หลักการออกแบบรธน จริงๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน มันเริ่มจากการตั้งใจทย์ว่า ใครเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย - กรณีรธนล่าสุด ทำไมถึงออกแบบให้คสช สามารถล้มนายกก็ได้ ล้มสภาปฏิรูปก็ได้ ให้คสช ไปถืออำนาจไขว้ในทุกองค์กรหลัก ก็เพราะ รธนนี้ตั้งโจทย์ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของ คสช และ ผู้อยู่เบื้องหลังคสช นั่นเองรวมทั้งเป็นการคานว่า จะไม่มีใครหักหลังคสช นั่นก็เพราะคสชรุ้ว่า ตัวเอง เองก็ไม่มั่นคง
จะมั่นคงได้ยังไง คนมีฝีมือ ไม่มีใครอยู่ฝั่งตัวเอง
คนที่อยู่ฝั่งคสช จนถึงรากจริงๆ มีแต่ไร้ความสามารถ จึงล้มเหลวทางการเมือง
เลยต้องนำเข้า คนจากทุกภาคส่วนแล้วใช้อำนาจเข้าคาน
ที่นี่ปัญหาคือ ในความเป็นจริง หลักการของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของปวงชน หมายถึงประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ มันมีความเป็นไปได้แค่ไหน ที่ รธน ที่มีรากฐานสันดานเผด็จการแบบนี้จะนำไปสู่ การกระจายอำนาจ คำตอบคือมันเป็นไม่ได้ ถึงแม้จะมีท่าทีแบบนั้นก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า วงจรนี้ วนมาที่เดินร่วมร้อยปีแล้ว พอแพ้เลือกตั้งหรือ รัฐบาลไม่รับใช้ทหาร ไม่ส่งส่วยให้ทหารมากเพียงพอ ก็เกิดการล้มล้างรธนอีก สุดท้าย มันไม่มีทางวิ่งไปสู้ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้เลย
เราไม่มีทางได้ ประชาธิปไตยที่แท้จริงอะไรนั่นหรอก เพราะ จุดเริ่มของมัน คือ ไม่ใเชื่ออำนาจประชาชนตั้งแต่แรก แล้วถามว่า สภาปฏิรูปละ ทำขึ้นมาเพราะอะไร ต้องไปทำความเข้าใจหลักการ การเมืองของอริสโตเติ้ล ซึ่งแบ่งชนชั้น ว่า ประชาชนเพียงกลุ่มเดียว ควรมีสิทธิทางการเมือง - การเมืองอริสโตเติ้ลนี่ก็ของล้าหลังเมื่อร้อยปีก่อน ที่สำนักพุทธพยายามนำมาปัดฝุ่นทำนอง การเมืองแบบพระพุทธเจ้า ลองไปทำความเข้า จึงจะเข้าใจว่า แนวทางหลังจากนี้ของคสช มีเพียงหนึ่งเดียว คือ สร้างระบบ การเมืองที่ ยังคานอำนาจประชาชน โดยชนชั้นนำของประเทศ หรือกลุ่มคนเพียงบางส่วนของประเทศ รวมทั้งลดทอนความสำคัญของ สิทธิและเสียงของประชาชนนั่นเอง และนั่นคือเหตผลว่าหลังจากนี้ทำไมสภาปฏิรูป ถึงมีหน้าตาคล้ายๆคนกลุ่มเดียวกันทั้งหมด และมีที่มาไม่ต่างกัน ก็คนกันเองทั้งนั้น ไม่ดึงคนกปปส ก็ดึงคนของประชาธิปปัตย์เข้ามาวนอยู่แคนี้
หัวใจที่ไม่มีทางเปลี่ยนคือ หลักการ คนไม่เท่าเทียมกันทางการเมือง
ดังนั้นประเทศไทย จึงไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยที่ ถือความเท่าเทียมกันทางกาเรมืองเป็นหลัก
- ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
สุดท้ายถ้าจัดเลือกตั้งใหม่ แล้ว ไม่ได้คนของ. "ท่าน. " และรัฐบาลประชาชน ไม่ยอมส่งส่วยให้ "ท่าน" อีก ก็จะมีเกมล้มกระดานแบบนี้ตลอดไป
ปล .มีคนสงสัยว่าทำไม พอ แม้วปูไปแล้ว ความสามานย์ในระบบยังคงอยู่ นั่นก็เพราะ นักการเมืองเป็นแค่ผู้ต่อรองผลประโยชน์เท่านั้น นักการเมืองชั้นเลวก็ปล่อยให้เรื่องเลวๆเข้าระบบมากหน่อยหักค่าคอม แต่ต้นตอจริงๆ มาจาก นายทุน ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการประจำ ระดับสูงที่ถือนโยบายระดับชาติ ซึ่งสุดท้ายก็วิ่งไปหาทุนอีกนั่นแหละ ดังน้นพอแม้วไป คนกลุ่มนี้ก็แค่เปลี่ยนคนต่อรอง เปลี่ยนคนรับค่าคอมคนใหม่ ปัญหาจึงไม่ได้หายไปไหนเลย
