รู้สึกคิดถึงถนนนักเขียนค่ะ เขียนยังไม่จบตอนก็อยากเอามาวางให้อ่านกันก่อน เขียนจบแล้วค่อยอัดเสียงทีหลังนะคะ
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 4
ล. วิลิศมาหรา
ตอนที่4
พรานหนุ่มทั้งคู่เดินกลับมาที่ลำห้วยเส้นเดิม ตั้งใจว่าจะลงอาบน้ำ แล้วค่อยกลับไปที่บ้านของลุงคำมา ก็พอดีเจอกับสายที่กำลังจะตักน้ำจากลำห้วยไปใช้ที่บ้าน พรานถมรีบกุลีกุจอลงไปช่วยหญิงสาวหิ้วถังน้ำขึ้นมาบนตลิ่ง พรานเยี่ยมมองเพื่อนยิ้ม ๆ พอจะเข้าใจถึงท่าทีกุลีกุจออยากจะช่วยเธอของเพื่อน
“ขอบใจจ้ะ พี่สองคนไปที่น้ำตกมาเหรอจ๊ะ” สายบอก ขอบอกขอบใจ คนมีน้ำใจ พลางมองไปทางที่สองหนุ่มเพิ่งเดินมา
“ใช่จ้ะ ที่จริงจากบ้านของสายกับที่น้ำตก มันอยู่ไม่ไกลกันเลย” พรานถมพูดพลางยิ้มพราย นัยน์ตาเป็นประกายล้อเลียน เขามองหน้าเธออย่างรู้ทันว่าสายจะต้องเคยแอบไปดูเขากับคู่หูที่น้ำตกนั่นมาแล้ว หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ เหมือนยอมรับอยู่ในที ถึงสายตารู้ทันของเขา
“นกเค้าแมวตัวนั้นคงไปทำรังอยู่ที่นั่นเหมือนกันสินะ พี่ไม่เห็นมันอีกเลย พวกพี่ก็เลยเดินไปดูที่น้ำตก”
พรานเยี่ยมถามถึงนก เพราะตั้งแต่มาถึงที่บ้านของลุงคำมา เขาก็พยายามมองหามัน แต่ไม่เจอมันอีกเลย
“เห็นลุงคำมาบอกว่า มันเป็นนกของสานี่” เขาพูดเปรยมาอีก
“จ้ะ มันเป็นนกที่พี่สาเลี้ยงไว้ พี่สาชอบไปเล่นน้ำที่น้ำตกกับมัน แกมักจะไปขลุกอยู่ที่นั่นเป็นประจำ พอแกตายไป พ่อเลยเอากระดูกของพี่สาไปฝังไว้ที่ข้างลำธาร เจ้านกตัวนั้นมันเหมือนเป็นตัวแทนของพี่สา เวลาที่พ่อกับฉันเห็นมัน ก็เหมือนได้เห็นพี่สาไปด้วย” หญิงสาวสบตาคนพูด แววตาของเธอดูหมองลง ตอนตอบเขาถึงเรื่องนก
“มิน่าล่ะ” พรานเยี่ยมอุทานออกมา เขานึกไปถึงภาพของหญิงสาวในดงกล้วยข้างลำธาร ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะเป็นมนุษย์แน่แล้ว คงจะเป็นวิญญาณของสายนั่นเอง
“มีอะไรเหรอจ๊ะ” สายมองหน้าพรานเยี่ยมอย่างสงสัยในท่าทีของเขา
“ลุงคำมาฝังกระดูกของสายไว้ที่ในดงกล้วยใช่ไหมล่ะ พี่เคยเห็นผู้หญิงนุ่งกระโจมอกเดินหายเข้าไปในนั้น ยังนึกอยู่ว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนมาอยู่แถวนี้อีก เพราะที่นี่มีแต่บ้านของสายหลังเดียว”
พอได้ยินที่เขาบอก สายก็ชะงักไปนิดหนึ่ง เธอถอนหายใจยาว สีหน้ายิ่งหมองเศร้าลง ก่อนจะเล่าว่า
“วิญญาณของพี่สายังไม่ไหนหรอกจ้ะ แกยังคอยวนเวียนอยู่แถวนี้ เพราะเป็นห่วงฉันกับพ่อ ฉันคิดว่าวิญญาณพี่สาอาจจะสิงอยู่ในนกตัวนั้นด้วยซ้ำไป”
หญิงสาวพูดแล้วก็ส่งยิ้มอ่อนบางให้สองหนุ่ม เธอเล่าให้ฟังเพียงแค่นั้น แล้วทำท่าจะหิ้วถังใส่น้ำกลับไปบ้าน
