เย้ๆ จากกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/32806387 ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ผมสามารถวิ่งในระยะเทียบเท่าจากเมืองมาราธอนไปกรุงเอเธนส์ได้
สำเร็จแล้ว แม้จะไม่ถึงกับล้มลงและตายเหมือน Pheidippides หลังวิ่งไปประกาศความพ่ายแพ้ของเปอร์เซียที่เมืองมาราธอนเพราะเขาวิ่งโดยไม่หยุดพัก
และไม่มีอะไรกิน (ตามตำนาน) แต่ผมมีน้ำ เกลือแร่ แล้วก็แตงโมช่วยชีวิต ถึงยังไงก็แทบแย่อยู่เหมือนกัน เข้าเส้นชัยชนิดที่เรียกว่าใช้กำลังขาจนหมด
แล้ว รู้สึกกล้ามเนื้อต้นขาหลังร้าวมาก
บันทึกประวัติศาสตร์มาราธอนแรกในชีวิตเกิดที่งานวิ่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีมาราธอนครั้งที่๑ ก่อนวิ่งฝนได้ตกกระหน่ำลงมาจนถึงเวลาปล่อยตัว
๐๓๐๐ ก็ยังไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คิดในใจว่ามาราธอนแรกก็เจออุปสรรคซะแล้วจะรอดไหมนี่ แต่ตั้งใจแล้วต้องไปต่อไป กินขนมปังแถวเล็กๆไปหนึ่ง
แถวเพราะกลัวจะหิวระหว่างวิ่งจนอาจหมดพลังได้ พอปล่อยตัวแล้วต้องวิ่งตากฝนก็ดีเหมือนกันไม่ร้อนแต่รำคาญรองเท้าเปียกและปัญหาการเสียดสี
ของเสื้อผ้า วิ่งท่ามกลางฝนไปเรื่อยๆจนถึงเลยระยะสิบกม.ไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร นักวิ่งชาวเคนยาคนแรกก็วิ่งสวนทางมา จนผ่านจุดกลับตัวที่๑๒กม.
ก็รู้ว่าห่างจากคนแรกถึงสองกิโลเมตร แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ วิ่งต่อไปตามความเร็วตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่มีเวลามีความคิดอยู่กับตัวเองเป็นของตัวเอง
เป้าหมายแรกคือระยะ๒๔กม. ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พยายามวิ่งรักษาระดับกรดแลกติกไม่ให้สูงมากโดยไม่เร่งความเร็วตามคนที่
อยู่ข้างหน้า เป้าหมายต่อไปคือระยะ๒๘กม.ที่เคยชนกำแพง โดยที่ระยะ๒๖กม.ต้องวิ่งขึ้นสะพานศรีสุราษฎร์ ซึ่งช่วงนี้ไม่ต้องคำนึงถึงความเร็วเลย ก้าวขา
ไปแบบไม่ต้องสู้กับความชันของสะพาน จนลงสะพานและสามารถผ่านระยะ๒๘กม.โดยยังไปต่อได้แต่ขาเริ่มล้าแล้ว กำแพงต่อไปคือระยะ๓๒กม. ระยะที่
เคยวิ่งได้ไกลสุด ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว แตงโมคือที่พึ่งชั้นดี และแล้วก็ผ่านกำแพงนี้ไปได้แบบที่ว่าขาวิ่งไปทีละก้าวแล้วนับก้าวได้สบายๆ ที่ระยะ๓๖กม. รถเจ้า
