ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 48 (2/2)
ป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ติดอยู่บนตึกระฟ้าย่านสถานบันเทิง ภาพของสาวเรือนร่างสุดเซ็กซี่ในหน้ากากเพชรทั้งห้าดึงดูดสายตาของทุกคนที่ได้เห็น ตัวหนังสือภาษาอังกฤษตัวโตบ่งบอกชัดเจนว่างานแข่งความเร็วของสิงห์นักบิดคราวนี้จะมีสาวงามจากผับใหญ่เป็นตัวชูโรงที่สำคัญรองจากนักแข่งหนุ่มชื่อดังทั้งหลาย
‘หลักฐานที่ต้องเก็บเพิ่มคือลายนิ้วมือของ ดารา พราวรัตติกาล’
คำพูดของสารวัตรสั่งไว้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขาเองที่ดื้อแพ่งขอติดตามมาด้วย ชายหนุ่มมองภาพของหญิงสาวด้วยใจโหยหา บาดแผลจากรอยกระสุนที่เธอฝากไว้เป็นเครื่องเตือนความจำความเข้าใจผิดที่ยังไม่โอกาสได้อธิบาย
“เราจะเข้าไปยังไง ตอนนี้เอ็งก็กลายเป็นคนที่ถูกพวกมันหมายหัวไปแล้ว” เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบหมายงานถามอย่างสงสัยพลางลอบมองผับขนาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม “ส่วนนังหนูนั่น...ถ้าเขาเจอหน้าเอ็งข้าว่าเขาจะชักปืนเหนี่ยวเอ็งอีกนัดแบบไม่ทันได้ร้อง”
“แต่เธอเป็นทางเดียวที่จะเก็บเอาสิ่งของที่คุณนายน่าจะทิ้งลายนิ้วมือมาให้เราได้” กลางพูดโดยไม่ละสายตาไปจากป้าย “ที่ผมแยกตัวกับตฤณและกลับมาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้”
“แล้วเอ็งจะทำยังไง”
กลางหันมามองเจ้าหน้าที่ “ผมจะหาวิธีบอกกับเธอในงานโมโตครอส”
เสียงของการทดลองเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วลานแข่งมาตรฐานระดับโลก วันนี้นักบิดทั้งหลายต่างเตรียมตัวมาเต็มที่เพื่อคว้าชัยชนะ รถเครื่องสองล้อต่างสีต่างค่ายต่างประชันโฉมอวดความเร้าใจก่อนลงสนาม แต่ความเร้าใจของนักบิดคือหญิงสาวนุ่งน้อยผิวขาวแสนเซ็กซี่หลายคนที่เพียรโพสท่าแข่งความเด่นกับรถเครื่องคันงาม
ชายหนุ่มผู้สวมแว่นกันแดดและหมวกแก๊ปเพียงอำพรางตัวเองเดินแฝงไปในท่ามกลางผู้คนที่เข้าร่วมงานมากมายหลายพัน กลางกวาดสายตาสังเกตสายสืบของสารวัตรที่ส่งมาคุ้มกันตัวเขาระหว่างเดินปะปนกับผู้คนเพื่อมองหาหญิงสาว แต่ก็ไม่เจอตัวเธอที่ข้างสนามแข่ง เหลือเพียงกระโจมผ้าใบของมูนไลท์เท่านั้นที่ยังไม่เข้าไป และเขาไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้เพราะที่ด้านหน้ามีทั้งสมุนของเสี่ยบัญชากับลูกน้องของไอ้หัวทองเดินกันขวักไขว่ ทางเดียวที่ทำได้คือรอให้เธอเดินออกมาแล้วหาจังหวะเข้าถึงตัว
