ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๒) ๒๒ พ.ย.๕๗

เปิดกรุหนังสือเก่า

ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย

ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๒)

สยุมภู ทศพล


ผมเผ่นพรวดเดียวออกมานอกบังเกอร์ แต่ไม่เร็วไปกว่ากองสิงห์ ซึ่งขณะนี้คว้ากล้องสนามตรวจการณ์บริเวณเนินทันเดอร์อย่างเอาใจใส่ แล้วหันมาพูดกับผมเบาๆว่า
“พวกมันลาก ปืน ค. 82 จากสนามบินซำทอง ขึ้นมาตั้งฐานยิงบนเนินทันเดอร์แล้วครับ อ่านไต๋มันไม่ออกเลยว่ามันจะเล่นงาน 604 หรือกองพันเราแน่ ผมไม่รอมันละ”

กองสิงห์หันไปออกคำสั่งกับ ผบ.หมวดอาวุธหนักที่ยืนอยู่ข้างๆทันที

“กองจันทร์ เตรียมปืน ค. 4.2 ยิงไปที่เนินทันเดอร์ ตรงบริเวณที่ตรวจการณ์หน้าของเราตรวจพบข้าศึกเดี๋ยวนี้ ปรับทางปืนด้วยตนเอง เพราะมองเห็นที่หมายชัดมาก พร้อมแล้วซัดเลย เอาลูกควันก่อนนะ”

“ปืน 4.2 ระยะยิง 4 ก.ม. ที่หมายกลุ่มข้าศึกและปืน ค.แบบ 82 พร้อมยิงได้”

กองจันทร์ออกคำสั่งให้ลูกน้องหมวดอาวุธหนักที่ขณะนี้กำลังสาละวนวัดระยะหามุมการยิงกันชุลมุนวุ่นวาย
ปืนของเรายังไม่ทันยิงเลยครับ ปืนของข้าศึกที่อยู่บนเนินทันเดอร์ก้เล่นงานพวกเราเข้าให้แล้ว มีเสียงดังตุ้งเบาๆ ต่อจากนั้นชั่วอึดใจ ก็มีเสียงวี้ดข้ามฐานของเราเลยไปตกบริเวณหุบเขาเบื้องล่าง พร้อมกับเสียงระเบิดดังก้องหุบเขา เสียงสะท้อนของมันบาดจิตรบาดใจเข้าไปในหัวสมอง

“เร็วๆเข้าโว้ย ปล่อยให้พวกมันจวกเราอยู่ได้”

กองสิงห์ ตะโกนขึ้นอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับหันไปสั่งการให้พนักงานวิทยุร้องขอปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลช่วยยิงสนับสนุนอีกด้านหนึ่ง

มีเสียงดังตุ้งติดตามมาอีกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ตำบลกระสุนตกเขยิบขึ้นมาอยู่บนแนวลวดหนามข้างหน้าสุด ห่างฐานปฏิบัติการของเราเพียง 100 เมตรเท่านั้น

“เฮ้ย ลงคูเหลดให้หมดโว้ย มันปรับปืนเข้าใส้ไปเลย ประเดี๋ยวเถอะเอ๊ย ไม่เบิร์มใครก็เบิร์มใครต้องป่นปี้กันบ้างล่ะ ครอบยากจะลองก็เชิญตามสบาย”

รอง ผบ. 403 ตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องลงหลุม

เสียงคำรามหนักแน่น ของปืน ค 4.2 ของฝ่ายเราที่เริ่มปล่อยกระสุนควันออกเป็นนัดแรก เพียงชั่วครู่ควันสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ บริเวณเนินทันเดอร์มองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างถนัดชัดเจน

“ระยะใช้ได้ แต่ต้องเพิ่มไปทางขวาอีก 400 เมตร คราวนี้เอาลูกสังหารเลย”

กองจันทร์ตะโกนสั่งลูกน้องของเขาอีกครั้ง

เสียงคำรามของลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ความดังของมันมิผิดเพี้ยนกับเสียงของลูกระเบิดที่ทิ้งจาก F-105 ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวจากทางเมืองล่องแจ้ง ชั่วอึดใจก้มีเสียงวี้ดข้ามศรีษะพวกเราไปทางเนินทันเดอร์ พร้อมกับมีควันสีขาวรวมกลุ่มกันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ณ จุดที่อยู่ห่างจากที่ตั้งข้าศึกเพียง 200 เมตร

