<<< ตอนก่อนหน้า :
http://ppantip.com/topic/33059032
บทที่ 14 (1/2)
ศศิธรเดินเลี่ยงเข้าไปยืนดูสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังช่วยกันขยำผ้าในอ่างไม้ใบเล็ก ด้วยท่าทางดื้อดึงเพราะนึกขัดใจในคำสั่งของอินทุ ซึ่งเธอทนยืนดูอยู่ได้ไม่นาน ก็นึกสนุก จึงถกแขนเสื้อขึ้น แล้วลงมือช่วยสาวใช้ขยำผ้าด้วยความสนุกสนาน
“แม่นาง...”
หญิงสาวที่กำลังสนุกกับการย้อมผ้า ไม่ได้สนใจเสียงโอดครวญกลัวบทลงโทษของสาวใช้ที่เฝ้าติดตามดูแลเธออย่างใกล้ชิดสักนิด เธอกลับหันไปถามหัวหน้าสาวใช้อีกคำถาม “ทำไมถึงมีแต่สีดำ”
ซึ่งศศิธรไม่เข้าใจว่าทำไมคำถามของเธอ ถึงได้สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาสาวใช้ที่ช่วยกันย้อมผ้าอยู่บริเวณนี้มาก ถึงขนาดที่ทุกคนต้องหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว
“คนทางใต้เช่นเราใส่สีดำกันจนเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว” สุมาเป็นคนเอ่ยไขข้อข้องใจให้กับศศิธรด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถึงแม้แววตาของหัวหน้าสาวใช้จะเต็มไปด้วยความสงสัยก็ตาม
ศศิธรพยักหน้าเข้าใจ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อผ้าในตู้บนห้องนอนส่วนใหญ่ถึงมีแต่สีดำ “เสร็จงานพวกนี้แล้ว...พวกเจ้าจะไปทำอะไรกันต่อ”
“ไปช่วยพี่บุหลัน...ล้างคอกม้า” สาวใช้หลายคนพร้อมใจกันตอบคำถามของนายหญิงที่ดูจะสดใส และอัธยาศัยดีขึ้นเยอะ หลังจากฟื้นคืนชีพกลับมา
ศศิธรขมวดคิ้วมุ่น พร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย “ล้างคอกม้า...มันงานของผู้ชายไม่ใช่รึ”
“ไม่...มันคืองานของผู้หญิง งานเกี่ยวกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในปราสาทเป็นงานของผู้หญิงทั้งหมด...ส่วนผู้ชายมีหน้าที่ดูแลรักษาดินแดน ดูแลความสงบเรียบร้อยให้เราอยู่อย่างสงบสุขเท่านั้น” บุหรงเป็นคนเอ่ยอธิบายให้นายหญิงของตนได้ฟัง “ยิ่งตอนนี้ พวกผู้ชายต้องตามท่านอินทุออกไปลาดตระเวณแบบบนี้ พวกเรายิ่งต้องรีบเข้าไปดูแลรักษาความสะอาดของคอกม้า เพราะจะทำได้ง่ายขึ้น และสะอาดทุกซอกทุกมุม เพราะไม่มีม้ามาคอยเกะกะ”
ศศิธรพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็รบเร้าขอตามไปทำงานด้วย เพราะรู้สึกว่าตนเองนั้นนอนเยอะเกินไปแล้ว “อ่อ...งั้นเราไปด้วยนะ”
“แม่นาง...อย่าไปเลย”
ศศิธรส่ายหัวให้กับสาวใช้จอมขัด ที่เหมือนจะมีปัญหากับเธอตลอดเวลา เพื่อเป็นการปรามว่าอย่าขัดเธอเสียให้ยากเลย
เมื่อบุหรงไม่รู้จะห้ามนายหญิงของตนได้อย่างไร ก็ก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมของตนโดยดุษฎี แต่เหมือนบุหรงจะเพิ่งฉุกคิดได้ว่าเลยเวลาอาหารกลางวันมานานแล้ว และคนป่วยยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน จึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “แม่นางหิวหรือยัง”