“พวกพี่จะอาบน้ำกันใช่ไหมจ๊ะ ฉันจะไปตั้งสำรับไว้รอ เดี๋ยวพออาบน้ำเสร็จจะได้กินข้าวเย็นกัน”
พรานถมรีบกระวีกระวาดฉวยถังใส่น้ำบนพื้นมาถือไว้เสียเอง พลางหันมาบอกคู่หู
“ไอ้เยี่ยม เอ็งอาบน้ำคนเดียวไปก่อน ข้าจะช่วยหิ้วถังน้ำไปให้สายเขาก่อน”
พรานเยี่ยมหรี่ตามองหน้าเพื่อน แล้วหัวเราะเบา ๆ เพื่อนของเขาคงหลงเสน่ห์สาวสวยบ้านป่าเข้าเต็มเปา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพื่อนของเขายังโสด และสายเองก็เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวย นึกถึงความเป็นอยู่ที่นี่ของสองพ่อลูก หากลุงคำมาไม่ติดขัดอะไร เขาเองก็อยากยุให้พรานถมลองจีบสายดู และหากเธอตกลงปลงใจด้วย ก็อยากให้พรานถมชวนสองพ่อลูกไปอยู่ที่หมู่บ้านของตน ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งห่างจากหมู่บ้านขุนน้ำรินไปพอสมควร ที่นั่นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงพยักหน้าให้เพื่อนอย่างไม่อยากจะขัดคอ
“เออ...ตามสบายเหอะ หิ้วถังน้ำดี ๆ ล่ะ ตามองที่พื้น ไม่ใช่มัวแต่มองเจ้าของถังน้ำ”
เย้าเพื่อนยิ้ม ๆ เหมือนยุส่ง พรานถมยิ้มแป้น ส่วนสายก็ยิ้มบาง ๆ เหมือนเคย เธอเองไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจพรานถม แต่แม้จะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ หรือไม่ชอบใจพวกตนทั้งสองคน หากพรานเยี่ยมเองกลับรู้สึกคล้ายมีบางอย่างซ่อนอยู่ในท่าทีแบบนั้นของเธอ เหมือนมีฉากกั้นบาง ๆ มาคั่นกลางระหว่างมิตรภาพระหว่างพวกเขากับเธอ แต่อาจเพราะเธอเป็นผู้หญิงก็ได้ จึงต้องสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน
เขามองตามหลังสองชายหญิงที่หิ้วถังน้ำเดินจากไป แล้วค่อยถอดเสื้อกับกางเกงออก นุ่งผ้าขะม้าที่เคยคาดเอว ลุยลงไปกลางลำธารเพื่ออาบน้ำชำระล้างเนื้อตัว น้ำเย็น ๆ ลึกแค่สะเอว ทำให้สดชื่นขึ้น แม้จะรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ไม่วายเหลียวมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง ถึงลุงคำมาจะบอกว่าแถวนี้เป็นถิ่นของแก จะไม่มีอะไรมาทำอันตรายพวกตนได้ แต่สภาพอันน่าสยดสยองของพวกที่ถูกควายขวิดตาย ก็ยังติดค้างอยู่ในความรู้สึก ป่านนี้ไม่รู้ว่าซากของเจ้าพวกที่ถูกควายอาคมทำร้าย จะเป็นยังไงต่อไป พวกที่มาชิงเอาของ จะจัดการกับซากศพไปเรียบร้อยหรือยัง
ขณะกำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งผ่านมา จมูกของเขาก็ได้กลิ่นของดอกไม้ป่าชนิดเดิมอีก เขาสูดดมกลิ่นของมัน พลางมองหาไปรอบตัว พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นดอกกล้วยไม้สีม่วงอ่อนดอกหนึ่ง ลอยเอื่อยมาตามกระแสน้ำ ห่างไปไม่ถึงวา เขาเอื้อมมือไปช้อนเอาดอกไม้นั้นขึ้นมาจากน้ำ กลิ่นหอมของมันกรุ่นตลบอยู่ตรงหน้า หอมชื่นใจจนต้องยกขึ้นสูดดมใกล้จมูก
