ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๖) ๒๗ พ.ย.๕๗

เปิดกรุหนังสือเก่า



หาตอนที่ ๑๕ ไม่เจอครับ เข้าใจว่า ผู้ที่เอามาวางให้ผมลอก คงจะลืม แต่ก็พอจะต่อกันไปได้ครับ

    ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 16

มีทหารบาดเจ็บหลายต่อหลายนายที่ถูกทอดทิ้งเอาใว้บนฐานชาร์ลี-ชาร์ลี ในสถานการณ์เช่นนี้ช่วยเหลือกันไม่ได้หรอกครับ สิ่งแรกที่ทหารรับจ้างคำนึงถึงก็คือการหนีเอาตัวรอดจากฐานปฏิบัติการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ ก็ยังมีโอกาสคืบคลานตามพรรคพวกออกไปได้ ส่วนพวกที่บาดเจ็บสาหัสก็นอนร้องครวญครางอยู่กับพื้นรอบคูเหล็ดนั่นเอง และในจำนวนดังกล่าวก็มีพยาบาลประจำกองร้อยรวมอยู่ด้วย

กองสิงห์สั่งสำรวจยอดในทันทีทันใดที่เข้าฐานของกองร้อยที่ 2 เสร็จเรียบร้อย ปรากฏว่าจากยอดกำลังพล 130 คนเหลือทหารรับจ้างอยู่เพียง 95 คนเท่านั้นและหนึ่งใน 35 คนที่สูญหาย มี ผบ.หมวด 5 ของกองร้อยที่ 3 รวมอยู่ด้วย

“เฮ้ย ใครเห็นหมวดบุญลือบ้างวะ ไอ้พวกหมวด 5 เหลืออยู่กี่คน ลองสอบถามมันดูซิ มนู”
กองสิงห์หันไปถามรอง ผบ.หมวด 5 ด้วยความเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาที่สูญหายไปในระหว่างการถอนตัว

“เหลืออยู่ 8 คนครับ หายไป 7 คน รวมทั้งหมวดบุญลือและหัวหน้าชุดยิง ผมสอบถามแล้วทหารบอกว่า หมวดบุญลือคลานย้อนกลับเข้าไปวิทยุ เอช-ที-ทู ที่ลืมเอาใว้ในบังเกอร์ พวกลูกน้องที่มาด้วยกันก็เลยติดตามหมวดบุญลือย้อนกลับเข้าไปอีก”
รอง ผบ.หมวดกล่าวตอบ

“ขอวิทยุ เอช-ที-ทู ให้อั๊วหน่อยสิวะ ของอั๊วเสาหักเสียแล้ว”
กองสิงห์โยนวิทยุประจำตัวซึ่งขณะนี้เสาอากาศในตัวขาดร่องแร่งเหลือติดอยู่แต่เพียงโคนเสาลงไปที่พื้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับเอื้อมมือรับวิทยุ รอง ผบ.ร้อย กองร้อยที่ 2 ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆมากรอกคำพูดลงไปด้วยความห่วงใยลูกน้อง

“ศรรัก 5 จากกองสิงห์ ขณะนี่ศรรัก 5 ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ถ้ารับฟังอั๊วได้ให้กดคีย์ตอบมา 3 ครั้ง”
มีเสียงฟรืด...ฟรืด...ฟรืด กดตอบผ่านเข้ามาในลำโพงได้ยินอย่างถนัดหู

“ผมคิดว่าจะต้องมีเหตุการณ์อะไรบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น หมวดบุญลือจึงไม่ใช้เสียงตอบมา”
ธงชัย รอง ผบ.ร้อย กองร้อยที่ 3 ที่เพิ่งถอนตัวมาพร้อมกองสิงห์เอ่ยขึ้นอย่างเอางานเอาการ พร้อมกับส่งวิทยุย้อนถามไปอีกครั้งด้วยรหัสที่ใช้กันในระหว่างกองพัน

“บุญลือ อย่าเสียใจไปเลย ฝนถึงแม้จะตกหนักมันก็ยังมีวันหยุด บอกให้ชื่นใจสักนิดเถอะน่า ว่าคุณไม่โกรธผม”
มีเสียงกดคีย์ที่ใช้เป็นสวิทช์ตัดวงจรให้เครื่องวิทยุเปลี่ยนจากเครื่องรับฟังเป็นเครื่องส่งดัง “อืด” ยาวๆ เป็นเวลานานตอบกลับมาจากหมวดบุญลือทันที

