คำผกา ตอนที่ 2.

กระทู้สนทนา

คำเตือน  นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์  ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่ในช่องทางใด ๆ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้เขียน


ตอนที่2. ปืนเอกซ์คาลิเบอร์

       บริเวณชานเรือนของพรานเจิด  เจ้าบ้านซึ่งสุขภาพร่างกายในปัจจุบัน    ไม่อนุญาตให้แบกปืนเข้าป่าหาเลี้ยงชีพและครอบครัวได้สะดวกนัก  ดังนั้น สามปีก่อนหน้านี้ ประกาศิตจากหมออำนาจจึงทิ้งโครมให้พรานเจิดต้องรับและปฏิบัติตามด้วยข้อความสั้น ๆ  ห้าม...เข้าป่าอีกเป็นอันขาด   

        ด้วยสภาวะร่างกายที่ไขข้อทุกจุดเสื่อมขาดน้ำหล่อลื่น  และอาการถุงลมโป่งพองอันเกิดจากการอัดยาเส้นวันหนึ่งหลายต่อหลายมวน   ไหนจะอีกหลายต่อหลายโรคยิบย่อยซึ่งหากกำเริบขึ้นระหว่างอยู่กลางป่าและอาจคร่าชีวิตพรานเจิดได้ในทันทีหากไม่มีใครช่วยเหลือ   ฉะนั้นแล้ว  หากยังอยากอยู่บนโลกดูหน้าเมียและเลี้ยงดูลูกสาวบุญธรรม  แล้วค่อยจากไปอย่างสงบ   จงอยู่แต่บ้าน  งานแบกหามหนัก ๆ เว้นได้ควรเว้น  พืชผักสวนครัวและสมุนไพรหากปลูกเอาไว้ข้างบ้านหมั่นรดน้ำพรวนดินดูแลเข้า  มันได้ประโยชน์หลายทาง   ที่แน่ ๆ คือใช้ประทังชีวิตได้  และอีกอย่าง  การพรวนดินดูแลแปลงผักก็นับว่าเป็นงานที่ต้องใช้แรงในระดับหนึ่ง   ได้ออกแรงให้เหงื่อซึมพรานเจิดจะไม่เกิดความเบื่อหน่าย  เรียกว่าธรรมชาติบำบัดกลาย ๆ นั่นเอง

       “ไหน  มาให้ลุงหมอดูแผลหน่อยสิเจ้าอิน”

      ได้ยินแบบนั้นเล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยง  เบตาดีนนั้นไม่เท่าไร   แต่ทิงเจอร์ไอโอดีนนี่ล่ะตัวปัญหาที่ทำให้ขยาดขั้นสุด   น้ำยาล้างแผลสดกลิ่นฉุนเล็กน้อยแต่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อจนฟองฟอด  ใครเคยโดนจะรู้ว่าแสบไม่น้อยทีเดียว  ด้วยเหตุนั้น  สองถึงสามครั้งที่หมออำนาจเรียกให้ไอ้อินเข้าไปหา  มันจึงยืนนิ่งไม่ต่างกับคนง่อยเปลี้ยเสียขาเดินไม่ได้เสียอย่างนั้น  กระทั่งคำผกาจัดการหิ้วคอเสื้อกึ่งยกยกลากนั่นล่ะ  ไอ้อินจึงอยู่ในสภาพจำยอม

      “โอ๊ย! ซี้ด...เบาได้เบาจ้ะลุงหมอ!!”

      “อะไรของเอ็ง  ลุงยังไม่ทันได้ลงยาอะไรเลย  นี่แค่น้ำเกลือล้างเชื้อโรคเท่านั้น  ร้องหยั่งก๊ะไตหลุด”

        อาการซึ่งแสดงอออกเกินกว่าความเป็นจริงของไอ้อิน  และคำตำหนิซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูของหมออำนาจ   ทำเอาทุกคนซึ่งอยู่ตรงนั้นหัวเราะร่วน  หลังเสร็จภารกิจจากไอ้อินแล้ว  คำผการู้ดีว่าคราวนี้คงเป็นทีของตน  จังหวะที่เด็กสาวตั้งใจจะเลี่ยงหลบไปเสียอีกทางนั้น  หมออำนาจผู้ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมอีกคนก็ชิงคว้าข้อมือคอดรับกับท่อนแขนขาวเนียนได้รูปเอาไว้เสียก่อน   มันเป็นข้อมือข้างขวา  เพียงการกระตุกเบา ๆ เด็กสาวพลันครางซี้ดหน้าเบ้เหยเกราวกับเจ็บปวดอย่างถึงขนาด

       “นั่นประไรพ่อนึกแล้ว  เอ็นไหล่พลิก  นี่คงแอบเอาปืนไปยิงเล่นอีกแล้วสิท่า?”

