หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 48 (2/2)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ





หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 48 (2/2)




ตอนที่ 48 (1/2)http://ppantip.com/topic/32851876



ป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ติดอยู่บนตึกระฟ้าย่านสถานบันเทิง ภาพของสาวเรือนร่างสุดเซ็กซี่ในหน้ากากเพชรทั้งห้าดึงดูดสายตาของทุกคนที่ได้เห็น ตัวหนังสือภาษาอังกฤษตัวโตบ่งบอกชัดเจนว่างานแข่งความเร็วของสิงห์นักบิดคราวนี้จะมีสาวงามจากผับใหญ่เป็นตัวชูโรงที่สำคัญรองจากนักแข่งหนุ่มชื่อดังทั้งหลาย

    ‘หลักฐานที่ต้องเก็บเพิ่มคือลายนิ้วมือของ ดารา พราวรัตติกาล’

    คำพูดของสารวัตรสั่งไว้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขาเองที่ดื้อแพ่งขอติดตามมาด้วย ชายหนุ่มมองภาพของหญิงสาวด้วยใจโหยหา บาดแผลจากรอยกระสุนที่เธอฝากไว้เป็นเครื่องเตือนความจำความเข้าใจผิดที่ยังไม่โอกาสได้อธิบาย

    “เราจะเข้าไปยังไง ตอนนี้เอ็งก็กลายเป็นคนที่ถูกพวกมันหมายหัวไปแล้ว” เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบหมายงานถามอย่างสงสัยพลางลอบมองผับขนาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม “ส่วนนังหนูนั่น...ถ้าเขาเจอหน้าเอ็งข้าว่าเขาจะชักปืนเหนี่ยวเอ็งอีกนัดแบบไม่ทันได้ร้อง”

    “แต่เธอเป็นทางเดียวที่จะเก็บเอาสิ่งของที่คุณนายน่าจะทิ้งลายนิ้วมือมาให้เราได้” กลางพูดโดยไม่ละสายตาไปจากป้าย “ที่ผมแยกตัวกับตฤณและกลับมาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้”

    “แล้วเอ็งจะทำยังไง”

    กลางหันมามองเจ้าหน้าที่ “ผมจะหาวิธีบอกกับเธอในงานโมโตครอส”
    
    เสียงของการทดลองเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วลานแข่งมาตรฐานระดับโลก วันนี้นักบิดทั้งหลายต่างเตรียมตัวมาเต็มที่เพื่อคว้าชัยชนะ รถเครื่องสองล้อต่างสีต่างค่ายต่างประชันโฉมอวดความเร้าใจก่อนลงสนาม แต่ความเร้าใจของนักบิดคือหญิงสาวนุ่งน้อยผิวขาวแสนเซ็กซี่หลายคนที่เพียรโพสท่าแข่งความเด่นกับรถเครื่องคันงาม

    ชายหนุ่มผู้สวมแว่นกันแดดและหมวกแก๊ปเพียงอำพรางตัวเองเดินแฝงไปในท่ามกลางผู้คนที่เข้าร่วมงานมากมายหลายพัน กลางกวาดสายตาสังเกตสายสืบของสารวัตรที่ส่งมาคุ้มกันตัวเขาระหว่างเดินปะปนกับผู้คนเพื่อมองหาหญิงสาว แต่ก็ไม่เจอตัวเธอที่ข้างสนามแข่ง เหลือเพียงกระโจมผ้าใบของมูนไลท์เท่านั้นที่ยังไม่เข้าไป และเขาไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้เพราะที่ด้านหน้ามีทั้งสมุนของเสี่ยบัญชากับลูกน้องของไอ้หัวทองเดินกันขวักไขว่ ทางเดียวที่ทำได้คือรอให้เธอเดินออกมาแล้วหาจังหวะเข้าถึงตัว

