เปิดกรุหนังสือเก่า
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๔)
สยุมภู ทศพล
ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 14
บึ้ม...บึ้ม
เสียงเหมือนกับฟ้าผ่าได้ดังขึ้น อย่างสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดของมันส่งรั้วลวดหนามลอยข้ามแนวสนามเพลาะขึ้นไปกองเป็นกระจุกอยู่ข้างๆ บก.ร้อย ควันไฟและเศษดินเศษหินปลิวว่อนออกไปทุกทิศทุกทาง ควันยังไม่ทันจาง ลูกระเบิดชุดอีกชุดหนึ่งก็ถูกทิ้งลงมาเป็นระลอกที่สอง
แรงสะเทือนของมัน ทำให้กระสอบทรายที่วางซ้อนกันอยู่อย่างหมิ่นเหม่ พังทลายลงทับทหารรับจ้างที่กำลังซุกตัวหมอบอยู่ในร่องคูเหล็ดจนมองไม่เห็นตัว เดือดร้อนเพื่อนฝูง ต้องรีบขุดคุ้ยออกมาอย่างปัจจุบันทันด่วน กว่าจะตลุยขนกระสอบทรายออกจากคูเหล็ดได้ ทหารเคราะห์ร้ายคนนั้นก็หมดลมเสียแล้ว
พอควันจาง ภาพที่แหลกลาญด้วยอำนาจลูกระเบิดที่บริเวณรั้วลวดหนามก็บังเกิดขึ้น
รั้วลวดหนามทั้งแถบถูกถอนรากถอนโคน หายไปจนหมดสิ้น ซากศพของข้าศึกนอนสุมกันระเกะระกะ ชิ้นส่วนบางชิ้นไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขา ปลิวข้ามมาตกบนกึ่งกลางฐานให้เกลื่อนไปหมด ข้าศึกที่บาดเจ็บบางคนก็พยายามผงกศรีษะขึ้น แล้วก็กลับซบลงไปพื้นดินแน่นิ่งไปอีก
การเคลื่อนไหวของข้าศึกได้สะดุดลงเป็นปลิดทิ้ง และโน่น บนเนินที่ตั้ง ปรส. ไฟลุกสว่างจ้า พร้อมกับบังเกิดเสียงระเบิดรุนแรงติดตามมา 7-8 ครั้ง
อา...กระสุน ปรส. ของมันถูกอำนาจระเบิดทำลายลงหมดสิ้นแล้ว แน่นอนเหลือเกิน สำหรับตัวปืน พลยิง ต่อให้มันมีปีกบินก็คงจะไปไม่รอด เพราะเท่าที่ตรวจการณ์ด้วยกล้องสนาม ยอดเนินดังกล่าวแหว่งหายไปเหมือนกับถูกของมีคมปาดเอาส่วนยอดสุดหลุดออกไปทั้งกะบิ
“เม้าแทร็ปจากที-28 ภารกิจสุดท้ายของผมจะโจมตีพื้นที่ดังกล่าวด้วยปืนกลอากาศให้ทหารระมัดระวังด้วย”
ไม่มีเสียงตอบจากเม้าแทร็ป ทำให้ผมตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบรายงานให้กองสิงห์ทราบทันที
“ศรดำจากกองสิงห์ ลองไปดูที่บังเกอร์ของเม้าส์แทร็ปซิ ทำไมเงียบเสียงไป”
เวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มันเป็นเวลาที่ผมอึดอัดที่สุดในชีวิต ความห่วงใยที่มีต่อเม้าแทร็ปทำให้ผมเดินพล่านไปมาเหมือนกับเสือติดจั่น
“กองสิงห์จากพายัพ เม้าแทร็ปกำลังดื่มเป๊ปซี่อยู่ครับ”
เสียงรอง ผบ.ร้อยกล่าวตอบมาเป็นรหัสที่ผมไม่เข้าใจ
“เม้าแทร็ปเป็นอะไรไปครับ”
ผมย้อนถามไปอย่างรวดเร็ว
“เม้าแทร็ปเสียชีวิตแล้วครับ ผมยังไม่ทราบรายละเอียด ประเดี๋ยวพลนำสารจะนำรายละเอียดมาส่งที่ บก.พัน ผมเสียใจด้วยครับ แกต้องมาตายเพราะคำสั่งของผมแท้ๆ”
กองสิงห์พึมพัมออกมาด้วยความเสียใจ
ตัวของผมชาดิกไปหมดทั้งร่าง มันช่างรวดเร็วเหลือเกินคำพูดทิ้งท้ายก่อนเดินทางไป ชาร์ลี-กอล์ฟ ของเม้าแทร็ปยังก้องอยู่ในโสตประสาทของผมอยู่เสมอ เพื่อนเอ๋ย ลางสังหรณ์ของเพื่อนช่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนั้น ไม่มีใครฝืนดวงของตัวเองไปได้หรอก ขอให้ไปดีเถอะเพื่อนรัก
ไม่ถึงสองชั่วโมง พลนำสารก็นำรายละเอียดจากการประทะมาส่ง บก.พัน (กองสิงห์ไม่ยอมให้มีการส่งข่าวการสูญเสียยอดกำลังพลของฝ่ายเรา ทางวิทยุอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ทราบว่า ข้าศึกจะดักฟังการเคลื่อนไหวของเราอยู่ตลอดเวลาหรือไม่)
