เสียงแชทที่เด้งดังขึ้นต่อเนื่องทำให้สิงห์ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่ใช่ว่ามันเสียงดังจนเขาไม่มีสมาธิ แต่มันเป็นเพราะว่าจิตใจของเขามันสงสัยใคร่รู้และพะวงว่าเธอจะคุยกับใครต่างหาก ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือผิดที่บังคับให้ชลนามานั่งข้างๆในยามที่เขาตรวจงานเช่นนี้ เพราะขณะที่เขากำลังตรวจงานของนักศึกษา เจ้าหล่อนก็ยึดคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วจดจ่อกับการแชทอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่ยอมรับรู้โลกภายนอกว่ามันกำลังเคลื่อนไหวไปขนาดไหนแล้ว ขนาดเขาชวนคุยบ้างเป็นครั้งคราว แถมบวกความเกรงใจว่าจะไปขัดจังหวะการแชทของเธอด้วยแล้ว เธอก็ยังไม่สนใจเขาเลยสักนิด ตอบกลับมาไม่เกินสามคำ และที่โหดร้ายก็คือ ตอบมาเป็นคำๆ ไม่เป็นประโยคเลยด้วยซ้ำ!!
“ผมตรวจงานเสร็จแล้ว”
สิงห์เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘พยายามเรียกร้องความสนใจ’ อีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาได้กลับคืนมาจากเธอก็คือ เสียงหัวเราะคิกคัก…
“เกือบเที่ยงคืนแล้ว ไปนอนกัน”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงหันไปจัดโต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งๆที่มันก็เป็นระเบียบดีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังจะจัดมันอีก จัดมันต่อไป ถือเป็นการฆ่าเวลาไปพลางๆ…และมันได้ผล อย่างน้อยเธอก็ยังปรายตามามองเขาอยู่บ้าง
“คุณไปนอนก่อนเลย”
“คุณก็พูดแบบนี้ทุกวัน ไปนอนก่อนเลย ไม่ต้องรอ แล้วเดี๋ยวอีกสักพักจะมีคนตามผมเข้าไปอีกเป็นโขยง”
น้ำเสียงกึ่งๆประชดของสิงห์ทำให้ชลนาที่ไม่อยากจะสนใจเขาต้องหันมาพูดประโยคที่ยาวกว่าเดิม
“ฉันล้มเลิกแผนนั้นแล้วน่า สบายใจเถอะ” ไม่ว่าเปล่า ยังส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้เขา ราวกับยังจำภาพที่น่าสงสารของเขาตอนที่เกือบจะโดนปล้ำได้ สิงห์อึ้งกับสายตานั้นไปชั่วอึดใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆ พยายามเรียกความโหดของตัวเองออกมาและคาดว่าอาจจะต้องเพิ่มความโฉดเข้ามาด้วยถ้าเธอยังไม่ยี่หระ
“นั่นใคร”
เสียงเย็นๆลอยเข้ามาในหูเมื่อมีแชทใหม่เด้งขึ้นมาอีก ทำให้นิ้วที่กำลังรัวพิมพ์อย่างรวดเร็วต้องสะดุดกึก… แต่ไม่ตอบ แล้วเริ่มต้นพิมพ์อีกครั้ง ก่อนจะกดส่ง สิงห์ที่ยืนขึ้นเตรียมแสตนบายไปนอนแล้ว กอดอกมองบทสนทนาในแชท
“มันจีบ”
นั่นคือ สิ่งที่เขาพูดออกไปหลังจากยืนดูเธอคุยกับคนที่ทักมาซึ่งก็เกือบนาทีได้ นาทีนี้เขาเองเพิ่งจะจำได้ว่าหญิงสาวเป็นดาวมหาวิทยาลัย
“เฮ้ย ไม่จีบ คนนี้พี่ที่สนิท รู้จักกันมานานแล้ว”
สิงห์ถอนหายใจเบาๆ ดูจากบทสนทนาทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้คนในแชทมันคิดจะจีบ
“มันจีบ” เขายังคงเน้นย้ำเสียงหนักกว่าเดิม มองดูชลนาที่กำลังรัวนิ้วอย่างขัดใจ นี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่ารู้ แต่ว่าเธอชอบมันด้วยกันแน่!
