“แกไปไหนมา ทำไมไมไม่บอกฉัน” เสียงเบาหวิวของแต้มดาวดังขึ้น สิงห์ขมวดคิ้วกับคำพูดของเธอ ทำไมชลนาจะต้องรายงานทุกความเคลื่อนไหวให้แต้มดาวรู้ ตกลงเจ้าหล่อนเป็นเพื่อนกันหรือว่าเป็นเจ้าชีวิตกันแน่
“ไปหาแม่ฉันมา แล้วแกมาได้ยังไงเนี่ย” ชลนาถามอย่างแปลกใจที่เพื่อนมาอยู่ในบ้านของสิงห์ได้ หญิงสาวปรายตาไปมองคนที่ก้าวมายืนอยู่ข้างๆเล็กน้อย เห็นว่ามีสีหน้านิ่งๆ แต่เธอนึกรู้ว่าในใจคงจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ คราวนี้คนที่ลำบากใจก็ตกมาสู่เธอ คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนหนึ่งก็.. เอ่อ อีกคนหนึ่งไม่มีสถานะ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีความสำคัญในช่วงนี้
ใช่แล้ว! ก็เพราะเขาเป็นผู้ที่เธอทำสัญญาร่วมกันนั่นอย่างไรเล่า
ชลนาเผลอคิดออกนอกลู่ ก่อนจะดึงตัวเองกลับมาอีกครั้งพลางส่งยิ้มให้เพื่อนที่ทำหน้าบึ้งใส่เธอ
“แล้วทำไมแกไม่โทรไปบอกฉันเลยล่ะ ถ้าแกจะไปหาแม่แก ก็ไปกับฉันได้ไม่ใช่เหรอ” แต้มดาว ไม่ตอบคำถาม แต่เป็นคนถามกลับแทน เวลานี้เธอมีความน้อยใจสุมอยู่เต็มเมื่อคิดว่าเพื่อนเลือกที่จะไปกับสิงห์ ผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก แทนเธอที่รู้จักกันมาตลอดชีวิต มันเหมือนกับว่าชลนาให้ความสำคัญกับสิงห์มากกว่าเธอเสียแล้ว
“ฉันตั้งใจว่าถ้าไปถึงแล้วจะโทรบอกแกนั่นแหละ แต่ว่าโทรศัพท์ถูก..”
“ถูกอะไร” เมื่อเห็นเพื่อนอ้ำอึ้ง แต้มดาวก็ยิ่งสงสัย ในใจเดาว่าคงจะต้องเกี่ยวข้องกับสิงห์แต่เพื่อนของเธอไม่พูด ออกอาการไม่อยากพูด หรือพูดไม่ออกก็ไม่ทราบได้
ชลนาไม่อยากจะพูดออกไป เพราะทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองให้สิงห์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอมากเหลือเกิน นี่ขนาดให้เขาแย่งมือถือไปปิดได้…ถ้าพูดไปแต้มดาวจะต้องจับได้แน่ๆว่าเธอ..เปลี่ยนไป
หญิงสาวนั้นไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตัวเองเปลี่ยนไป คือยอมเขามากขึ้น แต่เธอก็เปลี่ยนไปอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งคิดตัวเองก็ยิ่งไม่สบายใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
“แกตัดสายฉันทิ้ง แล้วก็ปิดเครื่อง…แกไม่เคยเป็นแบบนี้” แต้มดาวย้ำ นอกจากจะย้ำให้เพื่อนได้บอกเหตุผลแล้ว เธอยังย้ำให้ตัวเองด้วย ตลอดเวลาที่คบกันมาเธอไม่เคยถูกชลนาตัดสายทิ้ง มีแต่เพื่อนของเธอคนนี้ไปตัดสายคนอื่นทิ้งเพื่อที่จะคุยกับเธอ
เธอเห็นแล้วว่ามันเปลี่ยนไป
“ฉันไม่ได้ตัดสายแกทิ้งนะ แล้วก็ไม่ได้..” พูดเถียงออกไปแล้วก็สะดุดกึก เปลี่ยนคำตอบ “เออ ฉันตัดสายแกทิ้งเองแหละ สายแรกฉันไม่ได้ตั้งใจนะแก มือมันเผลอไปโดน พอฉันจะโทรกลับแบทก็ดันบท ไม่ได้ปิดเครื่องเลย”
