ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๓) ๒๔ พ.ย.๕๗

เปิดกรุหนังสือเก่า

ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย

ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๓)

สยุมภู ทศพล

ผมพยายามเอาตอนนี้มาวางตั้งแต่เมื่อวาน ไม่สำเร็จ เมื่อกี้ลองใหม่ก็ไม่สำเร็ฟจอีก

คราวนี้ลองใหม่ครับ

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 13

เพื่อความเหมาะสม กองสิงห์ได้ออกคำสั่งให้เม้าส์แทร็ป แฟ็กประจำกองพันไปประจำอยู่ที่กองร้อยที่ 1 ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ทางปีกซ้ายสุดของเนินสกายไลน์วัน ทั้งนี้เพื่อให้เม้าแทร็ปสามารถมองเห็นลักษณะภูมิประเทศรอบฐานพอที่จะแจ้งทิศทางหรือที่ตั้งของข้าศึกให้เครื่องบิน “แอร์สไตร๊ค์” ทิ้งระเบิดได้เลยโดยไม่ผิดพลาด

เม้าแทร็ปเก็บเครื่องสนามพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ

“ผมไม่อยากอยู่ห่างคุณเลย บิ๊กแมน สถานการณ์เช่นนี้ ผู้พันไม่น่าจะปล่อยเดี่ยวผมเลย เมื่อตอนเช้าคุณก็คงเห็นแล้ว ผมไซส์ไปหมด ขนาดพูดยังไม่เป็นภาษาคน ถ้าข้าศึกมันบุกขึ้นฐานจริงๆ ผมคงช็อคตายแน่”

ผมเอื้อมมือไปตบไหล่เม้าแทร็ปเบาๆพร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจว่า

“ผมเห็นใจคุณครับ ผมก็เช่นเดียวกัน เวลาออกทำงานใหม่ๆตอนแรกสั่นยิ่งกว่าคุณเสียอีก แต่พอนานๆเข้ามันก็ชินไปเอง ผู้พันท่านคงเห็นว่าพื้นที่ของศรดำ (กองร้อยที่ 1) เป็นเนินลาดลงไปเบื้องล่าง ถ้าเครื่องบินมาทำงาน และเราสองคนอยู่บนชาร์ลี-ชาร์ลี มองไม่เห็นภูมิประเทสทางโน้นหรอกครับ ผมคิดว่าท่านวางแผนของท่านถูกแล้ว”

“โอเคครับ ผมถือโอกาสลาคุณเสียเลย ถ้าผมเป็นอะไรลงไป กรุณารับเงินเดือน-เดือนนี้ไปฝากให้แฟนของผมด้วย”
เม้าแทร็ปคว้าเป้ที่บรรจุ ปิ๊ค-77 ขึ้นสะพายหลังพร้อมใช้มือขวาถือคอปืน M-16 เดินออกไปจากบังเกอร์พร้อมด้วยทหารคุ้มกัน 3-4 คน มุ่งหน้าไปยังกองร้อยหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปประมาน 800 เมตรอย่างรวดเร็ว
ผมอดใจหายไม่ได้ คำพูดตอนสุดท้ายของเม้าแทร็ปยังกังวานอยู่ในสมอง มันคล้ายๆกับจะเป็นลางสังหรณ์ว่าเม้าแทร็ปจะต้องประสพเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน คงจะเป็นจิตสำนึกที่อยู่ภายในสมองของเขาบงการให้เขาพูดออกมาเช่นนั้น เหมือนกับเม้าแทร็ปจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้ายังไงยังงั้น

พาสเวิร์ด (สัญญาณผ่าน) ประจำวัน ถูกออกคำสั่งให้พลนำสารตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ห้ามทหารทุกคนออกเดินเพ่นพ่าน ให้อยู่ในคูเหล็ดหรือในเบิร์มเท่านั้น
ผู้มีหน้าที่เฝ้ายาม เจอะทหารรับจ้างคนใดที่ต้องเดินผ่านฐานจะต้องถามสัญญาณผ่านทันที และถ้าเกิดบังเอิญถึงคราวซวยจำรหัสไม่ได้ก็ตายฟรีเท่านั้น
ส่วนผมต้องใช้หัวนิดหน่อย เวลาปวดท้องอึจนทนไม่ใหวก็ต้องใช้วิธีตะโกนถามหายามว่าอยู่ที่ใหน
ปกติทหารรับจ้างแทบทุกคนจะต้องรู้จักยาม พอผมใด้รับคำตอบ ยามจะเดินเข้าหาผมทันที คราวนี้ผมก็นั่งอึอย่างสบายแถมมีทหารรับจ้างถือปืนคุ้มกันเป็นเพื่อนคุยซะอีก