“โอ้ย อย่ามาเสียมารยาทดูคนอื่นคุยกันได้ไหม ..เอาล่ะๆ ไม่ต้องทำสายตาเหมือนจะฆ่าจะแกงกันแบบนั้น ที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยซ้ำนะ แต่จะอธิบายก็ได้ ไหนๆก็เห็นสนใจขนาดนี้แล้ว..นี่พี่เขาเป็นคนคุยสนุกมากกกก”
ชลนาลากเสียงยาว เพื่อให้เขารู้จริงๆว่ารุ่นพี่ที่คุยด้วยเป็นคนคุยสนุกมากขนาดไหน
“แล้วก็เป็นคนที่ทำให้ฉันไม่เบื่อเลย ไม่คุยก้อร่อก้อติกแบบ..มาจีบ คุณนึกภาพออกไหม คือฉันกับพี่เขาเนี่ยนะ เราถูกชะตากันมากๆ คุยกันได้อย่างรื่นไหลมากๆ คุยกันถูกคอมากๆ เข้ากันได้มากๆ เข้าใจที่ฉันพูดใช่มะ”
ชลนาจีบปากจีบคอ อธิบายโดยละเอียดสุดๆ โดยไม่รู้ตัวว่าจากคนหน้าขาวๆ ออกแนวเกาหลีของสิงห์ ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหน้าดำไปแล้ว
“ถ้าคุยกันได้ดีขนาดนั้น ทำไมไม่รู้ว่าเขาจีบ”
“เฮ้อ ก็เขาไม่ได้จีบจริงๆนี่นา เนี่ยๆ เดี๋ยวถามให้ดูเลย จะได้เลิกเซ้าซี้”
ว่าแล้วก็พิมพ์
พี่นนท์ไม่ได้จีบชลใช่ไหมคะ แล้วใช้นิ้วชี้จิ้มปุ่มเอนเทอร์อย่างมั่นอกมั่นใจ พลางแหงนหน้าขึ้นยักคิ้วหลิ่วตาให้สิงห์อย่างกวนอารมณ์ แต่ทำอยู่ได้ไม่นาน คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ก็พยักเพยิดเป็นเชิงให้หันไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้มีแชทหนึ่งกำลังเด้งรัวขึ้นเป็นสิบข้อความในเวลาอันรวดเร็ว
ปรากฏว่าเป็นแชทของ ‘พี่นนท์’ ของหญิงสาวเอง พอกดดู ก็พบกับ…
“ปล่อยฉันลง!”
เสียงแหลมๆของชลนาไม่ได้ทำให้สิงห์กลัว แต่กลับกระชับแขนตัวเองไม่ให้เผลอทำคนที่กำลังดิ้นแรงๆตอนนี้จนตกพื้น ก่อนจะก้าวเร็วๆ ไปยังห้องนอนของทั้งคู่..แล้วปล่อยตัวคนที่หยุดดิ้นแล้วลงบนเตียงอย่างเรียบร้อยแล้วยืนจ้องเธอด้วยสายตาที่ชลนาเดาไม่ถูก
“รู้สึกยังไง”
สิงห์ยกมือขึ้นกอดอกกดดันอย่างเต็มที่
“ก็..รู้สึกดี ไม่ต้องเดินมาเอง อยู่เฉยๆก็มีคนอุ้มไปอุ้มมา สบายดีออก!” ชลนาที่โวยวายในทีแรกแต่เริ่มมาเห็นข้อดีของการถูกเขาอุ้มไปมาในระยะหลังพูดนอกเรื่องออกทะเลไปแบบไม่สนใจประเด็นที่เขาต้องการให้เธอตอบ
หญิงสาวมองตอบเขาด้วยสายตาปริบๆ ราวกับหญิงสาวแรกแย้ม..ที่ใสซื่อและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…ซึ่งมันก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ไม่รู้อะไรเรื่องอีตาพี่นนท์จริงๆด้วยเอ้า! เธออยากจะร้องเพลงที่มีท่อนว่า ‘หนูเปล่าน้า เขามาเอง’ โชว์เขาเสียตอนนี้ซะจริงๆ มันก็ช่วยไม่ได้นี่น้า..คนมันสวย มันก็ต้องเสน่ห์แรงเป็นธรรมดา เหอๆ..
แต่ให้ตาย…พี่นนท์นี่มาเนียนที่สุด ไม่มีคุยหยอด แต่ชอบหาเรื่องสนุกๆมาคุยประจำ แถมยังทำตัวเป็นที่ปรึกษาในทุกเรื่อง ทั้งการเรียน ทั้งการใช้ชีวิต ต่างๆนาๆ ใครจะไปคิดล่ะว่า..
ชลไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่…
(ไม่รู้……………..)
โอเค พี่จีบชล
(หา………….)
พี่จะไม่ทนแล้วนะ เราคุยกันมาสามปี สี่เดือน กับ ยี่สิบวัน วันนี้เข้าวันที่ยี่สิบเอ็ด
(ความจำดีเป็นเลิศ……………..)
ชลคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งจะบ้าทักแชทคนที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยมาสามปีกว่าเกือบทุกวันเนี่ยนะ??
(โอ้ว..เธอคิดแบบนั้นมาโดยตลอด……………)
พี่อ่อย จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
(อ่อยตรงไหนเฮ้ย!)
พี่นึกว่าเราเป็นมากกว่าพี่น้องกันแล้วซะอีก เหมือนเราเลยจุดนั้นมานานแล้ว
(คิดไปเองทั้งเพ………………)
พี่รู้นะว่าชลก็ชอบพี่ เพราะฉะนั้น มันไม่มีทางที่เราจะไปกันไม่ได้ .. พี่รู้สึกดีกับชลมากๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา..เราคุยกันถูกคอ และถูกใจ
(กรี๊ด!! แค่ถูกคอ แต่ไม่เคยถูกจ๊ายยย……………….)