“พวกข้าศึกขึ้นมาบนฐานชาร์ลี-ชาร์ลีแล้วครับ บุญลือคงจะอยู่ใกล้ชิดกับข้าศึกมากทีเดียว จึงไม่กล้าพูดวิทยุออกมา นอกจากกดคีย์ให้สัญญาณมาเท่านั้น”
รองธงชัย เอ่ยขึ้นมาพรอมกับสั่งให้ลูกน้องของเขาเข้าไปเสริมแนว ร่วมกับกองร้อยที่ 2 เตรียมพร้อมที่จะรับมือข้าศึก ที่อาจจะทะลักเข้ามาทางเส้นทางที่มองเห็นอยู่สลัวๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดแสงนวลจ้าไปทั่วขุนเขา

“ไอ้มนตรีไปใหนวะ จัดชุดของเอ็งเลือกเอาไอ้ที่คล่องตัวหน่อย ซัก 7 คนก็พอ ออกไปให้ใกล้ฐานเก่าของเราให้มากที่สุด ตรวจการณ์และคอยช่วยเหลือบุญลือด้วย... ถ้าลื้อพิจารณาว่าได้เปรียบก็ตะลุยเข้าไปจวกมันเลย”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นกับหัวหน้าหน่วยคอมมานโดซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ

หน่วยกล้าตายทั้ง 7 สะพาย “M 72” อันทรงอานุภาพคนละสองกระบอก รวบรวมระเบิดมือจากเพื่อนๆ บรรจุลงในถุงที่มีลักษณะคล้ายย่าม ห้อยสะพายเอาใว้ตรงบริเวณเอวด้านตะโพก เกาะขบวนกันลงจากเนินมุ่งหน้าไปยังฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อช่วยเหลือและสังเกตุการณ์ตามคำสั่งของกองสิงห์อย่างรวดเร็ว... ด้วยการประสานงานกันด้วยวิทยุ เอ็ช-ที-ทู (HT-2) ที่เลื่อนสวิทช์ไปที่ปุ่ม “แอร์ทูกราวนด์” ทั้งนี้เพื่อป้องกันข้าศึกที่อาจจะมีวิทยุความถี่ชนิดเดียวกับฝ่ายเรา ดักฟังการเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ตลอดเวลา

หน่วยกล้าตายของกองพันผม สวนทางกับ ผบ.หมวด 5 กับลูกน้องเดนตายของเขา ณ บริเวณเขตติดต่อระหว่างฐานต่อฐานนั่นเอง
มนตรีได้วิทยุขึ้นมาให้กองสิงห์ทราบเพื่อกันความเข้าใจผิด ในขณะที่หมวดบุญลือจะกลับเข้าฐาน
โดยการประสานการปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน ความผิดพลาดอันจะพึงมีขึ้นทุกโอกาสก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

ด้วยสภาพเครื่องแต่งกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนตม ผู้หมวดบุญลือและลูกน้องของเขากลับมาถึงฐานปฏิบัติการกองร้อยที่ 2 ท่ามกลางการซักถามจากเพื่อนๆทหารรับจ้างที่รุมกันเข้ามาไต่ถามกันให้แซ่ดไปหมด

“ในขณะที่ผมกำลังถอนตัว บังเอิญผมนึกถึงวิทยุที่วางเอาใว้ที่กระสอบทรายขึ้นได้ ก็หวนกลับเข้าไปเอาทันที พวกลูกน้องผมของผมมันเป็นห่วง ก็เลยติดตามไปด้วย พอผมเจอวิทยุ ก้นึกสงสัยว่าทำไมปืนใหญ่ของมันจึงยุติการระดมยิงเอาดื้อ พอผมชะโงกศรีษะขึ้นตรวจการณ์จากแนวกระสอบทรายเท่านั้นก้มองเห้นพวกมันปีนขึ้นมาจากบริเวณหน้าแนวลวดหนามคืบคลานเข้ามาในฐานเต็มไปหมดเลยครับ ผมก็เลยต้องหมอบอยู่ใน คูเหล็ดอย่างนั้นเอง หูผมได้ยินเสียงแว่วๆเป็นภาษาไทยออกมาจากเบริมรับส่งวิทยุของมัน ผมรู้ทันทีเลยว่า พวกมันมีวิทยุดักฟังการเคลื่อนไหวฝ่ายเราอยู่ตลอดเวลา ผมตัดสินใจจะพูดวิทยุรายงานให้ผู้พันทราบตั้งหลายครั้งก็กลัวมันจะได้ยิน ผมอยู่ห่างมันไม่ถึง 15 เมตร ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวเราะที่พวกมันแบ่งสิ่งของที่มันค้นมาจากบังเกอร์ของพวกเราได้ ก็พอดีได้ยินเสียงผู้พันและรองธงชัยส่งรหัสมาหาผมที่นี่แหละครับ”