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี “เม้าแทร็ป” ก็เช็ควิทยุมาที่ผมเป็นการยืนยันว่าขระนี้ เม้าแทร็ปเข้าฐานปฏิบัติการโดยเรียบร้อย
พระอาทิตย์เพิ่งจะลับหายไปจากสันเขาความสว่างของบรรยากาศเริ่มสลัวลงทุกขณะ ในไม่ช้าอากาศก็มืดมิดไปทั่วบริเวณ

ผมนั่งภาวนา ขออย่าให้หมอกปกคลุมสกายไลน์เหมือนอย่างทุกครั้งเลย อากาศปิดทีไรพวกข้าศึกจะฉวยโอกาสเข้ามาเกาะฐานของเราทุกที พอรุ่งเช้าอากาศเปิดพวกมันก็เต็มรั้วลวดหนามไปหมดแล้ว

“ศรแดงจากศรคีรี 5 ผมขอตะเกียง 2 ดวงครับ จะตรวจการณ์บริเวณเนินอานม้า”
ผบ.หมวดที่ 5 จากฐานชาร์ลี-เอคโค่ ซึ่งอยู่ส่วนหน้าสุด ร้องขอแฟลร์มาที่ฐาน บก.พัน

แฟลร์ที่บรรจุอยู่ในลูกปืน ค. ขนาด 81 ถูกยิงโด่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วอึดใจก็ส่องสว่างอยู่เหนือเนินอานม้าด้วยความสว่างขนาดหมื่นแรงเทียน

“ขออีกดวงหนึ่งครับ ลดซัก 300 ซ้าย 100 รับปากได้หรือปล่าวครับ”

“โอเค ลด 300 ซ้าย 100 แถมให้สองดวงติดๆกัน พยายามตรวจการณ์ให้ดีๆหน่อยเพื่อนฝูง”

พนักงานวิทยุจากหมวดอาวุธหนัก อดที่จะตอแยตามวิสัยผู้ที่ชอบเสพกัญชาไม่ได้

คราวนี้แฟลร์สองดวงถูกยิงขึ้นไปลอยฟ่องคู่กันอยู่บนท้องฟ้า แสงที่สว่างจ้าของมันสาดลงไปลามเลียภูมิประเทศเบื้องล่างสว่างไสวยังกับมีงานมหรศพ

“ข้าศึกไม่น้อยกว่า 4-5 คน กำลังลากศพพวกมันออกจากรั้วลวดหนาม แล้วเดินขึ้นไปบนเนินอานม้า ช่วยจวกให้หน่อยครับ”
ผบ.หมวด 5 รายงานขึ้นมาอีกครั้ง

“แฟลร์อีก 3 ดวงพร้อมยิงได้ ค.60 ตั้งทิศทางยิงไปที่เนินอานม้า ยิงทันทีเมื่อแฟลร์ถูกส่งขึ้นเหนือเป้าหมาย”
กองสิงห์สั่งการรวดเร็วฉับพลัน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อจากนั้น ค.60 ก็เริ่มพ่นกระสุนเข้าใส่เป้าหมายเป็นชุดๆ ติดตามด้วยเสียงกราวใหญ่ของปืนกลเบา M.60 ช่วยปลุกประสาทให้กลุ่มทหารรับจ้างที่หมอบนิ่งอยู่ในแนวสนามเพลาะหูตาสว่างไสวขึ้นทันที และทหารรับจ้างบางหมวดที่อยู่ใกล้กับเนินอานม้าสามารถตรวจการณ์มองเห็นที่หมายซึ่งขณะนี้จ้าไปหมดด้วยอำนาจแฟลร์ที่ถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่ขาดระยะ ก็พากันกราดปืน M-16 เข้าใส่ข้าศึกอย่างชุ่มมือ

