เล่ห์รัก 19

กระทู้สนทนา
ความเดิมตอนที่แล้ว

           “ใครเหรอคุณสิงห์”
            ชลนามองสองคนกับหนึ่งตัวที่นั่งอยู่ในมุมโปรดของเธอนิ่ง เธอเห็นตั้งแต่พวกเขาเล่นหยอกล้อกับเจ้าลูกหมานมสดแล้ว
           ส่วนพ่อหมาก็คงจะสุขใจน่าดู เธอไปนอนบ้านเพื่อนคืนเดียวถึงกับพาผู้หญิงเข้าบ้าน กระดี้กระด๊าอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำ!





ชายหนุ่มหันไปตามเสียงเย็นๆนั้นแทบจะทันทีที่ได้ยิน ถ้าเป็นทุกทีเขาจะรีบวิ่งไปหาเธออย่างกับเป็นทาสของเธอแล้ว แต่วันนี้เขาไม่คิดจะทำเช่นนั้นอีก จึงเพียงแต่หันไปมองแล้วหันกลับมาที่เดิม
           
          “ใครเหรอคะคุณสิงห์” อินทิราเผลอถามออกไปเมื่อเห็นผู้หญิงแปลกหน้ามองมาราวกับพวกเธอเป็นคนผิด
           คำถามเดียวกันแต่น้ำเสียงช่างต่างกันในความคิดของสิงห์ น้ำเสียงของอินทิราที่นั่งอยู่ข้างๆเขานั้นหวานหูกว่าคำถามห้วนๆของชลนาเป็นไหนๆ แต่น่าแปลกที่มันมีอิทธิพลต่อเขาในทางตรงกันข้ามเลยทีเดียว  
        
           “เพื่อนผมน่ะ” ชลนาหูผึ่งกับคำแนะนำของเขา เธอน่ะหรือเพื่อนของเขา ที่ผ่านมาเธอไม่อยากจะบอกคนอื่น เขาก็บอกแทนเสียหมดว่าเป็นเมีย แต่เดี๋ยวนี้อยู่ต่อหน้าสาวสวยเสียหน่อยก็มาบอกว่าเป็นเพื่อน เพื่อนอะไรกันอายุต่างกันตั้งเก้าปี!
        
           “อ๋อ ค่ะ ฉันชื่ออิน เป็น…เอ่อ” คนที่กำลังแนะนำตัวเองไม่รู้ว่าจะแทนตัวเองว่าเป็นอะไรกับสิงห์ดี ในเมื่อเธอเป็นน้องสาวของอนุวัตรผู้ช่วยของเขาก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้ทำงานให้กับเขาเต็มร้อย เป็นเพียงแค่คนที่ถูกพี่ชายไหว้วานให้ช่วยทำงานเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
        
           “อิน เป็น…น้องสาวของผม มาจากที่ภูเก็ตน่ะชล” สิงห์ช่วยตอบให้คนข้างๆแทน เพราะตนยังไม่ได้เปิดเผย ‘อาชีพ’ ที่แท้จริงของเขาให้ชลนาฟังจึงต้องบอกหญิงสาวไปเช่นนั้น
            อินทิรายิ้มบางๆกับตำแหน่งที่เขายกให้ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆไปให้กับ เพื่อนของสิงห์ด้วย
            หญิงสาวอีกคนดูเหมือนจะหัวอ่อนและไม่คิดเถียงอะไรเขา แต่อีกคนหนึ่งไม่ ชลนาเบ้ปากส่งไปให้พี่ชายที่หน้าตาไม่เหมือนน้องสาวเอาเสียเลย
        
           “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณอิน ฉันก็เป็นคนที่มาอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้นเอง” เมื่อพูดแม้ว่าจะมองหญิงสาวตรงหน้าอยู่ แต่หางตาก็กระหวัดไปหาสิงห์ด้วย   “อ้อ…ขอโทษที่รบกวนเวลาของพวกคุณเมื่อสักครู่นี้ เอาเป็นว่าเชิญพวกคุณตามสบายเลย ฉันขอตัวก่อนนะคะ”   ชลนาพูดทักหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างสิงห์แล้วเลี่ยงขึ้นชั้นบนไปอย่างพยายามไม่สนใจพวกเขาอีก
          
          และท่าทางของเธอนั้นก็อยู่ในสายตาของอีกสองคนตลอดเวลา อินทิรานั้นมองออกว่าภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉยของหญิงสาวมีอะไรซ่อนอยู่ และเธอก็แปลกใจมากทีเดียวที่ ‘เพื่อน’ ของสิงห์เดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านที่มีเพียงห้องนอนสองห้องเท่านั้น แล้วเธอยังบอกอีกว่าอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ห้องที่เธออาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนก็ไม่ได้มีข้าวของของชลนาเลย
          
