นับว่า น่าฉงนสนเท่ห์ อยู่พอสมควร กับพฤติกรรมอันไม่ปกติ ของ ล็อกอิน คันโตนาซี ที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ ที่ผ่านมา
กล่าวคือ แรกเริ่ม มันก็ จีบปากจีบคอ เอ่ยอ้างว่า ขออภัย ที่กล่าวล่วงเกิน ท่านพุทธทาส ด้วยคำไม่เหมาะสม
จากนั้น ก็อ้างว่า จะเรียกท่านพุทธทาส ด้วยคำว่า เดียรถีย์พุทธทาส เพื่อเป็นการ ให้เกียรติ และ ยกย่อง !
เมื่อผมได้ทราบความทั้งหมดแล้ว จึงกล่าว ติเตียน บุรุษเปล่าผู้นั้น อย่างตรงไปตรงมาว่า .......
พฤติกรรม น่าละอาย
เลว ได้ ถ้วย จริงๆ
ถึงตอนนี้ ล็อกอิน คันโตนาซี ก็เข้ามา "ทวง" การขออภัย หรือ ขอขมา ในทันที
ประเด็นปัญหา ก็คือ คนอย่างผม(จ้าวนครเมฆขาว) จักต้องขอขมา มัน ด้วยเหตุอะไร มิทราบ ?
ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ ที่คนเราย่อมจะมีความผิดพลาดกันได้
ซึ่งเมื่อผิดไปแล้ว พลาดไปแล้ว ก็ขอโทษ ขออภัยกันไป เรื่องราวก็น่าจะจบลงด้วยดี
จริงไหม ?
ในเมื่อ คันโตนาซี ต้องการให้ผมขอโทษ นั่นย่อมหมายความว่า คำตำหนิ ดังกล่าวของผม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็เพียงแค่ถามย้ำกับ คันโตนาซี ว่า ตามที่มันอ้างว่าจะเรียก ท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ นั้น
เป็นการเรียกโดยการอ้างอิงตามความหมายจากอรรถกถา ซึ่งมัน สะเออะ ยกหลักฐานของผมมาใช้อ้าง ใช่หรือไม่ ?
เพราะถ้า มันกล่าวยืนยันว่า จะเรียกท่านพุทธทาสว่า เดียรถีย์ ตามความหมายจากหลักฐานที่อ้าง
นั่นย่อมเท่ากับว่า ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ผิดจริง ก็ต้องกล่าวขอโทษเขา
แต่หากว่า มันไม่กล้ายืนยัน ตามหลักฐานที่ยกขึ้นอ้าง ก็ย่อมหมายความว่า คันโตนาซี มิได้มีเจตนา
จะเรียก ท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ ตามความหมาย จากหลักฐานที่อ้างถึงจริง ซึ่งระบุว่า
เดียรถีย์ ในที่นี้ หมายถึง ........
(๑) ภิกษุที่เป็นเถระ
(๒) เป็นพหูสูต
(๓) เป็นผู้รู้หลัก
(๔) ทรงธรรม
(๕) ทรงวินัย
(๖) ทรงมาติกา
ถ้าหากเป็นกรณีเช่นนี้ แล้วจะให้ผม ไปขอโทษมันด้วยเรื่องอะไร กันเล่า
หรือมิใช่ ?
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ ปรากฏว่า คันโตนาซี ออกอาการ แถกแถ อย่างเห็นได้ชัด
กล่าวคือ มันไม่กล้า กล่าวยืนยันอย่างตรงไปตรงมา ได้แต่ หลบเลี่ยง แถกแถ ฝลัดกระทู้ไปมา อยู่นานสองนาน
และในท้ายที่สุด "หวย" ก็มาลงตรงที่ การ ด่าทอให้ร้าย ท่านพุทธทาส เพื่อระบายอารมณ์ชั่วๆ ของมัน อีกจนได้
ถ้าวิญญูชนทั้งหลาย ยังไม่ลืมเลือนไปเสียก่อน ย่อมรำลึกได้ว่า
ในเบื้องต้นนั้น คันโตนาซี อ้างว่า จะเรียกท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และ ยกย่อง
แต่ในท้ายกระทู้ มันกลับมา ด่าทอ ใส่ร้าย ท่านพุทธทาส เป็นวรรค เป็นเวร !
นี่คือ การให้เกียรติ นี่คือ การยกย่อง อย่างนั้นหรือครับ ?
ที่บ้านของ คันโตนาซี เคยยกย่อง บรรพบุรุษ ด้วยการ ผรุสวาท ว่า "หน้าด้าน" อย่างนั้นหรือครับ ?