    เสียงประกาศจากข้างสนามบอกให้คนในงานรู้ว่าการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นกำลังเริ่ม เขาผินหน้าไปทางเสี่ยบัญชาที่เดินเข้าไปในกระโจมพร้อมกับหญิงสาวเชียร์เบียร์ที่เขาเคยเสวนาด้วย เสี่ยบัญชาเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับเหล่าพริตตี้ที่ทำให้เขาย่นคิ้วเครียด ทุกนางอยู่ในชุดเดรสสีขาวสั้นฟูฟ่องประดับขนนกนุ่ม เรียวแขนยาวมีถุงมือขาวปกปิดผิวสาวจากแดดอันร้อนแรง เรียวขางามของพวกเธออยู่บนส้นสูงแหลมปรี๊ดจนทำให้ทุกคนมีความสูงไม่ต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาถ้าใบหน้าของพวกเธอไม่ได้ถูกปกปิดด้วยหน้ากากเพชร

    “ขอเชิญทุกคนปรบมือต้อนรับพวกเธอด้วยครับ” เสียงประกาศของพิธีกรชื่อดัง “ไม่น่าเชื่อว่า งานโมโตครอสครั้งนี้ เสี่ยบัญชาจะใจป้ำ”  

    “ผมแค่อยากให้พวกนักแข่งเขามีกำลังใจเท่านั้น” เสี่ยร่างท้วมยิ้มระรื่นตอบใส่ไมโครโฟน

    “ได้ยินไหมครับนักบิดทั้งหลาย เสี่ยบัญชาอยากให้กำลังใจพวกคุณโดยส่งสาวงามมาเชียร์ถึงข้างสนาม แม้จะปิดหน้าปิดตาแบบนี้พวกเราเหล่าชายนิยมคนน่ารักคงวางใจเรื่องกิตติศัพท์ความสวยแซ่บของสาวงามแห่งมูนไลท์ได้ดี”

    “เอ๊ะ ผมไม่ได้จะให้พวกน้องเขาทำแค่เชียร์ข้างสนามนะครับ”

    พิธีกรหนุ่มทำหน้าเหรอหรา “เสี่ยหมายความว่า...”

    “ใครที่แข่งผ่านเข้ารอบห้าคนแรก ผมจะให้ทุกคนพาน้องนางที่ถูกใจไปฉลองชัยชนะแบบส่วนตัวหนึ่งคืน !”

    เสียงโห่ร้องของคนทั้งงานและการยกมือมั่นของเหล่านักแข่งต่างยินดีที่ได้ยิน ยกเว้นเพียงแค่ชายหนุ่มที่กัดฟันแน่น หากเป็นแบบนี้เขาจะเข้าถึงตัวเธอได้อย่างไร แล้วเอื้อยคือคนไหนในห้าคนนั้น สร้อยกระพรวนที่จะใช้เป็นสัญลักษณ์ก็ไม่มีที่ข้อเท้าของใครสักคน ทางเดียวที่ต้องเลือกเสี่ยงคือเขาต้องเข้าร่วมแข่งรถครั้งนี้

        “ข้าไม่อนุญาตตต !”

    คำขาดของสารวัตรตะเบ็งลากยาวผ่านโทรศัพท์จนเขาต้องเอาหูออกห่าง

    “แล้วผมจะเข้าถึงตัวเอื้อยได้ยังไงกัน” กลางเถียงกลับทันที

    “แค่ข้าดูคลิปสตั๊นโชว์ของเอ็งกับตฤณ และเรื่องที่เอ็งโดนยิงมาถึงสองหนมันก็ทำให้ขวัญผวาพอแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย นึกถึงใจข้าบ้าง ถ้าเอ็งเป็นอะไรไปข้าจะเอาลูกที่ไหนไปคืนพ่อแม่ !” สารวัตรตอบกลับทันที

    “ถ้าเป็นพ่อผม เขาอนุญาตไปนานแล้ว !”