         “ฉันจะออกไปข้างนอก เธอจะไปกับฉันไหม” หญิงสาวหันมามองสิงห์แทบจะทันทีที่จู่ๆเขาก็เอ่ยปากชวน ทั้งๆที่ก็เป็นเวลายามเย็นแล้ว แต่เมื่อเริ่มจะรู้สึกเบื่ออยู่เหมือนกันจึงตอบรับคำชวนของเขาแผ่วเบา เพราะว่าสมองนั้นกำลังคิดถึงผู้หญิงคนที่สิงห์แนะนำว่าเป็นเพียง ‘เพื่อน’ อยู่
             
          ชลนาเองเมื่อแสร้งทำสีหน้าเรียบเฉยได้ไม่นาน หลังจากเดินผ่านสองคนนั้นมาได้ ใบหน้าสวยก็กลายเป็นบึ้งไปโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนได้ เธอก็ล้มตัวลงนอนคว่ำกับเตียงอย่างเหนื่อยใจเพราะเธอเคยบอกตัวเองไว้ว่าจะต้องทำตัวเย็นชากับสิงห์ให้มาก และไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่ยิ่งทำตัวเช่นนั้น เธอกลับไม่เห็นว่าตัวเองจะมีความสุขเลยสักนิดและตอนนี้เธอก็ไม่รู้จะทำตัวเช่นไรต่อไปดีแล้ว
           
         ถ้าจะให้กลับไปทำตัวปรกติ ในใจของเธอก็ออกจะขุ่นนิดๆ เมื่อเธอเพิ่งจะเห็นกับตาเมื่อสักครู่นี้ว่า เธอไปนอนที่บ้านเพื่อนเพียงสองคืน เขาก็พาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านเสียแล้ว จะให้เชื่ออย่างนั้นหรือว่าเป็นเพียงน้องสาวอย่างที่เขาพูด
           
         “ฮึ ไม่มีทาง” หญิงสาวบึนปากอย่างไม่นึกเชื่อเขาเลยสักนิด มือทั้งสองข้างแผ่ราบไปตามเตียงอย่างเคร่งเครียด ก่อนจะลุกพรวดขึ้นในเวลาถัดมาแล้วตะโกนอย่างอัดอั้นตันใจ “แล้วทำไมต้องโกหกด้วยเล่า!”  
             
         เมื่อตะโกนเสร็จแล้วจึงเห็นว่าลูกชายคนโปรดของสิงห์ยืนมองเธอนิ่งอยู่ที่ประตูที่เธอปิดไม่สนิท ชลนาก็อึ้งไปนิดๆที่เผลอโวยวายให้หมาเห็น แต่ก็โล่งใจอยู่บ้างที่เป็นลูกไม่ใช่พ่อมาได้ยิน แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวลูกมันจะลอยตัวไปได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงล้มตัวนอนคว่ำตามเดิม พาลกับตัวลูกไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเธอจะทำเป็นไม่สนใจมัน แต่นมสดนั้นรู้งาน มันกระโดดไม่กี่ก้าวก็สามารถขึ้นไปนั่งบนหลังหญิงสาวได้แล้วก็ล้มตัวลงนอนราบกับหลังอุ่นๆนั้น
           
          “อะไร…ไม่ต้องมาอ้อนซะให้ยาก ไปไกลๆเลย ชิ้วๆ” เธอแกล้งออกปากไล่อย่างงอนๆที่มันไปให้คนอื่นอุ้มเมื่อสักครู่ แต่เมื่อเห็นว่ามันไม่ยอมลงจากหลังของเธอ หญิงสาวก็หันไปมองมัน แม้จะเห็นเพียงหางขาวๆที่ยื่นมาให้เห็นก็พอจะทำให้หายงอนได้บ้าง อย่างน้อย…นมสดก็เลือกเธอ

          คิดได้ดังนั้น รอยยิ้มที่ไม่ได้เกิดขึ้นในบ้านนี้มาหลายวันก็ปรากฏให้เห็น ก่อนที่ชลนาจะรีบตะครุบนมสดมากอดไว้อย่างนึกเอ็นดู ปล่อยให้มันเลียหน้าอย่างไม่นึกรังเกียจเพราะกำลังดีใจอยู่ เธอเล่นกับมันอยู่นานก็เริ่มเหนื่อย จึงผุดตัวลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูเดินลิ่วเข้าห้องน้ำไป แต่เพียงไม่นาน ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ชลนารีบเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปจัดการล็อกประตูห้องเสียเลย
           
          ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาออกไปข้างนอกกับ ‘น้องสาว’ ที่หน้าไม่เหมือนกันเลยคนนั้น เพราะเธอก็หูดีพอที่จะได้ยินเสียงรถที่เคลื่อนออกจากบ้านไป แต่เมื่อเขาอยากจะไปโดยไม่บอกเธอ แถมยังทำท่าเย็นชาใส่แบบนั้นล่ะก็ คืนนี้เธอก็จะเปิดโอกาสให้เขานอนนอกห้องไปเลยก็แล้วกัน!
           
         เมื่อกลับเข้ามาในห้องน้ำแล้ว ไม่นานเสียงน้ำฝักบัวก็ตกกระทบลงบนพื้น ชำระกายแล้ว ก็พลอยชำระความคิดของหญิงสาวอยู่ด้วยเหมือนกัน เธอจึงเผลอใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปรกติ เพราะอย่างน้อยเสียงน้ำที่ไหลลงมากระทบหน้าและตัวก็พอจะกลบความรู้สึกเธอได้บ้าง…
        
        หลังจากโดนเขาทำท่าทีเย็นชาใส่บ้างเหมือนที่เธอเคยทำกับเขา เธอก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามันก็ทำให้โลกใบนี้มืดๆมนๆและรู้สึกเจ็บจี๊ดๆตรงอกด้วยเนี่ย!

อมยิ้ม29

   เป็นเวลาเกือบวันใหม่แล้ว ที่ชลนายังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เริ่มแรกหญิงสาวแค่รู้สึกสับสน แต่เมื่อนั่งจมอยู่คนเดียวนานๆเข้าก็เริ่มหงุดหงิดและเริ่มหน้างอขึ้นทุกนาทีเพราะรู้ว่าใครบางคนยังไม่กลับบ้าน!
             ถ้าเป็นเวลาปรกติ เขาจะต้องนั่งทำงานเป็นเพื่อนเธอที่นั่งดูละครอยู่…เอ๊ย เธอต่างหากที่ยอมนั่งรอเป็นเพื่อนเขาทำงาน
            แบบนี้มันไม่ปรกติแล้ว!
           
            หญิงสาวถอนหายใจพรืด ก่อนจะตาโตเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เธอเผลอวิ่งจากเตียงไปที่ประตูทันที แต่เมื่อมือแตะลูกบิดเย็นๆก็เริ่มรู้สึกตัว ยืนนิ่งคิดอยู่ราวๆนาที ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดมา และสิ่งที่ได้ยินต่อมาคือเสียงคุยกันของคนสองคน ทำให้มือที่กำลังจะหมุนลูกบิดเปิดประตูเมื่อสักครู่ ตกลงมาอยู่ข้างตัว แล้วยกขึ้นกอดอกมองประตูราวกับว่ามันสามารถมองทะลุออกไปข้างนอกได้
           
            ไม่นานเกินคาด เสียงคนกุกกักอยู่หน้าห้องก็ทำให้คนในห้องเริ่มใจเต้น ก่อนเสียงกุกกักนั้นจะเงียบลงพร้อมกับที่ใจของเธอก็เต้นช้าลงด้วย
           มันแน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะเธอจัดการล็อกประตูกั้นเขตแดนไว้เรียบร้อย แต่…ถ้าเขาร้องเรียกเธอจะเปิดให้ก็แล้วกัน ถือว่าเขาเป็นเจ้าของห้องถึงได้ยอมเปลี่ยนใจให้หรอกน่า ไม่ได้อยากให้เขามานอนด้วยหรอกนะ…ชลนาคิดเอง แก้ตัวให้ตัวเองเสร็จสรรพ
           
           แต่รอนานถึงห้านาทีเต็มเขาก็ไม่ได้เรียกให้เธอเปิดประตูห้อง! แล้วเขาจะไปนอนไหน… โซฟาข้างล่าง หรือห้องนอนอีกห้องข้างบน…


นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาว่าเป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว ในที่สุดคนที่นอนคลุมโปงแต่ตายังใสอย่างไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดตัดสินใจค่อยๆแง้มผ้าห่มเพื่อดูลู่ทางของตัวเอง แต่ก็ยังไม่พบอะไรนอกเสียจากเจ้าลูกหมานมสดที่นอนขดตัวอยู่ใกล้ๆห้องน้ำเท่านั้น ก่อนจะเดินย่องลงมาจากเตียงด้วยใจหวิวๆ เพราะแอบหวังอยู่ลึกๆว่าใครบางคนจะเข้ามาอยู่ในห้องนอนนี้แล้ว แต่ก็ยังมีสติดีพอว่าเขาไม่มีทางเข้ามาได้แน่ นอกเสียจากว่าจะทะลุประตูเข้ามาเท่านั้นนั่นแหละ
               