“มันบังเอิญไปชล” แต้มดาวจ้องเพื่อน สายตาบอกว่าไม่เชื่อเพื่อนเลย
“ผมปิดเอง”
หลังจากยืนเงียบอยู่นาน สังเกตการณ์อยู่หลายนาที สิงห์ก็ออกโรงเมื่อเห็นว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และไม่ต้องการให้แต้มดาวเข้าใจชลนาผิด แต่คนที่เขาหวังจะช่วยหันขวับมาทันที
“แกให้เขาปิดเครื่องเหรอ”
“เปล่า ผมแย่งมาปิดเอง หลังจากนั้นเราก็ยุ่ง จนลืมเปิดโทรศัพท์” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกความรู้สึก
“….คุณตัดสาย ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าฉันโทรไปน่ะเหรอ นี่ฉันเป็นเพื่อนของชลนะ” แต้มดาวมองหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ หญิงสาวเสียความรู้สึกเมื่อรู้สึกว่าเธอไม่สำคัญกับใครเลย แล้วยิ่งเพื่อนเหมือนยอมให้เขาปิดเครื่อง ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียใจมากขึ้น
“ผมขอโทษ”
สิงห์พูดคำขอโทษออกมาเย็นชา แต่แววตามีแววจริงใจขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของแต้มดาว ผู้หญิง…อย่างไรเสีย แต้มดาวก็คือผู้หญิง สิงห์คิด
“ฉันไม่รู้ว่าเป็นแกโทรมาจริงๆนะ ก่อนที่เขาจะปิดเครื่องน่ะ” ชลนาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆเมื่อเห็นเพื่อนหน้าเสียไป แล้วก็ยังบูดบึ้งแม้ว่าสิงห์จะขอโทษไปแล้วก็ตาม ทีแรกหญิงสาวนึกโทษเขาอยู่ แต่เมื่อเขาพูดคำขอโทษออกมาด้วยตัวเอง เธอก็แอบรู้สึกดีกับเขาลึกๆอยู่เหมือนกัน
“แต่ยังไงแกก็ไม่ได้บอกฉันอยู่ดีว่าแกจะไป มันเหมือนเราให้ความสำคัญต่อกันไม่เท่ากันเลยนะชล”
แต้มดาวตัดพ้อ เธอพูดในสิ่งที่เธอคิดและรู้สึกจากการกระทำของเพื่อน ยิ่งเธอเป็นห่วงเพื่อนมาก สนใจเพื่อนมาก เธอก็ยิ่งคิดมาก แต่ดูเหมือนว่าชลนาจะไม่ได้คิดมากเหมือนเธอเลย มีแต่เธอที่ให้อยู่ฝ่ายเดียวจนเหนื่อยใจ แต่เธอก็ยังอยากจะทำมันอยู่ดี
“การที่ฉันลืมโทรหาแกเพราะว่าฉันกำลังวุ่นๆในตอนนั้น มันไม่ได้หมายความว่าแกจะสำคัญกับฉันน้อยลงเลยนะแต้ม แกอย่าโกรธสิ”
“ฉันไม่โกรธแกหรอก มันเป็นสิทธิของแกนี่ ฉันเข้าใจนะว่าบางทีแกอาจจะไม่ชอบที่ฉันยุ่งเกิน” แม้ปากจะพูดว่าเข้าใจ แต่ที่จริงในใจไม่เข้าใจเลยสักนิด จิตใจของแต้มดาวในตอนนี้เป็นสีขุ่น เธอพูดประชดไปตามอารมณ์เช่นนั้นเอง
“แต้ม ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วฉันก็ไม่ได้ว่าแกยุ่งด้วย เอาเป็นว่าต่อไปฉันจะบอกแกทุกอย่างเลย ดีไหม”
“ฉันไม่ได้ต้องการให้แกบอกฉันทุกอย่าง” แต้มดาวพูดเสียงดัง เมื่อเพื่อนที่ควรจะเข้าใจเธอที่สุดกลับไม่เข้าใจเธอเอาเสียเลย เธอแค่อยากให้เพื่อนใส่ใจเธอมากกว่านี้ เธอแค่ไม่อยากจะให้เพื่อนเห็นคนอื่นดีกว่าเธอก็เท่านั้นเอง
“แล้วแกต้องการยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจนะแต้ม”