และหลังจากนั้นแน่นอนว่าไม่ต้องรอให้อีตาพี่นนท์พิมพ์กลับมาอีก เพราะมือที่จับเมาท์อยู่รีบเลื่อนไปกดปุ่มออฟไลน์อย่างรวดเร็วและปิดคอมพิวเตอร์ลงฉับในเวลาไม่กี่วินาที เพื่อตั้งสติ……..
ช่างเป็นเรื่องที่น่าช๊อคเหลือเชื่อ…เธอไม่เหลือผู้ชายที่จะสามารถคุยกันได้อย่างถูกคออีกแล้ว วินาทีนี้ก็เหลือเพียงแต่นางสิงห์ เอ๊ย..นายสิงห์หน้าบูดเท่านั้น
ชลนาเงยหน้าไปมองคนที่ยืนเก๊กเป็นพระเอกเอ็มวีแล้วยิ้มเลี่ยนๆไปให้เขา ก่อนที่เสียงแผ่วเบาจะลอดออกมาจากปากสวยๆของเขา
“ซื่อ…”
“แน่นอน” เธอใสซื่อเกินกว่าจะทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกเขา ชลนาคอตก..
“บื้อด้วย”
อันนี้ไม่ใช่แล้ว! คอที่เคยตกเชิดขึ้น ก่อนจะพูดรัวๆใส่เขา
“นี่ตกลงจะหาเรื่องกันใช่ไหมเนี่ยฮ้า!!!” หญิงสาวแว้ดขึ้นทันที รู้สึกตาเริ่มสว่างเมื่อโดนกดดันมากๆเข้า และเริ่มรู้สึกฉลาดขึ้นเมื่อเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่า… “เอ้ะ ว่าแต่ ทำไมฉันจะต้องทำตัวเหมือนมีความผิดด้วยเนี่ย ฉันไม่มีนะ”
แต่ทว่าเมื่อสบตากับเขา เขาก็ส่งสายตามาบ่งบอกว่ามันมี! แต่ชลนาก็เอียงคอมองเขาอย่างเอ๋อเหรอ มั่นใจว่าไม่มี..
“ผมเพิ่งรู้ว่ามีคนทักแชทคุณมาเยอะขนาดนั้น แล้วทำไมคุณจะต้องตอบกลับไปหมดทุกคน เห็นไหมโดนเขาจีบยังไม่รู้อีก” สิงห์ตอบขุ่นๆมีแววสะบัด หน้าก็สะบัดหนีตาม..แต่ก่อนจะหันหนี ยังส่งสายตาแบบที่ทำให้ชลนารู้สึกเสียวสันหลังวูบมาด้วย..
แล้วตกลงเธอผิดตรงไหนวะ(คะ)!! ก็เธอว่างจนเวลามันจะทับตัวม่องเท่งอยู่แล้ว ก็เลยหาอะไรทำแก้เบื่อตอนเขาทำงานแล้วเธอยังไม่อยากนอน ก็พอดีกับที่มีคนทักมาอย่างสม่ำเสมอเช่นทุกวัน นิ้วว่างๆก็เลยพิมพ์ตอบทุกๆคนไปทั้งๆที่ปรกติแล้วแทบจะไม่ได้ตอบแชทใครเลย
แต่ทว่าก่อนจะได้ทวงความถูกต้องกลับคืนมาสู่ตนเอง เธอก็ได้รับสายตาที่มองมาแบบตัดพ้อ ราวกับว่าเธอกำลังทำร้ายเขาอย่างรุนแรง ก่อนที่คนที่ปรกติหน้าตามึนงงอยู่แล้วจะทำท่าทางเมินใส่ ทรุดตัวลงนอน มองมาทางเธออีกครั้ง แล้วเมินไปอีกทางด้วยสีหน้าช้ำทรวง…บ้าจริงๆ
“คุณเป็นอะไรมากไหมเนี่ย” คนอะไรอารมณ์ช่างปรวนแปรรวดเร็วแซงเธอไปหลายโค้ง
“เปล่า”
“แต่นี่คุณทำท่าไม่ปรกติ ทำไมคุณตอบเสียงอ่อย หน้าก็เหมือนหมาหงอย ถ้าคุณปรกติ คุณต้องลุกขึ้นมาทำหน้าโหดแล้วบ่นๆๆ ด่าๆ จิกๆ ฉันแล้ว”
ชลนาโวยวาย แต่หลังจากที่เขาตอบแค่คำว่า ‘เปล่า’ คำนั้นคำเดียว เขาก็ใช้ความเงียบสยบทุกอย่างไม่ตอบเธออีก
“คุณหลับแล้วจริงๆเหรอ”
เมื่อนั่งมองเขาอยู่หลายนาที ก็เห็นเขาหลับตาแล้วนิ่ง แต่เป็นเธอเองที่ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง นั่งทบทวนตัวเองไปมา
“ทำอย่างกับฉันทำเรื่องคอขาดบาดตาย ฉันแค่ไม่รู้ว่าใครมาจีบหรือมาคุยเฉยๆ ฉันผิดเหรอ ฉันไม่ได้มีชู้นะ!!!…” บ่นไป เท้าก็ขยับ ยุกยิกหางานทำ จนไปเจอแผ่นหลังภายใต้เสื้อยืดสีขาวสะอาดของเขา แล้วหยุดจ้องมองแน่นิ่ง..เห็นแล้วไม่รู้เป็นอะไร ขาของเธอมันเลื่อนไปเอง จวนเจียนจะถึงตัวเขาอยู่แล้ว
“ทำอะไร”
คนที่เหมือนจะมีตาทิพย์หันกลับมาได้จังหวะพอดีกับที่เท้าของเธอตั้งอยู่ที่หน้าท้องของเขาพอดี…
“..เอาเท้าไปห่างๆ” เขาไม่เล่นตามอารมณ์ของเธอ หันมาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็หันกลับไปอีก แล้วเริ่มมีเสียงกรนตามมาซึ่งมันเหมือนแกล้งกรนเสียมากกว่า
“เยอะนะคุณเนี่ย”
บ่นใส่เขาแหยๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจ จึงล้มตัวลงนอนบ้าง แต่อารามหมั่นไส้เริ่มมาคุ ทนไม่ไหวหันมาเอาเท้าข้างหนึ่งยันหลังเขาสุดแรง!