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกก็พร่าเลือนลง คล้ายกึ่งตื่นกึ่งฝัน ภาพเบื้องหน้าสั่นพร่า ก่อนที่กลางสายน้ำตรงที่เขาเพิ่งช้อนเอาดอกไม้ขึ้นมา ปรากฏเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ค่อย ๆ โผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ เธอนุ่งกระโจมอกด้วยผ้าซิ่นสีดำ ผมยาวดำขลับเปียกน้ำลู่แนบติดหนังศีรษะ มือขาวเรียวทั้งสองข้างลูบเสยเส้นผมเปียกน้ำไปด้านหลัง เผยใบหน้านวลกระจ่าง พร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ ดวงตาคมสุกใสเป็นประกายจ้องมองมาที่เขาแน่วนิ่ง พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานแต้มบนริมฝีปากอิ่ม บ่งบอกถึงความเป็นมิตร
“สา” พรานเยี่ยมครางเรียกชื่อเธอออกมาอย่างเผลอไผล ไม่รู้ทำไมเขาจึงแน่ใจว่าเป็นสา อย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ
เขียนเองฟินเอง อิอิ ไปเขียนต่อฉากสวีทให้จบละ ค้างไว้สองวันแล้วววว มัวแต่นอนเอาขาก้ายง้อนค่ะ (แปลว่านอนเอาข้อเท้าข้างหนึ่งยกพาดหัวเข่าที่ตั้งขึ้น แล้วกระดิกเท้าอย่างสบายอารมณ์....นอนท่าคนขี้เกียจตัวเป็นหนอนอะไรแบบเนี้ยยยยย)
สัญญาว่าจะรีบเขียนให้จบค่ะ^^
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 4
พรานหนุ่มทั้งคู่เดินกลับมาที่ลำห้วยเส้นเดิม ตั้งใจว่าจะลงอาบน้ำ แล้วค่อยกลับไปที่บ้านของลุงคำมา ก็พอดีเจอกับสายที่กำลังจะตักน้ำจากลำห้วยไปใช้ที่บ้าน พรานถมรีบกุลีกุจอลงไปช่วยหญิงสาวหิ้วถังน้ำขึ้นมาบนตลิ่ง พรานเยี่ยมมองเพื่อนยิ้ม ๆ พอจะเข้าใจถึงท่าทีกุลีกุจออยากจะช่วยเธอของเพื่อน
“ขอบใจจ้ะ พี่สองคนไปที่น้ำตกมาเหรอจ๊ะ” สายบอก ขอบอกขอบใจ คนมีน้ำใจ พลางมองไปทางที่สองหนุ่มเพิ่งเดินมา
“ใช่จ้ะ ที่จริงจากบ้านของสายกับที่น้ำตก มันอยู่ไม่ไกลกันเลย” พรานถมพูดพลางยิ้มพราย นัยน์ตาเป็นประกายล้อเลียน เขามองหน้าเธออย่างรู้ทันว่าสายจะต้องเคยแอบไปดูเขากับคู่หูที่น้ำตกนั่นมาแล้ว หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ เหมือนยอมรับอยู่ในที ถึงสายตารู้ทันของเขา
“นกเค้าแมวตัวนั้นคงไปทำรังอยู่ที่นั่นเหมือนกันสินะ พี่ไม่เห็นมันอีกเลย พวกพี่ก็เลยเดินไปดูที่น้ำตก”
พรานเยี่ยมถามถึงนก เพราะตั้งแต่มาถึงที่บ้านของลุงคำมา เขาก็พยายามมองหามัน แต่ไม่เจอมันอีกเลย
“เห็นลุงคำมาบอกว่า มันเป็นนกของสานี่” เขาพูดเปรยมาอีก
