเธอหยิบเสื้อผ้าของใช้แล้วเดินลงบันไดไป
“ดูดั่งท่านมีความสุขนะผู้พัน” พรานผาพูด
“ครับพี่ผา” ไกรศักดิ์ยิ้มตอบ
ไกรศักดิ์หันไปสบตาแล้วยิ้มให้โละ
“โละปลงใจอนุญาตให้ฉันร่วมเรือนกับลอยารึไม่” เขายิ้มถามพรานโละ
โละชายหนุ่มยังฉีกยิ้มเต็มหน้าอย่างดีใจ
“จ้ะ จ้ะ ฉันปลงใจจ้ะ” เขารีบบอก
“ถ้าเยี่ยงนั้น ผู้พันท่านจงมาสงบอยู่ในสมาธิเบื้องหน้าข้า จนเมื่อผู้สาวขึ้นมาเราจะลงพิธีกัน” พรานผาบอก
ไกรศักดิ์ขยับมานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าพรานผา เขาหลับตาลงสงบจิตให้เข้าสู่สภาวะกรรมฐานเพื่อบอกกล่าวให้เจ้าป่าเจ้าเขาวิญญาณบรรพชนทั้งหลายมาเป็นทิพย์ยาน ในการปลงใจร่วมเรือนของสองผู้บ่าวสาว พรานผาและโละก็ทำเช่นเดียวกัน
ครู่ใหญ่ลอยาขึ้นเรือนมาอย่างเบาฝีเท้า เธอมานั่งลงเงียบๆอยู่ข้างนายทหารหนุ่ม
“เจ้าพร้อมแล้วรึ” พรานผาพูดเมื่อลืมตาขึ้น
ไกรศักดิ์และโละลืมตาขึ้นมองไปที่ลอยา
หญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนเรือนเคียงข้างชายหนุ่มคนรัก เธอสวมซิ่นสีขาวกับผ้าขาวอีกผืนที่คาดอกเฉียงเป็นสไบมีดอกไม้ป่าช่อสวยสีขาวทัดอยู่ข้างหู เส้นผมสีดำขลับประบ่าแล้วปล่อยยาวลงไปถึงบั้นเอวขับให้ผิวกายขาวละเอียดของสาวเจ้ารับกับดวงหน้างาม เธอสวยสมด้วยธรรมชาติดุจดังเทพธิดาแห่งพงไพรจำแลงมา
“เจ้ามีอันใดลังเลสงสัย” พรานผาถามลอยา
“ข้ามิมีอันใดเคลือบแคลงสงสัยจ้ะ” เธอตอบเบาๆ ใบหน้าแดงเรื่อทอดสายมองอยู่ที่พื้นเรือนพยายามทำสีหน้าสงบไม่ให้มีรอยยิ้มเกินควร
“เจ้ามีอันใดลังเลสงสัย” พรานผาหันมาถามผู้บ่าวนายทหารด้วยคำพูดเดียวกัน
“ข้ามิมีอันใดเคลือบแคลงสงสัยจ้ะ” เขาตอบด้วยคำเดียวกับเธอ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบตามองผู้สาวสวยสดที่นั่งอยู่เคียงข้าง
พรานผาหลับตาลงอีกครั้ง เขาออกเสียงบอกกล่าวเป็นภาษาที่ดั่งผู้เป็นทิพย์เท่านั้นจึงจะเข้าใจ พูดแล้วหยุด หยุดแล้วพูด ฟังคล้ายกำลังสนทนา พรานผาหยิบผ้าสีน้ำเงินผืนใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวออกมาคลี่ปูไว้ตรงหน้าแล้วหันไปหยิบภาชนะบรรจุของเหลวสีเหลืองออกมาวาง ถุงผ้าเล็กๆที่มีผงทองอยู่ข้างในถูกเทลงไปในของเหลวสีเหลืองนั้น พรานผานำพู่กันทำจากก้านไผ่ที่ทุบปลายจนแตกเป็นเส้นๆขึ้นมาคนช้าๆให้ผสมเข้ากันแล้วจึงเริ่มบริกรรมคาถาขณะที่มือของเขาจารอักขระหลายตัวลงบนผ้าผืนนั้น