“ไอ้โค้ดลับ รหัสที่ทาง บก.ล่องแจ้งแจกให้ทุกๆครึ่งเดือน ผมไม่แน่ใจหรอกครับ จากการถามผู้หมวดสาครที่หลบหนีทหารเวียดนามเหนือมาพักอยู่กับกองพันของผมหนึ่งคืน แกเล่าว่ารหัสที่ บก.ล่องแจ้งแจกให้ รั่วไหลไปอยู่ที่มันอย่างชนิดที่ตัวแกเองแทบช็อคเอาทีเดียว ผมก็เลยต้องคิดรหัสประจำกองพันขึ้นมาเอง บางครั้งถ้าข่าวสำคัญ ก็ใช้พลนำสาร ความปลอดภัยมีมากกว่ากันครับ
กองสิงห์ พูดพร้อมกับอ่านรายละเอียดจากกองร้อยที่หนึ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เม้าแทร็ปโดนชิ้นสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าผากพอดี นอนตายอยู่หน้าบังเกอร์นั่นเอง ส่วนทหารรับจ้างเสียชีวิตทั้งหมด 12 คน บาดเจ็บ 8 คน รวมทั้งเม้า แทร็ปด้วยครับ เป็นยอดจำหน่ายกำลังพลในวันนี้ 21 คนพอดีครับ”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาช้าๆ พร้อมกับหันหน้ามาพูดกับผมค่อนข้างห้วนว่า
“คุณบิ๊กแมนช่วยขอชอปเปอร์ให้หน่อยครับ มีทหารอาการซีเรียสอยู่สองคน บางทีอาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมติดต่อไปตั้งแต่เสียงของเม้าแทร็ปขาดหายไป ประเดี๋ยวทาง บก.ล่องแจ้งจะส่งชอปเปอร์มา 3 ตัวครับ”
ผมตอบออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาใจกองสิงห์ที่กำลังเครียดอย่างหนัก เนื่องจากการสูญเสียชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชา ในการสู้รบที่ผ่านมา
“ยอดการสูญเสียอาวุธของเรามีปืน ค.81 หนึ่งกระบอก ปืนพก สองกระบอก ปืนเอ็ม.16 สี่กระบอก ส่วนข้าศึกจากการเคลียร์พื้นที่ ยึดได้วิทยุที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย 1 เครื่อง ปืนอาร์ก้า 24 กระบอก และสามารถสังหารข้าศึกได้ 84 ศพ นอกจากนั้นยังมี ปรส.ของข้าศึกอีก 2 กระบอก ที่ถูกระเบิดพังพินาศอยู่บนเนินทางซ้ายมือสุด เอาละครับ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว มันเป็นอัตราสูญเสียที่น่าแลกกับพวกมันอย่างที่ผมพึงพอใจทีเดียวประเดี๋ยวคุณช่วยคอนโทรลชอปเปอร์ในการขนส่งผู้บาดเจ็บด้วยนะครับ”
กองสิงห์หันมากำชับผมอีกครั้ง ก่อนที่จะขอตัวกลับเข้าไปวางแผนภายในห้องยุทธการ ร่วมกับกองอินนายทหาร ฝอ.3 ต่อไป
เบาน์เดอร์-คอนโทรล เพิ่งทราบการเสียชีวิตของเม้าแทร็ปจากผมเดี๋ยวนี้เอง ทำให้ข่ายการติดต่อทางวิทยุของบรรดาล่ามประจำกองพันทหารรับจ้างเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความหดหู่และเสียดายเด็กหนุ่มหน้าเป็นผู้มีอัธยาศัยดีผู้นั้น
ชอปเปอร์ทั้ง 3 เครื่อง ลำเลียงทหารผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลับลงไปล่องแจ้ง เสร็จเรียบร้อยภายใน 20 นาทีนั่นเอง
ความหิวโหยได้วิ่งเข้ามาจนปวดท้องจี้ดไปหมด ยกนาฬิกาขึ้นดู 13.40 น. เข้าไปแล้วครับ อย่าว่าแต่อาหารมื้อเที่ยงเลยครับ มัวแต่พะวงคอยเป็นสถานีกลางให้เม้าแทร็ปติดต่อกับเบาน์เดอร์จนกระทั่งลืมกินอาหารไปอย่างสนิทใจ
ชะรอยพ่อครัว บก.พัน คงจะรู้ใจ รีบตักเอาข้าวราดหน้าหมูเค็มจานเบ้อเร่อ มายัดเยียดให้ผมถึงในบังเกอร์ เพียงพริบตาอาหารจานนั้นก็เรียบวุธ
“ศรแดงจากศรคีรี5 ขอลูก ค.60 ให้ผมซัก 10 หีบได้ไหมครับ ช่วยให้ ฝอ.4 ส่งให้เดี๋ยวนี้ด้วย กระสุน ค.60 ของผมชักจะชอร์ทเต็มทีแล้ว”