ชลนาเริ่มจะมีอารมณ์อยู่บ้างเหมือนกันเมื่อเพื่อนดูจะพูดไม่รู้เรื่องและเธอไม่ได้มีสติที่จะวิเคราะห์ได้ว่าเพื่อนกำลังเป็นอะไร แต่คนข้างๆแตะแขนเธอไว้ ราวกับว่าให้ใจเย็นๆ
แต้มดาวมองสองคนตรงหน้าที่เหมือนจะเป็นพวกเดียวกัน เหลือเธอที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามฝ่ายเดียวแล้วเสียใจ รู้สึกจุกข้างในไปหมด เมื่อรู้สึกว่าเพื่อนมีคนอื่นอยู่ข้างๆ ไม่ใช่เธอแล้ว
“แกไม่ต้องทำยังไงหรอก ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
แต้มดาวจ้องหน้าเพื่อนอย่างเสียความรู้สึก ในเวลานี้เธอแทบอยากจะร้องให้ด้วยซ้ำ แต่เธอจะร้องต่อหน้าเพื่อนและผู้ชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวเดินรี่ออกจากบ้านไปทันที ชลนามีสีหน้าซีดเซียวเมื่อเธอเครียดทั้งเรื่องตอนเช้า แล้วยังมาเกิดเรื่องทะเลาะกันกับเพื่อนรักอีก
แต่เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวก็รีบเดินตามเพื่อนออกมา ก็พอดีกับที่มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
ผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวที่เพิ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยทักทุกคนอย่างอารมณ์ดี แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครตอบรับเขาเลย แม้แต่เพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างหลังชลนา ตะวันมองทุกคนอย่างแปลกใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศร้อนระอุแปลกๆ
“เออ..สิงห์ ฉันจัดการเรื่องนมสดให้แกแล้วนะ” ตะโกนบอกเพื่อนไป แต่ได้รับเพียงสายตารับรู้ที่ส่งมาแวบหนึ่งเท่านั้น
เมื่อไม่มีใครยอมพูดจา ตะวันก็ย้อนกลับไปที่รถงงๆ ก่อนจะอุ้มลูกสุนัขสีขาวที่บัดนี้มีกลิ่นหอม เนื้อตัวสะอาด หลังจากเธอพาไปจัดการมาตามคำขอร้องปนสั่งของสิงห์ สาวห้าวจะยื่นนมสดให้ชลนา แต่เห็นสายตาของแต้มดาวแล้วทำให้หนาววูบๆอยู่เหมือนกัน สิงห์ที่เดินตามออกมาแล้ว จึงยื่นมือมารับไปอุ้มไว้แทน เป็นนาทีเดียวกับที่แต้มดาวเดินออกจากทางเดินจวนจะพ้นรั้วบ้านไปเมื่อใจของเธอนั้นร้อนรุ่มจนอยู่ที่ตรงนั้นไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย แต่ว่า ฉันขอตัวก่อนดีกว่า แถวนี้มันร้อนยังไงไม่รู้เนอะ” คนที่ยังอยู่เป็นกอขอคอ ต้องรีบถอนตัว เมื่อเห็นว่าพายุกำลังจะมา รีบกลับไปสตาร์ทรถออกไปทันที
ขับมาไม่นาน ก็เจอแต้มดาวเดินอยู่ข้างทาง ก็ลดกระจกลง ชะโงกหน้าออกไปหา
“แหม..เดินเร็วจนขาจะขวิดแล้วนะหนู ช้าๆหน่อยสิ ทำใจให้สบายแล้วหันหน้ามามองกันสักนิด” กระเซ้าไปหนึ่งหน แต้มดาวหันตาแดงๆมาถลึงตาเข้าให้ ตะวันจึงต้องเปลี่ยนโหมด ขณะที่ยังขับรถเป็นเต่าคลานไปด้วย
“ตอนมาก็มาด้วยกัน ตอนกลับสนใจจะกลับด้วยกันไหม”