เสียงประกาศจากข้างสนามบอกให้คนในงานรู้ว่าการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นกำลังเริ่ม เขาผินหน้าไปทางเสี่ยบัญชาที่เดินเข้าไปในกระโจมพร้อมกับหญิงสาวเชียร์เบียร์ที่เขาเคยเสวนาด้วย เสี่ยบัญชาเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับเหล่าพริตตี้ที่ทำให้เขาย่นคิ้วเครียด ทุกนางอยู่ในชุดเดรสสีขาวสั้นฟูฟ่องประดับขนนกนุ่ม เรียวแขนยาวมีถุงมือขาวปกปิดผิวสาวจากแดดอันร้อนแรง เรียวขางามของพวกเธออยู่บนส้นสูงแหลมปรี๊ดจนทำให้ทุกคนมีความสูงไม่ต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาถ้าใบหน้าของพวกเธอไม่ได้ถูกปกปิดด้วยหน้ากากเพชร
“ขอเชิญทุกคนปรบมือต้อนรับพวกเธอด้วยครับ” เสียงประกาศของพิธีกรชื่อดัง “ไม่น่าเชื่อว่า งานโมโตครอสครั้งนี้ เสี่ยบัญชาจะใจป้ำ”
“ผมแค่อยากให้พวกนักแข่งเขามีกำลังใจเท่านั้น” เสี่ยร่างท้วมยิ้มระรื่นตอบใส่ไมโครโฟน
“ได้ยินไหมครับนักบิดทั้งหลาย เสี่ยบัญชาอยากให้กำลังใจพวกคุณโดยส่งสาวงามมาเชียร์ถึงข้างสนาม แม้จะปิดหน้าปิดตาแบบนี้พวกเราเหล่าชายนิยมคนน่ารักคงวางใจเรื่องกิตติศัพท์ความสวยแซ่บของสาวงามแห่งมูนไลท์ได้ดี”
“เอ๊ะ ผมไม่ได้จะให้พวกน้องเขาทำแค่เชียร์ข้างสนามนะครับ”
พิธีกรหนุ่มทำหน้าเหรอหรา “เสี่ยหมายความว่า...”
“ใครที่แข่งผ่านเข้ารอบห้าคนแรก ผมจะให้ทุกคนพาน้องนางที่ถูกใจไปฉลองชัยชนะแบบส่วนตัวหนึ่งคืน !”
เสียงโห่ร้องของคนทั้งงานและการยกมือมั่นของเหล่านักแข่งต่างยินดีที่ได้ยิน ยกเว้นเพียงแค่ชายหนุ่มที่กัดฟันแน่น หากเป็นแบบนี้เขาจะเข้าถึงตัวเธอได้อย่างไร แล้วเอื้อยคือคนไหนในห้าคนนั้น สร้อยกระพรวนที่จะใช้เป็นสัญลักษณ์ก็ไม่มีที่ข้อเท้าของใครสักคน ทางเดียวที่ต้องเลือกเสี่ยงคือเขาต้องเข้าร่วมแข่งรถครั้งนี้
“ข้าไม่อนุญาตตต !”
คำขาดของสารวัตรตะเบ็งลากยาวผ่านโทรศัพท์จนเขาต้องเอาหูออกห่าง
“แล้วผมจะเข้าถึงตัวเอื้อยได้ยังไงกัน” กลางเถียงกลับทันที
“แค่ข้าดูคลิปสตั๊นโชว์ของเอ็งกับตฤณ และเรื่องที่เอ็งโดนยิงมาถึงสองหนมันก็ทำให้ขวัญผวาพอแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย นึกถึงใจข้าบ้าง ถ้าเอ็งเป็นอะไรไปข้าจะเอาลูกที่ไหนไปคืนพ่อแม่ !” สารวัตรตอบกลับทันที
“ถ้าเป็นพ่อผม เขาอนุญาตไปนานแล้ว !”