พลั่ก!
“โอ๊ย”
ฮึ สมน้ำหน้า แบบนี้เธอจะได้นอนหลับกับเขาบ้าง ว่าแล้วก็ปิดตาลงอย่างสบายใจขึ้น ไม่เก็บสายตาขุ่นๆของเขาที่ส่งมา มาคิดมาก สายตาขุ่นๆแบบนี้ก็ยังดีกว่าสายตาเย็นๆ แล้วทำเป็นเมินใส่เธอแหละน่า……
ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนนี้แน่ๆ เช้าวันนี้เธอถึงได้โดนแก้แค้น เมื่อคืนก็นอนพลิกไปพลิกมา เพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ ส่วนคนที่นอนหันหลังให้เธอทั้งคืนน่ะหรือ หลับปุ๋ยสบายสุดๆ เช้าวันนี้จึงตื่นมาบังคับให้เธอออกมาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่เช้า
“โอย..ฉันง่วงนะคุณ คุณไปเดินเล่นกับนมสดเองเถอะ ฉันจะกลับไปนอนต่อ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ แต่ที่จริงไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลย ยุ่งยากเปล่าๆ” คนว่างงานซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบเร่งอะไรในชีวิตช่วงนี้บ่นกระปอดกระแปด แม้ว่าตาจะยังไม่เปิดก็ตาม
“ไม่เห็นจะยุ่งยาก อีกเดี๋ยวพี่จะไปทำงานแล้ว ก็พาลูกไปเดินเล่นสักยี่สิบนาทีเอง นมสดจะได้ปลดปล่อยพลังงาน ไม่เครียด พอไม่เครียดก็จะเป็นเด็กดี ไม่ก้าวร้าวไง แถมสุขภาพก็ยังจะแข็งแรง ส่วนเราสองคนก็จะได้แข็งแรงทั้งกาย ทั้งใจ ไปด้วยกันเถอะ”
“แล้วนี่คุณพูดตั้งยาวเหยียดขนาดนี้ ไม่กลัวดอกพิกุลร่วงเหมือนเมื่อคืนแล้วเหรอ ไม่งอนฉันแล้วเหรอคะคุณสิงห์ขา”
แม้ว่าตาจะยังไม่ลืม และอยู่ในสภาพยืนหลับก็ตาม แต่ชลนาก็ยังคงมีความสามารถในการกวนโทสะของสิงห์ได้อย่างต่อเนื่อง…
อันที่จริง..น่าจะเป็นเพราะว่า มันติดอยู่ในใจของเธอ และอยากจะคุยให้รู้เรื่องมากกว่าแต่มันติดที่ว่า เขาไม่คุย! แต่หล่อนเป็นคนไม่ชอบให้คนอื่นมาทำท่าปั้นปึ่งใส่เสียด้วย งานนี้จึงต้องเคลียร์
แม้จะง่วงซึมเช่นไร แต่ชลนาก็มีสติอยู่ลึกๆ เตรียมตัวไว้ว่าหากเขาพูดจาประชดประชันหรือทำท่าหมางเมินใส่เธอล่ะก็ เธอจะ…
“ไม่โกรธแล้ว”
คำตอบที่ตรงกันข้ามกับความคิด มีผลทำให้ตาของชลนาเปิดขึ้นมาข้างหนึ่ง แต่อีกข้างยังเก็บไว้สำรวจท่าที
เล่ห์รัก ตอนที่ 11
เสียงแชทที่เด้งดังขึ้นต่อเนื่องทำให้สิงห์ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่ใช่ว่ามันเสียงดังจนเขาไม่มีสมาธิ แต่มันเป็นเพราะว่าจิตใจของเขามันสงสัยใคร่รู้และพะวงว่าเธอจะคุยกับใครต่างหาก ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือผิดที่บังคับให้ชลนามานั่งข้างๆในยามที่เขาตรวจงานเช่นนี้ เพราะขณะที่เขากำลังตรวจงานของนักศึกษา เจ้าหล่อนก็ยึดคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วจดจ่อกับการแชทอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่ยอมรับรู้โลกภายนอกว่ามันกำลังเคลื่อนไหวไปขนาดไหนแล้ว ขนาดเขาชวนคุยบ้างเป็นครั้งคราว แถมบวกความเกรงใจว่าจะไปขัดจังหวะการแชทของเธอด้วยแล้ว เธอก็ยังไม่สนใจเขาเลยสักนิด ตอบกลับมาไม่เกินสามคำ และที่โหดร้ายก็คือ ตอบมาเป็นคำๆ ไม่เป็นประโยคเลยด้วยซ้ำ!!