สิงห์อุ้มนมสดเดินตามชลนาเข้าบ้านมาเงียบๆ เพราะเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ทว่าพอเดินเข้ามาอีกหน่อย ก็เกือบจะเดินชนหญิงสาวเข้า เพราะเขาตั้งใจเดินตามแต่เธอ แต่ชลนากลับหยุดเดินเอาดื้อๆ เมื่อเดินมาถึงมุมห้องนั่งเล่นของบ้าน สิงห์มองท่ายืนนิ่งของเธอแล้วไม่ค่อยไว้วางใจ เดินไปยืนข้างเธอ ก็เห็นสภาพตรงหน้าประจักษ์แก่สายตา
“อืม ฝีมือใครล่ะเนี่ย…ดูไม่เลวนะว่าไหม”
เมื่อยืนมองสภาพห้องที่เละเทะจนไม่น่าดูกันไปเกือบนาทีแล้ว สิงห์จึงหันมาพูดเปิดฉากก่อน เพราะชลนาเอาแต่ยืนนิ่ง เธอไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของใคร และไม่ยอมพูดกับเขา สิงห์ได้รับเพียงแต่เสียงถอนหายใจหนักหน่วงกลับมาเท่านั้น
ชลนาไม่พูด แต่ก้มลงไล่เก็บนิตยสารที่ตกอยู่ที่พื้นสามสี่เล่ม ไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาตามเดิม ขณะที่กำลังคิดว่าควรจะทำความสะอาดตรงส่วนไหนก่อน ก็เห็นเขาหายไปแล้วโผล่มาอีกทีพร้อมกับไม้กวาดสองด้าม
“อ่ะ” เขาพูดแล้วยื่นให้ หญิงสาวรับมาอย่างเครียดๆ ก่อนจะช่วยกันกวาดปุยนุ่นจากหมอนที่บัดนี้เกลื่อนกลาดบนพื้น กับเศษขนมต่างๆที่เหมือนถูกโรยทิ้งไว้ไปทั่วบริเวณอย่างเงียบๆ โดยมีนมสดวิ่งไปทั่วบ้านคอยกัดกินขนมที่เกลื่อนพื้นบ้าง คอยไปดูพ่อบ้าง ย้อนกลับมาดูแม่ที่อยู่อีกมุมบ้าง โดยที่ทั้งสองก็ยังไม่พูดจาใส่กัน จนกระทั่งนมสดเล่นซนเกิน
“นมสด ไม่เอาสิอย่ากัดเล่น”
ชลนาปล่อยไม้กวาดลงพื้น เดินไปคว้านุ่นจากปากนมสดมากองรวมกับขยะที่กวาดไว้ แต่เมื่อยังเห็นว่านมสดยังสามารถไปกัดมาเล่นได้อีก ก็ต้องทิ้งไม้กวาดอีกครั้ง เดินไปแกะนุ่นออกจากปากลูกของสิงห์ แต่นมสดกลับนึกว่าชลนาเล่นด้วย จึงวิ่งไปทั่วไม่ยอมให้ชลนาเอานุ่นออกจากปาก
หญิงสาววิ่งตามหวังจะเอานุ่นออกจากปากหมา กลัวว่านมสดจะกลืนลงไป จนไม่ทันระวัง ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นที่มีนุ่นลอยขึ้นไปตามแรงลม นุ่นที่เคยกวาดๆมารวมกัน กลายเป็นกระจัดกระจายและขึ้นมาติดผมและตัวของหญิงสาวบ้าง ชลนาทิ้งทุกอย่าง อย่างเซ็งๆ นั่งขัดสมาธิดูนมสดวิ่งไปมาเพลินๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งด้านหลัง พร้อมกับคอยหยิบปุยนุ่นออกจากผมของเธอเงียบๆ เขาคอยทำอย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไร
“คุณเข้าใจเพื่อนฉันไหม”
สิงห์ขมวดคิ้วกับคำพูดของหญิงสาว
“ไม่เข้าใจ” แต่เขาก็ยังตอบ ตอบความจริง เพราะว่าเขานั้นแสนจะไม่เข้าใจนิสัยผู้หญิงจริงๆ ในชีวิตนี้เขามีเพื่อนผู้หญิงแทบนับคนได้ แล้วทุกคนก็ไม่มีนิสัย หวงเพื่อนด้วย
“แต่ฉันเข้าใจ ฉันว่ามันน้อยใจ แต่ทำไมตอนนั้นฉันไม่พูดกับมันดีๆวะ” ชลนาเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า สิงห์ที่นั่งซ้อนหลัง ชะโงกหน้าเข้ามาดูสีหน้าของคนตัวเล็กข้างหน้า อยากจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นแล้วก็โยกหน้ากลับมาอยู่ทีเดิม