“จ้ะ มันเป็นนกที่พี่สาเลี้ยงไว้ พี่สาชอบไปเล่นน้ำที่น้ำตกกับมัน แกมักจะไปขลุกอยู่ที่นั่นเป็นประจำ พอแกตายไป พ่อเลยเอากระดูกของพี่สาไปฝังไว้ที่ข้างลำธาร เจ้านกตัวนั้นมันเหมือนเป็นตัวแทนของพี่สา เวลาที่พ่อกับฉันเห็นมัน ก็เหมือนได้เห็นพี่สาไปด้วย” หญิงสาวสบตาคนพูด แววตาของเธอดูหมองลง ตอนตอบเขาถึงเรื่องนก
“มิน่าล่ะ” พรานเยี่ยมอุทานออกมา เขานึกไปถึงภาพของหญิงสาวในดงกล้วยข้างลำธาร ผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะเป็นมนุษย์แน่แล้ว คงจะเป็นวิญญาณของสายนั่นเอง
“มีอะไรเหรอจ๊ะ” สายมองหน้าพรานเยี่ยมอย่างสงสัยในท่าทีของเขา
“ลุงคำมาฝังกระดูกของสายไว้ที่ในดงกล้วยใช่ไหมล่ะ พี่เคยเห็นผู้หญิงนุ่งกระโจมอกเดินหายเข้าไปในนั้น ยังนึกอยู่ว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนมาอยู่แถวนี้อีก เพราะที่นี่มีแต่บ้านของสายหลังเดียว”
พอได้ยินที่เขาบอก สายก็ชะงักไปนิดหนึ่ง เธอถอนหายใจยาว สีหน้ายิ่งหมองเศร้าลง ก่อนจะเล่าว่า
“วิญญาณของพี่สายังไม่ไหนหรอกจ้ะ แกยังคอยวนเวียนอยู่แถวนี้ เพราะเป็นห่วงฉันกับพ่อ ฉันคิดว่าวิญญาณพี่สาอาจจะสิงอยู่ในนกตัวนั้นด้วยซ้ำไป”
หญิงสาวพูดแล้วก็ส่งยิ้มอ่อนบางให้สองหนุ่ม เธอเล่าให้ฟังเพียงแค่นั้น แล้วทำท่าจะหิ้วถังใส่น้ำกลับไปบ้าน
“พวกพี่จะอาบน้ำกันใช่ไหมจ๊ะ ฉันจะไปตั้งสำรับไว้รอ เดี๋ยวพออาบน้ำเสร็จจะได้กินข้าวเย็นกัน”
พรานถมรีบกระวีกระวาดฉวยถังใส่น้ำบนพื้นมาถือไว้เสียเอง พลางหันมาบอกคู่หู
“ไอ้เยี่ยม เอ็งอาบน้ำคนเดียวไปก่อน ข้าจะช่วยหิ้วถังน้ำไปให้สายเขาก่อน”
พรานเยี่ยมหรี่ตามองหน้าเพื่อน แล้วหัวเราะเบา ๆ เพื่อนของเขาคงหลงเสน่ห์สาวสวยบ้านป่าเข้าเต็มเปา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพื่อนของเขายังโสด และสายเองก็เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวย นึกถึงความเป็นอยู่ที่นี่ของสองพ่อลูก หากลุงคำมาไม่ติดขัดอะไร เขาเองก็อยากยุให้พรานถมลองจีบสายดู และหากเธอตกลงปลงใจด้วย ก็อยากให้พรานถมชวนสองพ่อลูกไปอยู่ที่หมู่บ้านของตน ซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งห่างจากหมู่บ้านขุนน้ำรินไปพอสมควร ที่นั่นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงพยักหน้าให้เพื่อนอย่างไม่อยากจะขัดคอ
“เออ...ตามสบายเหอะ หิ้วถังน้ำดี ๆ ล่ะ ตามองที่พื้น ไม่ใช่มัวแต่มองเจ้าของถังน้ำ”