“ศรแดงจากแคนเดิ้ล เป็นอย่างไรบ้างครับ ของขวัญจากแคนเดิ้ล ช่วยปรับให้ด้วยครับ”

กองสิงห์หันไปเอื้อมมือคว้าปากพูดหูฟังของเจ้า “ปิ๊ค 77” ที่ดังกังวานอยู่ใกล้ๆขึ้นมาทันที กดวิทช์ที่อยู่ข้างหูฟัง กรอกคำพูดไปยังฐานปืนแคลเดิ้ลอย่างรวดเร็ว

“โอเค จากศรแดง ลด 200 เมตร ขอลูกสังหาร 1 ชุดใหญ่ ช่วยโยกซ้ายโยกขวาให้ด้วยครับ”

“โอเคครับ ลด 200 เมตร ยิงแบบจังหวะหนังตะลุง รอประเดี๋ยวนะครับ”

พนักงานวิทยุขี้เล่นจากแคนเดิ้ลสวนคำพูดมาในทันทีทันใด

“เฮ้ย ไอ้พวกมือปืนขี้เท่อ พวกเองหยุดยิงได้แล้ว ยิงภาษาอะไรกันวะ ห่างตั้งเกือบครึ่งกิโล”

กองสิงห์หันไปตะโกนด่าหมวดอาวุธหนักท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ของกลุ่มทหารรับจ้างที่รู้ “กำพืด” ของทหารหมวดอาวุธหนักแตละคนว่า “ติดกัญชา” กันจนงอมแงมจนทำอะไรดูอืดอาดไปหมด

“ปล่อยมาแล้วครับ โยกซ้ายโยกขวาพร้อมๆกันทั้งสองกระบอก ช่วยตรวจมาให้ด้วยคร้าบ”

คราวนี้ตำบลกระสุนตกของปืนใหญ่ตกลงกลางที่ตั้งปืนของข้าศึกพอดิบพอดี ได้ยินเสียงระเบิดดังแทรกซ้อนขึ้นมาติดๆกัน 4-5 ครั้ง

“ลูกปืน ค ของพวกมันถูกอำนาจระเบิดหมดเกลี้ยงเลยครับ แบบนี้ปืนของมันพังแน่นอน”

ตรวจการณ์หน้าซึ่งซ่อนพลางอยู่บนยอดเนิน “อานม้า” ส่งข่าวเข้า บก.พัน

“แคนเดิ้ลจากศรแดง ปืนของข้าศึกถูกทำลายแล้ว หมดภาระกิจยิง ขอบพระคุณมากครับ มีเหตุการณ์ผมจะร้องขอไปอีก”

“ศรแดงจากแคนเดิ้ล มีอะไรบอกมาเลย สวัสดีครับ”

เสียงคำพูดของพนักงานวิทยุจากแคนเดิ้ลยังไม่ขาดคำก็ปรากฎเสียง วี้ด วี้ด ดังแหลมยาวอยู่บนท้องฟ้า พอสิ้นเสียงของมัน ก็ปรากฏเสียงระเบิดกึกก้องหลังบังเกอร์วิทยุ บก.พัน
ทั้งควันระเบิดและฝุ่นกระเด็นคลุ้งไปหมด กลุ่มทหารรับจ้างที่นั่งกันหน้าสลอนอยู่บนแนวกระสอบทราย ต่างก็พากันเผ่นหัวซุกหัวซุนลงคูเหล็ดชนิดยอมเจ็บตัวกันเลยทีเดียว

กองสิงห์ ยกเท้าถีบกลางหลังผมหล่นวูบลงไปในหลุมเพาะที่ขุดไว้อยู่ข้างๆ พร้อมกับพุ่งตัวลงมาหมอบอยู่ข้างๆผม

“ปืนใหญ่ 130 มม.ของมันแน่นอน คงจะยิงมาจากซำทอง คราวนี้เห็นจะแย่ครับ เพราะเราตรวจการณ์ไม่เห็นที่ตั้งของมันเลย คุณรีบขอเครื่องบินไปก็แล้วกัน”