“ผมตรวจงานเสร็จแล้ว”
สิงห์เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘พยายามเรียกร้องความสนใจ’ อีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาได้กลับคืนมาจากเธอก็คือ เสียงหัวเราะคิกคัก…
“เกือบเที่ยงคืนแล้ว ไปนอนกัน”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงหันไปจัดโต๊ะทำงานให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งๆที่มันก็เป็นระเบียบดีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังจะจัดมันอีก จัดมันต่อไป ถือเป็นการฆ่าเวลาไปพลางๆ…และมันได้ผล อย่างน้อยเธอก็ยังปรายตามามองเขาอยู่บ้าง
“คุณไปนอนก่อนเลย”
“คุณก็พูดแบบนี้ทุกวัน ไปนอนก่อนเลย ไม่ต้องรอ แล้วเดี๋ยวอีกสักพักจะมีคนตามผมเข้าไปอีกเป็นโขยง”
น้ำเสียงกึ่งๆประชดของสิงห์ทำให้ชลนาที่ไม่อยากจะสนใจเขาต้องหันมาพูดประโยคที่ยาวกว่าเดิม
“ฉันล้มเลิกแผนนั้นแล้วน่า สบายใจเถอะ” ไม่ว่าเปล่า ยังส่งสายตาเห็นอกเห็นใจให้เขา ราวกับยังจำภาพที่น่าสงสารของเขาตอนที่เกือบจะโดนปล้ำได้ สิงห์อึ้งกับสายตานั้นไปชั่วอึดใจ ก่อนจะกระแอมเบาๆ พยายามเรียกความโหดของตัวเองออกมาและคาดว่าอาจจะต้องเพิ่มความโฉดเข้ามาด้วยถ้าเธอยังไม่ยี่หระ
“นั่นใคร”
เสียงเย็นๆลอยเข้ามาในหูเมื่อมีแชทใหม่เด้งขึ้นมาอีก ทำให้นิ้วที่กำลังรัวพิมพ์อย่างรวดเร็วต้องสะดุดกึก… แต่ไม่ตอบ แล้วเริ่มต้นพิมพ์อีกครั้ง ก่อนจะกดส่ง สิงห์ที่ยืนขึ้นเตรียมแสตนบายไปนอนแล้ว กอดอกมองบทสนทนาในแชท
“มันจีบ”
นั่นคือ สิ่งที่เขาพูดออกไปหลังจากยืนดูเธอคุยกับคนที่ทักมาซึ่งก็เกือบนาทีได้ นาทีนี้เขาเองเพิ่งจะจำได้ว่าหญิงสาวเป็นดาวมหาวิทยาลัย
“เฮ้ย ไม่จีบ คนนี้พี่ที่สนิท รู้จักกันมานานแล้ว”
สิงห์ถอนหายใจเบาๆ ดูจากบทสนทนาทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้คนในแชทมันคิดจะจีบ
“มันจีบ” เขายังคงเน้นย้ำเสียงหนักกว่าเดิม มองดูชลนาที่กำลังรัวนิ้วอย่างขัดใจ นี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่ารู้ แต่ว่าเธอชอบมันด้วยกันแน่!
