สิ่งที่จะเป็นของเรา สิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นใด สิ่งนั้นจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งนั้นจะต้องอยู่กับเราไปชั่วนิรันดร สิ่งนั้นจะต้องไม่ทำให้เราเป็นทุกข์
แต่มันมีอะไรบ้างที่ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น? มีอะไรบ้างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง? มีอะไรบ้างที่จะตั้งอยู่ไปชั่วนิรันดรได้? มีอะไรบ้างที่ไม่ทำให้เราเป็นทุกข์?
สิ่งต่างๆภายนอก เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ลูก สามีหรือภรรยา หรือคนที่เรารัก ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย สิ่งของทั้งหลาย และแม้เกียรติยศชื่อเสียง ก็ล้วนต้องขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งอยู่ไม่นาน และทำให้เราเป็นทุกข์ ซึ่งนี่แสดงว่า สิ่งต่างๆภายนอกทั้งหลายนี้ ไม่ใช่ของเรา
เมื่อมันไม่ใช่ของเรา แล้วเราไปหลงยึดมาเอามาเป็นของเราด้วยความรักหรือความพอใจ เมื่อสิ่งใดที่เรารักหรือชอบใจได้พลัดพรากจากเราไป เราจึงเกิดความเศร้าโศกหรือเสียใจ หรือเมื่อเราต้องประสบกับสิ่งที่เราไม่รักไม่ชอบใจ เราจึงเกิดความโกรธหรือเกลียดหรือกลัวหรือเบื่อหน่าย ซึ่งก็จะทำให้เราเกิดความเร่าร้อนทรมานใจหรือเครียด หรือไม่สบายใจ หรือเมื่อเราอยากจะได้สิ่งใดแล้วไม่ได้ตามที่เราอยาก เราก็จะเกิดความเสียใจ แห้งเหี่ยวใจ ตรอมใจ ซึ่งนี่คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาจากความยึดถือสิ่งต่างๆภายนอกว่าเป็นของเรา
แม้ร่างกายที่เรายึดถือว่าเป็นของเรามันก็ต้องขึ้นอยู่กับอาหาร น้ำ อุณหภูมิ อากาศ และสิ่งแวดล้อม และมันก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเราต้องบริหารมันด้วยความยากลำบากอยู่เสมอ และสุดท้ายไม่ช้าก็เร็ว มันก็ต้องแตกสลายหรรือตายไปในที่สุด ซึ่งนี่แสดงว่า แม้ร่างกายก็ไม่ใช่ของเราจริง ดังนั้นเมื่อเรามายึดเอาร่างกายว่าเป็นของเราด้วยความรักความพอใจ เมื่อมันแก่ มันเจ็บ หรือมันจะตาย เราจึงเกิดความเศร้าโศกหรือเสียใจอย่างมาก
แม้จิตใจที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรานี้ก็เหมือนกัน คือจิตใจก็ต้องอาศัยร่างกายและความทรงจำจากสมองมาปรุงแต่งหรือสร้างให้เกิดขึ้น อีกทั้งมันก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ รวมทั้งมันยังมีการเกิดและดับอยู่เสมอ ซึ่งนี่แสดงว่า แม้จิตใจที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรานี้ ก็ยังไม่ใช่ตัวเราจริง ดังนั้นเมื่อเรามายึดจิตใจว่าเป็นตัวเราด้วยความรักความพอใจ เมื่อจิตใจมันคิดนึกไปตามความเคยชินของมันซึ่งเราก็ไม่อยากให้มันคิด เราก็จึงเกิดความทุกข์ เมื่อเราอยากจะให้มันคิดหรือจำอะไรที่ดีๆ แต่มันก็ไม่ยอมคิดหรือจำ เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราอยากให้มันมีความสุข แต่มันไม่มีความสุข เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราไม่อยากมีความทุกข์ แต่มันก็เป็นทุกข์ เราก็ยิ่งเป็นทุกข์ เมื่อเราอยากจะไม่คิดฟุ้งซ่าน มันก็ฟุ้งซ่าน เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราอยากจะขยันอดทน อยากทำความดี อยากเป็นคนดี ไม่อยากทำชั่ว แต่มันก็เกียจคร้าน ไม่อดทน และชอบทำแต่สิ่งที่ชั่ว ฯลฯ เราก็เป็นทุกข์
สรุปได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งสิ่งทั้งหลายภายนอก ที่สมมติเรียกว่าเป็นตัวเรา-ของเรานี้ มันไม่ได้เป็นตัวเราและของเราจริงเลย ดังนั้นเมื่อเราโง่ไปหลงยึดถือเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ว่าเป็นตัวเรา-ของเราด้วยความรักความพอใจ จึงทำให้จิตใจที่สมมติเรียกว่าเป็นตัวเรานี้เกิดความทุกข์ แต่ถ้าเรามีปัญญาเพราะเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นตัวเรา-ของเราได้จริง รวมทั้งมีสมาธิอยู่ด้วย จิตก็จะคืนสิ่งทั้งหลายให้แก่ธรรมชาติไป คือไม่ยึดถือสิ่งทั้งหลายว่าเป็นตัวเรา-ของเรา เมื่อไม่มีความยึดถือ ก็ไม่มีทุกข์ เมื่อไม่มีทุกข์ มันก็สงบเย็นหรือนิพพาน (แม้เพียงชั่วคราว)
เตชปญฺโญ ภิกขุ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.WhatAmI.Net)
จงคืนสิ่งที่ไม่ใช่ของเราไปเสียจะได้ไม่ทุกข์
แต่มันมีอะไรบ้างที่ไม่ขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น? มีอะไรบ้างที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง? มีอะไรบ้างที่จะตั้งอยู่ไปชั่วนิรันดรได้? มีอะไรบ้างที่ไม่ทำให้เราเป็นทุกข์?