เล่ห์รัก บทที่ 15
“ไปหาแม่ฉันมา แล้วแกมาได้ยังไงเนี่ย” ชลนาถามอย่างแปลกใจที่เพื่อนมาอยู่ในบ้านของสิงห์ได้ หญิงสาวปรายตาไปมองคนที่ก้าวมายืนอยู่ข้างๆเล็กน้อย เห็นว่ามีสีหน้านิ่งๆ แต่เธอนึกรู้ว่าในใจคงจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ คราวนี้คนที่ลำบากใจก็ตกมาสู่เธอ คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนหนึ่งก็.. เอ่อ อีกคนหนึ่งไม่มีสถานะ แต่ก็คลับคล้ายคลับคลาว่ามีความสำคัญในช่วงนี้
ใช่แล้ว! ก็เพราะเขาเป็นผู้ที่เธอทำสัญญาร่วมกันนั่นอย่างไรเล่า
ชลนาเผลอคิดออกนอกลู่ ก่อนจะดึงตัวเองกลับมาอีกครั้งพลางส่งยิ้มให้เพื่อนที่ทำหน้าบึ้งใส่เธอ
“แล้วทำไมแกไม่โทรไปบอกฉันเลยล่ะ ถ้าแกจะไปหาแม่แก ก็ไปกับฉันได้ไม่ใช่เหรอ” แต้มดาว ไม่ตอบคำถาม แต่เป็นคนถามกลับแทน เวลานี้เธอมีความน้อยใจสุมอยู่เต็มเมื่อคิดว่าเพื่อนเลือกที่จะไปกับสิงห์ ผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก แทนเธอที่รู้จักกันมาตลอดชีวิต มันเหมือนกับว่าชลนาให้ความสำคัญกับสิงห์มากกว่าเธอเสียแล้ว
“ฉันตั้งใจว่าถ้าไปถึงแล้วจะโทรบอกแกนั่นแหละ แต่ว่าโทรศัพท์ถูก..”
“ถูกอะไร” เมื่อเห็นเพื่อนอ้ำอึ้ง แต้มดาวก็ยิ่งสงสัย ในใจเดาว่าคงจะต้องเกี่ยวข้องกับสิงห์แต่เพื่อนของเธอไม่พูด ออกอาการไม่อยากพูด หรือพูดไม่ออกก็ไม่ทราบได้
ชลนาไม่อยากจะพูดออกไป เพราะทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองให้สิงห์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอมากเหลือเกิน นี่ขนาดให้เขาแย่งมือถือไปปิดได้…ถ้าพูดไปแต้มดาวจะต้องจับได้แน่ๆว่าเธอ..เปลี่ยนไป
หญิงสาวนั้นไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตัวเองเปลี่ยนไป คือยอมเขามากขึ้น แต่เธอก็เปลี่ยนไปอย่างนั้นจริงๆ ยิ่งคิดตัวเองก็ยิ่งไม่สบายใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร
“แกตัดสายฉันทิ้ง แล้วก็ปิดเครื่อง…แกไม่เคยเป็นแบบนี้” แต้มดาวย้ำ นอกจากจะย้ำให้เพื่อนได้บอกเหตุผลแล้ว เธอยังย้ำให้ตัวเองด้วย ตลอดเวลาที่คบกันมาเธอไม่เคยถูกชลนาตัดสายทิ้ง มีแต่เพื่อนของเธอคนนี้ไปตัดสายคนอื่นทิ้งเพื่อที่จะคุยกับเธอ
เธอเห็นแล้วว่ามันเปลี่ยนไป
“ฉันไม่ได้ตัดสายแกทิ้งนะ แล้วก็ไม่ได้..” พูดเถียงออกไปแล้วก็สะดุดกึก เปลี่ยนคำตอบ “เออ ฉันตัดสายแกทิ้งเองแหละ สายแรกฉันไม่ได้ตั้งใจนะแก มือมันเผลอไปโดน พอฉันจะโทรกลับแบทก็ดันบท ไม่ได้ปิดเครื่องเลย”
“มันบังเอิญไปชล” แต้มดาวจ้องเพื่อน สายตาบอกว่าไม่เชื่อเพื่อนเลย
“ผมปิดเอง”