“โอ้ย อย่ามาเสียมารยาทดูคนอื่นคุยกันได้ไหม ..เอาล่ะๆ ไม่ต้องทำสายตาเหมือนจะฆ่าจะแกงกันแบบนั้น ที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยซ้ำนะ แต่จะอธิบายก็ได้ ไหนๆก็เห็นสนใจขนาดนี้แล้ว..นี่พี่เขาเป็นคนคุยสนุกมากกกก”
ชลนาลากเสียงยาว เพื่อให้เขารู้จริงๆว่ารุ่นพี่ที่คุยด้วยเป็นคนคุยสนุกมากขนาดไหน
“แล้วก็เป็นคนที่ทำให้ฉันไม่เบื่อเลย ไม่คุยก้อร่อก้อติกแบบ..มาจีบ คุณนึกภาพออกไหม คือฉันกับพี่เขาเนี่ยนะ เราถูกชะตากันมากๆ คุยกันได้อย่างรื่นไหลมากๆ คุยกันถูกคอมากๆ เข้ากันได้มากๆ เข้าใจที่ฉันพูดใช่มะ”
ชลนาจีบปากจีบคอ อธิบายโดยละเอียดสุดๆ โดยไม่รู้ตัวว่าจากคนหน้าขาวๆ ออกแนวเกาหลีของสิงห์ ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นหน้าดำไปแล้ว
“ถ้าคุยกันได้ดีขนาดนั้น ทำไมไม่รู้ว่าเขาจีบ”
“เฮ้อ ก็เขาไม่ได้จีบจริงๆนี่นา เนี่ยๆ เดี๋ยวถามให้ดูเลย จะได้เลิกเซ้าซี้”
ว่าแล้วก็พิมพ์ พี่นนท์ไม่ได้จีบชลใช่ไหมคะ แล้วใช้นิ้วชี้จิ้มปุ่มเอนเทอร์อย่างมั่นอกมั่นใจ พลางแหงนหน้าขึ้นยักคิ้วหลิ่วตาให้สิงห์อย่างกวนอารมณ์ แต่ทำอยู่ได้ไม่นาน คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ก็พยักเพยิดเป็นเชิงให้หันไปดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตอนนี้มีแชทหนึ่งกำลังเด้งรัวขึ้นเป็นสิบข้อความในเวลาอันรวดเร็ว
ปรากฏว่าเป็นแชทของ ‘พี่นนท์’ ของหญิงสาวเอง พอกดดู ก็พบกับ…
“ปล่อยฉันลง!”
เสียงแหลมๆของชลนาไม่ได้ทำให้สิงห์กลัว แต่กลับกระชับแขนตัวเองไม่ให้เผลอทำคนที่กำลังดิ้นแรงๆตอนนี้จนตกพื้น ก่อนจะก้าวเร็วๆ ไปยังห้องนอนของทั้งคู่..แล้วปล่อยตัวคนที่หยุดดิ้นแล้วลงบนเตียงอย่างเรียบร้อยแล้วยืนจ้องเธอด้วยสายตาที่ชลนาเดาไม่ถูก
“รู้สึกยังไง”
สิงห์ยกมือขึ้นกอดอกกดดันอย่างเต็มที่
“ก็..รู้สึกดี ไม่ต้องเดินมาเอง อยู่เฉยๆก็มีคนอุ้มไปอุ้มมา สบายดีออก!” ชลนาที่โวยวายในทีแรกแต่เริ่มมาเห็นข้อดีของการถูกเขาอุ้มไปมาในระยะหลังพูดนอกเรื่องออกทะเลไปแบบไม่สนใจประเด็นที่เขาต้องการให้เธอตอบ
หญิงสาวมองตอบเขาด้วยสายตาปริบๆ ราวกับหญิงสาวแรกแย้ม..ที่ใสซื่อและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…ซึ่งมันก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ไม่รู้อะไรเรื่องอีตาพี่นนท์จริงๆด้วยเอ้า! เธออยากจะร้องเพลงที่มีท่อนว่า ‘หนูเปล่าน้า เขามาเอง’ โชว์เขาเสียตอนนี้ซะจริงๆ มันก็ช่วยไม่ได้นี่น้า..คนมันสวย มันก็ต้องเสน่ห์แรงเป็นธรรมดา เหอๆ..
แต่ให้ตาย…พี่นนท์นี่มาเนียนที่สุด ไม่มีคุยหยอด แต่ชอบหาเรื่องสนุกๆมาคุยประจำ แถมยังทำตัวเป็นที่ปรึกษาในทุกเรื่อง ทั้งการเรียน ทั้งการใช้ชีวิต ต่างๆนาๆ ใครจะไปคิดล่ะว่า..
ชลไม่รู้หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่…
(ไม่รู้……………..)
โอเค พี่จีบชล
(หา………….)
พี่จะไม่ทนแล้วนะ เราคุยกันมาสามปี สี่เดือน กับ ยี่สิบวัน วันนี้เข้าวันที่ยี่สิบเอ็ด
(ความจำดีเป็นเลิศ……………..)
ชลคิดว่าผู้ชายคนหนึ่งจะบ้าทักแชทคนที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยมาสามปีกว่าเกือบทุกวันเนี่ยนะ??
(โอ้ว..เธอคิดแบบนั้นมาโดยตลอด……………)
พี่อ่อย จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
(อ่อยตรงไหนเฮ้ย!)
พี่นึกว่าเราเป็นมากกว่าพี่น้องกันแล้วซะอีก เหมือนเราเลยจุดนั้นมานานแล้ว
(คิดไปเองทั้งเพ………………)
พี่รู้นะว่าชลก็ชอบพี่ เพราะฉะนั้น มันไม่มีทางที่เราจะไปกันไม่ได้ .. พี่รู้สึกดีกับชลมากๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา..เราคุยกันถูกคอ และถูกใจ
(กรี๊ด!! แค่ถูกคอ แต่ไม่เคยถูกจ๊ายยย……………….)