กองสิงห์สั่งงานรวดเร็วตามแบบฉบับของเขา

“ผมขอไปทางเบาน์เดอร์ตั้งแต่ตรวจการณ์พบที่ตั้งปืน 82 ของมันแล้ว เบาน์เดอร์ก็บอกให้รอเครื่องจากนาซู ไม่เห็นมาซักที นี่ก็เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว น่ากลัวเครื่องจะไปทำงานอยู่ทางปากเซแน่ๆ”

เสียงวี้ดของหางนำทิศปืนใหญ่ ได้ดังกังวาลแหวกอากาศเข้ามาอีก คราวนี้มันเล่นงานเสาอากาศแบบทรีท็อปที่สูงตระหง่านอยู่โค่นลงมาทันที หลังคาของบังเกอร์พนักงานวิทยุที่สร้างอย่างแข็งแรงทลายลงเหมือนกับโดนซุงขนาดใหญ่กระทุ้ง เดชะบุญที่พนักงานหิ้ววิทยุออกมาตรวจการณ์อยู่ข้างนอกกับ ผบ.พัน มิฉะนั้นแล้วจะต้องโดนฝังทั้งเป็นไปพร้อมๆกับบังเกอร์ที่ถล่มทลายไปสดๆร้อนๆ นั่นเอง

“ทหารปืนใหญ่ตาย 2 คน บาดเจ็บแขนขาดอีก 2 คน ให้แฟ็กช่วยเรียกชอปเปอร์มารับด้วยครับ”

ทหารรับจ้างชั้ย ผบ.หมวดคนหนึ่งตะโกนฝ่าเสียงระเบิดขึ้นมา

ผมติดต่อขอชอปเปอร์จาก บก.ทันที และทาง บก.ก็ย้ำมาว่าจะพยายามส่งชอปเปอร์มารับผู้บาดเจ็บทันทีที่การระดมยิงของข้าศึกเบาบางลง
ฐานแคนเดิ้ลหมดปัญญาที่จะสนับสนุนพวกเรา แล้ว เพราะที่หมายของที่ตั้งปืนใหญ่ของข้าศึกตั้งอยู่กลางถ้ำหิน มองเห็นแต่ประกายควันตอนมันพ่นกระสุนออกจากลำกล้องเพียงเบาบางเท่านั้น

ปืนของมันเริ่มซัลโวที่ตั้งฐาน บก.พันของเราถี่ยิบ จนกองสิงห์เอะใจ สั่งให้ทหารตรวจการณ์บริเวณนอกรั้วลวดหนามอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะลักษณะการยิงเช่นนี้ เป็นการยิงสนับสนุนกลุ่มทหารราบของพวกมันให้เข้าตีฐานเรานั่นเอง

“ข้าศึกประมาน 2 กองร้อย กำลังมุ่งหน้าจากพิกัด 734635 ขึ้นมาบริเวณอานม้า ช่วยให้ แคนเดิ้ลยิงทำลายด้วยครับ”
ผบ.หมวด 5 กองร้อยที่ 2 ซึ่งเป็นหมวดระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ซึ่งอยู่ที่ต่ำจากเนินหัวช้างตรงบริเวณทางแยกขึ้นเนินสกายไลน์ส่งข่าวให้ บก.พันทราบในทันทีทันใดที่ตรวจการณ์พบข้าศึกกำลังมุ่งหน้าเข้ามา

“จากแคนเดิ้ล ผมกำลังฟังอยู่แล้วครับ ขอย้ำอีกครั้งว่าเป้าหมายคือทหารข้าศึกที่พิกัด 734635 ถูกต้องไหมครับ”

“ถูกต้องแล้วครับ รีบปล่อยมาเร็วๆหน่อยครับ พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว”
ผบ.หมวดที่ 5 ของกองร้อยที่ 2 ที่ถูกแยกกำลังพลออกไปตั้งฐานโดดเดี่ยวละล่ำละลักขอความช่วยเหลือจากฐานปืนใหญ่ด้วยความตกอกตกใจ

“ปล่อยมาแล้ว ช่วยตรวจให้ด้วย”

“ซ้าย 300 ลด 400 โอเคมั้ยครับ”

“รับข่าวถูกต้องครับ ซ้าย 300 ลด 400 โปรดรอสักครู่ ผมจะส่งของขวัญมาให้พวกมันอีก”

