ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ
แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ แค่เลขลำดับเลื่อนค่ะ แต่เนื้อหาต่อกัน
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 43
ตฤณแจ้งไปยังสารวัตรเพื่อให้สารวัตรทราบว่าเขาเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แต่จากการบอกเล่าของสารวัตรเรื่องการหายตัวไปของเพื่อนร่วมแผนการที่ยังหาตัว
ไม่พบทำให้ชายหนุ่มวิตกอย่างมาก หากว่าคืนนี้มันยังไม่โผล่มาแสดงว่าเขาคงต้องไว้อาลัยแด่เพื่อนคนนี้แล้วอย่างนั้นหรือ
“เอ็งยังต้องทำตามแผนเดิม หากไม่มีสัญญาณการปรากฏตัวของกลาง เอ็งต้องทำหน้าที่แทนมัน” สารวัตรกำชับ
“แล้วชาวบ้านที่นี่ล่ะครับ ผมเกรงว่าจะมีใครโดนลูกหลง กลางค่ำกลางคืนแบบนี้จะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปอยู่ที่ไหน มีแต่ผู้หญิงและเด็กทั้งนั้น”
“ข้าส่งเจ้าหน้าเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งจะถึงที่นั่นประมาณหัวค่ำ พวกเขาจะทำหน้าที่เคลื่อนย้ายชาวบ้านให้เหลือเพียงแค่สามแม่ลูก หลังจากนั้นจะเฝ้าดู
เหตุการณ์ระหว่างเอ็งกับกลางจนวินาทีสุดท้าย” สารวัตรอัชวินอธิบาย
“ส่วนเอ็ง สิ่งที่เอ็งต้องทำ คือยิงให้แม่นอย่าให้เสียชื่อพ่อของเอ็งล่ะ” และเขาย้ำเตือนชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อาหารเย็นมื้อนี้แสนเอร็ดอร่อยสำหรับเพลงพิณและทวีรัตน์นัก เพราะอาหารที่พวกเขาเอาเข้าปากตลอดการเดินทางอันแสนทรหดที่ผ่านมามีเพียงแค่กล้วย
ป่าหรือผลไม้ป่าที่เก็บได้ตามทาง
“เอาผักจิ้มน้ำพริกให้ข้าหน่อย อย่าจิ้มเยอะนะ อ้อ แล้วก็ป้อนแกงเห็ดให้ข้าด้วย อย่าลืมเป่าก่อนล่ะ มันร้อน” ทวีรัตน์เอ่ยขอเพลงพิณ
“เอ็งนี่เรื่องมากฉิบ” เพลงพิณบ่น แต่ก็ทำตามคำขอร้อง
การป้อนข้าวป้อนน้ำของเพลงพิณกับชายวัยรุ่นกลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งวงอาหาร โดยเฉพาะสามแม่ลูกเจ้าของบ้านหลังนี้ อรหญิงอาวุโสไม่เคยคุ้น
หน้าของเด็กหนุ่มที่เพลงพิณจะต้องห้อยไปไหนมาไหนตลอดเวลาไม่เว้นแม้เวลาเข้าห้องน้ำ จะว่าเป็นแฝดที่พลัดพลาดก็ไม่ใช่ กำธรกับเพื่อนหญิงของเธอ
ก็มีลูกแค่คนเดียว
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มเป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือ” เธอถามทวีรัตน์ที่กำลังอ้าปากรับแกงเห็ดจากช้อนที่เพลงพิณป้อนให้
“แกรู้แล้วจะหนาว”
ผลั่ว !!!
เพลงพิณตบหัวทวีรัตน์อย่างแรงจนน้ำแกงที่อยู่ในปากพุ่งกระจาย สายตาเกรี้ยวกราดของผู้ถูกกระทำจ้องเขม็งไปเจ้าของฝ่ามือ
“พูดจาให้มันดีกว่าหน่อย ข้าวอุ่นๆ แกงร้อนๆที่เอ็งกินอยู่นี่ น้าเขาก็จัดหาให้ รู้จักสำเหนียกบุญคุณคนเสียบ้าง อยู่บ้านเอ็ง เอ็งอาจพูดกดหัวลูกน้องพ่อของ
เอ็งได้ เพราะเอ็งอยู่ใต้ปีกพ่ออันธพาลของเอ็ง แต่ตอนนี้เอ็งไม่มีปีกจะคุ้มครอง ดังนั้นรู้จักคำว่าถ่อมตนไว้บ้าง !”