        “มะ...ได้ยิงเล่นนะคะคุณพ่อ”  คำผกาแย้ง ศัพท์แสงที่ใช้สนทนาล้วนกลั่นกรองมาจากความจำที่หมออำนาจและภรรยาสอนสั่งทั้งสิ้น   “ยิงจริง ๆ ล้มกระทิงโทนได้ในเปรี้ยงเดียว  ได้เงินมาไม่น้อยทีเดียว  ไม่เชื่อถามเจ้า...อิน...มันดู...”   

        เสร็จกัน! เด็กสาวครวญ  ความลับทั้งหลายแหล่ที่ตนอุตส่าห์ขู่เข็ญไอ้อินให้ปกปิดไว้  กลับถูกแพร่งพรายจากปากตัวเองเสียนี่   คำผกาเด็กสาววัยสิบหกปีเศษก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาพรานเจิดซึ่งยามนี้โกรธจนหูแดงเรื่อ

        “เอ็งนี่มันสอนไม่เคยจดเคยจำ!  เป็นผู้หญิงยิงเรือจะเข้าป่าอย่างชายร่างกายกำยำได้ยังไง?  แบบนี้โตไปใครเขาจะเอาทำเมีย!?”

       “ก็ที่ฉันเกิดมาเป็นคนแบบนี้ได้เพราะแม่ละไมเป็นพรานแล้วมัดใจพ่อต่วนได้ไม่ใช่รึจ๊ะพ่อ?”    ข้อโต้แย้งนั้นเล่นเอาพรานเจิดอ้าปากพะงาบไปไม่เป็น   นางลำดวน  หมออำนาจหัวเราะร่วนอดชื่นชมและเอ็นดูในความฉลาดของเด็กสาวในอุปการะของตนไม่ได้

       “เอาเถอะ ๆ ไหนลองเล่าให้พ่อฟังหน่อย  เรื่องกระทิงตัวนั้นน่ะ  ไปล่ามันยังไง  ยิงยังไงแล้วเอาไปขายที่ไหน  ถ้าใหญ่จริงลำพังเราสองคนคงแบกไม่ไหวหรอกใช่ไหม?  ใครล่ะที่ไปช่วย?”   

       หมออำนาจถามด้วยความอยากรู้จากก้นบึ้ง  ตัวพรานเจิดเองก็นิ่งฟังอย่างลืมตัว  ลึก ๆ แล้วเขาก็ภูมิใจในลูกสาวบุญธรรมคนนี้อยู่ไม่น้อย  ในหมู่เด็กทั้งหญิงชายในวัยเดียวกัน  คำผกาอยู่บนจุดสูงสุดของทำเนียบการจัดอันดับ  ทั้งฝีมือการต่อสู้เมื่อเกิดอันตรายจากชายใจทราม  ทั้งฝีมือการแกะรอยป่า  ทั้งฝีมือการยิงปืนซึ่งเรียกได้ว่าลั่นเปรี้ยงเป็นล้ม  และที่สำคัญ  ความงามของรูปลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหน้าและทรวดทรงที่ไม่เป็นสองรองใคร  ข้อหลังนี้  พรานเจิดถือวิสาสะแต่งตั้งให้เอง

        ได้ยินเช่นนั้น  สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไปเป็นสดใสราวกับสิ่งที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยออกมานั้น    เป็นความสุขที่สุดของชีวิตนับแต่จำความได้   เธอเล่าว่า  เมื่อวานซืนขณะเดินอยู่ในตลาด    หลังลงไปเมืองล่างเพื่อซื้อหาของกินของใช้ที่จำเป็นแทนพรานเจิดที่นั่งพาหนะใด ๆ ก็ตามครั้งละนาน ๆ เริ่มไม่ไหว  เธอได้ยินพ่อค้าซึ่งเปิดร้านขายอาหารป่า   และยังเป็นพ่อค้าคนกลางขายอวัยวะสำคัญของสัตว์ตามความเชื่อของเหล่าคนจีนว่า   ส่วนนั้นดีกินแล้วมีกำลังวังชา  ส่วนนั้นยอดกินแล้วอายุยืน   