“หิวๆ...เราลืมไปเลยว่าเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน”
“งั้นข้าไปหาอะไรมาให้แม่นางกินก่อนจะไปที่คอกม้าดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน” ศศิธรตอบรับง่ายๆ ก่อนจะเดินตามบุหรงเข้าไปในครัว เพื่อหาอะไรกินแก้หิว ก่อนจะไปทำงานที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นงานของผู้ชายมากกว่างานของผู้หญิง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันง่ายๆ จนท้องอิ่มดีแล้ว ศศิธรกับสาวใช้จอมขัดก็เดินตามสาวใช้คนอื่นๆ ที่รุดหน้าไปรอที่คอกม้าก่อนหน้าแล้ว เพื่อไปช่วยกันทำความสะอาดคอกม้าของปราสาท ซึ่งทั้งใหญ่และเลอะเทอะอย่างมาก
ถึงจะเหนื่อย เหม็น และเลอะ แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความร่วมแรงร่วมใจของผู้หญิง ที่เปรียบเสมือนช้างเท้าหลังของชาวกลาพิมพ์ และมันยังช่วยฆ่าเวลาในช่วงบ่ายแก่ๆ ของศศิธรให้หมดไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
“แม่นางไม่น่าจะต้องมาเหนื่อยแบบนี้เลย” หญิงสาวที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบคอกม้าภายในปราสาทเดินมายื่นแก้วน้ำที่ทำจากไม้ไผ่ส่งให้นายหญิงของตน พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“เหนื่อย แต่ก็สนุกดี...เราชอบ” ศศิธรส่งยิ้มให้กับ ‘บุหลัน’ ภรรยาจอมดุของสุมะ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคอกม้าโดยเฉพาะ เนื่องจากบ้านของบุหลันกับสุมะตั้งอยู่ใกล้กับคอกม้ามากที่สุด และก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน บุหลันก็เป็นแค่เพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ทำหน้าที่เลี้ยงม้าเท่านั้น
“ดูซิ...มอมแมมไปทั้งตัวเลย”
“เจ้าบ่นเป็นยายแก่อีกแล้วนะ” ศศิธรเอ่ยเย้าแหย่บุหรงที่เฝ้าดูแลเธออย่างดี เวลาเธอจะหยิบจะจับอะไรก็เอ่ยขัดไปเสียหมดแทบจะทุกเรื่องและตลอดเวลา
“ก็มันไม่ใช่สิ่งที่แม่นางควรทำ”
ศศิธรขยับจะถามว่าแล้วสิ่งที่เธอควรทำคืออะไร ก็พอดีหันไปเห็นบรรดาสาวใช้ที่ทยอยชักแถวกันเดินออกไปทางด้านหลังของคอกม้าเสียก่อน จึงหันเหความสนใจไปที่พวกนางแทนการโต้เถียงกับบุหรง “แล้วนั่น พวกนางจะไปไหนกัน”
“ไปอาบน้ำ”
“อาบน้ำหรือ...เราไปอาบด้วยดีกว่า” ศศิธรเอ่ยจบ ก็ขยับเดินตามสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังลำธารที่อยู่ไม่ห่างจากคอกม้ามากนักทันที โดยไม่อยู่รอฟังคำทัดทานของสาวใช้ประจำตัว
หลังจากแหวกว่ายอยู่ในลำธารน้ำใสอย่างสนุกสนาน ศศิธรก็เอ่ยถามสาวใช้ที่วนเวียนว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ กับเธอแทบตลอดเวลา “บุหรง...ปกติพวกเจ้ามาอาบน้ำกันที่นี่หรือ”
“ใช่...แม่นางถามทำไม”
“ชวนเราด้วย”
“หือ?”