และหลังจากนั้นแน่นอนว่าไม่ต้องรอให้อีตาพี่นนท์พิมพ์กลับมาอีก เพราะมือที่จับเมาท์อยู่รีบเลื่อนไปกดปุ่มออฟไลน์อย่างรวดเร็วและปิดคอมพิวเตอร์ลงฉับในเวลาไม่กี่วินาที เพื่อตั้งสติ……..
ช่างเป็นเรื่องที่น่าช๊อคเหลือเชื่อ…เธอไม่เหลือผู้ชายที่จะสามารถคุยกันได้อย่างถูกคออีกแล้ว วินาทีนี้ก็เหลือเพียงแต่นางสิงห์ เอ๊ย..นายสิงห์หน้าบูดเท่านั้น
ชลนาเงยหน้าไปมองคนที่ยืนเก๊กเป็นพระเอกเอ็มวีแล้วยิ้มเลี่ยนๆไปให้เขา ก่อนที่เสียงแผ่วเบาจะลอดออกมาจากปากสวยๆของเขา
“ซื่อ…”
“แน่นอน” เธอใสซื่อเกินกว่าจะทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกเขา ชลนาคอตก..
“บื้อด้วย”
อันนี้ไม่ใช่แล้ว! คอที่เคยตกเชิดขึ้น ก่อนจะพูดรัวๆใส่เขา
“นี่ตกลงจะหาเรื่องกันใช่ไหมเนี่ยฮ้า!!!” หญิงสาวแว้ดขึ้นทันที รู้สึกตาเริ่มสว่างเมื่อโดนกดดันมากๆเข้า และเริ่มรู้สึกฉลาดขึ้นเมื่อเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่า… “เอ้ะ ว่าแต่ ทำไมฉันจะต้องทำตัวเหมือนมีความผิดด้วยเนี่ย ฉันไม่มีนะ”
แต่ทว่าเมื่อสบตากับเขา เขาก็ส่งสายตามาบ่งบอกว่ามันมี! แต่ชลนาก็เอียงคอมองเขาอย่างเอ๋อเหรอ มั่นใจว่าไม่มี..
“ผมเพิ่งรู้ว่ามีคนทักแชทคุณมาเยอะขนาดนั้น แล้วทำไมคุณจะต้องตอบกลับไปหมดทุกคน เห็นไหมโดนเขาจีบยังไม่รู้อีก” สิงห์ตอบขุ่นๆมีแววสะบัด หน้าก็สะบัดหนีตาม..แต่ก่อนจะหันหนี ยังส่งสายตาแบบที่ทำให้ชลนารู้สึกเสียวสันหลังวูบมาด้วย..
แล้วตกลงเธอผิดตรงไหนวะ(คะ)!! ก็เธอว่างจนเวลามันจะทับตัวม่องเท่งอยู่แล้ว ก็เลยหาอะไรทำแก้เบื่อตอนเขาทำงานแล้วเธอยังไม่อยากนอน ก็พอดีกับที่มีคนทักมาอย่างสม่ำเสมอเช่นทุกวัน นิ้วว่างๆก็เลยพิมพ์ตอบทุกๆคนไปทั้งๆที่ปรกติแล้วแทบจะไม่ได้ตอบแชทใครเลย
แต่ทว่าก่อนจะได้ทวงความถูกต้องกลับคืนมาสู่ตนเอง เธอก็ได้รับสายตาที่มองมาแบบตัดพ้อ ราวกับว่าเธอกำลังทำร้ายเขาอย่างรุนแรง ก่อนที่คนที่ปรกติหน้าตามึนงงอยู่แล้วจะทำท่าทางเมินใส่ ทรุดตัวลงนอน มองมาทางเธออีกครั้ง แล้วเมินไปอีกทางด้วยสีหน้าช้ำทรวง…บ้าจริงๆ
“คุณเป็นอะไรมากไหมเนี่ย” คนอะไรอารมณ์ช่างปรวนแปรรวดเร็วแซงเธอไปหลายโค้ง
“เปล่า”
“แต่นี่คุณทำท่าไม่ปรกติ ทำไมคุณตอบเสียงอ่อย หน้าก็เหมือนหมาหงอย ถ้าคุณปรกติ คุณต้องลุกขึ้นมาทำหน้าโหดแล้วบ่นๆๆ ด่าๆ จิกๆ ฉันแล้ว”
ชลนาโวยวาย แต่หลังจากที่เขาตอบแค่คำว่า ‘เปล่า’ คำนั้นคำเดียว เขาก็ใช้ความเงียบสยบทุกอย่างไม่ตอบเธออีก
“คุณหลับแล้วจริงๆเหรอ”
เมื่อนั่งมองเขาอยู่หลายนาที ก็เห็นเขาหลับตาแล้วนิ่ง แต่เป็นเธอเองที่ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง นั่งทบทวนตัวเองไปมา