“เจ้าป่าเจ้าเขาอีกทั้งทุกผู้ที่เป็นทิพย์ สดับคำเจ้าทั้งสองแล้ว” พรานผาพูดสายตายังคงอยู่ที่ผ้า
“สิ่งนี้จะนำพาลิขิตของพวกเจ้า” พรานผาบอกกล่าว
“เจ้าทั้งสองจะต้องร่วมกายร่วมชีวิตกันใต้ผ้าผืนนี้ รักษาไว้จงดี วันหนึ่งเจ้าต้องคืนให้ข้า” พรานผาพูดสั่ง
“จงรับไป” พรานผาพูด
ไกรศักดิ์ขยับคลานเข่าเข้าไปรับผ้าผืนนั้น
“เจ้าทั้งสองเข้ามาใกล้ข้า” พรานผากวักมือ
ลอยาขยับจากนั่งพับเพียบแล้วคลานเข้ามาหา พรานผาใช้พู่กันจุ่มลงในของเหลวสีเหลืองทองจรดที่กระหม่อมลากไปจนถึงขวัญแล้วเป่าให้ทีละคน
“ยื่นมือเจ้ามา” พรานผาบอก
ทั้งสองหงายมือยื่นไปตรงหน้า พรานผาบริกรรมคาถาขณะใช้สายสิญจน์ผูกให้ที่ข้อมือลูบฝ่ามือแรงๆสามครั้งแล้วลูบไปที่กระหม่อมซึ่งมีสีเหลืองทองทาอยู่อีกสามครั้งเช่นกันทั้งสองคน
“เจ้าป่าเจ้าเขาทุกผู้ที่เป็นทิพย์รับเจ้าเป็นคู่ผัวเมียแล้ว” พรานผาพูด
“เจ้าจงอยู่บนเรือนจนอาทิตย์ตกจึงจะลงเรือนได้” พรานผาหันไปบอกลอยา
“เจ้าจงไปทางเหนือห่างเรือนห้าสิบวา ปลูกหอขอขมารอไว้ใต้ไม้ใหญ่” พรานผาหันไปบอกไกรศักดิ์
“เจ้าทั้งสองเข้าใจรึ” พรานผาถาม
“จ้ะ” ไกรศักดิ์และลอยาตอบพร้อมกัน
“ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาสถิตอยู่กับเจ้าทั้งสองคนนะ” พรานผากล่าวให้พร
“เจ้าจงลงเรือนไปเร่งหาการกินมาไว้ให้น้องเจ้า แล้วอย่าขึ้นเรือนอีกจนผู้สาวลงเรือนไปเจ้าเข้าใจรึ” พรานผาหันไปสั่งโละที่นั่งยิ้มมองทั้งสามคนอยู่ไปมา
“จ้ะ ข้าเข้าใจจ้ะ” โละรับคำแล้วรีบลงเรือนไป
พรานผาผลัดเปลี่ยนผ้าเป็นชุดเดินป่าเดินลงบันไดเรือนมา โละตามลงมาเมื่อจัดหาอาหารการกินเตรียมไว้ให้น้องสาวเสร็จเรียบร้อย
“อยู่ระวังเรือนจนน้องเจ้าลงมาแล้วตามข้าไปนอนป่าที่ชะโงกโน้น” พรานผาบอกโละแล้วชี้มือไปที่ชะโงกเขาไม่ไกลจากบ้านของเขานัก
“จ้ะ” โละรับคำ พรานผาจึงออกเดินไป
ไกรศักดิ์ออกเดินขึ้นทิศเหนือตามลำธารไป เขาคะเนจากการนับก้าวว่าน่าจะได้ห้าสิบวาหรือร้อยเมตรแล้ว มีไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ใกล้ลำธาร โคนต้นมีรากใหญ่เหนือพื้นดินเป็นซอกมุมอยู่รอบโคนต้น เขาใช้มีดยาวเดินป่าถากถางพื้นที่ให้ราบโล่งพอประมาณจากนั้นจึงวางผลไม้ป่าที่หอบมาด้วยลงบูชาและขอขมาเพื่อปลูกหอ จากนั้นจึงเดินหาไม้แห้งมากองเตรียมไว้เป็นฟืนแล้วกลับมานั่งเล่นอยู่ที่มุมของโคนรากไม้ที่หมายตาเอาไว้