“แต่ข้าไม่ใช่พ่อเอ็ง !” เสียงตอบกลับมาอย่างเหลืออด “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้บัญชาการงานนี้ เอ็งจะฝืนคำสั่งข้าไม่ได้ งานนี้ข้าให้เอ็งทำได้แค่ยืนเชียร์ข้างสนาม”
ถ้าฝืนคำสั่งสารวัตรอาจส่งผลถึงคดีที่เขาต้องการลบออกจากประวัติ แต่ถ้าไม่ลงแข่งเองแล้วเขาจะใกล้ชิดเธอได้อย่างไร ความคิดที่จะให้เธอช่วยหาเรื่องลายนิ้วมือของคุณนายตอนนี้มันกลับลดความสำคัญลงไปเมื่อเทียบกับการแก้ไขความเข้าใจผิดของหญิงสาว
เมื่อเสียงสัญญาณแข่งดัง เสียงบิดเครื่องยนต์กับเสียงวงล้อหมุนเบียดพื้นถนนก็ดังก้อง เหล่านักบิดต่างออกตัวและขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดหวังอย่างเดียวคือต้องเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก งานนี้ยังมีรางวัลเป็นคืนหวานกับสาวงามของมูนไลท์อีกต่างหาก
แต่ความร้อนแรงในสนามแข่งคงไม่เท่าความร้อนของใจชายหนุ่มนอกสนาม การพยายามมองดวงตาคู่งามกับริมฝีปากอิ่มที่เล็ดลอดจากหน้ากากเพชรเป็นเรื่องยากเพราะแม่นางทั้งหลายนั้นแต่งหน้าเหมือนกันหมด อีกไม่กี่นาทีก็จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ชายหนุ่มลอบมองไปยังกระโจมของมูนไลท์ที่มีรถลีมูซีนคันยาวเคลื่อนตัวเข้ามาจอด เขาพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบเธอ
เสียงเฮดังลั่นเมื่อผู้แข่งคนแรกบิดรถเครื่องคู่ใจของเขาเข้าเส้นชัยตามด้วยคันต่อมาที่ห่างกันไม่กี่วินาที กลางรีบพาตัวเองเดินแทรกผ่านฝูงชนเข้าไปเพื่อดูผู้ชนะการแข่งขัน หนุ่มนักบิดร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นและชูแขนสองข้างแสดงความยินดีจากรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ชะลอความเร็วลงและจอดสนิทนิ่งตรงหน้าที่นั่งที่มีสาวงามทั้งห้านั่งอยู่
เสียงพิธีกรคนเดิมเรียกนักแข่งที่บังคับรถเข้าเส้นชัยได้เร็วที่สุดห้าคนแรกขึ้นเวทีเพื่อทำการสัมภาษณ์ที่ใครๆ ต่างฟังอย่างสนุกสนานแต่กลับน่าเบื่อสำหรับชายหนุ่มที่รอให้สาวทุกคนเผยโฉมหน้า
“มาถึงช่วงสำคัญแล้วครับท่านนักแข่งทั้งหลาย ตามสัญญาที่เราบอกไว้ก่อนแข่งขัน ผู้ชนะห้าอันดับแรกจะได้รางวัลเป็นคืนดินเนอร์แสนพิเศษกับสาวงามของมูนไลท์”
“แต่เรามีข้อแม้...” พิธีกรเอ่ยขึ้นทำให้เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องเงียบลง “สาวงามของเราจะไม่ถอดหน้ากากออก และพวกคุณจะต้องเป็นฝ่ายเลือกพวกเธอโดยไม่ได้เห็นหน้าตา”
พิธีกรชายเดินไปยังผู้ชนะอันดับหนึ่งผู้เป็นนักแข่งระดับประเทศ เขาคว้าชัยมาแล้วหลายสนามทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความยินดีปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับก้าวเดินออกจากแถวหน้ากระดานด้วยรอยยิ้มละไม
“ฟ้าเมืองไทยวันนี้คงไม่มีใครเป็นเจ้าแห่งความเร็วได้เท่าคุณอีกแล้ว จะช้าอยู่ใยล่ะครับ เชิญคุณเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่คุณจะได้ครองคืนเดทแสนหวานกับเธอเลย”
การปรบมือเชียร์ลั่นของผู้ชมลุ้นไปกับชายที่มีรอยยิ้มเขินน่ารัก แต่มันทำให้กลางนึกอยากจะกระโดดขึ้นไปแล้วแย่งตำเหน่งมาเสียเอง เขามั่นใจเหลือเกินว่าถ้าเขาได้ลงแข่ง คนที่ยืนตรงนั้นต้องเป็นเขาไม่ใช่ไอ้ลูกครึ่งหน้าฝรั่งคนนั้น
“คือ...ผมค่อนข้างขี้อายน่ะครับไม่กล้าที่จะเลือกใคร... แล้วผมก็พอรู้มาว่ามูนไลท์ขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม แต่...มีอยู่แค่คนเดียวที่ผมอยากจะขอเธอให้เกียตริผมในครั้งนี้...”
