............................ """ การผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายของอเมริกา """"" ..................................

กระทู้คำถาม
ลุ้นระทึกแม้สภาสูงผ่าน กม.งบประมาณ US เจอ “วิกฤตชัตดาวน์” คืนพฤหัสฯ นี้ไหม

เอเจนซีส์ - วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติในคืนวันอังคาร (9 ธ.ค.) ผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายมูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ในความพยายามที่จะหลีกเลียง “วิกฤตชัตดาวน์” หรือการที่หน่วยงานรัฐบาลอเมริกันต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่เมื่องบประมาณฉบับปัจจุบันสิ้นสุดลงหลังเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี (11) นี้ และชะลอการเผชิญหน้าระหว่างพรรครีพับลิกันกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา เกี่ยวกับนโยบายคนเข้าเมือง ออกไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
       
       ขณะที่เส้นตายเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีของงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลฉบับปัจจุบัน ขยับใกล้เข้ามาทุกที และเหลืออีกไม่กี่วันในการผ่านงบประมาณฉบับใหม่ พรรครีพับลิกันก็ดูจะประสบความสำเร็จ สามารถต่อรองให้โอบามาและพรรคเดโมแครตของเขาต้องอ่อนข้อยอมรับนโยบายหลายๆ ด้าน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดวิกฤตชัตดาวน์ ตั้งแต่การผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการค้าตราสารอนุพันธ์
       
       หลังจากวุฒิสภาอนุมัติร่างงบประมาณรายจ่ายฉบับใหม่นี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการส่งให้สภาผู้แทนราษฏรลงมติในวันพฤหัสบดี และเมื่อผ่านทั้งสองสภาโดยที่ตัวร่างต้องมีข้อความเหมือนกันแล้ว ก็จะนำไปให้โอบามาลงนามบังคับใช้ต่อไป
       
       ฮัล โรเจอร์ส ประธานคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ร่างกฎหมายนี้จะทำให้สภาสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ในการอัดฉีดงบประมาณอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางต้องระงับการปฏิบัติหน้าที่
       
       ร่างงบประมาณการใช้จ่ายฉบับใหม่นี้ ประกอบด้วยงบประมาณภายในประเทศปี 2015 มูลค่า 1.014 ล้านล้านดอลลาร์ และ 64,000 ล้านดอลลาร์สำหรับปฏิบัติการฉุกเฉินทางทหารนอกประเทศ เช่น ในอิรักและอัฟกานิสถาน ตลอดจนงบประมาณในการต่อสู้กับนักรบกลุ่ม “รัฐอิสลาม” ในอิรักและซีเรียอีก 5,000 ล้านดอลลาร์ และ 5,400 ล้านดอลลาร์สำหรับการต่อสู้กับวิกฤตอีโบลาในแอฟริกาตะวันตก
       
       ร่างงบประมาณรายจ่ายนี้ เป็นการจัดสรรเงินให้แก่หน่วยงานส่วนใหญ่ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไปจนถึงเดือนกันยายนปีหน้า ยกเว้นงบประมาณของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของรีพับลิกัน ในการต่อรองเกี่ยวกับนโยบายผู้อพยพของโอบามา
       
       ทั้งนี้ ในปีหน้าสมาชิกรัฐสภาที่ชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมต้นเดือนพฤศจิกายน จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งส่งผลให้รีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาล่างและสภาสูง พรรครีพับลิกันจึงตั้งเป้าหมายที่จะออกข้อจำกัดต่างๆ อันเป็นการขัดขวางการอัดฉีดงบประมาณให้แก่แผนการของโอบามา ที่จะอนุญาตให้ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารราว 4 ล้านคน สามารถพำนักและทำงานในอสหรัฐฯ
       
       พวกผู้ช่วยของเหล่าผู้นำในรัฐสภายอมรับว่า รัฐสภาอาจจะต้องออกร่างขยายเวลาใช้งบประมาณฉบับชั่วคราว เพื่อใช้ในช่วงรอยต่อหลังเส้นตายงบประมาณปัจจุบันสิ้นสุดลงหลังเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี เนื่องจากสภาล่างอาจจะผ่านร่างบประมาณฉบับใหม่โดยมีการแก้ไขข้อความ ทำให้วุฒิสภาอาจต้องใช้เวลาอีก 1-2 วันในการอภิปรายและโหวตร่างที่สภาล่างส่งกลับมา ก่อนส่งต่อให้โอบามาลงนามรับรอง
       
       ทางด้าน แฮร์รี รีด วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ที่จะมีฐานะเป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูงไปจนสิ้นสุดปีนี้ กล่าวเตือนว่า สมาชิกรัฐสภาควรพยายามหลีกเลี่ยง “การต่อสู้ที่คาดเดาผลไม่ได้” ที่อาจบีบให้หน่วยงานรัฐบาลต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในการอภิปรายร่างงบประมาณหลายครั้งก่อนหน้านี้
       
       กระนั้น ส.ส.แนนซี เปโลซี ผู้นำเดโมแครตในสภาล่างก็ยังพูดแบบสงวนท่าทีว่า ต้องรอดูถ้อยคำในร่างก่อนตัดสินใจว่า ส.ส.เดโมแครตจะสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่
       
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000142166





สภาคองเกรสสหรัฐฯ "บรรลุข้อตกลงงบประมาณรายจ่าย 1.1ล้านล้านดอลลาร์สำเร็จ" หนีชัตดาวน์รอบใหม่หวุดหวิด