เวลาเริ่มล่วงเข้าบ่ายคล้อย ตะวันโคจรเชื่องช้าเหลือเกินสำหรับคนที่อยู่บนเรือน ลอยานั่งเล่นนอนเล่นหยิบจับอยู่บนเรือนตั้งแต่เสร็จจากผูกข้อมือ ในใจมีอยู่แต่ผู้บ่าวที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบวาตามที่พ่อพรานผาสั่งความไว้ เธอเดินเข้าเดินออกชานเรือนกับในเรือนแหงนมองเร่งเวลาจากดวงอาทิตย์ ด้วยเพราะหัวใจของสาวได้ลงบันไดเรือนไปพร้อมเขาตั้งแต่ผูกข้อมือเสร็จแล้ว ลอยากลับเข้ามาเอนตัวตะแคงนอนหนุนแขนจนผล๊อยหลับไป
“ลอยา ลอยา” เสียงคนมายืนเรียกที่หน้าบันได
ธารทิพย์ บทที่ 21
ธารทิพย์ บทที่ 20 http://ppantip.com/topic/33080218
พรานผายืนมองพุ่มดอกไม้อยู่ที่ชายเขตบ้านของเขาเมื่อรุ่งสาง ไม้ดอกทั้งที่ปลูกเอาไว้เองและดอกไม้ป่าที่ขึ้นตามธรรมชาติหลายพันธุ์ผลิดอกอยู่มากมาย เขาเลือกเก็บดอกสวยสมบูรณ์ที่ต้องการจะใช้บรรจงใส่ลงตะกร้าสานอย่างเบามือ โละพรานหนุ่มเดินผ่านมาหยุดยืนมองพ่อครูของเขาที่กำลังเก็บดอกไม้อยู่อย่างแปลกใจ
“พ่อครูเก็บดอกไม้แต่สาง เหตุไรรึจ๊ะ” โละถามเมื่อเดินเข้ามาหา
“เจ้าวางมือมาช่วยข้าหน่อย” พรานผาพูด
“จ้ะ” โละรับคำ
เขาวางมีดยาวกับตะกร้าใส่ฟืนที่ถือมาลงบนพื้นเดินไปมองตะกร้าใส่ดอกไม้มากมายที่วางอยู่
“พ่อครูจะทำอะไรจ๊ะ” โละสงสัย
“ช่วยข้าเก็บก่อนเถอะนะเจ้า” พรานผาหันมายิ้มบอก
ครู่ใหญ่ดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีก็เกือบเต็มตะกร้าใหญ่ โละเหลือบมองพ่อครูผาอย่างสงสัยปกติแล้วพ่อครูของเขาจะใช้ดอกไม้ก็นานๆครั้งและก็ไม่ได้มากมายขนาดนี้ เขาเก็บความสงสัยไว้รอให้พ่อครูบอกเองไม่กล้าถาม
“เจ้าอยากรู้รึ” พรานผาถามอย่างรู้ความคิด
“พ่อครูคิดทำสิ่งใดรึจ๊ะ” โละเอ่ยปากถาม
“เจ้าคิดเยี่ยงไรกับท่านผู้พัน” พรานผาถาม
“ท่านมีคุณช่วยชีวิตข้ากับน้อง” โละตอบ
“แล้วเจ้าคิดเยี่ยงไรอีก” พรานผาถามต่อ
โละขมวดคิ้วพยายามคิดถึงเรื่องท่านผู้พันไกรศักดิ์
“ท่านเอ็นดูข้ากับน้อง ท่านเป็นคนดี” โละตอบสิ่งที่เขารู้สึก
พรานผายิ้ม เขาแกล้งไม่พูดต่อเพื่อเร่งเร้าความอยากรู้ของโละเรื่องดอกไม้
“หากท่านผู้พันเป็นผู้บ่าวของน้องเจ้า เจ้าจะว่ากระไร” พรานผามองโละแล้วถาม
โละตะลึงกับคำบอกของพ่อครู เขาเป็นเพียงชาวป่าที่ทุกวันคิดแต่เรื่องความอยู่รอดไม่เคยสังเกตเรื่องความคิดหรืออารมณ์ของคนรอบตัวจึงไม่เคยสำเหนียกถึงกิริยาอาการของลอยาน้องสาวมาก่อน