“เอ้าแล้วพวกมันไม่ได้ยินเสียงของอั้วทางลำโพงวิทยุหรอกหรือ ใกล้กันขนาดนั้น”
กองสิงห์ย้อนถามออกไปอีก

“ผมใช้หูฟังต่อออกมาจากเครื่องรับครับ ถ้าไม่มีหูฟังผมโดนอาก้าพรุนไปหมดแล้ว ลูกน้องผมมันจะยิงให้ได้ ผมต้องกระซิบบอกพวกมันพร้อมกับชี้มือให้ดูกลุ่มพวกมันที่คืบคลานเพ่นพ่านอยู่ตรงหมวดอาวุธอีกเป็นฝูงๆนั่นแหละครับ ลูกน้องของผมมันจึงได้ลดความกระเหี้ยนกระหือลงบ้าง ต่อจากนั้นผมตัดสินใจเคลื่อนที่ออกทางช่องกระสอบทรายเลื้อยลงไปในกองขยะส้วมหลังบก.พัน คลานอยู่ในบ่อน้ำคลำอยู่ตั้งนาน กว่าจะหาทางลัดขึ้นมาพบมนตรีเข้ากลางทางพอดี แย่ครับ พวกมันยึดของของพวกเราไปหมดแล้ว”

“ผมคิดว่าในขณะที่ลูกยาวของพวกมันถล่มเราอย่างหนักจนพวกเราพะวักพะวงห่วงหน้าห่วงหลัง พวกมันคงสงบนิ่งอยู่ที่รั้วลวดหนามแล้ว พอตรวจการณ์หน้าของมันเห็นพวกเราถอนตัว มันก็ขึ้นฐานเราทันที เอาละครับ ขอเวลาสักพัก ผมจะไล่ให้มันกระเจิงละไปจากฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ให้จนได้”
กองสิงห์พูดด้วยความเดือดดาลใจ

“กองสิงห์จากสลาตัน ขณะนี้ผมอยู่ห่างจากข้าศึกประมาน 40 เมตร มองเห็นไฟจากก้นบุหรี่ที่พวกมันสูบอยู่อย่างชัดเจนเลยครับ พวกมันคลานเข้าเบริมโน้นออกเบริมนี้กันให้มั่วไปหมด เบริมของผู้พันมันก็ไม่เว้นหรอกครับ จะทำยังไง สั่งการด้วยครับ”
มนตรีส่งวิทยุด้วยระบบแอร์ทูกราวนด์มาดังลั่น

“ค่อยๆหน่อยไอ้มนตรี แหกปากดังๆเดี๋ยวก็โดนซัดด้วยอาร์ก้าวิ่งแจ้นกลับมาหรอก ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ลื้อกล้าเสี่ยงไหมวะ อั้วจะให้ปืนใหญ่ถล่มบริเวณบก.พัน เดี๋ยวนี้”

ต่อจากนนั้นฐานปืนแคนดั้ลก็ได้รับการร้องขอจากกองพันของผมให้สลุตกระสุนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ซึ่งขณะนี้ กลุ่มทหารเวียดนามเหนือกำลังกระจัดกระจายเข้าค้นสิ่งของตามบังเกอร์ต่างๆเป็นพัลวัลไปหมด

เสียงระเบิดของลูกปืนใหญ่ที่แคนดั้นประเคนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ผมอดที่จะหดหู่ใจไม่ได้ นอกจากป้อมสนามที่บวกเราบรรจงสร้างเอาไว้ จะพังพินาศแล้วบรรดาร่างของทหารรับจ้างของเราที่นอนระเกะระกะอยู่ก็คงจะแหลกลาญหาชิ้นดีไม่ได้ด้วย