“แคนเดิ้ลจากศรแดง ขณะนี้ข้าศึกเคลื่อนที่ผ่านอานม้ามุ่งหน้าขึ้น บก.พันแล้วครับ ช่วยยิงคุ้มกันกองพันให้ผมด้วย”

“ทหารทุกคนเตรียมพร้อม ยิงทันทีเมื่อเห็นตัวข้าศึก ขณะนี้ปืนจากฐานต่างๆสนับสนุนเราไม่ได้แล้ว เพราะข้าศึกเคลื่อนที่เข้าประชิดฐานของเรา จนปืนใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะกลัวลูกกระสุนจะชอร์ทถูกพวกเดียวกัน”

กองสิงห์ออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดพร้อมับหันมากระซิบกับผมเบาๆว่า

“อย่าหวังเลยครับเครื่องบินจากนาซู พอฐานกองพันทหารรับจ้างเข้าตาจนทีไร มักจะมีอุปสรรคอย่างนี้ทุกที ผมจะฟัดมันด้วยอาวุธเท่าที่มีอยู่ในกองพัน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ บิ๊กแมนอย่าโผล่ศรีษะขึ้นมาพ้นแนวกระสอบทรายนะครับ”

กองสิงห์อดที่จะเป็นห่วงเป็นใยในความปลอดภัยของผมไม่ได้

“ค.60 ทั้งสองกระบอกตั้งทิศทางการยิงไปที่เนินอานม้า มุม 70 องศา ยิงทันทีเมื่อข้าศึกโผล่ขึ้นมาทางด้านนั้น”

เสียงสั่งการโหวกเหวกดังให้แซ่ดไปหมด ในวิทยุสนามแบบ HT-2 ที่รับฟังได้ทั้ง 3 กองร้อย
เสียงปืนอาร์ก้าเริ่มคำรามจากเนินอานม้าเข้าให้แล้ว จากกล้องสนามที่ผมยื่นออกจากช่องกระสอบทรายสามารถมองเห็นข้าศึกที่ยืนลับๆล่อๆอยู่ ณ บริเวณแมกไม้อย่างชัดเจน

“โอ้โห รูปร่างของมันไม่ใช่เล็กๆเหมือนคนญวนทั่วเลยนี่ครับ ใหญ่โตสูงขาวเหมือนกับคนจีนเลยทีเดียว ผมว่าจีนแดงแหงๆเลยครับ”

“ผมคิดว่า พวกจีนแดงคงจะส่งผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุระเบิด หรือไม่ก็ผู้วางแผนทางยุทธวิธีมาร่วมประสานงานกับกองพันทหารเวียดนามเหนือตามโครงการช่วยเหลือที่มีต่อกัน ไอ้ตัวที่คุณบิ๊กแมนส่องกล้องมองเห็นตะกี้นี้ ต้องเป็นตัวชั้นหัวกระทิอย่างแน่นอน”

กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสั่งการทางวิทยุต่อไป
“อาวุธทุกชนิด ยิงลงไปทางรั้วลวดหนามด้านเนินอานม้า ประสานการยิงอย่าให้พวกมันเคลื่อนที่เข้ามายิงได้”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำสั่งของ ผบ.พัน เสียงระเบิดนานาชนิดก็เซ็งแซ่ขึ้นรอบด้าน ห่ากระสุนนับเป็นหมื่นๆนัด ตัดกิ่งไม้บริเวณเนินอานม้าขาดปลิวว่อนกระเด็นไปทุกทิศทุกทาง บางครั้งมีเสียงระเบิดของปืนจรวดแม็กนีโตแบบเอ็ม 72 ดังแทรกขึ้นกลบปืนเล็กกลต่างๆให้เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามา ประสพกับการยิงต้านทานอย่างชนิดถวายหัวเข้า ก็ไม่สามารถที่จะรุกคืบหน้าเข้ามาได้ การยิงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน และทวีความเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้นทุกที