ทหารเวียดนามเหนือได้อาศัยความมืดแฝงกายเข้ามาลากศพของพวกมัน ที่นอนระเกะระกะจากอำนาจปืนใหญ่ และจากการกวาดล้างของหน่วยกล้าตาย ซึ่งจากการสำรวจ ข้าศึกถูกสังหารถึง 38 ศพ นับเป็นการสูญเสียที่พวกมันคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

พอโดนโจมตีด้วยอาวุธหนัก พวกข้าศึกก็ผละจากบริเวณรั้วเผ่นเข้าป่าทึบทันที เสียงปืนที่เซ็งแซ่อยู่รอบทิศสงบเงียบเป็นปลิดทิ้ง

“ผู้พันครับ ไอ้แกวมันถอดเอาเคย์โมว์ (กับระเบิด) ของพวกเราไปหมดเลยครับ ผมกดสวิทช์หวังจะจวกมันปรากฏว่า พวกมันถอดเอาไปเกลี้ยง”
ทหารรับจ้างรายงานข่าวเข้า บก.พันไม่ขาดระยะ

“ส่งข่าวไปยังกองร้อยต่างๆให้ระมัดระวังด้วย อากาศทำท่าไม่ดีอีกแล้ว ถ้าอากาศปิด จะตรวจการณ์พวกมันลำบากยิ่งกว่านี้”
กองสิงห์หันไปสั่งพนักงานวิทยุให้ส่งข่าวไปยังกองร้อยต่างๆพร้อมกับกำชับให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

สายหมอกเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้นทุกที...มันเริ่มปกคลุมตั้งแต่ยอดเนินและแผ่กระจายช้าๆคลุมอาณาบริเวณเนินชาร์ลี-ชาร์ลี และบริเวณใกล้เคียงมองดูมืดทึบไปหมดทั้งภูเขา สายหมอกหนาแน่นจนกระทั่งไม่สามารถที่จะเห็นกันได้ในระยะ 10 เมตร ทำให้เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปในหัวใจของกลุ่มทหารรับจ้างเป็นทวีคูณ

ผมนอนห่มผ้าสักหลาดสองผืนซ้อนอยู่ในบังเกอร์ที่สร้างด้วยแผ่นเหล็กหนาถึง 4 หุน แล้วนอกจากนั้นยังมีกระสอบทรายวางซ้อนอีกหลายชั้น
PRC-77 ส่งเสียงแว่วๆอยู่บริเวณหัวนอน ผมทอดสายตามองฝ่าสายหมอกลอดประตูบังเกอร์ออกไปภายนอก ก็มองเห็นแต่สีขาวโพลนไปหมดทั้งฐานปฏิบัติการ เสียงตะโกนถามรหัสผ่านจากกลุ่มทหารรับจ้างดังโหวกเหวกมาทางหมวดอาวุธหนัก ติดตามมาด้วยเสียงด่าอย่างอารมณ์เสียของทหารรับจ้างบางคนที่หิวกัญชาจนหน้ามืด

“ยิ้มกระดิ่งเอาห่อเนื้อเก็บซ่อนไว้ที่ใหนโว้ย...กูจนจะลงแดงตายอยู่แล้ว เฮ้ย ใครมีขอปันกูหน่อยเถอะวะ”

“มีแต่ลูกแตก...จะ-มั้ย ไอ้แทน”

ทหารรับจ้างคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างเหลือดอด

“สำหรับลูกแตกพี่ไม่ขอรับ ถ้าจะให้จั๋งหนับ...พี่ขอเปลี่ยนเป็นบ้องกัญชา”

ด้วยสำเนียงลิเกที่เล่นลูกคอพริ้วราวกับลิเกอาชีพเรียกเสียงหัวเราะคลืนใหญ่จากกลุ่มนิยมควันทั้งหลายที่รวมกลุ่มกันเวียนเทียนบ้องกัญชาไปรอบๆ คูสนามเพลาะเข้าทำนองถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน

“บิ๊กแมนหลับหรือยัง”
ผมได้ยินเสียงเม้าแทร็ปแว่วผ่านลำโพง PRC-77 ออกมา

“ใครจะหลับเข้าไปใหว ทางคุณมีอะไรผิดสังเกตุบ้างมั้ย”

“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกครับ อากาศก็ปิดขนาด ซีโร่-ซีโร่ ทีเดียว ยิงแฟร์จนเกือบหมดลังก็ตรวจการณ์อะไรไม่เห็น ตะกี้นี้มีพวกเรา กิโล-วิสกี้ (ตาย) มั่งหรือเปล่าครับ”