หลังจากยืนเงียบอยู่นาน สังเกตการณ์อยู่หลายนาที สิงห์ก็ออกโรงเมื่อเห็นว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และไม่ต้องการให้แต้มดาวเข้าใจชลนาผิด แต่คนที่เขาหวังจะช่วยหันขวับมาทันที
“แกให้เขาปิดเครื่องเหรอ”
“เปล่า ผมแย่งมาปิดเอง หลังจากนั้นเราก็ยุ่ง จนลืมเปิดโทรศัพท์” สิงห์พูดด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกความรู้สึก
“….คุณตัดสาย ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าฉันโทรไปน่ะเหรอ นี่ฉันเป็นเพื่อนของชลนะ” แต้มดาวมองหน้าผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ หญิงสาวเสียความรู้สึกเมื่อรู้สึกว่าเธอไม่สำคัญกับใครเลย แล้วยิ่งเพื่อนเหมือนยอมให้เขาปิดเครื่อง ก็ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกเสียใจมากขึ้น
“ผมขอโทษ”
สิงห์พูดคำขอโทษออกมาเย็นชา แต่แววตามีแววจริงใจขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวของแต้มดาว ผู้หญิง…อย่างไรเสีย แต้มดาวก็คือผู้หญิง สิงห์คิด
“ฉันไม่รู้ว่าเป็นแกโทรมาจริงๆนะ ก่อนที่เขาจะปิดเครื่องน่ะ” ชลนาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆเมื่อเห็นเพื่อนหน้าเสียไป แล้วก็ยังบูดบึ้งแม้ว่าสิงห์จะขอโทษไปแล้วก็ตาม ทีแรกหญิงสาวนึกโทษเขาอยู่ แต่เมื่อเขาพูดคำขอโทษออกมาด้วยตัวเอง เธอก็แอบรู้สึกดีกับเขาลึกๆอยู่เหมือนกัน
“แต่ยังไงแกก็ไม่ได้บอกฉันอยู่ดีว่าแกจะไป มันเหมือนเราให้ความสำคัญต่อกันไม่เท่ากันเลยนะชล”
แต้มดาวตัดพ้อ เธอพูดในสิ่งที่เธอคิดและรู้สึกจากการกระทำของเพื่อน ยิ่งเธอเป็นห่วงเพื่อนมาก สนใจเพื่อนมาก เธอก็ยิ่งคิดมาก แต่ดูเหมือนว่าชลนาจะไม่ได้คิดมากเหมือนเธอเลย มีแต่เธอที่ให้อยู่ฝ่ายเดียวจนเหนื่อยใจ แต่เธอก็ยังอยากจะทำมันอยู่ดี
“การที่ฉันลืมโทรหาแกเพราะว่าฉันกำลังวุ่นๆในตอนนั้น มันไม่ได้หมายความว่าแกจะสำคัญกับฉันน้อยลงเลยนะแต้ม แกอย่าโกรธสิ”
“ฉันไม่โกรธแกหรอก มันเป็นสิทธิของแกนี่ ฉันเข้าใจนะว่าบางทีแกอาจจะไม่ชอบที่ฉันยุ่งเกิน” แม้ปากจะพูดว่าเข้าใจ แต่ที่จริงในใจไม่เข้าใจเลยสักนิด จิตใจของแต้มดาวในตอนนี้เป็นสีขุ่น เธอพูดประชดไปตามอารมณ์เช่นนั้นเอง
“แต้ม ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ แล้วฉันก็ไม่ได้ว่าแกยุ่งด้วย เอาเป็นว่าต่อไปฉันจะบอกแกทุกอย่างเลย ดีไหม”
“ฉันไม่ได้ต้องการให้แกบอกฉันทุกอย่าง” แต้มดาวพูดเสียงดัง เมื่อเพื่อนที่ควรจะเข้าใจเธอที่สุดกลับไม่เข้าใจเธอเอาเสียเลย เธอแค่อยากให้เพื่อนใส่ใจเธอมากกว่านี้ เธอแค่ไม่อยากจะให้เพื่อนเห็นคนอื่นดีกว่าเธอก็เท่านั้นเอง
“แล้วแกต้องการยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจนะแต้ม”
ชลนาเริ่มจะมีอารมณ์อยู่บ้างเหมือนกันเมื่อเพื่อนดูจะพูดไม่รู้เรื่องและเธอไม่ได้มีสติที่จะวิเคราะห์ได้ว่าเพื่อนกำลังเป็นอะไร แต่คนข้างๆแตะแขนเธอไว้ ราวกับว่าให้ใจเย็นๆ