‘เรื่องมากจังวะ’ เสียงว่ากล่าวในใจจากคนที่กำลังอิจฉา
“ผม...ไม่ทราบว่าเธอคนนั้นคือใครในห้าสาวงาม ดังนั้นผมขอเลือกจากคนที่เต้นรำได้โดนใจผมที่สุด”
ชายหนุ่มด้านล่างถึงกับตาโต ไอ้เวรนี่มันแรงมาจากไหน ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ แต่ท่าทางการเต้นแต่ละคนจะแตกต่างกันได้ขนาดนั้นเชียวหรือ
หญิงสาวในหน้ากากต่างยิ้มให้กัน พวกเธอรู้หน้าที่ที่ต้องทำดี สาวร่างโปร่งบางคนแรกก้าวเท้าออกมาแล้วเริ่มบรรเลงลีลาในแบบที่คิดว่าจะดึงความสนใจจากผู้ชนะอันดับหนึ่งได้ แต่เปล่าเลย เขากลับให้คนที่สอง สาม สี่ ออกมาโชว์ท่าร่ายรำแล้วผ่านไปจนถึงคนสุดท้าย เธอก้าวย่างออกมาจากแถวด้วยท่าทางสบายแล้วเริ่มวาดลวดลายที่แสนตราตรึง
ชายหนุ่มข้างเวทีมองความพลิ้วไหวด้วยหัวใจล่องลอย ท่าทางอ่อนช้อยของหญิงสาวในชุดขนนกฟูฟ่องทำให้เธอเหมือนดั่งนางหงส์ขาวที่กำลังเริงระบำ การยกปลายขาก้าววาดพร้อมกับการโก่งวงแขนไปตามจังหวะดนตรีที่อยู่ในหัวใจทำให้เธอดูงดงาม นางระบำเคลื่อนตัวใกล้กับนักบิดหนุ่มแล้วหยอกล้อเขาด้วยการเต้นวนรอบตัว ดวงตาแสนขี้เล่นขยิบให้กับชายหนุ่มจมูกโด่งหน้าตาคมสันก่อนที่กลับไปยังที่เดิม
“ผมเลือกคนนี้ !” เขารีบฉวยข้อมือของเธอเอาไว้
หนุ่มนักบิดคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นเวทีแล้วยื่นมือไปขอมือของสาวนักระบำ เมื่อเธอถอดถุงมือสีขาวออก ความโกรธเคืองพุ่งขึ้นขีดสุดเมื่อนักแข่งรถที่กำลังแข่งรักกับเขากำลังก้มหน้าจุมพิตที่หลังมือของหญิงสาวที่สวมกระพรวนที่ข้อมือ !