“ทำอย่างกับฉันทำเรื่องคอขาดบาดตาย ฉันแค่ไม่รู้ว่าใครมาจีบหรือมาคุยเฉยๆ ฉันผิดเหรอ ฉันไม่ได้มีชู้นะ!!!…” บ่นไป เท้าก็ขยับ ยุกยิกหางานทำ จนไปเจอแผ่นหลังภายใต้เสื้อยืดสีขาวสะอาดของเขา แล้วหยุดจ้องมองแน่นิ่ง..เห็นแล้วไม่รู้เป็นอะไร ขาของเธอมันเลื่อนไปเอง จวนเจียนจะถึงตัวเขาอยู่แล้ว
“ทำอะไร”
คนที่เหมือนจะมีตาทิพย์หันกลับมาได้จังหวะพอดีกับที่เท้าของเธอตั้งอยู่ที่หน้าท้องของเขาพอดี…
“..เอาเท้าไปห่างๆ” เขาไม่เล่นตามอารมณ์ของเธอ หันมาพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็หันกลับไปอีก แล้วเริ่มมีเสียงกรนตามมาซึ่งมันเหมือนแกล้งกรนเสียมากกว่า
“เยอะนะคุณเนี่ย”
บ่นใส่เขาแหยๆ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ใส่ใจ จึงล้มตัวลงนอนบ้าง แต่อารามหมั่นไส้เริ่มมาคุ ทนไม่ไหวหันมาเอาเท้าข้างหนึ่งยันหลังเขาสุดแรง!
พลั่ก!
“โอ๊ย”
ฮึ สมน้ำหน้า แบบนี้เธอจะได้นอนหลับกับเขาบ้าง ว่าแล้วก็ปิดตาลงอย่างสบายใจขึ้น ไม่เก็บสายตาขุ่นๆของเขาที่ส่งมา มาคิดมาก สายตาขุ่นๆแบบนี้ก็ยังดีกว่าสายตาเย็นๆ แล้วทำเป็นเมินใส่เธอแหละน่า……
ต้องเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนนี้แน่ๆ เช้าวันนี้เธอถึงได้โดนแก้แค้น เมื่อคืนก็นอนพลิกไปพลิกมา เพราะนอนไม่ค่อยจะหลับ ส่วนคนที่นอนหันหลังให้เธอทั้งคืนน่ะหรือ หลับปุ๋ยสบายสุดๆ เช้าวันนี้จึงตื่นมาบังคับให้เธอออกมาทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่เช้า
“โอย..ฉันง่วงนะคุณ คุณไปเดินเล่นกับนมสดเองเถอะ ฉันจะกลับไปนอนต่อ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ แต่ที่จริงไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้เลย ยุ่งยากเปล่าๆ” คนว่างงานซึ่งไม่จำเป็นต้องรีบเร่งอะไรในชีวิตช่วงนี้บ่นกระปอดกระแปด แม้ว่าตาจะยังไม่เปิดก็ตาม
“ไม่เห็นจะยุ่งยาก อีกเดี๋ยวพี่จะไปทำงานแล้ว ก็พาลูกไปเดินเล่นสักยี่สิบนาทีเอง นมสดจะได้ปลดปล่อยพลังงาน ไม่เครียด พอไม่เครียดก็จะเป็นเด็กดี ไม่ก้าวร้าวไง แถมสุขภาพก็ยังจะแข็งแรง ส่วนเราสองคนก็จะได้แข็งแรงทั้งกาย ทั้งใจ ไปด้วยกันเถอะ”
“แล้วนี่คุณพูดตั้งยาวเหยียดขนาดนี้ ไม่กลัวดอกพิกุลร่วงเหมือนเมื่อคืนแล้วเหรอ ไม่งอนฉันแล้วเหรอคะคุณสิงห์ขา”
แม้ว่าตาจะยังไม่ลืม และอยู่ในสภาพยืนหลับก็ตาม แต่ชลนาก็ยังคงมีความสามารถในการกวนโทสะของสิงห์ได้อย่างต่อเนื่อง…
อันที่จริง..น่าจะเป็นเพราะว่า มันติดอยู่ในใจของเธอ และอยากจะคุยให้รู้เรื่องมากกว่าแต่มันติดที่ว่า เขาไม่คุย! แต่หล่อนเป็นคนไม่ชอบให้คนอื่นมาทำท่าปั้นปึ่งใส่เสียด้วย งานนี้จึงต้องเคลียร์
แม้จะง่วงซึมเช่นไร แต่ชลนาก็มีสติอยู่ลึกๆ เตรียมตัวไว้ว่าหากเขาพูดจาประชดประชันหรือทำท่าหมางเมินใส่เธอล่ะก็ เธอจะ…
“ไม่โกรธแล้ว”
คำตอบที่ตรงกันข้ามกับความคิด มีผลทำให้ตาของชลนาเปิดขึ้นมาข้างหนึ่ง แต่อีกข้างยังเก็บไว้สำรวจท่าที