แต้มดาวมองสองคนตรงหน้าที่เหมือนจะเป็นพวกเดียวกัน เหลือเธอที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามฝ่ายเดียวแล้วเสียใจ รู้สึกจุกข้างในไปหมด เมื่อรู้สึกว่าเพื่อนมีคนอื่นอยู่ข้างๆ ไม่ใช่เธอแล้ว
“แกไม่ต้องทำยังไงหรอก ฉันไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
แต้มดาวจ้องหน้าเพื่อนอย่างเสียความรู้สึก ในเวลานี้เธอแทบอยากจะร้องให้ด้วยซ้ำ แต่เธอจะร้องต่อหน้าเพื่อนและผู้ชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด หญิงสาวเดินรี่ออกจากบ้านไปทันที ชลนามีสีหน้าซีดเซียวเมื่อเธอเครียดทั้งเรื่องตอนเช้า แล้วยังมาเกิดเรื่องทะเลาะกันกับเพื่อนรักอีก
แต่เมื่อตั้งสติได้ หญิงสาวก็รีบเดินตามเพื่อนออกมา ก็พอดีกับที่มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
ผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวที่เพิ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยทักทุกคนอย่างอารมณ์ดี แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครตอบรับเขาเลย แม้แต่เพื่อนของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างหลังชลนา ตะวันมองทุกคนอย่างแปลกใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศร้อนระอุแปลกๆ
“เออ..สิงห์ ฉันจัดการเรื่องนมสดให้แกแล้วนะ” ตะโกนบอกเพื่อนไป แต่ได้รับเพียงสายตารับรู้ที่ส่งมาแวบหนึ่งเท่านั้น
เมื่อไม่มีใครยอมพูดจา ตะวันก็ย้อนกลับไปที่รถงงๆ ก่อนจะอุ้มลูกสุนัขสีขาวที่บัดนี้มีกลิ่นหอม เนื้อตัวสะอาด หลังจากเธอพาไปจัดการมาตามคำขอร้องปนสั่งของสิงห์ สาวห้าวจะยื่นนมสดให้ชลนา แต่เห็นสายตาของแต้มดาวแล้วทำให้หนาววูบๆอยู่เหมือนกัน สิงห์ที่เดินตามออกมาแล้ว จึงยื่นมือมารับไปอุ้มไว้แทน เป็นนาทีเดียวกับที่แต้มดาวเดินออกจากทางเดินจวนจะพ้นรั้วบ้านไปเมื่อใจของเธอนั้นร้อนรุ่มจนอยู่ที่ตรงนั้นไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย แต่ว่า ฉันขอตัวก่อนดีกว่า แถวนี้มันร้อนยังไงไม่รู้เนอะ” คนที่ยังอยู่เป็นกอขอคอ ต้องรีบถอนตัว เมื่อเห็นว่าพายุกำลังจะมา รีบกลับไปสตาร์ทรถออกไปทันที
ขับมาไม่นาน ก็เจอแต้มดาวเดินอยู่ข้างทาง ก็ลดกระจกลง ชะโงกหน้าออกไปหา
“แหม..เดินเร็วจนขาจะขวิดแล้วนะหนู ช้าๆหน่อยสิ ทำใจให้สบายแล้วหันหน้ามามองกันสักนิด” กระเซ้าไปหนึ่งหน แต้มดาวหันตาแดงๆมาถลึงตาเข้าให้ ตะวันจึงต้องเปลี่ยนโหมด ขณะที่ยังขับรถเป็นเต่าคลานไปด้วย
“ตอนมาก็มาด้วยกัน ตอนกลับสนใจจะกลับด้วยกันไหม”