เสียงสบถด่าดังจากปากชายหนุ่มจนคนรอบข้างหันไปมองชายที่สวมใส่แว่นกันแดดกับหมวกแก๊ป เขาขยับปีกหมวกลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำให้การปลอมตัวมีปัญหา กลางหันขวับไปทางรถยุโรปคันยาวแล้วแทรกตัวผ่านฝูงชนออกไป งานนี้ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง
หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 48 (2/2)
ตอนที่ 48 (2/2)
ป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ติดอยู่บนตึกระฟ้าย่านสถานบันเทิง ภาพของสาวเรือนร่างสุดเซ็กซี่ในหน้ากากเพชรทั้งห้าดึงดูดสายตาของทุกคนที่ได้เห็น ตัวหนังสือภาษาอังกฤษตัวโตบ่งบอกชัดเจนว่างานแข่งความเร็วของสิงห์นักบิดคราวนี้จะมีสาวงามจากผับใหญ่เป็นตัวชูโรงที่สำคัญรองจากนักแข่งหนุ่มชื่อดังทั้งหลาย
‘หลักฐานที่ต้องเก็บเพิ่มคือลายนิ้วมือของ ดารา พราวรัตติกาล’
คำพูดของสารวัตรสั่งไว้กับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขาเองที่ดื้อแพ่งขอติดตามมาด้วย ชายหนุ่มมองภาพของหญิงสาวด้วยใจโหยหา บาดแผลจากรอยกระสุนที่เธอฝากไว้เป็นเครื่องเตือนความจำความเข้าใจผิดที่ยังไม่โอกาสได้อธิบาย
“เราจะเข้าไปยังไง ตอนนี้เอ็งก็กลายเป็นคนที่ถูกพวกมันหมายหัวไปแล้ว” เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบหมายงานถามอย่างสงสัยพลางลอบมองผับขนาดใหญ่ที่กำลังได้รับความนิยม “ส่วนนังหนูนั่น...ถ้าเขาเจอหน้าเอ็งข้าว่าเขาจะชักปืนเหนี่ยวเอ็งอีกนัดแบบไม่ทันได้ร้อง”
“แต่เธอเป็นทางเดียวที่จะเก็บเอาสิ่งของที่คุณนายน่าจะทิ้งลายนิ้วมือมาให้เราได้” กลางพูดโดยไม่ละสายตาไปจากป้าย “ที่ผมแยกตัวกับตฤณและกลับมาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้”
“แล้วเอ็งจะทำยังไง”
กลางหันมามองเจ้าหน้าที่ “ผมจะหาวิธีบอกกับเธอในงานโมโตครอส”
เสียงของการทดลองเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วลานแข่งมาตรฐานระดับโลก วันนี้นักบิดทั้งหลายต่างเตรียมตัวมาเต็มที่เพื่อคว้าชัยชนะ รถเครื่องสองล้อต่างสีต่างค่ายต่างประชันโฉมอวดความเร้าใจก่อนลงสนาม แต่ความเร้าใจของนักบิดคือหญิงสาวนุ่งน้อยผิวขาวแสนเซ็กซี่หลายคนที่เพียรโพสท่าแข่งความเด่นกับรถเครื่องคันงาม
ชายหนุ่มผู้สวมแว่นกันแดดและหมวกแก๊ปเพียงอำพรางตัวเองเดินแฝงไปในท่ามกลางผู้คนที่เข้าร่วมงานมากมายหลายพัน กลางกวาดสายตาสังเกตสายสืบของสารวัตรที่ส่งมาคุ้มกันตัวเขาระหว่างเดินปะปนกับผู้คนเพื่อมองหาหญิงสาว แต่ก็ไม่เจอตัวเธอที่ข้างสนามแข่ง เหลือเพียงกระโจมผ้าใบของมูนไลท์เท่านั้นที่ยังไม่เข้าไป และเขาไม่สามารถเข้าไปได้ตอนนี้เพราะที่ด้านหน้ามีทั้งสมุนของเสี่ยบัญชากับลูกน้องของไอ้หัวทองเดินกันขวักไขว่ ทางเดียวที่ทำได้คือรอให้เธอเดินออกมาแล้วหาจังหวะเข้าถึงตัว