“อีกไม่นานหรอก คนขอพ่อข้าต้องตามหาข้าเจอ แล้วถึงตอนนั้น ข้าจะสั่งให้พวกเขาตัดมือเอ็งให้ขาด !” ทวีรัตน์เหลืออด แต่ถูกของมันที่ตอนนี้เขาไม่มีปีก
ของพ่อคอยคุ้มครอง แต่อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าพ่อของเขาต้องตามหาแน่ๆ
“แม่...หนูกลัว” เสียงเด็กหญิงพูดแล้วกอดแม่เธอ
“เพลงพิณ เอ็งพามันไปป้อนข้าวที่บ้านเอ็ง” ก้องปฐพีสั่งลูกน้อง เด็กหนุ่มรู้สึกขัดใจที่ต้องไปกินข้าวกับตัวประกันสองต่อสอง เขาเบื่อหน้ามันจะแย่แล้วแต่
เมื่อเจ้านายสั่งจึงต้องทำตาม
“ผมขอบคุณคุณน้าที่มีน้ำใจทำอาหารเผื่อพวกผมนะครับ” ก้องปฐพีเอ่ยขอบคุณหญิงอาวุโสเผื่อแผ่ให้
“ก็แค่กับข้าวบ้านๆ ตามประสาคนบ้านป่าเมืองเถื่อน” เธอพูดแล้วสั่งให้ลูกสาวเก็บข้าวเก็บจานไปล้าง ส่วนลูกชายของเธอยังนั่งเงียบไม่มีคำพูดคำจา
จนก้องปฐพีสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใบ้
“เจ้าอ๋องมันสติไม่ค่อยดี ตั้งแต่ส่งมันไปเรียนเมืองหลวง มันก็นิสัยเปลี่ยนไป” คนเป็นแม่มองลูกชายด้วยความเวทนา “ให้มันไปเรียนเอาความรู้ใส่ตัว
ไว้ จะได้เป็นความหวังกลับมาพัฒนาหมู่บ้านเราบ้าง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่...”
เธอเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยต่อด้วยดวงตาสั่นไหว “...แต่มันก็หลงแสงสี ติดการพนันจนเป็นหนี้ เดือดร้อนถึงเอื้อย พี่สาวของมันต้องออกจาก
โรงเรียนหาเงินใช้หนี้ที่มันก่อ”
ตฤณที่นั่งฟังอยู่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะเขาเองก็เป็นเจ้าของแหล่งพนัน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่ของเขาถึงตั้งกฎห้ามผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า
ยี่สิบปีเข้าเด็ดขาด แต่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม การพนันก็คือการพนันจะอายุเท่าไหร่มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของคนที่หวังเงินจากการเสี่ยงโชค
หากแต่ลูกค้าของเขาล้วนเป็นคนมีฐานะ การเสียพนันหลักแสนก็ยังไม่ทำให้สถานะการเงินของพวกเขากระเทือน
“ติดพนันยังไม่พอ ยังติดยาเข้าอีก” หญิงอาวุโสพูดต่อ “มันก็คงเป็นเวรเป็นกรรมของหมู่บ้านเรากระมัง ฉันเชื่อว่าไอ้กรรมที่รุ่นเราทำไปมันกำลังไปลง
กับรุ่นลูกรุ่นหลาน”
“แต่ถ้าพวกคุณน้าไม่ยอมทำตามคำนายพนา อาจจะเดือดร้อนกว่านี้” ก้องปฐพีเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ดี
“คุณน้าครับ...” ตฤณเอ่ยแทรกบทสนทนา “ที่คุณน้าพูดเรื่องกรรม...ผมขอบอกว่ามันกำลังมาครับ”
ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าจริงจัง เขาสบตาก้องปฐพีแล้วเอ่ยต่อ “ชีวิตของคุณน้ากับลูกๆ ไม่ปลอดภัย มีใครบางคนต้องการฆ่าคุณน้าและลูกๆ และมัน
อาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่สั่งฆ่าสามีคุณน้า”
“แต่พวกผมจะอยู่กับคุณน้าตลอดเวลา คุณน้าและลูกๆจะปลอดภัย” ก้องปฐพีพูดพลางมองใบหน้าสลดของเธอและเด็กหญิง ส่วนลูกชายไม่ต้องพูด
ถึงเพราะตัวสั่นและกอดแม่แน่น
“รวมถึงคนที่ฆ่าป๋องด้วยใช่ไหม” เธอเอ่ยด้วยเสียงสั่น “มันต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของดวงแขแน่ๆ “
“คุณหมอ คุณหมอคนนั้นต้องเกี่ยวข้องแน่ๆ เธอรู้เธอเห็นทุกอย่าง”
“คุณน้าอย่าวิตก คืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุมเหตุการณ์ภายนอก แล้วผมต้องขอร้องให้ชาวบ้านเคลื่อนย้ายออกจากหมู่บ้านก่อนที่มือสังหารจะมา
ถึง” ตฤณอธิบาย
“แต่คนที่บงการฆ่ายังคงไม่เลิกราหากรู้ว่าคุณน้ากับลูกยังมีชีวิตอยู่ พวกเราจึงต้อง...วางแผนตายให้คุณน้าและลูกๆ”
ความมืดมิดในยามค่ำของหมู่บ้านในป่าไม่เป็นอุปสรรคให้ชายหนุ่มออกมานั่งรับลมหนาวที่กำลังพัดมากระทบผิว ตะเกียงเจ้าพายุคือดวงไหที่ช่วยให้ก้อง
ปฐพีอ่านข้อความลายมือคุณหมอสาวที่เขียนให้เขาก่อนที่จะจากมาได้ชัดเจน เสียดายที่คืนนั้นเขาไม่ได้ฟังเธออธิบายความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยกับแมง
อีนูน แต่เสียใจแทนเธอที่พบกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่าการพลาดนัดของเขามากมายนัก
หนึ่งใจในแผ่นดดิน ตอนที่ 43
แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ แค่เลขลำดับเลื่อนค่ะ แต่เนื้อหาต่อกัน
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 43
ตฤณแจ้งไปยังสารวัตรเพื่อให้สารวัตรทราบว่าเขาเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แต่จากการบอกเล่าของสารวัตรเรื่องการหายตัวไปของเพื่อนร่วมแผนการที่ยังหาตัว
ไม่พบทำให้ชายหนุ่มวิตกอย่างมาก หากว่าคืนนี้มันยังไม่โผล่มาแสดงว่าเขาคงต้องไว้อาลัยแด่เพื่อนคนนี้แล้วอย่างนั้นหรือ
“เอ็งยังต้องทำตามแผนเดิม หากไม่มีสัญญาณการปรากฏตัวของกลาง เอ็งต้องทำหน้าที่แทนมัน” สารวัตรกำชับ
“แล้วชาวบ้านที่นี่ล่ะครับ ผมเกรงว่าจะมีใครโดนลูกหลง กลางค่ำกลางคืนแบบนี้จะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปอยู่ที่ไหน มีแต่ผู้หญิงและเด็กทั้งนั้น”
“ข้าส่งเจ้าหน้าเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งจะถึงที่นั่นประมาณหัวค่ำ พวกเขาจะทำหน้าที่เคลื่อนย้ายชาวบ้านให้เหลือเพียงแค่สามแม่ลูก หลังจากนั้นจะเฝ้าดู
เหตุการณ์ระหว่างเอ็งกับกลางจนวินาทีสุดท้าย” สารวัตรอัชวินอธิบาย
“ส่วนเอ็ง สิ่งที่เอ็งต้องทำ คือยิงให้แม่นอย่าให้เสียชื่อพ่อของเอ็งล่ะ” และเขาย้ำเตือนชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