เอเอฟพี - เมื่อคืนดึกวานนี้(9)สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯทั้งฝั่งพรรครีพับลิกันและฝั่งพรรคเดโมแครตสามารถบรรลุข้อตกลงกฎหมายงบประมาณการใช้จ่าย 1.1 ล้านล้านสำเร็จ ซึ่งงบก้อนนี้จะใช้ไปจนถึงกันยายนปีหน้า และสามารถทำให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯเลี่ยงวิกฤตชัตดาวน์รอบใหม่
       
       เอเอฟพีรายงานวันนี้(10)ว่า กฎหมายงบประมาณสหรัฐฯร่วม 1.1ล้านล้านดอลลาร์นั้นรวมไปถึง งบอุดหนุนในปฎิบัติการต่อต้านก่อการร้าย ซึ่งในส่วนนี้จะถูกใช้เพื่อฝึกฝนกฎบซีเรีย FSA นั้นได้รับการเห็นชอบในขั้นตอนสุดท้ายจากทั้งสองฝั่งก่อนที่งบก่อนหน้านี้จะสิ้นสุดลงไปในวันพฤหัสบดี(11)เวลา 23.59 น.
       
       “กฎหมายงบประมาณนี้จะช่วยทำให้เราสามารถทำหน้าที่ซึ่งถูกกำหนดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐฯได้เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐยังคงมีเงินเพื่อใช้บริหารหน่วยงานต่อไป และไม่ทำให้เกิดวิกฤตปิดหน่วยงานรัฐเกิดขึ้น” ฮาล โรเจอร์ส (Hal Rogers) ประธานคณะกรรมาธิการผู้แทนราษฎรสหรัฐฯให้ความเห็นหลังจากการอภิปรายที่ดุเดือดผ่านพ้นไป
       
       ทั้งนี้ถึงแม้ว่ากฎหมายการเงินฉบับนี้จะให้เงินอุดหนุนหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯเกือบจะทั้งหมดไปจนกระทั่งสิ้นปีงบประมาณ 2015 แต่กระทรวงมาตุภูมิสหรัฐฯ หรือ DHS ได้รับผลกระทบจากงบประมาณที่จำกัดเป็นเวลา 2 เดือนจากการที่สมาชิกพรรครีพับลิกันที่คุมสภาล่างสหรัฐฯต้องการบีบรัฐบาลสหรัฐฯและประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา จากการใช้อำนาจทางบริหารอนุญาตให้คนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาสหรัฐฯตั้งแต่ยังเล็กไม่ต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ
       
       เอเอฟพีรายงานว่า DHS จะดำเนินการตามคำสั่งประธานาธิบดีในนโยบายปฎิรูปคนเข้าเมืองสหรัฐฯ และทางรีพับลิกันต้องการพิจารณางบประมาณของ DHS อีกครั้งในการประชุมสมัยหน้าที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จทั้งสภาสูงและสภาล่างสหรัฐฯ
       
       และพบว่าสภาคองเกรสสหรัฐฯตกลงจัดสรรงบประมาณให้กิจการทางทหารในต่างประเทศ เช่น อิรัก และอัฟกานิสถาน ได้รับเงินอุดหนุน 64 พันล้านดอลลาร์ และอีก 1.014 ล้านล้านล้านดอลลาร์ ถูกใช้ในหน่วยงานรัฐบาลกลางในประเทศเอเอฟพียังระบุเพิ่มเติมว่า รัฐสภาสหรัฐฯมีมติร่วมในขั้นตอนสุดท้ายให้เงินอุดหนุนประเทศที่ร่วมมือกับสหรัฐฯในการต่อต้านก่อการร้าย เช่น เยเมน ลิเบีย และโซมาเลีย รวมไปถึงให้ทุนอุดหนุนอีก 5 พันล้านดอลลาร์ในปฎิบัติการต่อต้านกลุ่มมุสลิมสุหนี่ติดอาวุธ IS รวมไปถึงเงินอุดหนุนโคงการฝึกอาวุธให้กับกองทัพอิรักและเคิร์ด และได้ต่ออายุโครงการฝึกและติดอาวุธของเพนตากอนให้กับกลุ่มกบฎ FSAในซีเรีย
       
       นอกจากนี้เมื่อวานนี้ ทั้งสองฝั่งในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเห็นชอบในการช่วยเหลือจำนวน 5.4 พันล้านให้กับกองทุนฉุกเฉินในการรับมือวิกฤตอีโบลา น้อยกว่าจำนวนที่โอบามาได้ระบุขอไว้ที่ 6 พันล้านดอลลาร์
       
       เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐสภาสหรัฐฯบรรลุข้อตกลงให้เงินช่วยเหลือจำนวน 175 ล้านดอลลาร์สำหรับปฎิบัติการป้องกันภัยทางอากาศ Iron Dome ของอิสราเอล ต่ำกว่าเป้าที่ทางอิสราเอลร้องขอการสนับสนุนที่ 347 พันล้านดอลลาร์
       
       ทั้งนี้เป็นที่รู้กันว่า สภาล่างสหรัฐฯจะยอมผ่านกฎหมายการคลังระยะสั้นเพียงเพื่อเลี่ยงปัญหาปิดหน่วยงานรัฐเท่านั้น และในสภาสูง คาดว่าจะต้องใช้เวลานานขึ้น 1-2 วันกว่าปกติเพื่ออภิปรายก่อนลงคะแนนเสียง

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000142116



ขอบคุณครับ

อมยิ้ม16อมยิ้ม17


เพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊นเพี้ยนแว๊น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่