เสียงระเบิดตึงตังที่ดังเป็นระยะๆ เริ่มถี่ขึ้นทุกที ในเมื่อฐานโกไลแอทเบนปากกระบอกเข้ามาช่วยซัลโวอีกแรงหนึ่ง
“กองสิงห์ครับ แนวกระสุนมันตกใกล้ผมเหลือเกิน ช่วยบอกแคนดั้ลให้ปรับไปที่หัวเนินโน่นซีครับ เล่นยิงแบบนี้เห็นทีจะขอลาละครับ”
มนตรีโวยวายมาดังลั่น เมื่อตำบลกระสุนตกเบียดเข้ามาใกล้ๆ

“ใจเย็น ไอ้ตรี อั๊วบอกแคนดั้ลไปแล้ว ลื้ออย่าเพิ่งถอนตัวนะโว้ย อยู่เป็นสายตาให้กองพันต่อไป ขณะนี้ก็มีแต่พวกลื้อเท่านั้น ที่จะช่วยกองพันเราตรวจการณ์”
กองสิงห์ “ยาหอม” ลูกน้องของเขาต่อไปอีก

“พวกมันเริ่มถอนตัวแล้วครับ วิ่งเผ่นกันไปลงทางเส้นทางที่ลงไปหาศรคีรี 5 ช่วยบอกหมวดศรศักดิ์เตรียมตัวด้วยครับ มันลงไปแล้ว”
มนตรีส่งข่าวมาอีก

“ศรคีรี 5 จาก กองสิงห์ ไอ้ม้าแก่ กระต่ายออกจากกรงช่วยดักจับให้ด้วย”
ยังไม่มีเสียงตอบจาก ผบ.หมวด 5 ก็มีเสียงกราวใหญ่ของปืนกลเบา เอ็ม.60 เซ็งแซ่ขึ้น ณ บริเวณที่ราบ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” พร้อมกับมีแสงสว่างจากแฟร์ถูกยิงโด่งขึ้นมาลอยฟ่องอยู่เหนือบริเวณเนินหัวช้าง ยิ่งแฟร์ลอยต่ำลง มันยิ่งสาดแสงสว่างจ้าขึ้นทุกที
ทั้งปืน ค.60 และปืนกลเบา เอ็ม.60 จากฐานอิสระเบื้องล่าง ก็ประเคนเข้าใส่กลุ่มทหารเวียตนามที่ทะลักลงไป ด้วยการยิงอย่างชนิดที่ไม่ยอมให้ข้าศึกตั้งหลักเลยทีเดียว

แต่ก็เป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พอข้าศึกตั้งหลักได้ พวกมันก็ห้อแน่บเผ่นเข้าป่าทึบ หายหัวไปจนหมดสิ้น
“กองสิงห์จากม้าแก่ กระต่ายกระโดดม้าขย้ำเผ่นป่าราบไปหมดแล้วครับ ขอให้คุณพระคุ้มครองผู้พันและเพื่อนๆของผมทุกคนด้วยครับ โชคดีครับ ผู้พัน”
ผบ0.หมวดอิสระ ส่งข่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เอางานเอาการเป็นครั้งแรก

“เช่นกันโว้ย ม้าแก่ อั๊วยังไม่อาภัสราง่ายๆหรอกวะ ถ้าดวงของอั๊วดีจริง พรุ่งนี้พบกันตอนเช้า........ เลิกกัน”

กองสิงห์ตัดบทห้วนๆ พร้อมกับหันมาสั่งให้ลูกน้องทั้งหมดเตรียมตัวเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้ายึดฐานปฏิบัติการคืน
หลังจากปืนใหญ่ถล่มฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี อยู่พักหนึ่ง ก็ถูกกองสิงหืร้องขอเป็นรหัสให้ยุติการยิง เพื่อนำกำลังพลเคลื่อนที่เข้ายึดฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลี ต่อไป

“มนตรีจากกองสิงห์ ลื้อพาลูกน้องเข้าเคลียร์ฐาน ชาร์ลี-ชาร์ลีได้แล้ว ระมัดระวังตัวหน่อยนะโว้ย ไอ้น้อง ทำสำเร็จอั๊วให้ลาคนละ 15 วัน”