หมวดป้องกันหน้าสุดที่ตั้งอิสระอยู่ ณ ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ร้องขอกระสุนปืนขึ้นมา
“ศรคีรี5 จากศรแดง ประเดี๋ยวจะส่งข่าวให้ ฝอ.4 ทราบ กระสุนพร้อมเมื่อไหร่จะส่งมาให้ทันทีโอเค...มั้ย”
“ขอบพระคุณคร้าบ...ที่กรุณา อยู่ทางนี้หนาวเหลือเกิน ถ้าศรแดงมียาแก้หนาวยี่ห้อแม่โขง ก็ส่งมาให้ซัก 2 แบนซีครับ”
ผบ.หมวดออดอ้อนต่อไปอีกตามประสาของคนคอสุรา
“มีแต่ ส.ร.ถ. จะเอามั้ย ม้าแก่”
กองสิงห์ย้อนถามลูกน้องออกไปอีก
“ถ้าได้ก็ดีครับ ผู้พัน สุราเถื่อนของลาวนอกจากจะใช้กินแล้วยังใช้จุดตะเกียงได้ครับ ตกลงครับ ประเดี๋ยวผมจะให้ขึ้นมาเอาบน บก.พัน”
“ไอ้บ้า อย่า
ปล่อยทหารขึ้นมาล่ะ ประเดี๋ยวก็โดนเสียบกลางทางหรอก ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ อั๊วจะบอกให้ ฝอ.3 ใส่กล่องแพ็ครวมมากับลูกกระสุนปืน ค.60 คอยรับก็แล้วกัน พอทีโว้ย พูดกับคนขี้เมาอย่างลื้อ เรื่องมาก”
กองสิงห์ตัดบทออกมาอย่างรำคาญ
ด้วยการร้องขออย่างรีบด่วน บก.ส่วนหลังรีบส่งกระสุนขึ้นมาตามต้องการทันที
ชอปเปอร์หิ้วกล่องกระสุนบินลิ่วมาจากบริเวณท้ายสนามบิน ผ่านหมู่บ้านลาวรวมเผ่า ตีวงกว้างเพื่อหาทางลงจอดบนลานที่บริเวณฐานชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ทันที
พอบินผ่านชอปเปอร์แพ็ด ชอปเปอร์เครื่องนั้นก็สลัดกล่องทิ้ง บินโฉบมุ่งหน้ากลับไปล่องแจ้งทันที ท่ามกลางความแปลกใจของกลุ่มทหารรับจ้างที่ยืนดูอยูภายในสนามเพลาะ
“ศรแดง จากศรคีรี 5 ลองถามนักบินมันดูสิครับ ทำไมมันทิ้งหีบกระสุนของผมลงในป่าทางโน้น แล้ว
บินหนีไปซะด้วย เหล้าของผมแตกหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ผบ.หมวดคอสุรา “จ้อ” ขึ้นไป บก.พันอีก
“ไอ้ม้าแก่ เตรียมพร้อมโว้ย นักบินเฮลิคอปเตอร์โดนยิงด้วยปืนอาร์ก้าบริเวณ ชอปเปอร์แพ็ด (ที่จอดเฮลิคอปเตอร์) ของฐานลื้อนั่นแหละ ป่านนี้พวกมันไปเกาะฐานลื้อเต็มไปหมดแล้วมั้ง ลองเคลียร์ด้วย เอ็ม 72 ซักนัดซิไอ้น้อง”
กองสิงห์สั่งให้ลูกน้องเคลียร์พื้นที่-ที่สงสัยตามคำบอกเล่าของนักบินที่โดนยิงทันที
ผมได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ณ บริเวณฐานอิสระเบื้องล่าง ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรของ ผบ.หมวดคอสุราคนนั้นดังลั่นวิทยุ เอช-ที-ทู (HT-2)
ศรแดงจากม้าแก่ ชัดเลยครับผู้พัน คุณแกวเธอมาขุดหลุมเพลาะอยู่รอบๆ ชอปเปอร์-แพ็ด ของผมเต็มไปหมดเลยครับ ผมจวกไป 2 นัด แตกฮือขึ้นไปทาง บก.พัน มองเห็นยั้วเยี้ยเลยครับ ช่วยกรุณาสกัดด้วย เอ็ม 79 ให้ผมด้วยครับ”
ทั้งที่อยู่ในสถานะการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน อารมณ์ของผบ.หมวดเลือดทหารม้าคนนั้นก็ยังครึกครื้นเหมือนเดิม ทำให้ผมอดจะชมเชยความใจเย็นของ ผบ.หมวดคนนั้นอยู่ในใจไม่ได้
พอสิ้นเสียงร้องขอของ ผบ.หมวด ระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ปืนเอ็ม.79 และเอ็ม.72 อันทรงอานุภาพก็ยิงถล่มลงมาจากชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อบีบบังคับให้ข้าศึกถอยลงไปจากเส้นทางที่มุ่งหน้าขึ้นไปบน บก.พัน
ได้ผลครับ ข้าศึก 7-8 คนหันหลังกลับวิ่งเข้าไปหมอบอยู่ในหลุมบุคคลที่พวกมันแอบเข้ามาขุดเอาไว้รอบๆชอปเปอร์แพ็ดเหมือนอย่างเดิม