“ทุกเย็น ก่อนเจ้าจะมาอาบน้ำ ให้ชวนเรามาด้วย เราจะมาอาบที่นี่ด้วย เราไม่ชอบอาบในห้อง” ศศิธรเอ่ยอธิบายยืดยาวเพราะเธอไม่อยากจะอาบน้ำในห้องอีกแล้ว เพราะนึกอายกับการแก้ผ้าอาบน้ำต่อหน้าคนอื่น และที่สำคัญที่สุดก็คือนึกสงสารสาวใช้ที่ต้องแบกถังน้ำเดินขึ้นชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ เพื่อให้เธอได้อาบน้ำถึงในห้องนอน
หลังจากว่ายน้ำเล่นจนเป็นที่พอใจ ศศิธรก็เอ่ยชวนสาวใช้ขึ้นจากน้ำ เพราะเธอเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นรอบๆ ตัว ทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินด้วยซ้ำ ไม่ต้องมีใครบอกเธอก็เดาได้ว่าหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบภูเขาไปแล้ว อากาศของกลาพิมพ์จะหนาวเย็นจัดขนาดไหน เพราะแค่ตอนนี้เธอก็เริ่มจะหนาวสั่นจนจะเป็นไข้อยู่แล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่พอเธอเดินขึ้นมาจากน้ำ บุหลันก็เตรียมเสื้อผ้าสีดำค่อนข้างหนามาให้เธอได้เปลี่ยนเสียก่อนที่ผิวเนื้อจะทันได้สัมผัสกับความหนาวเย็นยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
////////////////////////////////////////
ระหว่างเดินกลับบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ศศิธรก็อดจะมองไปยังบ้านหลังเล็กหลังน้อยซึ่งรายล้อมอยู่รอบบ้านหลังใหญ่ของอินทุด้วยสายตาทึ่งจัดไม่ได้ ถึงแม้ว่าบ้านทุกหลังจะถูกก่อสร้างด้วยดินอย่างง่ายๆ แต่ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามชวนมอง
เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ศศิธรก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่คาดว่าจะได้เห็นเขาออกมายืนคอย ศศิธรเห็นเพียงแค่หัวหน้าสาวใช้ที่กำลังยืนจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่งชวนให้อึดอัดเท่านั้น จึงเสถามถึงเจ้าของบ้านเพื่อลดความตึงเครียดตรงหน้า “ท่านอินทุยังไม่กลับเข้ามาอีกหรือ”
“ยัง...ปกติถ้าออกไปลาดตระเวณทางเหนือแบบนี้ ก็จะใช้เวลาประมาณสิบวันเป็นอย่างน้อย”
“อืม”
“แม่นางต้องการอะไรอีกหรือเปล่า” สุมาเอ่ยถามออกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ถึงแม้สายตาที่กำลังเพ่งมองมาที่นายหญิงจะไม่มีความเกรงกลัวเลยก็ตาม
ศศิธรส่ายหัวแล้วก็ขยับจะผละหนีขึ้นไปยังห้องนอนใหญ่ ถ้าจะไม่ถูกบุหรงเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “แล้วมื้อเย็นล่ะ จะ...”
“มื้อเย็น เราขอในห้องนะ”
สาวใช้คนสนิทพยักหน้ารับ แล้วจึงหันหลังเดินไปเตรียมอาหารในครัว เพื่อนำขึ้นไปส่งให้นายหญิงของตนถึงในห้องตามความต้องการ
บุหรงคลานเข่ายกถาดอาหารเข้าไปวางไว้บนโต๊ะตัวเตี้ย ซึ่งนายหญิงของตนกำลังนั่งแหมะลงกับเบาะผ้านุ่มๆ บนพื้นห้องรออยู่ก่อนแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะขยับถอยหนีออกไปนั่งอยู่ห่างๆ นายหญิงก็ร้องเรียกเธอไว้เสียก่อน “บุหรง...นั่งกับเราซิ”
“แต่...” บุหรงขยับจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของนายหญิงที่สื่อออกมาว่าไม่ยอมให้เธอขัดคำสั่ง เธอจึงต้องยอมนั่งลงแต่โดยดี
“เจ้าช่วยเล่าเรื่องกลาพิมพ์ให้เราฟังหน่อยได้ไหม”
“เรื่องอะไร?”
“ใครเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร คนที่เราต้องติดต่อด้วยมีใคร ชื่ออะไรบ้าง แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง” ศศิธรรรู้ว่าเธอจะต้องปรับตัว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สงสัยเมื่ออินทุนำเธอมาทิ้งไว้ในสถานที่แห่งนี้ในฐานะ...แม่นางจันทรพิมพ์ ภรรยาที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งของเขาเช่นนี้
“ทำไมหรือ”
“เรารู้สึกว่า เราหลงๆ ลืมๆ บางคน บางเรื่องไปน่ะ” ศศิธรเอ่ยแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เพราะก็ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอธิบายให้สาวใช้เข้าใจดี
======================
มีต่อนะคะ (2/2)
ลิขิตแห่งจันทร์ by พลอยลภัสร์ (โรแมนติด-แฟนตาซี) บทที่ 14
(โรมานแมนติค-แฟนตาซี)
พลอยลภัสร์ : เขียน
Fanpage : www.facebook.com/ploylapas
<<< ตอนก่อนหน้า : http://ppantip.com/topic/33059032
บทที่ 14 (1/2)
ศศิธรเดินเลี่ยงเข้าไปยืนดูสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังช่วยกันขยำผ้าในอ่างไม้ใบเล็ก ด้วยท่าทางดื้อดึงเพราะนึกขัดใจในคำสั่งของอินทุ ซึ่งเธอทนยืนดูอยู่ได้ไม่นาน ก็นึกสนุก จึงถกแขนเสื้อขึ้น แล้วลงมือช่วยสาวใช้ขยำผ้าด้วยความสนุกสนาน
“แม่นาง...”