หน้าที่เปิดเพลง"ศรัทธา" ได้ยินแต่ไกล "ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา..." ให้กำลังใจตัวเองต้องวิ่งเข้าไปฟังใกล้ๆ เสียหน่อย ตอนนี้ฝนหยุดชั่วคราว เริ่มมี
เหงื่อ นั่นคือไม่มีตัวช่วยเรื่องความเหนื่อยแล้ว จนผ่านรถเจ้าหน้าที่ ผ่านกำแพง๓๖กม. ไม่เจอปิศาจตนใดที่กม.๓๕และ๓๖ด้วย แต่ก็วิ่งได้ช้าลงมาก
ไม่สามารถทำความเร็วได้ตามที่ตั้งใจ ถึงตอนนี้คิดแต่ว่าต้องวิ่งให้ถึงเท่านั้น เป้าหมายกำแพง๔๐กม.รออยู่ข้างหน้า ก้าวไปทีละก้าวอาการเหมือนจะชน
กำแพงเริ่มเกิดขึ้น แต่ก็พยายามใช้ตัวช่วยทุกอย่างทั้งก้าวให้ช้าลงหยุดเดินดื่มน้ำ เสริมเกลือแร่ กินแตงโมแล้วไปต่อ ฝนเริ่มตกลงมาช่วยชีวิตอีกครั้ง
หนึ่งจนผ่านกำแพง๔๐กม.ไปได้ เหลือกำแพงชั้นสุดท้ายแล้ว แต่๒.๑๙๕กม.สุดท้ายนี่ช่างไกลเหลือเกินสำหรับความรู้สึกขณะนั้น ได้แต่คิดว่าถ้าไม่วิ่งมา
๔๐กม.แล้วจะมีโอกาสได้วิ่ง๒.๑๙๕กม.นี้หรือ ช่วงนี้เริ่มวิ่งปะปนกับนักวิ่งฟันรันก็สนุกดีไปอีกแบบ เห็นคนมาวิ่งมาเดินตากฝนร่วมกัน จนในที่สุดก็
สามารถวิ่งเข้าเส้นชัย ทะลุกำแพงมาราธอนได้สำเร็จ เข้าใจความรู้สึกที่ว่า "ก้าวสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยมาราธอนมันหอมหวานเสมอ ไม่ว่าคุณจะเข้าที่เวลา
เท่าไหร่จะมีคนรอที่เส้นชัยเสมอ" (คุณลึกลับซับ_tui ว่าไว้)
สิ่งที่ได้จากการวิ่งครั้งนี้คือการรู้จักวางแผนในการวิ่งเหมือนที่หลายท่านเคยแนะนำไว้และทำตามแผนนั้นแต่ต้องไม่เกินขีดจำกัดตัวเอง ต้องรู้จักตัวเอง
การวิ่งรักษาระดับกรดแลกติกไม่ให้สูงเกินจนไม่สามารถที่จะวิ่งต่อได้ การวิ่งในสายฝนก็ช่วยให้เราไม่เหนื่อยมากเหมือนกันนะ (แต่ชอบวิ่งแบบพื้นแห้ง
มากกว่า) และที่สำคัญการฝึกซ้อมโดยเฉพาะต้องวิ่งสามชั่วโมงให้ได้ก่อนวันแข่งสองสัปดาห์ (แต่จริงๆแล้วก็วิ่งไม่ถึง :-p )
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ในการจัดงานครั้งนี้ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นคณะทำงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ เจ้าหน้าที่ให้น้ำ
เจ้าหน้าที่จราจร ผมเห็นความตั้งใจดีในการทำหน้าที่ของทุกท่านเลยครับ ทุกท่านเต็มที่และตั้งใจมาก
ขอบคุณกำลังใจที่เคยได้รับจาก นักรบสายรุ้ง สี่ดี-สี่เก่ง ^MoOn_Man^ twinglestar ลึกลับซับ_tui *Tan* Bluesky Ship ประกายแสงสีเหลือง
แห่งแอนฟิลด์ Ever Unlimited คนบ้าบิต To die for Ja-Learn-Suk-Sa-Wat-Dee Patunga สมาชิกหมายเลข 1420129 ลิงกำถั่ว SCHIST
สมาชิกหมายเลข 1844716