       พ่อค้าคนนั้นบ่นอุบว่าเวลานี้ดีกระทิง  ตับ และเนื้อหายากเสียยิ่งกว่าทอง  ไม่มีพรานคนไหนจะบากบั่นฟันป่าเข้าไปล่าหรือนั่งซากมาขายให้เลย   ทั้งที่เสนอราคาให้สูงกว่าทุกครั้งเป็นเท่าตัวแท้ ๆ  ทว่าที่มีมาก็เป็นเก้ง  กวาง  กระจงหรือสัตว์ที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ในใบสั่งทั้งนั้น   

      ตนเองซื้อมาก็ต้องแปรรูปซึ่งบางครั้งก็ได้กำไร  บางคราก็ขาดทุน  จะไม่รับซื้อหรือก็เห็นใจบรรดาพรานทั้งหลายที่อุตส่าห์ไปล่ามา   รักษาความสัมพันธ์เอาไว้เผื่อครั้งหน้าเขาจะหาของดี ๆ มาให้   นั่นเอง  คำผกาและไอ้อินเหลียวมองหน้ากันและยิ้มอย่างรู้ใจ   กระทิงใหญ่ยามนี้ไปหลบลี้เร้นกายอยู่ป่าใดทั้งคู่รู้ดี   ด้วยเหตุนั้นเอง

       “แปะ  ให้ราคาเท่าไหร่รึไอ้ที่ว่าสูงกว่าเดิมน่ะ?”  คำผกาถามเสียงใส   แปะจง  พ่อค้าคนดังกล่าวเหลือบมองเด็กสาวแวบหนึ่งก่อนเบนหน้าไปทางอื่นแสร้งทำเป็นไม่สนใจไปเสีย  อย่างว่าล่ะ  หากเป็นพรานหนุ่มพรานแก่กร้านโลกเจนป่ามาถาม  แปะจงก็พร้อมจะให้ข้อมูล  แต่นี้ผู้ตั้งกระทู้ด้วยอาการกระตือรือร้นนั้นเป็นเพียงเด็กสาวแรกรุ่น  รู้ไปจะมีประโยชน์อันใดกันเล่า  เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ 

       “ตกลงยังไงแปะ?  ราคาที่ว่าเพิ่มให้อีกน่ะ  มันเท่าไหร่?”  คำผกาถามย้ำอีกครั้งพร้อมเสียงที่ค่อนไปทางแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย

       “ฮ่าย...ลื่อจะถามไปทามมาย...จาไปล่าไปยิงมาให้รื้อ?   ล่วนซัว ๆ ไป ๆ จาไปไหนก็ปาย...”

       “อ้าวแปะ! มาล่วน ๆ ส่วน ๆ อะไรไม่รู้เรื่อง  พี่ผกาเขาถามแปะก็บอกเขาไปซี  เขาจะได้ไปหามาให้”  คราวนี้ เป็นทีของไอ้อินที่ต้องออกหน้าปกป้องพี่สาวต่างสายเลือด

       “หามาให้?  อั้ยหยา...อาตี๋เอ้ย...ลื่อพูดยังกับว่าอาเจ้ของลื่อเป็นพรานอย่างนั้นล่ะ  ซี๊ซั๊วจริง ๆ ไปเล่นที่อื่นไป๊!”  

       เป็นอีกครั้งที่แปะจะสะบัดมือไล่พร้อมคำพูดคำจาดูถูกอย่างชัดเจน   กระทั่งต้องยอมฟังเมื่อมีหนึ่งในพรานบ้านมะค่าแดงได้ยินเข้าแล้วค้านว่า  เด็กสาวที่แปะจงดูถูกอยู่นี่ล่ะ  ฝีมือนับได้ว่าเป็นพรานคนหนึ่งทีเดียว  หากแต่เธอต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้เป็นความลับ  แม้มันจะไม่เคยลับอยู่ได้นานเกินสองสามวันก็ตาม  ด้วยว่าพ่อบุญธรรมของเธอไม่ใคร่ให้เด็กสาวออกไปพบเจออันตรายจากป่า  

       ได้ยินเข้าแบบนั้นแปะจงมีอันหัวคิ้วผูกกันด้วยความฉงนสนเท่ห์  จะไม่เชื่อหรือคนพูดก็เป็นพรานที่รู้จักมักจี่กันในระดับหนึ่ง  แต่ครั้นจะเชื่อเลยก็ทำใจไม่ลง  ด้วยว่ามองอย่างไรผู้ท้าทายสอบถามก็เป็นเพียงเด็กสาวรูปงามนางหนึ่งเท่านั้น