หญิงสาวที่กำลังสนุกกับการย้อมผ้า ไม่ได้สนใจเสียงโอดครวญกลัวบทลงโทษของสาวใช้ที่เฝ้าติดตามดูแลเธออย่างใกล้ชิดสักนิด เธอกลับหันไปถามหัวหน้าสาวใช้อีกคำถาม “ทำไมถึงมีแต่สีดำ”
ซึ่งศศิธรไม่เข้าใจว่าทำไมคำถามของเธอ ถึงได้สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาสาวใช้ที่ช่วยกันย้อมผ้าอยู่บริเวณนี้มาก ถึงขนาดที่ทุกคนต้องหันมามองที่เธอเป็นตาเดียว
“คนทางใต้เช่นเราใส่สีดำกันจนเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว” สุมาเป็นคนเอ่ยไขข้อข้องใจให้กับศศิธรด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถึงแม้แววตาของหัวหน้าสาวใช้จะเต็มไปด้วยความสงสัยก็ตาม
ศศิธรพยักหน้าเข้าใจ เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเสื้อผ้าในตู้บนห้องนอนส่วนใหญ่ถึงมีแต่สีดำ “เสร็จงานพวกนี้แล้ว...พวกเจ้าจะไปทำอะไรกันต่อ”
“ไปช่วยพี่บุหลัน...ล้างคอกม้า” สาวใช้หลายคนพร้อมใจกันตอบคำถามของนายหญิงที่ดูจะสดใส และอัธยาศัยดีขึ้นเยอะ หลังจากฟื้นคืนชีพกลับมา
ศศิธรขมวดคิ้วมุ่น พร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย “ล้างคอกม้า...มันงานของผู้ชายไม่ใช่รึ”
“ไม่...มันคืองานของผู้หญิง งานเกี่ยวกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในปราสาทเป็นงานของผู้หญิงทั้งหมด...ส่วนผู้ชายมีหน้าที่ดูแลรักษาดินแดน ดูแลความสงบเรียบร้อยให้เราอยู่อย่างสงบสุขเท่านั้น” บุหรงเป็นคนเอ่ยอธิบายให้นายหญิงของตนได้ฟัง “ยิ่งตอนนี้ พวกผู้ชายต้องตามท่านอินทุออกไปลาดตระเวณแบบบนี้ พวกเรายิ่งต้องรีบเข้าไปดูแลรักษาความสะอาดของคอกม้า เพราะจะทำได้ง่ายขึ้น และสะอาดทุกซอกทุกมุม เพราะไม่มีม้ามาคอยเกะกะ”
ศศิธรพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็รบเร้าขอตามไปทำงานด้วย เพราะรู้สึกว่าตนเองนั้นนอนเยอะเกินไปแล้ว “อ่อ...งั้นเราไปด้วยนะ”
“แม่นาง...อย่าไปเลย”
ศศิธรส่ายหัวให้กับสาวใช้จอมขัด ที่เหมือนจะมีปัญหากับเธอตลอดเวลา เพื่อเป็นการปรามว่าอย่าขัดเธอเสียให้ยากเลย
เมื่อบุหรงไม่รู้จะห้ามนายหญิงของตนได้อย่างไร ก็ก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมของตนโดยดุษฎี แต่เหมือนบุหรงจะเพิ่งฉุกคิดได้ว่าเลยเวลาอาหารกลางวันมานานแล้ว และคนป่วยยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน จึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “แม่นางหิวหรือยัง”
“หิวๆ...เราลืมไปเลยว่าเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน”