    “แต่ข้าไม่ใช่พ่อเอ็ง !” เสียงตอบกลับมาอย่างเหลืออด “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้บัญชาการงานนี้ เอ็งจะฝืนคำสั่งข้าไม่ได้ งานนี้ข้าให้เอ็งทำได้แค่ยืนเชียร์ข้างสนาม”

         ถ้าฝืนคำสั่งสารวัตรอาจส่งผลถึงคดีที่เขาต้องการลบออกจากประวัติ แต่ถ้าไม่ลงแข่งเองแล้วเขาจะใกล้ชิดเธอได้อย่างไร ความคิดที่จะให้เธอช่วยหาเรื่องลายนิ้วมือของคุณนายตอนนี้มันกลับลดความสำคัญลงไปเมื่อเทียบกับการแก้ไขความเข้าใจผิดของหญิงสาว

    เมื่อเสียงสัญญาณแข่งดัง เสียงบิดเครื่องยนต์กับเสียงวงล้อหมุนเบียดพื้นถนนก็ดังก้อง เหล่านักบิดต่างออกตัวและขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดหวังอย่างเดียวคือต้องเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก งานนี้ยังมีรางวัลเป็นคืนหวานกับสาวงามของมูนไลท์อีกต่างหาก

         แต่ความร้อนแรงในสนามแข่งคงไม่เท่าความร้อนของใจชายหนุ่มนอกสนาม การพยายามมองดวงตาคู่งามกับริมฝีปากอิ่มที่เล็ดลอดจากหน้ากากเพชรเป็นเรื่องยากเพราะแม่นางทั้งหลายนั้นแต่งหน้าเหมือนกันหมด อีกไม่กี่นาทีก็จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ชายหนุ่มลอบมองไปยังกระโจมของมูนไลท์ที่มีรถลีมูซีนคันยาวเคลื่อนตัวเข้ามาจอด เขาพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบเธอ

    เสียงเฮดังลั่นเมื่อผู้แข่งคนแรกบิดรถเครื่องคู่ใจของเขาเข้าเส้นชัยตามด้วยคันต่อมาที่ห่างกันไม่กี่วินาที กลางรีบพาตัวเองเดินแทรกผ่านฝูงชนเข้าไปเพื่อดูผู้ชนะการแข่งขัน หนุ่มนักบิดร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นและชูแขนสองข้างแสดงความยินดีจากรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ชะลอความเร็วลงและจอดสนิทนิ่งตรงหน้าที่นั่งที่มีสาวงามทั้งห้านั่งอยู่

    เสียงพิธีกรคนเดิมเรียกนักแข่งที่บังคับรถเข้าเส้นชัยได้เร็วที่สุดห้าคนแรกขึ้นเวทีเพื่อทำการสัมภาษณ์ที่ใครๆ ต่างฟังอย่างสนุกสนานแต่กลับน่าเบื่อสำหรับชายหนุ่มที่รอให้สาวทุกคนเผยโฉมหน้า

    “มาถึงช่วงสำคัญแล้วครับท่านนักแข่งทั้งหลาย ตามสัญญาที่เราบอกไว้ก่อนแข่งขัน ผู้ชนะห้าอันดับแรกจะได้รางวัลเป็นคืนดินเนอร์แสนพิเศษกับสาวงามของมูนไลท์”

    “แต่เรามีข้อแม้...” พิธีกรเอ่ยขึ้นทำให้เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องเงียบลง “สาวงามของเราจะไม่ถอดหน้ากากออก และพวกคุณจะต้องเป็นฝ่ายเลือกพวกเธอโดยไม่ได้เห็นหน้าตา”

    พิธีกรชายเดินไปยังผู้ชนะอันดับหนึ่งผู้เป็นนักแข่งระดับประเทศ เขาคว้าชัยมาแล้วหลายสนามทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความยินดีปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับก้าวเดินออกจากแถวหน้ากระดานด้วยรอยยิ้มละไม

    “ฟ้าเมืองไทยวันนี้คงไม่มีใครเป็นเจ้าแห่งความเร็วได้เท่าคุณอีกแล้ว จะช้าอยู่ใยล่ะครับ เชิญคุณเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่คุณจะได้ครองคืนเดทแสนหวานกับเธอเลย”

