ชาวพุทธเกือบทั้งหมด ยังไม่เข้าใจเรื่องจิตเป็นอนัตตาอย่างถูกต้อง

คำว่า อัตตา แปลว่า ตน ซึ่งหมายถึง สิ่งที่เป็นตนเอง หรือตัวตนที่แท้จริง หรือตัวตนอมตะ ที่ไม่มีวันตายหรือดับหายไปอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะมีอะไรมาทำลาย หรือกาลเวลาจะผ่านไปสักเท่าใดก็ตาม  ซึ่งนี่เป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์ ที่สอนว่า จิตหรือวิญญาณของคนเรานี้เป็นอัตตา ที่เวียนว่ายตาย-เกิดได้เรื่อยไป ซึ่งก็ทำให้กิดความเชื่อเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์ บนฟ้า เทวดา นางฟ้า เป็นต้นขึ้นมา ซึ่งคำสอนนี้ก็ได้เข้ามาปลอมปนอยู่ในคำสอนของพุทธศาสนามาช้านานแล้วโดยชาวพุทธๆไม่รู้ตัว

ส่วนพระพุทธเจ้าจะสอนว่า จิต หรือ วิญญาณ ของคนเรานี้ ไม่ใช่อัตตา คือคำว่า อนัตตา แปลว่า ไม่ใช่อัตตา  คือเป็นการปฏิเสธว่า จิตหรือวิญญาณของคนเรานี้ ไม่ได้เป็นตัวตนอมตะอย่างที่พราหมณ์สอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีตัวตนเลยอย่างพวกนิรัตตา (นิรัตตา แปลว่า ไม่มีตัวตนเลย ซึ่งเป็นความเห็นผิดพวกอุจเฉททิฎฐิ ที่สอนว่าไม่มีบุญ ไม่มีบาป ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เป็นต้น แต่ถ้าเป็นความเห็นว่ามีตัวตนอมตะหรืออัตตา ก็เป็นความเห็นผิดพวกสัสสตทิฎฐิ)

พระพุทธเจ้าสอนว่า จิต หรือ วิญญาณ ของคนเรานี้ เป็นแค่เพียง "สังขาร" ที่หมายถึง สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากเหตุและปัจจัยเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมานี้ จึงเท่ากับว่าเป็นตัวตนเหมือนกับตัวตนอมตะด้วยเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ไม่ได้เป็นตัวตนอมตะเหมือนกับของศาสนามพราหมณ์เท่านั้น  และก็ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่มีตัวตนใดๆเลยเหมือนพวกอุจเฉททิฎฐิ ซึ่งจะเรียกอย่างสมมติว่าเป็นตัวตนชั่วคราว หรือ ตัวตนมายา หรือตัวตนสมมติก็ได้ ซึ่งตัวตนมายานี้เมื่อทำความดีก็จะเกิดผลเป็นความสุขใจ แต่เมื่อทำชั่วก็จะร้อนใจหรือย่างน้อยก็ไม่สบายใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่