“พ่อครูเย้าข้าเล่นรึกระไร” โละถามด้วยความไม่แน่ใจสิ่งที่พ่อครูผาถาม
“บอกข้า เจ้าจะว่ากระไร” พรานผาถามย้ำ
โละฉีกยิ้มเต็มหน้าเมื่อเชื่อว่าพ่อครูผาไม่ได้พูดเล่น เขาลนลานดีใจทำอะไรไม่ถูกหันไปชะเง้อมองหาบนเรือนและรอบๆตัวอยากเห็นนายทหารหนุ่มกับลอยาน้องสาว
“เจ้าดีใจล่ะซิ” พ่อครูผาถาม
โละหันมาพยักหน้ารับยังฉีกยิ้มหน้าตื่นพูดอะไรไม่ออกอยู่
“ไปยกดอกไม้ขึ้นเรือน ข้าจะผูกข้อมือน้องเจ้า” พ่อครูสั่ง
โละรีบแบกตะกร้าดอกไม้กับของอื่นๆที่เขาแบกมาด้วยสองมือแล้วรีบวิ่งขึ้นเรือนไปอย่างดีใจที่สุด
ลอยานั่งซักผ้าทำความสะอาดข้าวของอยู่ริมลำธารหน้าบ้านเธออมยิ้มไปด้วยอย่างมีความสุข ทอดอารมณ์ไปกับความหวานชื่นที่ได้รับเมื่อคืนภายใต้แสงจันทร์เจ้าผีเสื้อน้อยหลากพันธุ์โบยบินอยู่รอบๆ ขยับปีกเพื่อเผยสีสันแต่งแต้มไปทั่วป่า ลอยายกนิ้วขึ้นให้ตัวหนึ่งที่บินมาใกล้ มันเกาะนิ่งบนนิ้วมือเธอ
โบกปีกสวยขึ้นลงช้าๆ ดวงตาคู่งามใสส่งยิ้มให้ขอบใจที่มันเป็นสื่อรัก ทุกสิ่งรอบตัวเธอสวยสดงดงามไปหมดยามนี้ เสียงสายน้ำในลำธารที่รินเอื่อยซอกเซาะไปกับหินประสานหริ่งเรไรป่าที่ส่งเสียงมาขานขับรับกันดั่งสรวงสวรรค์บรรเลงเพลงรักแห่งพงไพรให้กับเธอ
ไกรศักดิ์นั่งลงริมลำธารห่างจากที่ลอยาทอดอารมณ์อยู่เล็กน้อย
“นั่งยิ้มกับใครรึเจ้า” เขาพูดด้วยสำเนียงเดียวกับเธอ
ลอยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันมาพบบุรุษผู้ที่กำลังอยู่ในฝันกลางวันของเธอ เธออมยิ้มก้มหน้ากัดริมฝีปากเบาๆอย่างเอียงอาย
“ท่านพี่มาเมื่อไรจ๊ะ” เธอก้มหน้าเบือนหลบเอียงอายถามแก้เกี้ยว
“นานแล้ว” เขาแกล้งบอก
“ใยพี่ท่านไม่เรียกขานข้า” เธอแกล้งต่อว่าเบาๆ
“ก็เห็นคนดีของพี่พูดกับผีเสื้ออยู่นี่” เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายิ้มพูดล้อเลียน
“ท่านพี่” ลอยาอายที่สุด เธอใช้สองมือปิดหน้ายิ้มเอาไว้
นายทหารหนุ่มลุกขึ้นเดินมานั่งลงข้างหลังเธอเหยียดขาตั้งเข่าข้างหนึ่งเอนตัวใช้แขนข้างหนึ่งยันพื้น เขาดึงตัวเธอเบาๆให้เอนหลังมาแนบอกกอดประคองไว้แล้วจูบที่ข้างแก้ม สาวเจ้าเอียงแก้มหลับตาพริ้ม
“เจ้ายังไม่อาบน้ำล้างตัวอีกรึ” เขากระซิบที่ข้างหู
“แก้มข้ามิหอมรึจ๊ะท่านพี่” เธอหันหน้าเอียงมาให้แก้มนวลสัมผัสจมูกของชายหนุ่มเบาๆแล้วตอบ