และขอปรบมือให้กับนักวิ่งมาราธอนที่วิ่งร่วมกันในครั้งนี้ทุกท่านครับ โดยเฉพาะท่านที่ใช้เวลาวิ่งมากๆ ยอมรับในความอดทนและตั้งใจจริงของท่านจริงๆ
แตะขอบฟ้า...มาราธอน
สำเร็จแล้ว แม้จะไม่ถึงกับล้มลงและตายเหมือน Pheidippides หลังวิ่งไปประกาศความพ่ายแพ้ของเปอร์เซียที่เมืองมาราธอนเพราะเขาวิ่งโดยไม่หยุดพัก
และไม่มีอะไรกิน (ตามตำนาน) แต่ผมมีน้ำ เกลือแร่ แล้วก็แตงโมช่วยชีวิต ถึงยังไงก็แทบแย่อยู่เหมือนกัน เข้าเส้นชัยชนิดที่เรียกว่าใช้กำลังขาจนหมด
แล้ว รู้สึกกล้ามเนื้อต้นขาหลังร้าวมาก
บันทึกประวัติศาสตร์มาราธอนแรกในชีวิตเกิดที่งานวิ่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีมาราธอนครั้งที่๑ ก่อนวิ่งฝนได้ตกกระหน่ำลงมาจนถึงเวลาปล่อยตัว
๐๓๐๐ ก็ยังไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คิดในใจว่ามาราธอนแรกก็เจออุปสรรคซะแล้วจะรอดไหมนี่ แต่ตั้งใจแล้วต้องไปต่อไป กินขนมปังแถวเล็กๆไปหนึ่ง
แถวเพราะกลัวจะหิวระหว่างวิ่งจนอาจหมดพลังได้ พอปล่อยตัวแล้วต้องวิ่งตากฝนก็ดีเหมือนกันไม่ร้อนแต่รำคาญรองเท้าเปียกและปัญหาการเสียดสี
ของเสื้อผ้า วิ่งท่ามกลางฝนไปเรื่อยๆจนถึงเลยระยะสิบกม.ไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร นักวิ่งชาวเคนยาคนแรกก็วิ่งสวนทางมา จนผ่านจุดกลับตัวที่๑๒กม.
ก็รู้ว่าห่างจากคนแรกถึงสองกิโลเมตร แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ วิ่งต่อไปตามความเร็วตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่มีเวลามีความคิดอยู่กับตัวเองเป็นของตัวเอง
เป้าหมายแรกคือระยะ๒๔กม. ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย พยายามวิ่งรักษาระดับกรดแลกติกไม่ให้สูงมากโดยไม่เร่งความเร็วตามคนที่
อยู่ข้างหน้า เป้าหมายต่อไปคือระยะ๒๘กม.ที่เคยชนกำแพง โดยที่ระยะ๒๖กม.ต้องวิ่งขึ้นสะพานศรีสุราษฎร์ ซึ่งช่วงนี้ไม่ต้องคำนึงถึงความเร็วเลย ก้าวขา
ไปแบบไม่ต้องสู้กับความชันของสะพาน จนลงสะพานและสามารถผ่านระยะ๒๘กม.โดยยังไปต่อได้แต่ขาเริ่มล้าแล้ว กำแพงต่อไปคือระยะ๓๒กม. ระยะที่
เคยวิ่งได้ไกลสุด ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว แตงโมคือที่พึ่งชั้นดี และแล้วก็ผ่านกำแพงนี้ไปได้แบบที่ว่าขาวิ่งไปทีละก้าวแล้วนับก้าวได้สบายๆ ที่ระยะ๓๖กม. รถเจ้า
หน้าที่เปิดเพลง"ศรัทธา" ได้ยินแต่ไกล "ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา..." ให้กำลังใจตัวเองต้องวิ่งเข้าไปฟังใกล้ๆ เสียหน่อย ตอนนี้ฝนหยุดชั่วคราว เริ่มมี