เสียงประกาศจากข้างสนามบอกให้คนในงานรู้ว่าการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นกำลังเริ่ม เขาผินหน้าไปทางเสี่ยบัญชาที่เดินเข้าไปในกระโจมพร้อมกับหญิงสาวเชียร์เบียร์ที่เขาเคยเสวนาด้วย เสี่ยบัญชาเดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับเหล่าพริตตี้ที่ทำให้เขาย่นคิ้วเครียด ทุกนางอยู่ในชุดเดรสสีขาวสั้นฟูฟ่องประดับขนนกนุ่ม เรียวแขนยาวมีถุงมือขาวปกปิดผิวสาวจากแดดอันร้อนแรง เรียวขางามของพวกเธออยู่บนส้นสูงแหลมปรี๊ดจนทำให้ทุกคนมีความสูงไม่ต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาถ้าใบหน้าของพวกเธอไม่ได้ถูกปกปิดด้วยหน้ากากเพชร
“ขอเชิญทุกคนปรบมือต้อนรับพวกเธอด้วยครับ” เสียงประกาศของพิธีกรชื่อดัง “ไม่น่าเชื่อว่า งานโมโตครอสครั้งนี้ เสี่ยบัญชาจะใจป้ำ”
“ผมแค่อยากให้พวกนักแข่งเขามีกำลังใจเท่านั้น” เสี่ยร่างท้วมยิ้มระรื่นตอบใส่ไมโครโฟน
“ได้ยินไหมครับนักบิดทั้งหลาย เสี่ยบัญชาอยากให้กำลังใจพวกคุณโดยส่งสาวงามมาเชียร์ถึงข้างสนาม แม้จะปิดหน้าปิดตาแบบนี้พวกเราเหล่าชายนิยมคนน่ารักคงวางใจเรื่องกิตติศัพท์ความสวยแซ่บของสาวงามแห่งมูนไลท์ได้ดี”
“เอ๊ะ ผมไม่ได้จะให้พวกน้องเขาทำแค่เชียร์ข้างสนามนะครับ”
พิธีกรหนุ่มทำหน้าเหรอหรา “เสี่ยหมายความว่า...”
“ใครที่แข่งผ่านเข้ารอบห้าคนแรก ผมจะให้ทุกคนพาน้องนางที่ถูกใจไปฉลองชัยชนะแบบส่วนตัวหนึ่งคืน !”
เสียงโห่ร้องของคนทั้งงานและการยกมือมั่นของเหล่านักแข่งต่างยินดีที่ได้ยิน ยกเว้นเพียงแค่ชายหนุ่มที่กัดฟันแน่น หากเป็นแบบนี้เขาจะเข้าถึงตัวเธอได้อย่างไร แล้วเอื้อยคือคนไหนในห้าคนนั้น สร้อยกระพรวนที่จะใช้เป็นสัญลักษณ์ก็ไม่มีที่ข้อเท้าของใครสักคน ทางเดียวที่ต้องเลือกเสี่ยงคือเขาต้องเข้าร่วมแข่งรถครั้งนี้
“ข้าไม่อนุญาตตต !”
คำขาดของสารวัตรตะเบ็งลากยาวผ่านโทรศัพท์จนเขาต้องเอาหูออกห่าง
“แล้วผมจะเข้าถึงตัวเอื้อยได้ยังไงกัน” กลางเถียงกลับทันที
“แค่ข้าดูคลิปสตั๊นโชว์ของเอ็งกับตฤณ และเรื่องที่เอ็งโดนยิงมาถึงสองหนมันก็ทำให้ขวัญผวาพอแล้ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย นึกถึงใจข้าบ้าง ถ้าเอ็งเป็นอะไรไปข้าจะเอาลูกที่ไหนไปคืนพ่อแม่ !” สารวัตรตอบกลับทันที
“ถ้าเป็นพ่อผม เขาอนุญาตไปนานแล้ว !”