    การปรบมือเชียร์ลั่นของผู้ชมลุ้นไปกับชายที่มีรอยยิ้มเขินน่ารัก แต่มันทำให้กลางนึกอยากจะกระโดดขึ้นไปแล้วแย่งตำเหน่งมาเสียเอง เขามั่นใจเหลือเกินว่าถ้าเขาได้ลงแข่ง คนที่ยืนตรงนั้นต้องเป็นเขาไม่ใช่ไอ้ลูกครึ่งหน้าฝรั่งคนนั้น

    “คือ...ผมค่อนข้างขี้อายน่ะครับไม่กล้าที่จะเลือกใคร... แล้วผมก็พอรู้มาว่ามูนไลท์ขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม แต่...มีอยู่แค่คนเดียวที่ผมอยากจะขอเธอให้เกียตริผมในครั้งนี้...”

    ‘เรื่องมากจังวะ’ เสียงว่ากล่าวในใจจากคนที่กำลังอิจฉา

    “ผม...ไม่ทราบว่าเธอคนนั้นคือใครในห้าสาวงาม ดังนั้นผมขอเลือกจากคนที่เต้นรำได้โดนใจผมที่สุด”

    ชายหนุ่มด้านล่างถึงกับตาโต ไอ้เวรนี่มันแรงมาจากไหน ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ แต่ท่าทางการเต้นแต่ละคนจะแตกต่างกันได้ขนาดนั้นเชียวหรือ

    หญิงสาวในหน้ากากต่างยิ้มให้กัน พวกเธอรู้หน้าที่ที่ต้องทำดี สาวร่างโปร่งบางคนแรกก้าวเท้าออกมาแล้วเริ่มบรรเลงลีลาในแบบที่คิดว่าจะดึงความสนใจจากผู้ชนะอันดับหนึ่งได้ แต่เปล่าเลย เขากลับให้คนที่สอง สาม สี่ ออกมาโชว์ท่าร่ายรำแล้วผ่านไปจนถึงคนสุดท้าย เธอก้าวย่างออกมาจากแถวด้วยท่าทางสบายแล้วเริ่มวาดลวดลายที่แสนตราตรึง

    ชายหนุ่มข้างเวทีมองความพลิ้วไหวด้วยหัวใจล่องลอย ท่าทางอ่อนช้อยของหญิงสาวในชุดขนนกฟูฟ่องทำให้เธอเหมือนดั่งนางหงส์ขาวที่กำลังเริงระบำ การยกปลายขาก้าววาดพร้อมกับการโก่งวงแขนไปตามจังหวะดนตรีที่อยู่ในหัวใจทำให้เธอดูงดงาม นางระบำเคลื่อนตัวใกล้กับนักบิดหนุ่มแล้วหยอกล้อเขาด้วยการเต้นวนรอบตัว ดวงตาแสนขี้เล่นขยิบให้กับชายหนุ่มจมูกโด่งหน้าตาคมสันก่อนที่กลับไปยังที่เดิม

    “ผมเลือกคนนี้ !” เขารีบฉวยข้อมือของเธอเอาไว้

    หนุ่มนักบิดคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นเวทีแล้วยื่นมือไปขอมือของสาวนักระบำ เมื่อเธอถอดถุงมือสีขาวออก ความโกรธเคืองพุ่งขึ้นขีดสุดเมื่อนักแข่งรถที่กำลังแข่งรักกับเขากำลังก้มหน้าจุมพิตที่หลังมือของหญิงสาวที่สวมกระพรวนที่ข้อมือ !

        เสียงสบถด่าดังจากปากชายหนุ่มจนคนรอบข้างหันไปมองชายที่สวมใส่แว่นกันแดดกับหมวกแก๊ป เขาขยับปีกหมวกลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำให้การปลอมตัวมีปัญหา กลางหันขวับไปทางรถยุโรปคันยาวแล้วแทรกตัวผ่านฝูงชนออกไป งานนี้ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่