ผมมองเห็นประกายไฟวาบบนเนินอานม้า พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังสนั่นเหมือนกับฟ้าผ่าตรงบริเวณรั้วลวดหนามที่อยู่ใกล้ บก.พันที่สุด อำนาจของระเบิดส่งลวดหนามทั้งแผงกระเด็นขึ้นมากองเป็นกระจุกอยู่บนคังคาบังเกอร์ของหมวดพยาบาล นอกจากนั้น แรงระเบิดของมันยังตัดสายเคโม (กับระเบิด) ที่ทหารฝ่ายเราวางดักข้าศึกเอาไว้จนขาดกระจุยกระจายไปจนหมดสิ้น

ประกายไฟวาบที่สองได้ติดตามมาอีกครั้ง คราวนี้วิถีกระสุนของมันพุ่งเข้าปะทะร่องสนามเพลาะ อำนาจทะลุทะลวงของมัน แหวกร่องสนามเพลาะออกเป็นช่องพร้อมกับระเบิดเสียงสนั่นหวั่นไหว ส่งร่างของทหารรับจ้างที่อยู่ห่างจากหลุมเพลาะของผมออกไปทางซ้ายมือประมาน 25 เมตร ลอยกระเด็นขึ้นมาพาดค้างอยู่บนแนวกระสอบทราย พระเจ้าช่วย... ท่อนบนของทหารรับจ้างคนนั้นขาดหายไปเสียแล้ว

“ผู้พันครับ พวกมันเอา ปรส. (ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง) ขึ้นมาตั้งกระหน่ำเราบนเนินอานม้าแล้ว ตัดสินใจให้ปืนใหญ่จากแคนเดิ้ลยิงเถอะครับ ผู้พัน แม้จะใกล้ฐานก็ต้องเสี่ยงกันละครับ”

รอง ผบ.ร้อย 3 ตะโกนฝ่าเสียงระเบิดเข้ามา

“ให้ทหารลงหลุมให้หมด ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ อั้วจะให้แคนเดิ้ลยิงเดี๋ยวนี้”

กองสิงห์กัดกรามพูดพร้อมกับตัดสินใจ เพื่อความอยู่รอดของลูกน้อง สั่งยิงปืนใหญ่ทันที
เนื่องจากเนินอานม้า เป็นเนินที่ทหารของกองพันผมใช้เป็นที่ตรวจการณ์ พิกัดของเนินดังกล่าวขึ้น “สกอร์บอร์ด” อยู่ที่ฐานปืนใหญ่แคนเดิ้ลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้เนินอานม้าจะอยู่ห่างจากฐานของเราเพียง 100 เมตร เพื่อความอยู่รอด ปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลตัดสินใจยิงทันที

เหมือนกับพระเจ้าช่วย 3 นัดแรกของแคนเดิ้ลตกลงบนที่หมายพอดิบพอดี จะมีอะไรเหลือครับ แรงระเบิดของกระสุนขนาด 155 มม. ส่งทั้งปืนและพลยิงกระเด็นหายไปจากตาเหมือนกับถูกมือยักษ์กระชากออกจากกัน อีก 2 ลูกชอร์ท ตกลงข้างๆ
เดชะบุญ กระสุนด้าน ทำให้ทหารรับจ้างที่อยู่ในคูเหลดเผ่นโกยอ้าว กระโจนไปแย่งหลุมบุคคลที่เพื่อนๆทหารบางคนซุกตัวหมอบอยู่ก่อนแล้ว ด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ท่ามกลางเสียงโวยวายของเพื่อนฝูงที่อยู่ดีๆก็มีร่างมนาญ์กระโจนทับมาบนศรีษะ เล่นเอาเพื่อนฝูงที่อยู่ข้างๆอดที่จะหัวเราะมิได้
พอ ปรส. กระบอกที่ ข่ม กองพันของเรา ถูกอำนาจปืนใหญ่จากฐานแคนเดิ้ลยิงกระจุยกระจายพังพินาศไปต่อหน้าต่อตาของบรรดาทหารรับจ้าง ทำให้ขวัญกำลังใจที่เขม็งเกลียวเต็มที่ของทหารเหล่านั้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างทันตาเห็น

เสียงรัวอย่างถี่ยิบของปืนกลเบาแบบเอ็ม. 60 จากฝีมืออง “เจ้าดำ” อดีตช่างตัดผมฝีมือเยี่ยม แต่ใจร้อนในอดีตที่มือไว ใช้มีดโกนปาดคอคู่อริในสถานอาบอบน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่