คงจะเป็นเพราะด้วยการอัดฉีดของ ผบ.พันนี่เอง ทำให้หน่วยกล้าตายดังกล่าว คืบคลานออกจากที่ซ่อนพรางมุ่งหน้าขึ้นไปบนที่ตั้งยิงปืน ค. 4.2 ซึ่งสลักปรักพังมองเห็นอยู่ใกล้ๆเพียง 20 เมตร

“ผมยึดหมวดอาวุธหนักได้แล้วครับ ขณะนี้กำลังให้ไอ้เล็กกับไอ้โล้นอ้อมขึ้น บก.พัน ผมยังไม่แน่ใจว่า จะมีพวกมันหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ผู้พันเต้นระบำหรือยังครับ”

“ดีมาก ไอ้น้อง อั๊วเต้นระบำแล้วโว้ย มีอะไรติดต่อมาทันที อั๊วแสตนด์บายวิทยุอยู่ตลอดเวลา”

กองพันผมเริ่มจัดขบวน เคลื่อนย้ายเข้ายึดฐานปฏิบัติการคืนจากข้าศึก ด้วยการมอบหน่วยเข้าตีหน้าสุดให้กับหมวด 2 และหมวด 4 หมวด 1 และ หมวด 3 เป้นส่วนหนุน ส่วนหมวด 5 และหมวด 6 มีหน้าที่คุ้มกัน บก.พัน เดินปิดท้ายขบวนอยู่หลังสุด

การติดต่อกันทางวิทยุ ระหว่างหมวดต่อหมวดถูกระงับชั่วคราว ผมเดินตามหลังกองสิงห์ไปติดๆ หูก็แว่วฟังข่าวคราวจากมนตรีด้วยความสนใจ และอดที่จะนิยมชมชอบต่อความ “กล้า” ของทหารชุดนั้นไม่ได้

ส.ท.มนตรี วีระศิริ เป็นทหารรรับจ้างที่ผ่านสงครามเวียดนามอย่างโชกเลือดมาแล้ว ทั้งๆที่ฐานะครอบครัวก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ด้วยความที่อยากจะใช้ชีวิตในการผจญภัย มนตรีก็สมัครเข้ามาเสี่ยงโชคในสมรภูมิลาวอีกครั้ง
ผมและมนตรี วีระศิริ สนิทสนมกันเป็นพิเศษ คงเนื่องจากชะตาต้องกันนั่นเอง ไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลไหน มนตรีไม่เคยห่างผมและ ผบ.พัน แม่แต่ก้าวเดียว (หลังจากมนตรีได้รับอุบัติเหตุ จากน้ำมือทหารรับจ้างขี้เมาโยนระเบิดเข้าใส่ จนต้องได้รับการผ่าตัดที่ช่องท้อง ที่ รพ.น้ำพอง มนตรีก็ต้องโดนปลดออกจากอาชีพทหารรรับจ้างเนื่องจากพิการ ต่อจากนั้นทั้งผมและมนตรีก็ขาดการติดต่อกันจนกระทั่งบัดนี้ขอให้พึงทราบใว้ด้วยเถิดเพื่อนรัก ผมยังไม่เคยลืมวีรกรรมของเพื่อนเลย ในชีวิต เราจะต้องพบกันอีกครั้ง)

มีเสียงระเบิดดังตูมใหญ่ขึ้นมา บริเวณเนิน ชาร์ลี-ชาร์ลี ทำให้ขบวนทหารรับจ้างที่กำลังเคลื่อนที่ชงักทันที

“ผู้พันครับ พวกมันที่เหลืออยู่ตอกไอ้โล้นด้วย อาร์.พี.จี เฉียดก้นไปนิดเดียวครับ ผมคาดว่าพวกมันอย่างดีก็ไม่เกิน 5 คน เลิกกันนะครับ ผมจะลงไปสบทบกับพวกเราเดี๋ยวนี้”

กองสิงห์ยังไม่ทันจะตอบลูกน้อง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ขึ้นพร้อมกัน 4-5 ครั้ง

“สงสัยพวเราจวกมันด้วย M-72 เข้าไปแล้ว เสียงระเบิดแน่นๆแบบนี้ M-72 แน่ๆครับ๐

ธงชัย รอง ผบ. ร้องกล่าวขึ้นพร้อมออกคำส
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่