ตามความคาดคะเนของผม ข้าศึกชุดนี้คงเป็นหน่วยที่ได้รับ ภารกิจพิเศษในการทำลายชอปเปอร์ที่ลำเลียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มาส่งทหารฝ่ายเราอย่างเดียว ดังนั้นอาวุธหนักที่จะสนับสนุนพวกมันจึงไม่มี ทำให้ทหารรับจ้างที่ตั้งฐานอิสระอยู่เบื้องล่างทั้งสองหมวดถล่มทั้งอาวุธประจำกายและอาวุธหนักแบบ ค.60 เข้าใส่อย่างมันมือ
ผลการประทะทราบถึง บก.ล่องแจ้งในทันทีทันใด ทาง บก.ล่องแจ้งเห็นว่า ชอปเปอร์แพ็ด ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน เป็นพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันระหว่าง กองพัน 604 และ กองพัน 616
ทหารส่วนใหญ่ของกองพัน 616 อยู่บริเวณยอดเนินและพื้นที่ที่กำลังประทะกันก็ค่อนมาทางบริเวณทางแยกขึ้นไปกองพัน 604
ฉะนั้นคำสั่งให้กองพัน 604 จัดทหาร 3 หมวดเคลื่อนที่เข้ากวาดล้างบริเวณ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” จาก บก.ล่องแจ้ง โดยให้ 604 ประสานการปฏิบัติกับ ศรศรี5 (หมวดที่ 5 กองร้อยที่ 2) ก็ได้มาถึง
“ศรศรี 5 จากมะม่วง 3 ช่วยยิงตรึงให้ผมด้วยครับ ขณะนี้ลูกๆของผมกำลังเคลื่อนที่เข้าหาชาร์ลี-เอคโค่-วัน เพื่อกวาดล้างตามคำสั่งของสิงหะ กดหัวพวกมันอย่าให้โผล่ขึ้นมานะครับ”
“ขอบคุณมากมะม่วง 3 ที่รัก ศรศรี 5 จะยิงอย่างชนิดให้ปากลำกล้องทะลุเป็นไฟเลยทีเดียว”
ม้าแก่ “สรศักดิ์” สวนคำพูดออกไปอย่างรวดเร้วพร้อมกับหันไปออกคำสั่งให้เพิ่มการระดมยิงไปยังบริเวณชอปเปอร์แพดอย่างชนิดไม่กลัวเปลืองกระสุน
ผมและกองสิงห์คืบคลานไปตามคูเหล็ด จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่ใช้เป็นช่องทางลงสู่ทางแยกที่มองเห็นชัดเจนอยู่เบื้องล่าง ก็เลยใช้บริเวณดังกล่าวเป็นที่สังเกตุการณ์และสั่งงานต่อไป
จากกล้องสนามผมแลเห็นการล่าหัวมนุษย์จากกลุ่มทหารรับจ้างของกองพัน 604 อย่างถนัดชัดเจนเหมือนกับตัวเองเข้าไปร่วมกับเหตุการณ์นั้นด้วย
ด้วยการยิงอย่างชนิดประสานการยิงเป็นจุดเดียวเข้าไป ณ บริเวณเป้าหมาย ทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะที่ต้องหมอบนิ่งไม่กล้าโผล่ศรีษะขึ้นมาตรวจการณ์ได้ ทำให้ทหารรับจ้างกองพัน 604 คืบคลานเข้าใกล้ชอปเปอร์แพ็ดมากขึ้นทุกทีจนกระทั่ง ศรคีรี 5 ได้รับการติดต่อให้ยุติการยิงชั่วคราว
จากกล้องสนาม ผมแลเห็นทหารรับจ้างแยกย้ายกันคืบคลานเข้าหย่อนลุกระเบิดมือลงในหลุมบุคคลที่สงสัยจะมีทหารข้าศึกซุกซ่อนอยู่เป็นจ้าละหวั่น พอสิ้นเสียงระเบิดก็กราดปืน เอ็ม.16 ซ้ำลงไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ทั้งเสียงระเบิดและเสียงปืน เอ็ม.16 ระงมไปทั่วบริเวณ นานๆจะมีเสียงปืนอาร์ก้าสวนตอบขึ้นมา 2-3 ชุดแล้วก็เงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง
รอง ผบ.หมวดคนหนึ่งของกองพัน 604 คืบคลานเข้าไปในหลุมสุดท้ายที่มองเห็นสาอากาศโผล่ขึ้นมา ไม่มีใครอ่านความคิดของรอง ผบ.หมวดคนนี้ออกหรอกครับ แกอยากจะจับเป็นข้าศึกเพื่อหวังรางวัลหรือว่าแกอยากจะยึดเครื่องมือสื่อสารของข้าศึกก็เหลือจะเดา คงจะเป็นความชะล่าใจที่คิดว่าป่านนี้ข้าศึกคงจะโดนสังหารหมดสิ้นแล้ว ทำให้รองผบ.หมวดขาดความระมัดระวังเท่าที่ควร
ข้าศึกคนสุดท้ายที่รอดชีวิตอยู่เดินขึ้นมาจากหลุมด้วยร่างกายที่แดงเถือกไปด้วยโลหิตที่ทะลักเครื่องแบบออกมาชุ่มไปหมดทั้งตัว