“พี่อยากหอมเจ้าอยู่เยี่ยงนี้ตลอดไป” เขาหลับตาบอกเธอ
“ข้าก็ขออยู่เคียงกายท่านพี่ตลอดไป” เธอหลับตาพูดแผ่วเบาเคลิบเคลิ้ม
ลอยาเอียงตัวหันมา ทรวงอกงามเบียดกับอกชายหนุ่มดวงหน้างามที่หลับตาพริ้มเงยหน้าเผยอริมฝีปากน้อยๆขึ้น นั่นสุดแล้วที่นายทหารหนุ่มจะทนได้ เขาบรรจงประทับจูบลงไปอย่างดูดดื่ม ความรักล้นหัวใจปลดปล่อยให้ทั้งสองนิ่งนานอยู่ในรสจูบนั้น
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากมองหญิงสาวที่ยังคงหลับตาอยู่ในความรัก เขาประทับจูบเบาๆอีกครั้งแล้วพูดขึ้น
“เจ้ารู้รึไม่ดวงใจของพี่ พ่อพรานอยู่บนเรือน เตรียมพิธีผูกข้อมือให้เราแล้ว”เขากระซิบบอกเธอ
หญิงสาวยังคงหลับตานิ่งอยู่ในอ้อมกอดชั่วครู่แล้วลืมตาขึ้นอย่างเร็วเมื่อได้สติสดับคำที่เขาบอก เธอผละออกจากอกเขาแล้วหันมองขึ้นไปบนเรือน รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขที่สุดฉาบไปทั่วใบหน้า เธอลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที
พรานผาและโละพี่ชายหันไปมองตามเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างเร็ว ลอยาเธอหยุดยืนตะลึงอยู่หน้าบันไดเมื่อขึ้นมาถึง บนเรือนดอกไม้สวยสดถูกประดับประดาไว้จนทั่ว พ่อพรานผานั่งอยู่บนเสื่อในชุดสีขาวมีโละพี่ชายนั่งส่งยิ้มกริ่มมาให้เธออยู่ใกล้ๆ ตรงหน้าพ่อพรานมีโต๊ะไม้เล็กๆปูด้วยใบตอง สายสิญจน์วางอยู่บนใบตองนั้น
ไกรศักดิ์เดินตามขึ้นมา ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข
ลอยาเดินเข้าไปก้มลงกราบพ่อพรานผาแล้วเงยหน้ามอง สองดวงตาเอ่อคลอด้วยความปิติ
“เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวให้จงดีนะลอยา” พรานผายิ้มพูดกับเธออย่างมีเมตตา
เธอเลี่ยงไปที่มุมห้องของเธอหยิบเสื้อผ้าของใช้แล้วเดินลงบันไดไป
“ดูดั่งท่านมีความสุขนะผู้พัน” พรานผาพูด
“ครับพี่ผา” ไกรศักดิ์ยิ้มตอบ
ไกรศักดิ์หันไปสบตาแล้วยิ้มให้โละ
“โละปลงใจอนุญาตให้ฉันร่วมเรือนกับลอยารึไม่” เขายิ้มถามพรานโละ
โละชายหนุ่มยังฉีกยิ้มเต็มหน้าอย่างดีใจ
“จ้ะ จ้ะ ฉันปลงใจจ้ะ” เขารีบบอก
“ถ้าเยี่ยงนั้น ผู้พันท่านจงมาสงบอยู่ในสมาธิเบื้องหน้าข้า จนเมื่อผู้สาวขึ้นมาเราจะลงพิธีกัน” พรานผาบอก