เม้าแทร็ปย้อนถามผมเป็นรหัส แฟ็ก มาอีก

“เนกาทีฟ (ไม่มีครับ) ขณะนี้ทางผม ซิสซูเอชั่น ไคว้ทเอ็ท (สถานการณ์เงียบ) เลิกกันนะครับ”
ผมตัดบทออกไป เพราะเกรงใจสถานีอื่นๆที่จะใช้วิทยุทำการส่งข่าวราชการในช่วงเวลานั้น

“ระวังเด้อ-บิ๊กแมน ระวังพวกแกวมันสิขึ้นมาตัดเจ้าเด้อ”

มีเสียงล่ามประจำกองพันใดกองพันหนึ่งที่ผมจำเสียงไม่ได้เอ่ยกระเซ้าผมขึ้นมาทางวิทยุ PRC-77

ได้ยินเสียงแว่วๆเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์เล็กๆ ที่กำลังเปิดเพลงกุหลาบปากซัน ในรายการทหารแนวหน้าจากสถานีวิทยุเมืองเวียงจันทร์อย่างสบายใจ

พูดถึงเรื่องวิทยุ ผมมีข้อเปรียบเทียบที่ขอสาบานว่าไม่เคยได้ค่าโฆษณาจากบริษัทใดบริษัทหนึ่งมาก่อนเลย ผลการรับฟังวิทยุบนภูเขาในประเทสลาว วิทยุกระเป๋าหิ้วไม่ส่าจะเป็นยี่ห้อใด ที่มีราคาเป็นพันๆบาทขึ้นไปไม่ติดฝุ่น “ธานินทร์” ที่ผลิตในประเทศไทยหรอกครับ ถ้าท่านผู้อ่านไม่เชื่อก็ลองสอบถามทหารรับจ้างบางคนที่ท่านบังเอิญได้มีโอกาสสังสรรค์ดูก็แล้วกัน แล้วเขาเหล่านั้นจะบอกกับคุณเองว่า “ธานินทร์” คว้าตำแหน่งแชมป์เปี้ยนเอาไปครองอย่างชนิดเปรียบกันไม่ได้เลย ยี่ห้ออื่นๆอย่างดีก็รับสถานีเอเชียเสรีและสถานีประเทศไทยได้เป็นบางครั้งเท่านั้น พอตกกลางวันก็มีอาการจางหายจางหายจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง จนอยากจะเตะทิ้งตั้งหลายครั้งหลายครา

คงจะเนื่องจากความอ่อนเพลียที่ผจญมาตลอดวันทำให้ผมเผลอหลับไป จนกระทั่งตกใจตื่นตื่นขึ้นมาเพราะแรงกระชากตรงบริเวณแขนซ้ายจากพนักงานวิทยุประจำ บก.พัน ที่นอนอยู่ข้างๆ

“กองร้อยที่หนึ่งของเราโดนมันเข้าโจมตีแล้วครับ”
พนักงานวิทยุกระซิบกระซาบพร้อมกับเอื้อมมือหยิบไฟฉายขึ้นมาเตรียมพร้อม ที่จะรับข่าวการโจมตีจากสถานีลูกข่าย
หูของผมได้ยินเสียงอาร์ก้าคำราม เสียงแหลมเล็กผสมเผสกับเสียงหนักแน่นของปืน เอ็ม 16 ที่สาดกระสุนเข้าใส่กันเป็นพายุบุแคมจากทางด้านขวามือสุดของเนินสกายไลน์วัน จากพรายน้ำบนหน้าปัดนาฬิกา มันเกือบจะหกโมงเช้าเข้าไปแล้ว เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่หนสแน่นเริ่มจางลงไปทุกขณะ ผมเผลอตัวนอนหลับไปตั้ง 4-5 ชั่วโมงเลยเชียวหรือนี่

“บิ๊กแมนจากเม้าแทร็ป ข้าศึกประมานจำนวนไม่ถุก ตัดสายเคลย์โมว์ทะลักข้ามลวดหนามชั้นนอกเข้ามาแล้ว เสาอากาศสูงของผมหักมีแต่สายสั้น ติดต่อตรงกับเบาน์เดอร์-คอนโทรลไม่ได้ กรุณารีเลย์ให้ผมด้วย ผมต้องการให้เครื่องบินมาทำงาน บิ๊กแมนขอทางวังเวียงให้ผมด้วยครับ”