มันปราดเข้าประชิดร่างรองผบ.หมวดผู้ชะตาขาดคนนั้น จ้วงแทงด้วยดาบปลายปืนอาร์ก้าที่ขาววับอย่างไม่นับ
ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๔) ๒๕ พ.ย.๕๗
ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย
ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๔)
สยุมภู ทศพล
ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 14
บึ้ม...บึ้ม
เสียงเหมือนกับฟ้าผ่าได้ดังขึ้น อย่างสนั่นหวั่นไหว แรงระเบิดของมันส่งรั้วลวดหนามลอยข้ามแนวสนามเพลาะขึ้นไปกองเป็นกระจุกอยู่ข้างๆ บก.ร้อย ควันไฟและเศษดินเศษหินปลิวว่อนออกไปทุกทิศทุกทาง ควันยังไม่ทันจาง ลูกระเบิดชุดอีกชุดหนึ่งก็ถูกทิ้งลงมาเป็นระลอกที่สอง
แรงสะเทือนของมัน ทำให้กระสอบทรายที่วางซ้อนกันอยู่อย่างหมิ่นเหม่ พังทลายลงทับทหารรับจ้างที่กำลังซุกตัวหมอบอยู่ในร่องคูเหล็ดจนมองไม่เห็นตัว เดือดร้อนเพื่อนฝูง ต้องรีบขุดคุ้ยออกมาอย่างปัจจุบันทันด่วน กว่าจะตลุยขนกระสอบทรายออกจากคูเหล็ดได้ ทหารเคราะห์ร้ายคนนั้นก็หมดลมเสียแล้ว
พอควันจาง ภาพที่แหลกลาญด้วยอำนาจลูกระเบิดที่บริเวณรั้วลวดหนามก็บังเกิดขึ้น
รั้วลวดหนามทั้งแถบถูกถอนรากถอนโคน หายไปจนหมดสิ้น ซากศพของข้าศึกนอนสุมกันระเกะระกะ ชิ้นส่วนบางชิ้นไม่ว่าจะเป็นแขนหรือขา ปลิวข้ามมาตกบนกึ่งกลางฐานให้เกลื่อนไปหมด ข้าศึกที่บาดเจ็บบางคนก็พยายามผงกศรีษะขึ้น แล้วก็กลับซบลงไปพื้นดินแน่นิ่งไปอีก
การเคลื่อนไหวของข้าศึกได้สะดุดลงเป็นปลิดทิ้ง และโน่น บนเนินที่ตั้ง ปรส. ไฟลุกสว่างจ้า พร้อมกับบังเกิดเสียงระเบิดรุนแรงติดตามมา 7-8 ครั้ง
อา...กระสุน ปรส. ของมันถูกอำนาจระเบิดทำลายลงหมดสิ้นแล้ว แน่นอนเหลือเกิน สำหรับตัวปืน พลยิง ต่อให้มันมีปีกบินก็คงจะไปไม่รอด เพราะเท่าที่ตรวจการณ์ด้วยกล้องสนาม ยอดเนินดังกล่าวแหว่งหายไปเหมือนกับถูกของมีคมปาดเอาส่วนยอดสุดหลุดออกไปทั้งกะบิ
“เม้าแทร็ปจากที-28 ภารกิจสุดท้ายของผมจะโจมตีพื้นที่ดังกล่าวด้วยปืนกลอากาศให้ทหารระมัดระวังด้วย”
ไม่มีเสียงตอบจากเม้าแทร็ป ทำให้ผมตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบรายงานให้กองสิงห์ทราบทันที
“ศรดำจากกองสิงห์ ลองไปดูที่บังเกอร์ของเม้าส์แทร็ปซิ ทำไมเงียบเสียงไป”
เวลาผ่านไปชั่วอึดใจ มันเป็นเวลาที่ผมอึดอัดที่สุดในชีวิต ความห่วงใยที่มีต่อเม้าแทร็ปทำให้ผมเดินพล่านไปมาเหมือนกับเสือติดจั่น
“กองสิงห์จากพายัพ เม้าแทร็ปกำลังดื่มเป๊ปซี่อยู่ครับ”
เสียงรอง ผบ.ร้อยกล่าวตอบมาเป็นรหัสที่ผมไม่เข้าใจ
“เม้าแทร็ปเป็นอะไรไปครับ”
ผมย้อนถามไปอย่างรวดเร็ว
“เม้าแทร็ปเสียชีวิตแล้วครับ ผมยังไม่ทราบรายละเอียด ประเดี๋ยวพลนำสารจะนำรายละเอียดมาส่งที่ บก.พัน ผมเสียใจด้วยครับ แกต้องมาตายเพราะคำสั่งของผมแท้ๆ”
กองสิงห์พึมพัมออกมาด้วยความเสียใจ
ตัวของผมชาดิกไปหมดทั้งร่าง มันช่างรวดเร็วเหลือเกินคำพูดทิ้งท้ายก่อนเดินทางไป ชาร์ลี-กอล์ฟ ของเม้าแทร็ปยังก้องอยู่ในโสตประสาทของผมอยู่เสมอ เพื่อนเอ๋ย ลางสังหรณ์ของเพื่อนช่างเหมาะเหม็งอะไรเช่นนั้น ไม่มีใครฝืนดวงของตัวเองไปได้หรอก ขอให้ไปดีเถอะเพื่อนรัก
ไม่ถึงสองชั่วโมง พลนำสารก็นำรายละเอียดจากการประทะมาส่ง บก.พัน (กองสิงห์ไม่ยอมให้มีการส่งข่าวการสูญเสียยอดกำลังพลของฝ่ายเรา ทางวิทยุอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ทราบว่า ข้าศึกจะดักฟังการเคลื่อนไหวของเราอยู่ตลอดเวลาหรือไม่)