ไกรศักดิ์ขยับมานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าพรานผา เขาหลับตาลงสงบจิตให้เข้าสู่สภาวะกรรมฐานเพื่อบอกกล่าวให้เจ้าป่าเจ้าเขาวิญญาณบรรพชนทั้งหลายมาเป็นทิพย์ยาน ในการปลงใจร่วมเรือนของสองผู้บ่าวสาว พรานผาและโละก็ทำเช่นเดียวกัน
ครู่ใหญ่ลอยาขึ้นเรือนมาอย่างเบาฝีเท้า เธอมานั่งลงเงียบๆอยู่ข้างนายทหารหนุ่ม
“เจ้าพร้อมแล้วรึ” พรานผาพูดเมื่อลืมตาขึ้น
ไกรศักดิ์และโละลืมตาขึ้นมองไปที่ลอยา
หญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนเรือนเคียงข้างชายหนุ่มคนรัก เธอสวมซิ่นสีขาวกับผ้าขาวอีกผืนที่คาดอกเฉียงเป็นสไบมีดอกไม้ป่าช่อสวยสีขาวทัดอยู่ข้างหู เส้นผมสีดำขลับประบ่าแล้วปล่อยยาวลงไปถึงบั้นเอวขับให้ผิวกายขาวละเอียดของสาวเจ้ารับกับดวงหน้างาม เธอสวยสมด้วยธรรมชาติดุจดังเทพธิดาแห่งพงไพรจำแลงมา
“เจ้ามีอันใดลังเลสงสัย” พรานผาถามลอยา
“ข้ามิมีอันใดเคลือบแคลงสงสัยจ้ะ” เธอตอบเบาๆ ใบหน้าแดงเรื่อทอดสายมองอยู่ที่พื้นเรือนพยายามทำสีหน้าสงบไม่ให้มีรอยยิ้มเกินควร
“เจ้ามีอันใดลังเลสงสัย” พรานผาหันมาถามผู้บ่าวนายทหารด้วยคำพูดเดียวกัน
“ข้ามิมีอันใดเคลือบแคลงสงสัยจ้ะ” เขาตอบด้วยคำเดียวกับเธอ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะต้องเหลือบตามองผู้สาวสวยสดที่นั่งอยู่เคียงข้าง
พรานผาหลับตาลงอีกครั้ง เขาออกเสียงบอกกล่าวเป็นภาษาที่ดั่งผู้เป็นทิพย์เท่านั้นจึงจะเข้าใจ พูดแล้วหยุด หยุดแล้วพูด ฟังคล้ายกำลังสนทนา พรานผาหยิบผ้าสีน้ำเงินผืนใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัวออกมาคลี่ปูไว้ตรงหน้าแล้วหันไปหยิบภาชนะบรรจุของเหลวสีเหลืองออกมาวาง ถุงผ้าเล็กๆที่มีผงทองอยู่ข้างในถูกเทลงไปในของเหลวสีเหลืองนั้น พรานผานำพู่กันทำจากก้านไผ่ที่ทุบปลายจนแตกเป็นเส้นๆขึ้นมาคนช้าๆให้ผสมเข้ากันแล้วจึงเริ่มบริกรรมคาถาขณะที่มือของเขาจารอักขระหลายตัวลงบนผ้าผืนนั้น
“เจ้าป่าเจ้าเขาอีกทั้งทุกผู้ที่เป็นทิพย์ สดับคำเจ้าทั้งสองแล้ว” พรานผาพูดสายตายังคงอยู่ที่ผ้า
“สิ่งนี้จะนำพาลิขิตของพวกเจ้า” พรานผาบอกกล่าว
“เจ้าทั้งสองจะต้องร่วมกายร่วมชีวิตกันใต้ผ้าผืนนี้ รักษาไว้จงดี วันหนึ่งเจ้าต้องคืนให้ข้า” พรานผาพูดสั่ง
“จงรับไป” พรานผาพูด
ไกรศักดิ์ขยับคลานเข่าเข้าไปรับผ้าผืนนั้น
“เจ้าทั้งสองเข้ามาใกล้ข้า” พรานผากวักมือ
ลอยาขยับจากนั่งพับเพียบแล้วคลานเข้ามาหา พรานผาใช้พู่กันจุ่มลงในของเหลวสีเหลืองทองจรดที่กระหม่อมลากไปจนถึงขวัญแล้วเป่าให้ทีละคน