อาหารเย็นมื้อนี้แสนเอร็ดอร่อยสำหรับเพลงพิณและทวีรัตน์นัก เพราะอาหารที่พวกเขาเอาเข้าปากตลอดการเดินทางอันแสนทรหดที่ผ่านมามีเพียงแค่กล้วย
ป่าหรือผลไม้ป่าที่เก็บได้ตามทาง
“เอาผักจิ้มน้ำพริกให้ข้าหน่อย อย่าจิ้มเยอะนะ อ้อ แล้วก็ป้อนแกงเห็ดให้ข้าด้วย อย่าลืมเป่าก่อนล่ะ มันร้อน” ทวีรัตน์เอ่ยขอเพลงพิณ
“เอ็งนี่เรื่องมากฉิบ” เพลงพิณบ่น แต่ก็ทำตามคำขอร้อง
การป้อนข้าวป้อนน้ำของเพลงพิณกับชายวัยรุ่นกลายเป็นเป้าสายตาของคนทั้งวงอาหาร โดยเฉพาะสามแม่ลูกเจ้าของบ้านหลังนี้ อรหญิงอาวุโสไม่เคยคุ้น
หน้าของเด็กหนุ่มที่เพลงพิณจะต้องห้อยไปไหนมาไหนตลอดเวลาไม่เว้นแม้เวลาเข้าห้องน้ำ จะว่าเป็นแฝดที่พลัดพลาดก็ไม่ใช่ กำธรกับเพื่อนหญิงของเธอ
ก็มีลูกแค่คนเดียว
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มเป็นลูกเต้าเหล่าใครหรือ” เธอถามทวีรัตน์ที่กำลังอ้าปากรับแกงเห็ดจากช้อนที่เพลงพิณป้อนให้
“แกรู้แล้วจะหนาว”
ผลั่ว !!!
เพลงพิณตบหัวทวีรัตน์อย่างแรงจนน้ำแกงที่อยู่ในปากพุ่งกระจาย สายตาเกรี้ยวกราดของผู้ถูกกระทำจ้องเขม็งไปเจ้าของฝ่ามือ
“พูดจาให้มันดีกว่าหน่อย ข้าวอุ่นๆ แกงร้อนๆที่เอ็งกินอยู่นี่ น้าเขาก็จัดหาให้ รู้จักสำเหนียกบุญคุณคนเสียบ้าง อยู่บ้านเอ็ง เอ็งอาจพูดกดหัวลูกน้องพ่อของ
เอ็งได้ เพราะเอ็งอยู่ใต้ปีกพ่ออันธพาลของเอ็ง แต่ตอนนี้เอ็งไม่มีปีกจะคุ้มครอง ดังนั้นรู้จักคำว่าถ่อมตนไว้บ้าง !”
“อีกไม่นานหรอก คนขอพ่อข้าต้องตามหาข้าเจอ แล้วถึงตอนนั้น ข้าจะสั่งให้พวกเขาตัดมือเอ็งให้ขาด !” ทวีรัตน์เหลืออด แต่ถูกของมันที่ตอนนี้เขาไม่มีปีก
ของพ่อคอยคุ้มครอง แต่อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าพ่อของเขาต้องตามหาแน่ๆ
“แม่...หนูกลัว” เสียงเด็กหญิงพูดแล้วกอดแม่เธอ
“เพลงพิณ เอ็งพามันไปป้อนข้าวที่บ้านเอ็ง” ก้องปฐพีสั่งลูกน้อง เด็กหนุ่มรู้สึกขัดใจที่ต้องไปกินข้าวกับตัวประกันสองต่อสอง เขาเบื่อหน้ามันจะแย่แล้วแต่
เมื่อเจ้านายสั่งจึงต้องทำตาม
“ผมขอบคุณคุณน้าที่มีน้ำใจทำอาหารเผื่อพวกผมนะครับ” ก้องปฐพีเอ่ยขอบคุณหญิงอาวุโสเผื่อแผ่ให้
“ก็แค่กับข้าวบ้านๆ ตามประสาคนบ้านป่าเมืองเถื่อน” เธอพูดแล้วสั่งให้ลูกสาวเก็บข้าวเก็บจานไปล้าง ส่วนลูกชายของเธอยังนั่งเงียบไม่มีคำพูดคำจา
จนก้องปฐพีสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใบ้
“เจ้าอ๋องมันสติไม่ค่อยดี ตั้งแต่ส่งมันไปเรียนเมืองหลวง มันก็นิสัยเปลี่ยนไป” คนเป็นแม่มองลูกชายด้วยความเวทนา “ให้มันไปเรียนเอาความรู้ใส่ตัว
ไว้ จะได้เป็นความหวังกลับมาพัฒนาหมู่บ้านเราบ้าง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่...”
เธอเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่จะเอ่ยต่อด้วยดวงตาสั่นไหว “...แต่มันก็หลงแสงสี ติดการพนันจนเป็นหนี้ เดือดร้อนถึงเอื้อย พี่สาวของมันต้องออกจาก
โรงเรียนหาเงินใช้หนี้ที่มันก่อ”
ตฤณที่นั่งฟังอยู่รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะเขาเองก็เป็นเจ้าของแหล่งพนัน เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแม่ของเขาถึงตั้งกฎห้ามผู้เล่นที่มีอายุต่ำกว่า
ยี่สิบปีเข้าเด็ดขาด แต่ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม การพนันก็คือการพนันจะอายุเท่าไหร่มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับความโลภของคนที่หวังเงินจากการเสี่ยงโชค
หากแต่ลูกค้าของเขาล้วนเป็นคนมีฐานะ การเสียพนันหลักแสนก็ยังไม่ทำให้สถานะการเงินของพวกเขากระเทือน
“ติดพนันยังไม่พอ ยังติดยาเข้าอีก” หญิงอาวุโสพูดต่อ “มันก็คงเป็นเวรเป็นกรรมของหมู่บ้านเรากระมัง ฉันเชื่อว่าไอ้กรรมที่รุ่นเราทำไปมันกำลังไปลง
กับรุ่นลูกรุ่นหลาน”
“แต่ถ้าพวกคุณน้าไม่ยอมทำตามคำนายพนา อาจจะเดือดร้อนกว่านี้” ก้องปฐพีเอ่ยเมื่อเห็นสีหน้าของเธอไม่ดี
“คุณน้าครับ...” ตฤณเอ่ยแทรกบทสนทนา “ที่คุณน้าพูดเรื่องกรรม...ผมขอบอกว่ามันกำลังมาครับ”
ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าจริงจัง เขาสบตาก้องปฐพีแล้วเอ่ยต่อ “ชีวิตของคุณน้ากับลูกๆ ไม่ปลอดภัย มีใครบางคนต้องการฆ่าคุณน้าและลูกๆ และมัน
อาจเป็นคนเดียวกันกับคนที่สั่งฆ่าสามีคุณน้า”
“แต่พวกผมจะอยู่กับคุณน้าตลอดเวลา คุณน้าและลูกๆจะปลอดภัย” ก้องปฐพีพูดพลางมองใบหน้าสลดของเธอและเด็กหญิง ส่วนลูกชายไม่ต้องพูด
ถึงเพราะตัวสั่นและกอดแม่แน่น
“รวมถึงคนที่ฆ่าป๋องด้วยใช่ไหม” เธอเอ่ยด้วยเสียงสั่น “มันต้องเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของดวงแขแน่ๆ “
“คุณหมอ คุณหมอคนนั้นต้องเกี่ยวข้องแน่ๆ เธอรู้เธอเห็นทุกอย่าง”
“คุณน้าอย่าวิตก คืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาคุมเหตุการณ์ภายนอก แล้วผมต้องขอร้องให้ชาวบ้านเคลื่อนย้ายออกจากหมู่บ้านก่อนที่มือสังหารจะมา
ถึง” ตฤณอธิบาย
“แต่คนที่บงการฆ่ายังคงไม่เลิกราหากรู้ว่าคุณน้ากับลูกยังมีชีวิตอยู่ พวกเราจึงต้อง...วางแผนตายให้คุณน้าและลูกๆ”
ความมืดมิดในยามค่ำของหมู่บ้านในป่าไม่เป็นอุปสรรคให้ชายหนุ่มออกมานั่งรับลมหนาวที่กำลังพัดมากระทบผิว ตะเกียงเจ้าพายุคือดวงไหที่ช่วยให้ก้อง
ปฐพีอ่านข้อความลายมือคุณหมอสาวที่เขียนให้เขาก่อนที่จะจากมาได้ชัดเจน เสียดายที่คืนนั้นเขาไม่ได้ฟังเธออธิบายความแตกต่างระหว่างหิ่งห้อยกับแมง
อีนูน แต่เสียใจแทนเธอที่พบกับเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่าการพลาดนัดของเขามากมายนัก