“ไอ้โค้ดลับ รหัสที่ทาง บก.ล่องแจ้งแจกให้ทุกๆครึ่งเดือน ผมไม่แน่ใจหรอกครับ จากการถามผู้หมวดสาครที่หลบหนีทหารเวียดนามเหนือมาพักอยู่กับกองพันของผมหนึ่งคืน แกเล่าว่ารหัสที่ บก.ล่องแจ้งแจกให้ รั่วไหลไปอยู่ที่มันอย่างชนิดที่ตัวแกเองแทบช็อคเอาทีเดียว ผมก็เลยต้องคิดรหัสประจำกองพันขึ้นมาเอง บางครั้งถ้าข่าวสำคัญ ก็ใช้พลนำสาร ความปลอดภัยมีมากกว่ากันครับ
กองสิงห์ พูดพร้อมกับอ่านรายละเอียดจากกองร้อยที่หนึ่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“เม้าแทร็ปโดนชิ้นสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าผากพอดี นอนตายอยู่หน้าบังเกอร์นั่นเอง ส่วนทหารรับจ้างเสียชีวิตทั้งหมด 12 คน บาดเจ็บ 8 คน รวมทั้งเม้า แทร็ปด้วยครับ เป็นยอดจำหน่ายกำลังพลในวันนี้ 21 คนพอดีครับ”
กองสิงห์เอ่ยขึ้นมาช้าๆ พร้อมกับหันหน้ามาพูดกับผมค่อนข้างห้วนว่า
“คุณบิ๊กแมนช่วยขอชอปเปอร์ให้หน่อยครับ มีทหารอาการซีเรียสอยู่สองคน บางทีอาจจะรอด ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลทันท่วงที”
“เรียบร้อยแล้วครับ ผมติดต่อไปตั้งแต่เสียงของเม้าแทร็ปขาดหายไป ประเดี๋ยวทาง บก.ล่องแจ้งจะส่งชอปเปอร์มา 3 ตัวครับ”
ผมตอบออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาใจกองสิงห์ที่กำลังเครียดอย่างหนัก เนื่องจากการสูญเสียชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชา ในการสู้รบที่ผ่านมา
“ยอดการสูญเสียอาวุธของเรามีปืน ค.81 หนึ่งกระบอก ปืนพก สองกระบอก ปืนเอ็ม.16 สี่กระบอก ส่วนข้าศึกจากการเคลียร์พื้นที่ ยึดได้วิทยุที่อยู่ในสภาพเรียบร้อย 1 เครื่อง ปืนอาร์ก้า 24 กระบอก และสามารถสังหารข้าศึกได้ 84 ศพ นอกจากนั้นยังมี ปรส.ของข้าศึกอีก 2 กระบอก ที่ถูกระเบิดพังพินาศอยู่บนเนินทางซ้ายมือสุด เอาละครับ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว มันเป็นอัตราสูญเสียที่น่าแลกกับพวกมันอย่างที่ผมพึงพอใจทีเดียวประเดี๋ยวคุณช่วยคอนโทรลชอปเปอร์ในการขนส่งผู้บาดเจ็บด้วยนะครับ”
กองสิงห์หันมากำชับผมอีกครั้ง ก่อนที่จะขอตัวกลับเข้าไปวางแผนภายในห้องยุทธการ ร่วมกับกองอินนายทหาร ฝอ.3 ต่อไป
เบาน์เดอร์-คอนโทรล เพิ่งทราบการเสียชีวิตของเม้าแทร็ปจากผมเดี๋ยวนี้เอง ทำให้ข่ายการติดต่อทางวิทยุของบรรดาล่ามประจำกองพันทหารรับจ้างเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความหดหู่และเสียดายเด็กหนุ่มหน้าเป็นผู้มีอัธยาศัยดีผู้นั้น
ชอปเปอร์ทั้ง 3 เครื่อง ลำเลียงทหารผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลับลงไปล่องแจ้ง เสร็จเรียบร้อยภายใน 20 นาทีนั่นเอง
ความหิวโหยได้วิ่งเข้ามาจนปวดท้องจี้ดไปหมด ยกนาฬิกาขึ้นดู 13.40 น. เข้าไปแล้วครับ อย่าว่าแต่อาหารมื้อเที่ยงเลยครับ มัวแต่พะวงคอยเป็นสถานีกลางให้เม้าแทร็ปติดต่อกับเบาน์เดอร์จนกระทั่งลืมกินอาหารไปอย่างสนิทใจ
ชะรอยพ่อครัว บก.พัน คงจะรู้ใจ รีบตักเอาข้าวราดหน้าหมูเค็มจานเบ้อเร่อ มายัดเยียดให้ผมถึงในบังเกอร์ เพียงพริบตาอาหารจานนั้นก็เรียบวุธ
“ศรแดงจากศรคีรี5 ขอลูก ค.60 ให้ผมซัก 10 หีบได้ไหมครับ ช่วยให้ ฝอ.4 ส่งให้เดี๋ยวนี้ด้วย กระสุน ค.60 ของผมชักจะชอร์ทเต็มทีแล้ว”