เย้าเพื่อนยิ้ม ๆ เหมือนยุส่ง พรานถมยิ้มแป้น ส่วนสายก็ยิ้มบาง ๆ เหมือนเคย เธอเองไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจพรานถม แต่แม้จะไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ หรือไม่ชอบใจพวกตนทั้งสองคน หากพรานเยี่ยมเองกลับรู้สึกคล้ายมีบางอย่างซ่อนอยู่ในท่าทีแบบนั้นของเธอ เหมือนมีฉากกั้นบาง ๆ มาคั่นกลางระหว่างมิตรภาพระหว่างพวกเขากับเธอ แต่อาจเพราะเธอเป็นผู้หญิงก็ได้ จึงต้องสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน
เขามองตามหลังสองชายหญิงที่หิ้วถังน้ำเดินจากไป แล้วค่อยถอดเสื้อกับกางเกงออก นุ่งผ้าขะม้าที่เคยคาดเอว ลุยลงไปกลางลำธารเพื่ออาบน้ำชำระล้างเนื้อตัว น้ำเย็น ๆ ลึกแค่สะเอว ทำให้สดชื่นขึ้น แม้จะรู้สึกผ่อนคลายลง แต่ไม่วายเหลียวมองไปรอบตัวอย่างระแวดระวัง ถึงลุงคำมาจะบอกว่าแถวนี้เป็นถิ่นของแก จะไม่มีอะไรมาทำอันตรายพวกตนได้ แต่สภาพอันน่าสยดสยองของพวกที่ถูกควายขวิดตาย ก็ยังติดค้างอยู่ในความรู้สึก ป่านนี้ไม่รู้ว่าซากของเจ้าพวกที่ถูกควายอาคมทำร้าย จะเป็นยังไงต่อไป พวกที่มาชิงเอาของ จะจัดการกับซากศพไปเรียบร้อยหรือยัง
ขณะกำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงเหตุการณ์อันเลวร้ายที่เพิ่งผ่านมา จมูกของเขาก็ได้กลิ่นของดอกไม้ป่าชนิดเดิมอีก เขาสูดดมกลิ่นของมัน พลางมองหาไปรอบตัว พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นดอกกล้วยไม้สีม่วงอ่อนดอกหนึ่ง ลอยเอื่อยมาตามกระแสน้ำ ห่างไปไม่ถึงวา เขาเอื้อมมือไปช้อนเอาดอกไม้นั้นขึ้นมาจากน้ำ กลิ่นหอมของมันกรุ่นตลบอยู่ตรงหน้า หอมชื่นใจจนต้องยกขึ้นสูดดมใกล้จมูก
ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกก็พร่าเลือนลง คล้ายกึ่งตื่นกึ่งฝัน ภาพเบื้องหน้าสั่นพร่า ก่อนที่กลางสายน้ำตรงที่เขาเพิ่งช้อนเอาดอกไม้ขึ้นมา ปรากฏเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ค่อย ๆ โผล่ศีรษะขึ้นมาจากน้ำ เธอนุ่งกระโจมอกด้วยผ้าซิ่นสีดำ ผมยาวดำขลับเปียกน้ำลู่แนบติดหนังศีรษะ มือขาวเรียวทั้งสองข้างลูบเสยเส้นผมเปียกน้ำไปด้านหลัง เผยใบหน้านวลกระจ่าง พร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ ดวงตาคมสุกใสเป็นประกายจ้องมองมาที่เขาแน่วนิ่ง พร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานแต้มบนริมฝีปากอิ่ม บ่งบอกถึงความเป็นมิตร
“สา” พรานเยี่ยมครางเรียกชื่อเธอออกมาอย่างเผลอไผล ไม่รู้ทำไมเขาจึงแน่ใจว่าเป็นสา อย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ
เขียนเองฟินเอง อิอิ ไปเขียนต่อฉากสวีทให้จบละ ค้างไว้สองวันแล้วววว มัวแต่นอนเอาขาก้ายง้อนค่ะ (แปลว่านอนเอาข้อเท้าข้างหนึ่งยกพาดหัวเข่าที่ตั้งขึ้น แล้วกระดิกเท้าอย่างสบายอารมณ์....นอนท่าคนขี้เกียจตัวเป็นหนอนอะไรแบบเนี้ยยยยย)
สัญญาว่าจะรีบเขียนให้จบค่ะ^^