“งั้นข้าไปหาอะไรมาให้แม่นางกินก่อนจะไปที่คอกม้าดีกว่า”
“ก็ดีเหมือนกัน” ศศิธรตอบรับง่ายๆ ก่อนจะเดินตามบุหรงเข้าไปในครัว เพื่อหาอะไรกินแก้หิว ก่อนจะไปทำงานที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นงานของผู้ชายมากกว่างานของผู้หญิง
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันง่ายๆ จนท้องอิ่มดีแล้ว ศศิธรกับสาวใช้จอมขัดก็เดินตามสาวใช้คนอื่นๆ ที่รุดหน้าไปรอที่คอกม้าก่อนหน้าแล้ว เพื่อไปช่วยกันทำความสะอาดคอกม้าของปราสาท ซึ่งทั้งใหญ่และเลอะเทอะอย่างมาก
ถึงจะเหนื่อย เหม็น และเลอะ แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และความร่วมแรงร่วมใจของผู้หญิง ที่เปรียบเสมือนช้างเท้าหลังของชาวกลาพิมพ์ และมันยังช่วยฆ่าเวลาในช่วงบ่ายแก่ๆ ของศศิธรให้หมดไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
“แม่นางไม่น่าจะต้องมาเหนื่อยแบบนี้เลย” หญิงสาวที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบคอกม้าภายในปราสาทเดินมายื่นแก้วน้ำที่ทำจากไม้ไผ่ส่งให้นายหญิงของตน พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“เหนื่อย แต่ก็สนุกดี...เราชอบ” ศศิธรส่งยิ้มให้กับ ‘บุหลัน’ ภรรยาจอมดุของสุมะ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลคอกม้าโดยเฉพาะ เนื่องจากบ้านของบุหลันกับสุมะตั้งอยู่ใกล้กับคอกม้ามากที่สุด และก่อนที่ทั้งคู่จะแต่งงานกัน บุหลันก็เป็นแค่เพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ทำหน้าที่เลี้ยงม้าเท่านั้น
“ดูซิ...มอมแมมไปทั้งตัวเลย”
“เจ้าบ่นเป็นยายแก่อีกแล้วนะ” ศศิธรเอ่ยเย้าแหย่บุหรงที่เฝ้าดูแลเธออย่างดี เวลาเธอจะหยิบจะจับอะไรก็เอ่ยขัดไปเสียหมดแทบจะทุกเรื่องและตลอดเวลา
“ก็มันไม่ใช่สิ่งที่แม่นางควรทำ”
ศศิธรขยับจะถามว่าแล้วสิ่งที่เธอควรทำคืออะไร ก็พอดีหันไปเห็นบรรดาสาวใช้ที่ทยอยชักแถวกันเดินออกไปทางด้านหลังของคอกม้าเสียก่อน จึงหันเหความสนใจไปที่พวกนางแทนการโต้เถียงกับบุหรง “แล้วนั่น พวกนางจะไปไหนกัน”
“ไปอาบน้ำ”
“อาบน้ำหรือ...เราไปอาบด้วยดีกว่า” ศศิธรเอ่ยจบ ก็ขยับเดินตามสาวใช้คนอื่นๆ ที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังลำธารที่อยู่ไม่ห่างจากคอกม้ามากนักทันที โดยไม่อยู่รอฟังคำทัดทานของสาวใช้ประจำตัว
หลังจากแหวกว่ายอยู่ในลำธารน้ำใสอย่างสนุกสนาน ศศิธรก็เอ่ยถามสาวใช้ที่วนเวียนว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆ กับเธอแทบตลอดเวลา “บุหรง...ปกติพวกเจ้ามาอาบน้ำกันที่นี่หรือ”
“ใช่...แม่นางถามทำไม”
“ชวนเราด้วย”
“หือ?”