หมวดป้องกันหน้าสุดที่ตั้งอิสระอยู่ ณ ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ร้องขอกระสุนปืนขึ้นมา
“ศรคีรี5 จากศรแดง ประเดี๋ยวจะส่งข่าวให้ ฝอ.4 ทราบ กระสุนพร้อมเมื่อไหร่จะส่งมาให้ทันทีโอเค...มั้ย”
“ขอบพระคุณคร้าบ...ที่กรุณา อยู่ทางนี้หนาวเหลือเกิน ถ้าศรแดงมียาแก้หนาวยี่ห้อแม่โขง ก็ส่งมาให้ซัก 2 แบนซีครับ”
ผบ.หมวดออดอ้อนต่อไปอีกตามประสาของคนคอสุรา
“มีแต่ ส.ร.ถ. จะเอามั้ย ม้าแก่”
กองสิงห์ย้อนถามลูกน้องออกไปอีก
“ถ้าได้ก็ดีครับ ผู้พัน สุราเถื่อนของลาวนอกจากจะใช้กินแล้วยังใช้จุดตะเกียงได้ครับ ตกลงครับ ประเดี๋ยวผมจะให้ขึ้นมาเอาบน บก.พัน”
“ไอ้บ้า อย่าปล่อยทหารขึ้นมาล่ะ ประเดี๋ยวก็โดนเสียบกลางทางหรอก ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ อั๊วจะบอกให้ ฝอ.3 ใส่กล่องแพ็ครวมมากับลูกกระสุนปืน ค.60 คอยรับก็แล้วกัน พอทีโว้ย พูดกับคนขี้เมาอย่างลื้อ เรื่องมาก”
กองสิงห์ตัดบทออกมาอย่างรำคาญ
ด้วยการร้องขออย่างรีบด่วน บก.ส่วนหลังรีบส่งกระสุนขึ้นมาตามต้องการทันที
ชอปเปอร์หิ้วกล่องกระสุนบินลิ่วมาจากบริเวณท้ายสนามบิน ผ่านหมู่บ้านลาวรวมเผ่า ตีวงกว้างเพื่อหาทางลงจอดบนลานที่บริเวณฐานชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน ทันที
พอบินผ่านชอปเปอร์แพ็ด ชอปเปอร์เครื่องนั้นก็สลัดกล่องทิ้ง บินโฉบมุ่งหน้ากลับไปล่องแจ้งทันที ท่ามกลางความแปลกใจของกลุ่มทหารรับจ้างที่ยืนดูอยูภายในสนามเพลาะ
“ศรแดง จากศรคีรี 5 ลองถามนักบินมันดูสิครับ ทำไมมันทิ้งหีบกระสุนของผมลงในป่าทางโน้น แล้วบินหนีไปซะด้วย เหล้าของผมแตกหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ผบ.หมวดคอสุรา “จ้อ” ขึ้นไป บก.พันอีก
“ไอ้ม้าแก่ เตรียมพร้อมโว้ย นักบินเฮลิคอปเตอร์โดนยิงด้วยปืนอาร์ก้าบริเวณ ชอปเปอร์แพ็ด (ที่จอดเฮลิคอปเตอร์) ของฐานลื้อนั่นแหละ ป่านนี้พวกมันไปเกาะฐานลื้อเต็มไปหมดแล้วมั้ง ลองเคลียร์ด้วย เอ็ม 72 ซักนัดซิไอ้น้อง”
กองสิงห์สั่งให้ลูกน้องเคลียร์พื้นที่-ที่สงสัยตามคำบอกเล่าของนักบินที่โดนยิงทันที
ผมได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ณ บริเวณฐานอิสระเบื้องล่าง ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรของ ผบ.หมวดคอสุราคนนั้นดังลั่นวิทยุ เอช-ที-ทู (HT-2)
ศรแดงจากม้าแก่ ชัดเลยครับผู้พัน คุณแกวเธอมาขุดหลุมเพลาะอยู่รอบๆ ชอปเปอร์-แพ็ด ของผมเต็มไปหมดเลยครับ ผมจวกไป 2 นัด แตกฮือขึ้นไปทาง บก.พัน มองเห็นยั้วเยี้ยเลยครับ ช่วยกรุณาสกัดด้วย เอ็ม 79 ให้ผมด้วยครับ”
ทั้งที่อยู่ในสถานะการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน อารมณ์ของผบ.หมวดเลือดทหารม้าคนนั้นก็ยังครึกครื้นเหมือนเดิม ทำให้ผมอดจะชมเชยความใจเย็นของ ผบ.หมวดคนนั้นอยู่ในใจไม่ได้
พอสิ้นเสียงร้องขอของ ผบ.หมวด ระวังป้องกันส่วนหน้าสุด ปืนเอ็ม.79 และเอ็ม.72 อันทรงอานุภาพก็ยิงถล่มลงมาจากชาร์ลี-ชาร์ลี เพื่อบีบบังคับให้ข้าศึกถอยลงไปจากเส้นทางที่มุ่งหน้าขึ้นไปบน บก.พัน
ได้ผลครับ ข้าศึก 7-8 คนหันหลังกลับวิ่งเข้าไปหมอบอยู่ในหลุมบุคคลที่พวกมันแอบเข้ามาขุดเอาไว้รอบๆชอปเปอร์แพ็ดเหมือนอย่างเดิม