“ยื่นมือเจ้ามา” พรานผาบอก
ทั้งสองหงายมือยื่นไปตรงหน้า พรานผาบริกรรมคาถาขณะใช้สายสิญจน์ผูกให้ที่ข้อมือลูบฝ่ามือแรงๆสามครั้งแล้วลูบไปที่กระหม่อมซึ่งมีสีเหลืองทองทาอยู่อีกสามครั้งเช่นกันทั้งสองคน
“เจ้าป่าเจ้าเขาทุกผู้ที่เป็นทิพย์รับเจ้าเป็นคู่ผัวเมียแล้ว” พรานผาพูด
“เจ้าจงอยู่บนเรือนจนอาทิตย์ตกจึงจะลงเรือนได้” พรานผาหันไปบอกลอยา
“เจ้าจงไปทางเหนือห่างเรือนห้าสิบวา ปลูกหอขอขมารอไว้ใต้ไม้ใหญ่” พรานผาหันไปบอกไกรศักดิ์
“เจ้าทั้งสองเข้าใจรึ” พรานผาถาม
“จ้ะ” ไกรศักดิ์และลอยาตอบพร้อมกัน
“ขอให้เจ้าป่าเจ้าเขาสถิตอยู่กับเจ้าทั้งสองคนนะ” พรานผากล่าวให้พร
“เจ้าจงลงเรือนไปเร่งหาการกินมาไว้ให้น้องเจ้า แล้วอย่าขึ้นเรือนอีกจนผู้สาวลงเรือนไปเจ้าเข้าใจรึ” พรานผาหันไปสั่งโละที่นั่งยิ้มมองทั้งสามคนอยู่ไปมา
“จ้ะ ข้าเข้าใจจ้ะ” โละรับคำแล้วรีบลงเรือนไป
พรานผาผลัดเปลี่ยนผ้าเป็นชุดเดินป่าเดินลงบันไดเรือนมา โละตามลงมาเมื่อจัดหาอาหารการกินเตรียมไว้ให้น้องสาวเสร็จเรียบร้อย
“อยู่ระวังเรือนจนน้องเจ้าลงมาแล้วตามข้าไปนอนป่าที่ชะโงกโน้น” พรานผาบอกโละแล้วชี้มือไปที่ชะโงกเขาไม่ไกลจากบ้านของเขานัก
“จ้ะ” โละรับคำ พรานผาจึงออกเดินไป
ไกรศักดิ์ออกเดินขึ้นทิศเหนือตามลำธารไป เขาคะเนจากการนับก้าวว่าน่าจะได้ห้าสิบวาหรือร้อยเมตรแล้ว มีไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่ใกล้ลำธาร โคนต้นมีรากใหญ่เหนือพื้นดินเป็นซอกมุมอยู่รอบโคนต้น เขาใช้มีดยาวเดินป่าถากถางพื้นที่ให้ราบโล่งพอประมาณจากนั้นจึงวางผลไม้ป่าที่หอบมาด้วยลงบูชาและขอขมาเพื่อปลูกหอ จากนั้นจึงเดินหาไม้แห้งมากองเตรียมไว้เป็นฟืนแล้วกลับมานั่งเล่นอยู่ที่มุมของโคนรากไม้ที่หมายตาเอาไว้
เวลาเริ่มล่วงเข้าบ่ายคล้อย ตะวันโคจรเชื่องช้าเหลือเกินสำหรับคนที่อยู่บนเรือน ลอยานั่งเล่นนอนเล่นหยิบจับอยู่บนเรือนตั้งแต่เสร็จจากผูกข้อมือ ในใจมีอยู่แต่ผู้บ่าวที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบวาตามที่พ่อพรานผาสั่งความไว้ เธอเดินเข้าเดินออกชานเรือนกับในเรือนแหงนมองเร่งเวลาจากดวงอาทิตย์ ด้วยเพราะหัวใจของสาวได้ลงบันไดเรือนไปพร้อมเขาตั้งแต่ผูกข้อมือเสร็จแล้ว ลอยากลับเข้ามาเอนตัวตะแคงนอนหนุนแขนจนผล๊อยหลับไป
“ลอยา ลอยา” เสียงคนมายืนเรียกที่หน้าบันได