“ทุกเย็น ก่อนเจ้าจะมาอาบน้ำ ให้ชวนเรามาด้วย เราจะมาอาบที่นี่ด้วย เราไม่ชอบอาบในห้อง” ศศิธรเอ่ยอธิบายยืดยาวเพราะเธอไม่อยากจะอาบน้ำในห้องอีกแล้ว เพราะนึกอายกับการแก้ผ้าอาบน้ำต่อหน้าคนอื่น และที่สำคัญที่สุดก็คือนึกสงสารสาวใช้ที่ต้องแบกถังน้ำเดินขึ้นชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ เพื่อให้เธอได้อาบน้ำถึงในห้องนอน
หลังจากว่ายน้ำเล่นจนเป็นที่พอใจ ศศิธรก็เอ่ยชวนสาวใช้ขึ้นจากน้ำ เพราะเธอเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นรอบๆ ตัว ทั้งที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินด้วยซ้ำ ไม่ต้องมีใครบอกเธอก็เดาได้ว่าหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบภูเขาไปแล้ว อากาศของกลาพิมพ์จะหนาวเย็นจัดขนาดไหน เพราะแค่ตอนนี้เธอก็เริ่มจะหนาวสั่นจนจะเป็นไข้อยู่แล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่พอเธอเดินขึ้นมาจากน้ำ บุหลันก็เตรียมเสื้อผ้าสีดำค่อนข้างหนามาให้เธอได้เปลี่ยนเสียก่อนที่ผิวเนื้อจะทันได้สัมผัสกับความหนาวเย็นยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
////////////////////////////////////////
ระหว่างเดินกลับบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ศศิธรก็อดจะมองไปยังบ้านหลังเล็กหลังน้อยซึ่งรายล้อมอยู่รอบบ้านหลังใหญ่ของอินทุด้วยสายตาทึ่งจัดไม่ได้ ถึงแม้ว่าบ้านทุกหลังจะถูกก่อสร้างด้วยดินอย่างง่ายๆ แต่ก็เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามชวนมอง
เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ศศิธรก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่คาดว่าจะได้เห็นเขาออกมายืนคอย ศศิธรเห็นเพียงแค่หัวหน้าสาวใช้ที่กำลังยืนจ้องมองมาที่เธอด้วยสายตาเรียบนิ่งชวนให้อึดอัดเท่านั้น จึงเสถามถึงเจ้าของบ้านเพื่อลดความตึงเครียดตรงหน้า “ท่านอินทุยังไม่กลับเข้ามาอีกหรือ”
“ยัง...ปกติถ้าออกไปลาดตระเวณทางเหนือแบบนี้ ก็จะใช้เวลาประมาณสิบวันเป็นอย่างน้อย”
“อืม”
“แม่นางต้องการอะไรอีกหรือเปล่า” สุมาเอ่ยถามออกด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ถึงแม้สายตาที่กำลังเพ่งมองมาที่นายหญิงจะไม่มีความเกรงกลัวเลยก็ตาม
ศศิธรส่ายหัวแล้วก็ขยับจะผละหนีขึ้นไปยังห้องนอนใหญ่ ถ้าจะไม่ถูกบุหรงเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “แล้วมื้อเย็นล่ะ จะ...”
“มื้อเย็น เราขอในห้องนะ”
สาวใช้คนสนิทพยักหน้ารับ แล้วจึงหันหลังเดินไปเตรียมอาหารในครัว เพื่อนำขึ้นไปส่งให้นายหญิงของตนถึงในห้องตามความต้องการ
บุหรงคลานเข่ายกถาดอาหารเข้าไปวางไว้บนโต๊ะตัวเตี้ย ซึ่งนายหญิงของตนกำลังนั่งแหมะลงกับเบาะผ้านุ่มๆ บนพื้นห้องรออยู่ก่อนแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะขยับถอยหนีออกไปนั่งอยู่ห่างๆ นายหญิงก็ร้องเรียกเธอไว้เสียก่อน “บุหรง...นั่งกับเราซิ”
“แต่...” บุหรงขยับจะเอ่ยปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของนายหญิงที่สื่อออกมาว่าไม่ยอมให้เธอขัดคำสั่ง เธอจึงต้องยอมนั่งลงแต่โดยดี
“เจ้าช่วยเล่าเรื่องกลาพิมพ์ให้เราฟังหน่อยได้ไหม”
“เรื่องอะไร?”
“ใครเป็นใคร ทำหน้าที่อะไร คนที่เราต้องติดต่อด้วยมีใคร ชื่ออะไรบ้าง แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง” ศศิธรรรู้ว่าเธอจะต้องปรับตัว เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่สงสัยเมื่ออินทุนำเธอมาทิ้งไว้ในสถานที่แห่งนี้ในฐานะ...แม่นางจันทรพิมพ์ ภรรยาที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งของเขาเช่นนี้
“ทำไมหรือ”
“เรารู้สึกว่า เราหลงๆ ลืมๆ บางคน บางเรื่องไปน่ะ” ศศิธรเอ่ยแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เพราะก็ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอธิบายให้สาวใช้เข้าใจดี
======================
มีต่อนะคะ (2/2)