       “เชื่อเถอะน่าแปะ  ฉันเห็นฝีมือคำผกามันมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองหน   หนึ่งเสือ  อีกหนึ่งเป็นหมี  นี่...ได้ยินแล้วเหยียบเอาไว้เลยนะ”  ท้ายประโยคพรานคนนั้นยกมือป้องปากกระซิบ  “เครื่องในสัตว์ เนื้อหนังหรือแม้แต่หัวที่ตายแบบไร้รอยขีดข่วนเพราะถูกยิงตัดกระดูกต้นคอที่พรานบางคนเอามาขายในราคาสูงให้แปะ  ก็ฝีมือมันนี่แหละ”

       สีหน้าแปะจงยิ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายากจะเชื่อลง  มองหน้าไอ้อิน  คำผกาและพรานที่ช่วยขยายความเก่งกาจของเด็กสาวสลับกันไปมาครู่ใหญ่   ครั้นแล้วจึงถอนใจ  เปรยแบบแบ่งรับแบ่งสู้  แต่ฟังดูแล้วเป็นการท้าทายกราย ๆ 

       “เอาอย่างนี้นา...พรุ่งนี้ก่อนสี่โมงเย็นถ้าลื่อเอากระทิงทั้งตัวมาให้อั๊วได้  อั๊วจาให้ค่าซากสองพัน  แล้วก็จะแถมให้อีกห้าร้อย  เป็นค่าความกล้าและเก่ง  ตกลงไหมอาหมวย?”

        “ตกลง”  คำผกาตอบฉะฉานและเต็มไปด้วยความมั่นใจ  

        ครั้นแล้วจึงจูงมือไอ้อินไปหาจ่าผ่าว  อดีตทหารที่ผันตัวมาค้าอาวุธและทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง  น้อยคนนักจะรู้ว่าจ่าผ่าวและเด็กสาวคำผกาคุ้นเคยกันดี   เพียงเห็นหน้าก็ยิ้มร่าเอามือเท้าคางถามสั้น ๆ 

       “วันนี้เอาอะไร?”

      “ลูกโดดห้า  ลูกเก้าห้าจ้ะลุงจ่า”  คำผกาตอบพร้อมควักเอาเงินออกจากกระเป๋า  จ่าผ่าวถอนใจพร้อมยิ้ม  หันไปเปิดกล่องกระสุนปืนลูกซองยี่ห้อไทยอาร์ม  หยิบกระสุนขนาดที่คำผกาสั่งเกินมาอย่างละปลอก  

      “ล้มอะไรล่ะคราวนี้?”  จ่าผ่าวถาม

      “กระทิงจ้ะ”  คำผกาตอบสั้น ๆ เล่นเอาเจ้าของร้านเลิกคิ้วสูงเอ่ยเสียงเครือด้วยความชื่นชม
 
      “บ๊ะ ๆ ยิ่งนานยิ่งโหดนะเอ็งนี่  เฮ่อ...เป็นสาวเป็นแส้ ดั๊น...แก่แดดแก่ลมบากบั่นเข้าป่าหยั่งกะผู้ชาย  เอ็งก็ไม่รู้จักห้ามพี่สาวเลยนะเจ้าอิน  ระวังเถ๊อะ  พี่สาวเอ็งจะกลายเป็นสาวเคิ้นเพราะผู้ชายกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้”

       “มันจำเป็นน่ะลุงจ่า”  ทั้งคู่ตอบพร้อมกันก่อนจะพากันจากไป  

        คำผกาวางเงินเอาไว้ตามจำนวนกระสุนที่สั่งโดยไม่ไยดีอีกสองปลอกที่จ่าผ่าวแถมให้  ทีไหนทีนั้น  เด็กสาวเลือกเอาความซื่อสัตย์  หยิบฉวยเฉพาะสิ่งที่ต้องการและเป็นไปด้วยความสุจริตใจไม่เคยคดโกงหรือเอาเปรียบ

       ครั้นแล้ว ชั้นต่อไปคือตกลงกับใครสักคนในการว่าจ้างเพื่อเป็นลูกหาบ  หามเอากระทิงทั้งตัวจากป่าสู่เมืองล่างเพื่อขายให้แปะจงทั้งตัว  ก็จะเป็นใครเสียอีกเล่า  พรานผู้ออกปากปกป้องเกียรติยศพรานสาวของตนนั่นเอง   

        “ตกลงน้าจะช่วยฉันได้ไหมจ๊ะ?  เจ็ดสิบสามสิบจากเงินทั้งหมดที่จะได้  ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนา...”  พรานผู้นั้นนิ่งไปครู่มุมปากยกยิ้ม  พยักหน้าโดยไม่พูดใด ๆ ออกมา  ทว่าแสดงให้รู้ข้อตกลงนั้นเขารับไว้ไม่ต้องกังวล  
(มีต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่