เหงื่อ นั่นคือไม่มีตัวช่วยเรื่องความเหนื่อยแล้ว จนผ่านรถเจ้าหน้าที่ ผ่านกำแพง๓๖กม. ไม่เจอปิศาจตนใดที่กม.๓๕และ๓๖ด้วย แต่ก็วิ่งได้ช้าลงมาก
ไม่สามารถทำความเร็วได้ตามที่ตั้งใจ ถึงตอนนี้คิดแต่ว่าต้องวิ่งให้ถึงเท่านั้น เป้าหมายกำแพง๔๐กม.รออยู่ข้างหน้า ก้าวไปทีละก้าวอาการเหมือนจะชน
กำแพงเริ่มเกิดขึ้น แต่ก็พยายามใช้ตัวช่วยทุกอย่างทั้งก้าวให้ช้าลงหยุดเดินดื่มน้ำ เสริมเกลือแร่ กินแตงโมแล้วไปต่อ ฝนเริ่มตกลงมาช่วยชีวิตอีกครั้ง
หนึ่งจนผ่านกำแพง๔๐กม.ไปได้ เหลือกำแพงชั้นสุดท้ายแล้ว แต่๒.๑๙๕กม.สุดท้ายนี่ช่างไกลเหลือเกินสำหรับความรู้สึกขณะนั้น ได้แต่คิดว่าถ้าไม่วิ่งมา
๔๐กม.แล้วจะมีโอกาสได้วิ่ง๒.๑๙๕กม.นี้หรือ ช่วงนี้เริ่มวิ่งปะปนกับนักวิ่งฟันรันก็สนุกดีไปอีกแบบ เห็นคนมาวิ่งมาเดินตากฝนร่วมกัน จนในที่สุดก็
สามารถวิ่งเข้าเส้นชัย ทะลุกำแพงมาราธอนได้สำเร็จ เข้าใจความรู้สึกที่ว่า "ก้าวสุดท้ายที่เข้าเส้นชัยมาราธอนมันหอมหวานเสมอ ไม่ว่าคุณจะเข้าที่เวลา
เท่าไหร่จะมีคนรอที่เส้นชัยเสมอ" (คุณลึกลับซับ_tui ว่าไว้)
สิ่งที่ได้จากการวิ่งครั้งนี้คือการรู้จักวางแผนในการวิ่งเหมือนที่หลายท่านเคยแนะนำไว้และทำตามแผนนั้นแต่ต้องไม่เกินขีดจำกัดตัวเอง ต้องรู้จักตัวเอง
การวิ่งรักษาระดับกรดแลกติกไม่ให้สูงเกินจนไม่สามารถที่จะวิ่งต่อได้ การวิ่งในสายฝนก็ช่วยให้เราไม่เหนื่อยมากเหมือนกันนะ (แต่ชอบวิ่งแบบพื้นแห้ง
มากกว่า) และที่สำคัญการฝึกซ้อมโดยเฉพาะต้องวิ่งสามชั่วโมงให้ได้ก่อนวันแข่งสองสัปดาห์ (แต่จริงๆแล้วก็วิ่งไม่ถึง :-p )
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ในการจัดงานครั้งนี้ทุกท่านไม่ว่าจะเป็นคณะทำงาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ เจ้าหน้าที่ให้น้ำ
เจ้าหน้าที่จราจร ผมเห็นความตั้งใจดีในการทำหน้าที่ของทุกท่านเลยครับ ทุกท่านเต็มที่และตั้งใจมาก
ขอบคุณกำลังใจที่เคยได้รับจาก นักรบสายรุ้ง สี่ดี-สี่เก่ง ^MoOn_Man^ twinglestar ลึกลับซับ_tui *Tan* Bluesky Ship ประกายแสงสีเหลือง
แห่งแอนฟิลด์ Ever Unlimited คนบ้าบิต To die for Ja-Learn-Suk-Sa-Wat-Dee Patunga สมาชิกหมายเลข 1420129 ลิงกำถั่ว SCHIST
สมาชิกหมายเลข 1844716
และขอปรบมือให้กับนักวิ่งมาราธอนที่วิ่งร่วมกันในครั้งนี้ทุกท่านครับ โดยเฉพาะท่านที่ใช้เวลาวิ่งมากๆ ยอมรับในความอดทนและตั้งใจจริงของท่านจริงๆ