สิงห์อุ้มนมสดเดินตามชลนาเข้าบ้านมาเงียบๆ เพราะเธอไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ทว่าพอเดินเข้ามาอีกหน่อย ก็เกือบจะเดินชนหญิงสาวเข้า เพราะเขาตั้งใจเดินตามแต่เธอ แต่ชลนากลับหยุดเดินเอาดื้อๆ เมื่อเดินมาถึงมุมห้องนั่งเล่นของบ้าน สิงห์มองท่ายืนนิ่งของเธอแล้วไม่ค่อยไว้วางใจ เดินไปยืนข้างเธอ ก็เห็นสภาพตรงหน้าประจักษ์แก่สายตา
“อืม ฝีมือใครล่ะเนี่ย…ดูไม่เลวนะว่าไหม”
เมื่อยืนมองสภาพห้องที่เละเทะจนไม่น่าดูกันไปเกือบนาทีแล้ว สิงห์จึงหันมาพูดเปิดฉากก่อน เพราะชลนาเอาแต่ยืนนิ่ง เธอไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของใคร และไม่ยอมพูดกับเขา สิงห์ได้รับเพียงแต่เสียงถอนหายใจหนักหน่วงกลับมาเท่านั้น
ชลนาไม่พูด แต่ก้มลงไล่เก็บนิตยสารที่ตกอยู่ที่พื้นสามสี่เล่ม ไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาตามเดิม ขณะที่กำลังคิดว่าควรจะทำความสะอาดตรงส่วนไหนก่อน ก็เห็นเขาหายไปแล้วโผล่มาอีกทีพร้อมกับไม้กวาดสองด้าม
“อ่ะ” เขาพูดแล้วยื่นให้ หญิงสาวรับมาอย่างเครียดๆ ก่อนจะช่วยกันกวาดปุยนุ่นจากหมอนที่บัดนี้เกลื่อนกลาดบนพื้น กับเศษขนมต่างๆที่เหมือนถูกโรยทิ้งไว้ไปทั่วบริเวณอย่างเงียบๆ โดยมีนมสดวิ่งไปทั่วบ้านคอยกัดกินขนมที่เกลื่อนพื้นบ้าง คอยไปดูพ่อบ้าง ย้อนกลับมาดูแม่ที่อยู่อีกมุมบ้าง โดยที่ทั้งสองก็ยังไม่พูดจาใส่กัน จนกระทั่งนมสดเล่นซนเกิน
“นมสด ไม่เอาสิอย่ากัดเล่น”
ชลนาปล่อยไม้กวาดลงพื้น เดินไปคว้านุ่นจากปากนมสดมากองรวมกับขยะที่กวาดไว้ แต่เมื่อยังเห็นว่านมสดยังสามารถไปกัดมาเล่นได้อีก ก็ต้องทิ้งไม้กวาดอีกครั้ง เดินไปแกะนุ่นออกจากปากลูกของสิงห์ แต่นมสดกลับนึกว่าชลนาเล่นด้วย จึงวิ่งไปทั่วไม่ยอมให้ชลนาเอานุ่นออกจากปาก
หญิงสาววิ่งตามหวังจะเอานุ่นออกจากปากหมา กลัวว่านมสดจะกลืนลงไป จนไม่ทันระวัง ลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นที่มีนุ่นลอยขึ้นไปตามแรงลม นุ่นที่เคยกวาดๆมารวมกัน กลายเป็นกระจัดกระจายและขึ้นมาติดผมและตัวของหญิงสาวบ้าง ชลนาทิ้งทุกอย่าง อย่างเซ็งๆ นั่งขัดสมาธิดูนมสดวิ่งไปมาเพลินๆ ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีคนมานั่งด้านหลัง พร้อมกับคอยหยิบปุยนุ่นออกจากผมของเธอเงียบๆ เขาคอยทำอย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไร
“คุณเข้าใจเพื่อนฉันไหม”
สิงห์ขมวดคิ้วกับคำพูดของหญิงสาว
“ไม่เข้าใจ” แต่เขาก็ยังตอบ ตอบความจริง เพราะว่าเขานั้นแสนจะไม่เข้าใจนิสัยผู้หญิงจริงๆ ในชีวิตนี้เขามีเพื่อนผู้หญิงแทบนับคนได้ แล้วทุกคนก็ไม่มีนิสัย หวงเพื่อนด้วย
“แต่ฉันเข้าใจ ฉันว่ามันน้อยใจ แต่ทำไมตอนนั้นฉันไม่พูดกับมันดีๆวะ” ชลนาเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า สิงห์ที่นั่งซ้อนหลัง ชะโงกหน้าเข้ามาดูสีหน้าของคนตัวเล็กข้างหน้า อยากจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นแล้วก็โยกหน้ากลับมาอยู่ทีเดิม