“แต่ข้าไม่ใช่พ่อเอ็ง !” เสียงตอบกลับมาอย่างเหลืออด “ในฐานะที่ข้าเป็นผู้บัญชาการงานนี้ เอ็งจะฝืนคำสั่งข้าไม่ได้ งานนี้ข้าให้เอ็งทำได้แค่ยืนเชียร์ข้างสนาม”
ถ้าฝืนคำสั่งสารวัตรอาจส่งผลถึงคดีที่เขาต้องการลบออกจากประวัติ แต่ถ้าไม่ลงแข่งเองแล้วเขาจะใกล้ชิดเธอได้อย่างไร ความคิดที่จะให้เธอช่วยหาเรื่องลายนิ้วมือของคุณนายตอนนี้มันกลับลดความสำคัญลงไปเมื่อเทียบกับการแก้ไขความเข้าใจผิดของหญิงสาว
เมื่อเสียงสัญญาณแข่งดัง เสียงบิดเครื่องยนต์กับเสียงวงล้อหมุนเบียดพื้นถนนก็ดังก้อง เหล่านักบิดต่างออกตัวและขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดหวังอย่างเดียวคือต้องเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก งานนี้ยังมีรางวัลเป็นคืนหวานกับสาวงามของมูนไลท์อีกต่างหาก
แต่ความร้อนแรงในสนามแข่งคงไม่เท่าความร้อนของใจชายหนุ่มนอกสนาม การพยายามมองดวงตาคู่งามกับริมฝีปากอิ่มที่เล็ดลอดจากหน้ากากเพชรเป็นเรื่องยากเพราะแม่นางทั้งหลายนั้นแต่งหน้าเหมือนกันหมด อีกไม่กี่นาทีก็จะรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ชายหนุ่มลอบมองไปยังกระโจมของมูนไลท์ที่มีรถลีมูซีนคันยาวเคลื่อนตัวเข้ามาจอด เขาพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พบเธอ
เสียงเฮดังลั่นเมื่อผู้แข่งคนแรกบิดรถเครื่องคู่ใจของเขาเข้าเส้นชัยตามด้วยคันต่อมาที่ห่างกันไม่กี่วินาที กลางรีบพาตัวเองเดินแทรกผ่านฝูงชนเข้าไปเพื่อดูผู้ชนะการแข่งขัน หนุ่มนักบิดร่างสูงใหญ่ยืนขึ้นและชูแขนสองข้างแสดงความยินดีจากรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่ชะลอความเร็วลงและจอดสนิทนิ่งตรงหน้าที่นั่งที่มีสาวงามทั้งห้านั่งอยู่
เสียงพิธีกรคนเดิมเรียกนักแข่งที่บังคับรถเข้าเส้นชัยได้เร็วที่สุดห้าคนแรกขึ้นเวทีเพื่อทำการสัมภาษณ์ที่ใครๆ ต่างฟังอย่างสนุกสนานแต่กลับน่าเบื่อสำหรับชายหนุ่มที่รอให้สาวทุกคนเผยโฉมหน้า
“มาถึงช่วงสำคัญแล้วครับท่านนักแข่งทั้งหลาย ตามสัญญาที่เราบอกไว้ก่อนแข่งขัน ผู้ชนะห้าอันดับแรกจะได้รางวัลเป็นคืนดินเนอร์แสนพิเศษกับสาวงามของมูนไลท์”
“แต่เรามีข้อแม้...” พิธีกรเอ่ยขึ้นทำให้เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องเงียบลง “สาวงามของเราจะไม่ถอดหน้ากากออก และพวกคุณจะต้องเป็นฝ่ายเลือกพวกเธอโดยไม่ได้เห็นหน้าตา”
พิธีกรชายเดินไปยังผู้ชนะอันดับหนึ่งผู้เป็นนักแข่งระดับประเทศ เขาคว้าชัยมาแล้วหลายสนามทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความยินดีปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับก้าวเดินออกจากแถวหน้ากระดานด้วยรอยยิ้มละไม
“ฟ้าเมืองไทยวันนี้คงไม่มีใครเป็นเจ้าแห่งความเร็วได้เท่าคุณอีกแล้ว จะช้าอยู่ใยล่ะครับ เชิญคุณเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่คุณจะได้ครองคืนเดทแสนหวานกับเธอเลย”
การปรบมือเชียร์ลั่นของผู้ชมลุ้นไปกับชายที่มีรอยยิ้มเขินน่ารัก แต่มันทำให้กลางนึกอยากจะกระโดดขึ้นไปแล้วแย่งตำเหน่งมาเสียเอง เขามั่นใจเหลือเกินว่าถ้าเขาได้ลงแข่ง คนที่ยืนตรงนั้นต้องเป็นเขาไม่ใช่ไอ้ลูกครึ่งหน้าฝรั่งคนนั้น
“คือ...ผมค่อนข้างขี้อายน่ะครับไม่กล้าที่จะเลือกใคร... แล้วผมก็พอรู้มาว่ามูนไลท์ขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม แต่...มีอยู่แค่คนเดียวที่ผมอยากจะขอเธอให้เกียตริผมในครั้งนี้...”