  หญิงสาวเดินอย่างแผ่วเบามาที่ประตูซึ่งเป็นเสมือนกำแพงกั้นเธอกับโลกภายนอกไว้ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ประมาณครึ่งนาทีถึงได้หมุนลูกบิดออกไป…
          แต่ก็ต้องเสียววาบในใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องข้างๆเหมือนกัน ชลนาหันขวับไปมองทันทีด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปรกติ ก่อนจะแอบโล่งใจที่คนที่เปิดประตูออกมามองเธอตาแป๋วไม่ใช่สิงห์…
             
         “คุณอินยังไม่นอนเหรอคะ” น้ำเสียงแหบแห้งเนื่องจากไม่ได้เปิดปากพูดมาหลายชั่วโมงถูกส่งไปพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก็ได้รับรอยยิ้มกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
              “อิน…ยังไม่ง่วงน่ะค่ะก็เลย..ตั้งใจจะออกมาเดินเล่น” คำตอบของอินทิราทำให้คนถามต้องขมวดคิ้ว เมื่อตอนนี้เป็นเวลาราวๆตีสองแล้วคงไม่เหมาะกับการออกมาเดินเล่นเป็นแน่ แต่ขมวดคิ้วไปได้ไม่นาน สายตาของชลนาก็ละจากคนตรงหน้าเสมองทอดไปทางบันได ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้กับหญิงสาวที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันพร้อมรอยยิ้ม
             
             “เข้าใจแล้วค่ะ ชลก็ยังไม่ง่วงเหมือนกันเลย ถ้าอย่างนั้นชลว่าชลไปเดินเล่นข้างล่างด้วยดีกว่า”
           
             “เอ่อ ค่ะ” อินทิราตอบเสียงแหบแห้งพอกัน ก่อนจะสาวเท้าเดิน พร้อมกับชลนาที่ชะลอรอเธอให้ก้าวเท้าลงบันไดไปพร้อมกัน…
           
            เมื่อเดินลงมาสุดปลายบันได ทั้งสองก็เดินเคียงข้างกันอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ จนผ่านห้องนั่งเล่นของบ้านสายตาสองคู่ต่างก็มองไปยังโซฟาตัวยาวพร้อมกัน แต่เป็นชลนาที่สามารถละสายตากลับมาได้ก่อนราวกับเธอไม่ได้เห็นอะไรทั้งๆที่ในใจก็เบาใจขึ้นเล็กน้อยที่เห็นว่าสิงห์นอนหลับไปบนโซฟาตัวยาวแล้วพร้อมกับมีผ้าห่มครบครันถึงแม้ว่าเขาคงจะนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ก็ตาม
             
            ส่วนสายตาอีกคู่ก็ทอดมองไปยังคนที่นอนหลับไปแล้วไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยแววตากังวล และเป็นห่วงอย่างเผลอไผลจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของผู้หญิงอีกคนที่เริ่มก้าวเดินต่อแล้ว
          
           “อ้าว คุณอินไม่ไปเดินเล่นหรือคะ” เมื่อเดินไปได้สองก้าว ชลนาก็หันกลับมาเรียกสติอีกคนตาใส เมื่อเห็นว่าคนที่เอาแต่เหม่อมองคนหลับหันกลับมามองเธอแล้ว ชลนาก็ยิ้มจริงใจให้
           
          “ไปค่ะ” อินทิราตอบรับเสียงแผ่วเบาดังเดิมเพราะกลัวว่าคนนอนหลับที่ดูเหมือนจะไม่สบายใจมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วจะตื่น ก่อนจะรับผิดชอบคำพูดของตัวเองที่บอกชลนาไปว่าเธอตั้งใจจะออกมาเดินเล่น ด้วยการเดินตามหล่อนออกไป…โดยขณะก้าวเดินก็อดสังเกตหญิงสาวสวยข้างกายไปด้วยไม่ได้ เพราะว่าสิงห์เผลอพูดถึงเธอ…เพราะว่าเธอเดินออกมาจากห้องของสิงห์…เพราะว่าเมื่อสักครู่นี้ เธอก็พูดเสียงเบาเหมือนกัน…
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่