สิ่งต่างๆภายนอก เช่น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ลูก สามีหรือภรรยา หรือคนที่เรารัก ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย สิ่งของทั้งหลาย และแม้เกียรติยศชื่อเสียง ก็ล้วนต้องขึ้นอยู่กับสิ่งอื่น มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งอยู่ไม่นาน และทำให้เราเป็นทุกข์ ซึ่งนี่แสดงว่า สิ่งต่างๆภายนอกทั้งหลายนี้ ไม่ใช่ของเรา
เมื่อมันไม่ใช่ของเรา แล้วเราไปหลงยึดมาเอามาเป็นของเราด้วยความรักหรือความพอใจ เมื่อสิ่งใดที่เรารักหรือชอบใจได้พลัดพรากจากเราไป เราจึงเกิดความเศร้าโศกหรือเสียใจ หรือเมื่อเราต้องประสบกับสิ่งที่เราไม่รักไม่ชอบใจ เราจึงเกิดความโกรธหรือเกลียดหรือกลัวหรือเบื่อหน่าย ซึ่งก็จะทำให้เราเกิดความเร่าร้อนทรมานใจหรือเครียด หรือไม่สบายใจ หรือเมื่อเราอยากจะได้สิ่งใดแล้วไม่ได้ตามที่เราอยาก เราก็จะเกิดความเสียใจ แห้งเหี่ยวใจ ตรอมใจ ซึ่งนี่คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาจากความยึดถือสิ่งต่างๆภายนอกว่าเป็นของเรา
แม้ร่างกายที่เรายึดถือว่าเป็นของเรามันก็ต้องขึ้นอยู่กับอาหาร น้ำ อุณหภูมิ อากาศ และสิ่งแวดล้อม และมันก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเราต้องบริหารมันด้วยความยากลำบากอยู่เสมอ และสุดท้ายไม่ช้าก็เร็ว มันก็ต้องแตกสลายหรรือตายไปในที่สุด ซึ่งนี่แสดงว่า แม้ร่างกายก็ไม่ใช่ของเราจริง ดังนั้นเมื่อเรามายึดเอาร่างกายว่าเป็นของเราด้วยความรักความพอใจ เมื่อมันแก่ มันเจ็บ หรือมันจะตาย เราจึงเกิดความเศร้าโศกหรือเสียใจอย่างมาก
แม้จิตใจที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรานี้ก็เหมือนกัน คือจิตใจก็ต้องอาศัยร่างกายและความทรงจำจากสมองมาปรุงแต่งหรือสร้างให้เกิดขึ้น อีกทั้งมันก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ รวมทั้งมันยังมีการเกิดและดับอยู่เสมอ ซึ่งนี่แสดงว่า แม้จิตใจที่รู้สึกว่าเป็นตัวเรานี้ ก็ยังไม่ใช่ตัวเราจริง ดังนั้นเมื่อเรามายึดจิตใจว่าเป็นตัวเราด้วยความรักความพอใจ เมื่อจิตใจมันคิดนึกไปตามความเคยชินของมันซึ่งเราก็ไม่อยากให้มันคิด เราก็จึงเกิดความทุกข์ เมื่อเราอยากจะให้มันคิดหรือจำอะไรที่ดีๆ แต่มันก็ไม่ยอมคิดหรือจำ เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราอยากให้มันมีความสุข แต่มันไม่มีความสุข เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราไม่อยากมีความทุกข์ แต่มันก็เป็นทุกข์ เราก็ยิ่งเป็นทุกข์ เมื่อเราอยากจะไม่คิดฟุ้งซ่าน มันก็ฟุ้งซ่าน เราก็เป็นทุกข์ เมื่อเราอยากจะขยันอดทน อยากทำความดี อยากเป็นคนดี ไม่อยากทำชั่ว แต่มันก็เกียจคร้าน ไม่อดทน และชอบทำแต่สิ่งที่ชั่ว ฯลฯ เราก็เป็นทุกข์
สรุปได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งสิ่งทั้งหลายภายนอก ที่สมมติเรียกว่าเป็นตัวเรา-ของเรานี้ มันไม่ได้เป็นตัวเราและของเราจริงเลย ดังนั้นเมื่อเราโง่ไปหลงยึดถือเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ว่าเป็นตัวเรา-ของเราด้วยความรักความพอใจ จึงทำให้จิตใจที่สมมติเรียกว่าเป็นตัวเรานี้เกิดความทุกข์ แต่ถ้าเรามีปัญญาเพราะเข้าใจอย่างแจ่มชัดแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นตัวเรา-ของเราได้จริง รวมทั้งมีสมาธิอยู่ด้วย จิตก็จะคืนสิ่งทั้งหลายให้แก่ธรรมชาติไป คือไม่ยึดถือสิ่งทั้งหลายว่าเป็นตัวเรา-ของเรา เมื่อไม่มีความยึดถือ ก็ไม่มีทุกข์ เมื่อไม่มีทุกข์ มันก็สงบเย็นหรือนิพพาน (แม้เพียงชั่วคราว)
เตชปญฺโญ ภิกขุ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.WhatAmI.Net)