ตามความคาดคะเนของผม ข้าศึกชุดนี้คงเป็นหน่วยที่ได้รับ ภารกิจพิเศษในการทำลายชอปเปอร์ที่ลำเลียงอาหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มาส่งทหารฝ่ายเราอย่างเดียว ดังนั้นอาวุธหนักที่จะสนับสนุนพวกมันจึงไม่มี ทำให้ทหารรับจ้างที่ตั้งฐานอิสระอยู่เบื้องล่างทั้งสองหมวดถล่มทั้งอาวุธประจำกายและอาวุธหนักแบบ ค.60 เข้าใส่อย่างมันมือ
ผลการประทะทราบถึง บก.ล่องแจ้งในทันทีทันใด ทาง บก.ล่องแจ้งเห็นว่า ชอปเปอร์แพ็ด ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน เป็นพื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันระหว่าง กองพัน 604 และ กองพัน 616
ทหารส่วนใหญ่ของกองพัน 616 อยู่บริเวณยอดเนินและพื้นที่ที่กำลังประทะกันก็ค่อนมาทางบริเวณทางแยกขึ้นไปกองพัน 604
ฉะนั้นคำสั่งให้กองพัน 604 จัดทหาร 3 หมวดเคลื่อนที่เข้ากวาดล้างบริเวณ “ชาร์ลี-เอ็คโค่-วัน” จาก บก.ล่องแจ้ง โดยให้ 604 ประสานการปฏิบัติกับ ศรศรี5 (หมวดที่ 5 กองร้อยที่ 2) ก็ได้มาถึง
“ศรศรี 5 จากมะม่วง 3 ช่วยยิงตรึงให้ผมด้วยครับ ขณะนี้ลูกๆของผมกำลังเคลื่อนที่เข้าหาชาร์ลี-เอคโค่-วัน เพื่อกวาดล้างตามคำสั่งของสิงหะ กดหัวพวกมันอย่าให้โผล่ขึ้นมานะครับ”
“ขอบคุณมากมะม่วง 3 ที่รัก ศรศรี 5 จะยิงอย่างชนิดให้ปากลำกล้องทะลุเป็นไฟเลยทีเดียว”
ม้าแก่ “สรศักดิ์” สวนคำพูดออกไปอย่างรวดเร้วพร้อมกับหันไปออกคำสั่งให้เพิ่มการระดมยิงไปยังบริเวณชอปเปอร์แพดอย่างชนิดไม่กลัวเปลืองกระสุน
ผมและกองสิงห์คืบคลานไปตามคูเหล็ด จนกระทั่งมาถึงบริเวณที่ใช้เป็นช่องทางลงสู่ทางแยกที่มองเห็นชัดเจนอยู่เบื้องล่าง ก็เลยใช้บริเวณดังกล่าวเป็นที่สังเกตุการณ์และสั่งงานต่อไป
จากกล้องสนามผมแลเห็นการล่าหัวมนุษย์จากกลุ่มทหารรับจ้างของกองพัน 604 อย่างถนัดชัดเจนเหมือนกับตัวเองเข้าไปร่วมกับเหตุการณ์นั้นด้วย
ด้วยการยิงอย่างชนิดประสานการยิงเป็นจุดเดียวเข้าไป ณ บริเวณเป้าหมาย ทำให้ข้าศึกตกอยู่ในภาวะที่ต้องหมอบนิ่งไม่กล้าโผล่ศรีษะขึ้นมาตรวจการณ์ได้ ทำให้ทหารรับจ้างกองพัน 604 คืบคลานเข้าใกล้ชอปเปอร์แพ็ดมากขึ้นทุกทีจนกระทั่ง ศรคีรี 5 ได้รับการติดต่อให้ยุติการยิงชั่วคราว
จากกล้องสนาม ผมแลเห็นทหารรับจ้างแยกย้ายกันคืบคลานเข้าหย่อนลุกระเบิดมือลงในหลุมบุคคลที่สงสัยจะมีทหารข้าศึกซุกซ่อนอยู่เป็นจ้าละหวั่น พอสิ้นเสียงระเบิดก็กราดปืน เอ็ม.16 ซ้ำลงไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ทั้งเสียงระเบิดและเสียงปืน เอ็ม.16 ระงมไปทั่วบริเวณ นานๆจะมีเสียงปืนอาร์ก้าสวนตอบขึ้นมา 2-3 ชุดแล้วก็เงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง
รอง ผบ.หมวดคนหนึ่งของกองพัน 604 คืบคลานเข้าไปในหลุมสุดท้ายที่มองเห็นสาอากาศโผล่ขึ้นมา ไม่มีใครอ่านความคิดของรอง ผบ.หมวดคนนี้ออกหรอกครับ แกอยากจะจับเป็นข้าศึกเพื่อหวังรางวัลหรือว่าแกอยากจะยึดเครื่องมือสื่อสารของข้าศึกก็เหลือจะเดา คงจะเป็นความชะล่าใจที่คิดว่าป่านนี้ข้าศึกคงจะโดนสังหารหมดสิ้นแล้ว ทำให้รองผบ.หมวดขาดความระมัดระวังเท่าที่ควร
ข้าศึกคนสุดท้ายที่รอดชีวิตอยู่เดินขึ้นมาจากหลุมด้วยร่างกายที่แดงเถือกไปด้วยโลหิตที่ทะลักเครื่องแบบออกมาชุ่มไปหมดทั้งตัว
มันปราดเข้าประชิดร่างรองผบ.หมวดผู้ชะตาขาดคนนั้น จ้วงแทงด้วยดาบปลายปืนอาร์ก้าที่ขาววับอย่างไม่นับ