ตกลงผมก็ต้องเป็นสถานีกลาง คอยรีเลย์ข่าวให้กับเมาส์แทร็ป ซึ่งขณะนี้กำลังถูกข้าศึกไม่ปรากฏจำนวนบุกเข้าโจมตีเสียแล้ว

ทางเบาน์เดอร์ตอบให้ผมทราบว่า ได้ขอเครื่องบินไปทางวังเวียงเรียบร้อยแล้ว ถ้าสภาพอากาศดีขึ้นกว่านี้เล้กน้อย เครื่องบินจะมาทำงานทันที ผมก็ถ่ายทอดจากเบาน์เดอร์ ไปให้เม้าแทร็ป และแน่นอนเหลือเกิน ขวัญและกำลังใจของกองร้อยที่หนึ่งจะต้องดีขึ้น เมื่อรู้ว่าเครื่องบินจะมาทิ้งระเบิดใส่ข้าศึกที่กำลังประทะติดพันกันอยู่นั้น

“พายัพจากกองสิงห์ เป็นยังไงบ้างวะ ยันมันให้อยู่นะโว้ย จะให้ทาง บก.พันสนับสนุนอะไรก็ร้องขอมาได้เลย”

กองสิงห์ถามข่าวคราวจาก รองผบ. 601 ซึ่งเป็นลูกน้องคนโปรดด้วยความห่วงใยเป็นพิเศษ

“สบายมากครับ ผู้พัน ผมขึ้นมาคุม ค.60 จวกมันจนขาลากวิ่งแจวอ้าวออกไปจากรั้วลวดหนามชั้นนอกหลายต่อหลายคนแล้วครับ ขณะนี้มันซ่อนอยู่ในหลุมบุคคลซึ่งพวกมันแอบเข้ามาขุดเมื่อตอนอากาสปิดเต็มไปหมดแล้วครับ”

พายัพ พาจิตเย็น สิงห์ร้ายจากเมืองเพชรตอบเจ้านายของเขาอย่างใจเย็น

“เอาเอ็ม 72 ยิงถล่มไปตรงบริเวณปากหลุมของมันเลย ยิงประหยัดหน่อยโว้ย เหลือเอาไว้ต้อนรับรถถังของมันบ้าง”

“ผมใช้ ค.60 ค.81 และ เอ็ม 79 ยิงถล่มลงไปบริเวณหลุมของมัน แต่ไม่ค่อยจะได้ผล นอกจาก แจ็คพอร์ต จริงๆเท่านั้น”

“โชคดีโว้ย พายับ ขอให้คุณพระคุ้มครองลื้อและลูกน้องทุกคน”

อากาสแจ่มใสขึ้นทุกที ดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากยอดเนินซีบร้า ประกายอันร้อนแรงของมันเริ่มเผลาผลาญสายหมอกที่ค่อนนข้างจะเบาบางอยู่นั้น จางหายไปในชั่วพริบตา

การต่อสู้ได้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ เสียงคำรามของปืนนานาชนิดก็ยังเซ็งแซ่อยู่เหมือนเดิม ยิ่งสายเข้าท่าใด ยอดความสูญเสียของฝ่ายเราและมันก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
ข้าศึกใช้ ปรส. 2 กระบอกอ้อมขึ้นไปตั้งบนเนินเล็กๆที่ทาง บก.พัน ตรวจการณ์ไม่เห็นเพราะสันเขาบัง ต่อจากนั้น ปรส. ของมันก็เริ่มบรรเลงกระสุนเข้าใส่ฐาน ชาร์ลี-กอล์ฟ อย่างเมามัน
ร่องสนามเพลาะของหมวด 5 ทะลุขาดออกเป็นช่อง แรงระเบิดของมันเฉือนศรีษะของทหารรับจ้างชาวไทยที่นั่งคุกเข่าประทับเอ็ม 16 อยู่ ณ บริเวณหลังกระสอบทรายกระเด็นแวบขึ้นไปกลิ้งอยู่หน้าบังเกอรืของเม้าส์แทร็ป ซึ่งขณะนี้ปากคอสั่น พูดวิทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่