ไม่งั้นคงไม่มีการผลักดันแผนพลังงาน ขายสัมปทาน สร้างโรงไฟฟ้า เขื่อนแม่วงศ์ เรื่องเดิมๆ ของแม้ว จากคนใน เสียเองหรอก จนถึงวันนี้เรื่องราคาพลังงานเป็นยังไงบ้าง เพราะต้นตอนจริงๆของเรื่องมันมาจากคนในตั้งแต่แรกและวันนี้ สภา และครม เปิดโอกาสให้คนในเหล่านี้ขึ้นไปมีอำนาจเบ็ดเสร็จ และ อยู่ยืนยาว เพียง ประคบประหงมคสช
แล้วใครจะเห็นหัวประชาชน
ประชาธิปไตยที่แท้จริง เราจะทำตามสัญญา
หลอกหลวงสิ้นดี
การออกแบบรธน. กับรากปัญหาในสังคมไทย
จะมั่นคงได้ยังไง คนมีฝีมือ ไม่มีใครอยู่ฝั่งตัวเอง
คนที่อยู่ฝั่งคสช จนถึงรากจริงๆ มีแต่ไร้ความสามารถ จึงล้มเหลวทางการเมือง
เลยต้องนำเข้า คนจากทุกภาคส่วนแล้วใช้อำนาจเข้าคาน
ที่นี่ปัญหาคือ ในความเป็นจริง หลักการของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของปวงชน หมายถึงประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ มันมีความเป็นไปได้แค่ไหน ที่ รธน ที่มีรากฐานสันดานเผด็จการแบบนี้จะนำไปสู่ การกระจายอำนาจ คำตอบคือมันเป็นไม่ได้ ถึงแม้จะมีท่าทีแบบนั้นก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่า วงจรนี้ วนมาที่เดินร่วมร้อยปีแล้ว พอแพ้เลือกตั้งหรือ รัฐบาลไม่รับใช้ทหาร ไม่ส่งส่วยให้ทหารมากเพียงพอ ก็เกิดการล้มล้างรธนอีก สุดท้าย มันไม่มีทางวิ่งไปสู้ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้เลย
เราไม่มีทางได้ ประชาธิปไตยที่แท้จริงอะไรนั่นหรอก เพราะ จุดเริ่มของมัน คือ ไม่ใเชื่ออำนาจประชาชนตั้งแต่แรก แล้วถามว่า สภาปฏิรูปละ ทำขึ้นมาเพราะอะไร ต้องไปทำความเข้าใจหลักการ การเมืองของอริสโตเติ้ล ซึ่งแบ่งชนชั้น ว่า ประชาชนเพียงกลุ่มเดียว ควรมีสิทธิทางการเมือง - การเมืองอริสโตเติ้ลนี่ก็ของล้าหลังเมื่อร้อยปีก่อน ที่สำนักพุทธพยายามนำมาปัดฝุ่นทำนอง การเมืองแบบพระพุทธเจ้า ลองไปทำความเข้า จึงจะเข้าใจว่า แนวทางหลังจากนี้ของคสช มีเพียงหนึ่งเดียว คือ สร้างระบบ การเมืองที่ ยังคานอำนาจประชาชน โดยชนชั้นนำของประเทศ หรือกลุ่มคนเพียงบางส่วนของประเทศ รวมทั้งลดทอนความสำคัญของ สิทธิและเสียงของประชาชนนั่นเอง และนั่นคือเหตผลว่าหลังจากนี้ทำไมสภาปฏิรูป ถึงมีหน้าตาคล้ายๆคนกลุ่มเดียวกันทั้งหมด และมีที่มาไม่ต่างกัน ก็คนกันเองทั้งนั้น ไม่ดึงคนกปปส ก็ดึงคนของประชาธิปปัตย์เข้ามาวนอยู่แคนี้
หัวใจที่ไม่มีทางเปลี่ยนคือ หลักการ คนไม่เท่าเทียมกันทางการเมือง
ดังนั้นประเทศไทย จึงไม่มีทางเป็นประชาธิปไตยที่ ถือความเท่าเทียมกันทางกาเรมืองเป็นหลัก
- ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
สุดท้ายถ้าจัดเลือกตั้งใหม่ แล้ว ไม่ได้คนของ. "ท่าน. " และรัฐบาลประชาชน ไม่ยอมส่งส่วยให้ "ท่าน" อีก ก็จะมีเกมล้มกระดานแบบนี้ตลอดไป
ปล .มีคนสงสัยว่าทำไม พอ แม้วปูไปแล้ว ความสามานย์ในระบบยังคงอยู่ นั่นก็เพราะ นักการเมืองเป็นแค่ผู้ต่อรองผลประโยชน์เท่านั้น นักการเมืองชั้นเลวก็ปล่อยให้เรื่องเลวๆเข้าระบบมากหน่อยหักค่าคอม แต่ต้นตอจริงๆ มาจาก นายทุน ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้ง ข้าราชการประจำ ระดับสูงที่ถือนโยบายระดับชาติ ซึ่งสุดท้ายก็วิ่งไปหาทุนอีกนั่นแหละ ดังน้นพอแม้วไป คนกลุ่มนี้ก็แค่เปลี่ยนคนต่อรอง เปลี่ยนคนรับค่าคอมคนใหม่ ปัญหาจึงไม่ได้หายไปไหนเลย
ไม่งั้นคงไม่มีการผลักดันแผนพลังงาน ขายสัมปทาน สร้างโรงไฟฟ้า เขื่อนแม่วงศ์ เรื่องเดิมๆ ของแม้ว จากคนใน เสียเองหรอก จนถึงวันนี้เรื่องราคาพลังงานเป็นยังไงบ้าง เพราะต้นตอนจริงๆของเรื่องมันมาจากคนในตั้งแต่แรกและวันนี้ สภา และครม เปิดโอกาสให้คนในเหล่านี้ขึ้นไปมีอำนาจเบ็ดเสร็จ และ อยู่ยืนยาว เพียง ประคบประหงมคสช
แล้วใครจะเห็นหัวประชาชน
ประชาธิปไตยที่แท้จริง เราจะทำตามสัญญา
หลอกหลวงสิ้นดี