‘เรื่องมากจังวะ’ เสียงว่ากล่าวในใจจากคนที่กำลังอิจฉา
“ผม...ไม่ทราบว่าเธอคนนั้นคือใครในห้าสาวงาม ดังนั้นผมขอเลือกจากคนที่เต้นรำได้โดนใจผมที่สุด”
ชายหนุ่มด้านล่างถึงกับตาโต ไอ้เวรนี่มันแรงมาจากไหน ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ แต่ท่าทางการเต้นแต่ละคนจะแตกต่างกันได้ขนาดนั้นเชียวหรือ
หญิงสาวในหน้ากากต่างยิ้มให้กัน พวกเธอรู้หน้าที่ที่ต้องทำดี สาวร่างโปร่งบางคนแรกก้าวเท้าออกมาแล้วเริ่มบรรเลงลีลาในแบบที่คิดว่าจะดึงความสนใจจากผู้ชนะอันดับหนึ่งได้ แต่เปล่าเลย เขากลับให้คนที่สอง สาม สี่ ออกมาโชว์ท่าร่ายรำแล้วผ่านไปจนถึงคนสุดท้าย เธอก้าวย่างออกมาจากแถวด้วยท่าทางสบายแล้วเริ่มวาดลวดลายที่แสนตราตรึง
ชายหนุ่มข้างเวทีมองความพลิ้วไหวด้วยหัวใจล่องลอย ท่าทางอ่อนช้อยของหญิงสาวในชุดขนนกฟูฟ่องทำให้เธอเหมือนดั่งนางหงส์ขาวที่กำลังเริงระบำ การยกปลายขาก้าววาดพร้อมกับการโก่งวงแขนไปตามจังหวะดนตรีที่อยู่ในหัวใจทำให้เธอดูงดงาม นางระบำเคลื่อนตัวใกล้กับนักบิดหนุ่มแล้วหยอกล้อเขาด้วยการเต้นวนรอบตัว ดวงตาแสนขี้เล่นขยิบให้กับชายหนุ่มจมูกโด่งหน้าตาคมสันก่อนที่กลับไปยังที่เดิม
“ผมเลือกคนนี้ !” เขารีบฉวยข้อมือของเธอเอาไว้
หนุ่มนักบิดคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นเวทีแล้วยื่นมือไปขอมือของสาวนักระบำ เมื่อเธอถอดถุงมือสีขาวออก ความโกรธเคืองพุ่งขึ้นขีดสุดเมื่อนักแข่งรถที่กำลังแข่งรักกับเขากำลังก้มหน้าจุมพิตที่หลังมือของหญิงสาวที่สวมกระพรวนที่ข้อมือ !
เสียงสบถด่าดังจากปากชายหนุ่มจนคนรอบข้างหันไปมองชายที่สวมใส่แว่นกันแดดกับหมวกแก๊ป เขาขยับปีกหมวกลงทันทีเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำให้การปลอมตัวมีปัญหา กลางหันขวับไปทางรถยุโรปคันยาวแล้วแทรกตัวผ่านฝูงชนออกไป งานนี้ต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง