ลิขิตแห่งจันทร์ by พลอยลภัสร์ (โรแมนติด-แฟนตาซี) บทที่ 13

กระทู้สนทนา
ลิขิตแห่งจันทร์
(โรมานแมนติค-แฟนตาซี)

พลอยลภัสร์ : เขียน
Fanpage : www.facebook.com/ploylapas







<<< ตอนก่อนหน้า : http://ppantip.com/topic/33043116



บทที่ 13 (1/2)



เมื่อได้ข้อสรุปแล้วว่าเจ้าของปราสาทจะเป็นคนเฝ้าไข้หญิงสาวปริศนาบนเตียงนอนด้วยตนเอง ทุกคนก็ทยอยกันเดินออกมาจากห้อง ทว่าก่อนที่ทุกคนจะเดินออกมา นายทหารคนสนิทก็ทำใจกล้า ถามคำถามที่อยากรู้ทันที “ท่านไปเจอแม่นางได้อย่างไร แล้วท่านหายไปไหนมา”

อินทุเงียบไปอึดใจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตอบคำถามของสุมะออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เราหลงป่า เราเจอนางในป่า”

“แต่...แม่นางตายไปแล้ว” สาวใช้นามว่า ‘บุหรง’ ที่ถูกตามตัวมาตอนดึกเพื่อให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกให้กับหญิงสาวบนเตียงเอ่ยออกมาอย่างสงสัยเป็นประโยคแรก

ครั้งแรกที่บุหรงได้เห็นหญิงสาวบนเตียง...เธอตกใจแทบเสียสติ ถ้าไม่ได้ยินคำสั่งห้วนๆ ของอุทุราชาให้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวบนเตียง เธอคงจะยืนแข็งเป็นหินทำอะไรไม่ถูกอีกนาน

“นางกลับมาด้วยปาฏิหาริย์...ปาฏิหาริย์ของเทพแห่งจันทรา” เจ้าของห้องเอ่ยตัดบทเบาๆ แล้วก็หันหลังกลับไปนั่งบนเตียงนอนกว้างโดยละความสนใจแขกที่ทยอยกันเดินออกไปจากห้องจนหมดพร้อมกับงับบานประตูปิดให้อย่างเรียบร้อย

เมื่อนายทหารคนสนิทของอุทุราชาเดินลงบันไดมายังชั้นล่างของปราสาท ก็เจอกับ ‘สุมา’ น้องสาวฝาแฝดกำลังยืนแอบดักรอ เพื่อจะถามข่าวคราวเกี่ยวกับอุทุราชาอยู่บริเวณห้องโถงใหญ่ของปราสาท หลังจากที่เธอได้รับรายงานจากสาวใช้คนหนึ่งว่าอุทุราชากลับมาแล้ว และพาผู้หญิงที่ไหนกลับมาด้วยก็ไม่รู้

“พี่สุมะ ท่านอินทุพาใครกลับมาด้วย...ผู้หญิงหรือผู้ชาย” สุมารีบเดินเข้าไปประชิดตัวพี่ชายฝาแฝดทันทีที่พี่ชายปรากฏตัว

“ผู้หญิง” สุมะหันมาตอบน้องสาวด้วยสีหน้าเอือมระอา เพราะเขารู้ดีว่าน้องสาวฝาแฝดของเขานั้น คิดอะไรกับอุทุราชาของพวกตน

“นางเป็นใคร มาจากไหน แล้วมากับท่านอินทุได้อย่างไร”

“นางคือ...แม่นางจันทรพิมพ์”

“มะ...แม่นาง...จันทรพิมพ์! ไม่จริง...แม่นางตายไปแล้ว” สุมาเอ่ยค้านคำพูดของพี่ชายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

ทว่าพี่ชายกลับเอ่ยย้ำชัดถ้อยชัดคำ เพื่อให้น้องสาวฝาแฝดได้สำนึกและรับรู้ความเป็นจริง “สุมา...มันเป็นความจริง ถ้าเจ้าไม่เชื่อ พรุ่งนี้ก็เข้าไปดูเอาเอง”

“ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้” สุมาเตรียมจะผละเดินหนีพี่ชายฝาแฝดเพื่อจะเดินไปยังห้องนอนใหญ่ของปราสาท แต่ก็ถูกพี่ชายฉุดรั้งดึงแขนเอาไว้เสียก่อน

“อย่าเลย...คืนนี้ท่านอินทุเป็นคนเฝ้าแม่นางด้วยตัวเอง” ซึ่งประโยคห้ามปรามที่เอ่ยอ้างถึงอินทุของสุมะนั้น ใช้ได้ผลในทันที สุมายอมหันหลังเดินกลับไปยังห้องนอนของตนโดยปราศจากคำพูดใดๆ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่สั่นระริกด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า

//////////////////////////////////

อินทุเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของตนหลังจากที่ออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของปราสาทและเรียกตัวสุมะกับสุมาเข้ามาคุยซักถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่เขาไม่อยู่จนเวลาบ่ายคล้อย ทว่าพอกลับเข้ามาก็ยังเห็นว่าหญิงสาวบนเตียงยังคงนอนขดตัวเป็นแมวน้อยอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ที่มีผ้าห่มขนสัตว์ห่อคลุมร่างกายของเธอไว้อย่างมิดชิด โดยมีสาวใช้นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง “นางยังไม่ฟื้นอีกรึ”

“ตะ...ตื่นมาดื่มน้ำแล้วรอบหนึ่ง แล้วก็หลับไปอีก” บุหรงสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าของห้อง เพราะเธอมัวแต่นั่งมองใบหน้าของหญิงสาวบนเตียงอย่างสงสัยใคร่รู้ ว่ากลับมานอนมีลมหายใจอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ทั้งที่เสียชีวิตไปนานนับสามเดือน ก่อนที่อินทุจะหายตัวไปอีกร่วมสามเดือน รวมระยะเวลาที่หญิงสาวบนเตียงเสียชีวิตก็ปาเข้าไปหกเดือนเต็ม

“แล้วยังมีไข้อยู่หรือเปล่า” อินทุถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เพราะเมื่อคืนเขาต้องเช็ดตัวให้ศศิธรแทบจะตลอดทั้งคืน เพราะเธอไข้ขึ้นสูงมาก และไข้เพิ่งจะลดลงเมื่อตอนรุ่งสาง เขาถึงได้ไปตามสาวใช้ให้มาดูแลเธอแทน ส่วนตัวเขาก็ออกไปทำงานที่ทิ้งไปนานหลายเดือน

“ยังมีอยู่บ้าง”

เมื่อได้ยินสาวใช้บอกว่าหญิงสาวยังคงมีไข้อยู่ เขาก็เดินเข้าไปทรุดนั่งบนเตียงนอน แล้วเอื้อมมือไปอังหน้าผากของหญิงสาวบนเตียงด้วยความอ่อนโยน “ไปเตรียมน้ำมา เดี๋ยวเราจะเช็ดตัวให้นางเอง”

“เอ่อ...ให้ข้าเป็นคนทำเถอะ” บุหรงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะแปลกใจกับการกระทำของอินทุ ซึ่งปกติแล้ว งานพวกนี้ มันเป็นงานของพวกผู้หญิง อินทุไม่เคยแตะแม้เพียงสักนิด

“ไปทำตามที่เราสั่ง”

บุหรงพยักหน้ารับอย่างยำเกรง แล้วรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อเตรียมสิ่งที่อินทุต้องการทันที

หลังจากสาวใช้ยกอ่างเงินที่มีน้ำอุ่นผสมกับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบมาวางไว้ตรงหน้า พร้อมกับผ้านิ่มสีขาวผืนเล็ก อินทุก็จัดการเช็ดตัวให้หญิงสาวบนเตียงด้วยตัวเอง

ชายหนุ่มเช็ดตัวไปด้วย ปากเขาก็พร่ำบ่นกับเธอไปด้วย “ทำไมเจ้ายังไม่ฟื้นสักที...รู้ไหม เจ้าทำข้าใจจะขาด แถมยังไม่มีสมาธิในการทำงานอีกด้วย”

เมื่อค่อยๆ เช็ดตัวหญิงสาวอย่างทนุถนอมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เรียกสาวใช้ให้มายกอ่างเงินไปเก็บ พร้อมกับออกคำสั่งใหม่ “ออกไปเถอะ เราจะดูแลนางเอง”

บุหรงพยักหน้ารับ แต่ก่อนที่จะถอยฉากออกไปจากห้อง ก็ได้ยินอีกหนึ่งคำสั่งดังลอยมาก่อนที่ประตูจะปิดลง

“ถ้าข้าไม่สั่ง ห้ามใครมารบกวน” เมื่อเห็นสาวใช้พยักหน้ารับคำสั่งพร้อมกับปิดประตูให้เขาแล้ว อินทุก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเขาอาบน้ำมาจากลำธารเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเดินไปจุดไฟที่เตาผิง เพราะเขาเองก็อยากจะนอนพักผ่อนเหมือนกัน เนื่องจากเมื่อคืนเขาแทบจะไม่ได้นอนเลยสักนิด แล้วตอนเช้ายังต้องลุกออกไปทำงานที่ทิ้งไว้มานานแต่เช้าอีก

อินทุขยับเลิกผ้าห่มผืนหนาขึ้นเพียงนิด แล้วแทรกตัวลงไปนอนซ้อนหลังหญิงสาวที่ขดตัวนอนหลับนิ่งอยู่ก่อน แล้วจึงเอื้อมมือไปรั้งหญิงสาวเข้ามาชิดอกแกร่ง

ทว่าก่อนที่เขาจะหลับตาลง เขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวในอ้อมอกครางออกมาเสียงแผ่ว เหมือนกำลังรำคาญการขยับตัวยุกยิกของเขา

“อื้อ”

ชายหนุ่มจับหญิงสาวพลิกหันหน้ามาทางเขาทันที “เจ้ารู้สึกตัวแล้ว”

ศศิธรโวยวายขึ้นมาแทบจะทันทีทีรู้สึกตัวว่ากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนใครสักคน พร้อมกับออกแรงดิ้นจนสุดกำลัง “ปะ...ปล่อยนะ...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”

“ศศิธร...ข้าเอง” ชายหนุ่มต้องรีบพลิกตัวขึ้นไปทาบทับหญิงสาวเอาไว้ทั้งตัว เพราะเธอเอาแต่หลับตาแล้วก็เตะ ต่อย ถีบ สะเปะสะปะไปหมด

“ท่านอินทุ!”

“ใช่...ข้าเอง”

หญิงสาวหยุดอาการดิ้นรนทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มที่กำลังทาบทับเธออยู่นี้เป็นใคร แต่เมื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดอยู่บริเวณใบหน้าของเธอ เธอก็ผลักไสอกกว้างให้ถอยห่างจากตัวเธอ พร้อมกับเอ่ยไล่เขาให้ลงไปจากตัวเธออีกด้วย

“ถึงจะเป็นท่าน ก็ควรจะปล่อย และลงไปจากตัวข้าเหมือนกัน”

อินทุยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินประโยคที่แสดงถึงความคุ้นเคยของหญิงสาวใต้ร่าง จนอดใจไม่อยู่ก้มลงหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ด้วยความดีใจ ก่อนจะพลิกตัวลงมานอนเคียงข้างหญิงสาว แต่ก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่กอดรัดเธอไว้อยู่ดี “อยู่แบบนี้ก็อุ่นดีนะ อากาศที่นี่มันค่อนข้างเย็น”

อาการเงียบและนิ่งไม่ขัดขืนของหญิงสาวเหมือนเป็นการยอมรับคำพูดของชายหนุ่ม ทำให้อ้อมแขนที่เหมือนจะกอดไว้หลวมๆ ในตอนแรก กลับกระชับกันแน่นขึ้นไปอีก

“เจ้าหิวไหม”

หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ

“เอาน้ำหน่อยไหม ข้าจะไปหยิบให้” อินทุเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ การที่มีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวอีกครั้ง มันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับเขามากแค่ไหน และเธอก็มีค่าแก่การเอาใจใส่ดูแลของเขามากแค่ไหนด้วย

แต่ก่อน...เขาไม่เคยคิดจะเอาใจใคร แม้แต่ภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้วของเขา...จันทรพิมพ์...หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ที่เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขารักเธอหรือไม่ เขารู้แต่ว่าเธอสวยน่ารัก นิสัยดี ถูกใจเขา เขาจึงแต่งงานกับเธอ เพื่อกันผู้หญิงคนอื่นที่คิดจะเข้ามาในชีวิตเขาออกไป

ทว่าแต่งงานกันได้ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ เธอก็มาถูกฆาตกรรมตายอย่างลึกลับ...เขาถึงได้รู้สึกเศร้าเสียใจ และติดค้างเธอมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเขาเป็นต้นเหตุทำให้เธอต้องตาย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายมาลงโทษได้ ความรู้สึกผิดจึงติดอยู่ในใจเขามาตลอด

และช่วงสามเดือนที่เธอมีชีวิตอยู่ เขาก็เอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่เธอเลยสักนิด ซึ่งกว่าเขาจะคิดได้ ก็ไม่อาจจะย้อนเวลาไปได้อีกแล้ว และเธอก็
ไม่หวนกลับมาอีกแล้วเช่นกัน

“ไม่...ข้าอยากนอนมากกว่า”

“งั้นก็หลับตา แล้วนอนซะ” อินทุจรดจมูกลงเบาๆ ที่หน้าผากของหญิงสาวที่หลับตาลงแล้ว พร้อมทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมให้เธอกับเขาจนถึงหน้าอก

แต่ก่อนที่ศศิธรจะเคลิ้มหลับอีกครั้ง เธอก็เอ่ยออกมาเบาๆ “ที่นี่ที่ไหน”

“กลาพิมพ์”

“กลาพิมพ์...บ้านของท่านรึ”

“ใช่...บ้านของข้า...ชาวกลาพิมพ์ยินดีต้อนรับ...แม่นาง”

ศศิธรหลับตาลงอย่างเป็นสุข เมื่อได้ยินว่าที่นี่คือบ้านของชายหนุ่ม คนที่เธอพร้อมจะฝากชีวิตไว้กับเขา เพราะเธอเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอไปไหนยามเธอลืมตาตื่น เหมือนที่เขาได้ทำให้เธอเห็นมาแล้วว่า...เขาไม่มีวันปล่อยและทิ้งเธอ



======================

มีต่อนะคะ (2/2)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่