ประเด็นนี้ คันโตนาซี ต้องตอบให้ชัดเจนนะครับ
เพราะถ้า คันโตนาซี เคยยกย่องบรรพบุรุษของตนเองด้วยคำว่า "หน้าด้าน" จริงๆ
นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ผม(จ้าวนครเมฆขาว) เข้าใจ คันโตนาซี ผิดไป จึงสมควรกล่าวขอโทษ
แต่ถ้าหากว่า คันโตนาซี มิได้เคยยกย่องให้เกียรติ บรรพบุรุษของแกเอง ด้วยคำว่า "หน้าด้าน" มาก่อน
ผมก็ย่อมต้องพิจารณาเหตุผลต่างๆ ตามหลักการปกติของสังคม ซึ่งย่อมไม่มีเหตุอันใดเลย
ที่คนอย่างผม(จ้าวนครเมฆขาว) จะต้องไปขอโทษคนที่มีพฤติกรรมชั่วๆ อย่างแก และพวก
จริงไหมครับ ?
********************************************************************************
แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ สามารถอธิบายอะไรได้บ้าง ?
มันก็สามารถอธิบายได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว การตั้งกระทู้ขอขมาของ คันโตนาซี มันก็เป็นเพียงแค่การ เสแสร้ง
สร้างภาพ และวางกับดัก เพื่อหวังจะหลอกด่าพระ เหมือนอย่างที่มันและพวกเคยทำกันมาโดยตลอดนั่นแหละ
ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริง ผมเห็นว่า ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะมองไม่ออก ในอุบายชั่วของมันผู้นั้น
แต่ที่ผู้คนเขาไม่ใส่ใจ ก็เนื่องจาก เขารู้สึก "ขยะแขยง" พวกมัน เสียมากกว่า !
สิ่งที่ท่านทั้งหลาย พึงสังเกตให้ดีๆ ก็คือ ในทันทีที่ผมกล่าวตำหนิ ติเตียน มัน
มันก็รีบเข้ามา เรียกร้องให้ผมกล่าวขอโทษ มัน ในทันที
คำถาม ก็คือ ทั้งๆ ที่มันก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า มันมิได้คิดยกย่องให้เกียรติ ท่านพุทธทาส ด้วยจิตบริสุทธิ์
ซึ่งการคิด "หลอกลวง" ผู้อื่น ด้วยแผนชั่ว ก็นับว่า เลว มากพออยู่แล้ว
แต่นี่มันถึงขั้น จะหลอกลวงตนเอง เสียด้วยอีกชั้นหนึ่งว่า ฉัน(คันโตนาซี) เป็นคนดี ฉันมิได้ทำผิดอะไร
พร้อมๆ กับพยายาม ร้องคร่ำครวญ ฟ้องคนทั้งโลกว่า มันกำลังถูกผู้อื่นว่าร้าย รังแก ทั้งๆ ที่มันมิได้ทำผิดอะไร
ผมเห็นว่า พฤติกรรม ในลักษณะนี้ มันถึงขั้น คนเป็นโรคจิตประสาท แล้วนะครับ !
ดังนั้น แทนที่จะมาเสียเวลาฝลัดกระทู้ด่าพระ ควรใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ ไปพบ(จิต)แพทย์เสียบ้าง น่าจะเกิดผลดีมากกว่า
**************************************************************************
บางท่าน อาจสงสัยว่า เพียงแค่ผม ขอให้ คันโตนาซี กล่าวยืนยัน "หลักฐาน" ที่เป็นถ้อยคำของอรรถกถาจารย์
แล้วเหตุใด มันจึงกลายเป็น ประเด็นปัญหา ที่ คันโตนาซี ไม่กล้า ที่จะกล่าวยืนยันตรงๆ อย่างลูกผู้ชาย ไปเสียได้ ?
ขออนุญาต อธิบายว่า เหตุที่เป็นดังนั้น ก็เพราะ ในเบื้องแรก คันโตนาซี มันคิดแบบ ศรีธนนชัย ว่า
จะหลอกด่า ท่านพุทธทาส ว่าเป็น เดียรถีย์(ในความหมายว่า พวกมิจฉาทิฐิ) โดยอ้างหลักฐาน ที่ผมใช้อธิบายความ
ว่า เดียรถีย์ เป็นคำกลางๆ ในสมัยพุทธกาล มิได้ใช้เป็นคำด่า แต่หมายถึง เจ้าลัทธิ หรือ ศาสดา ฯลฯ
แต่เมื่อถูกถามกลับว่า คันโตนาซี ยังจะยืนยันว่า ท่านพุทธทาส เป็น เดียรถีย์
ตามความหมายของอรรถกถาจารย์ ที่มันยกขึ้นอ้าง ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า ........
เดียรถีย์ หมายถึง ภิกษุผู้เป็นพหูสูต
โดยที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัส ภิกษุนี้ว่า หมายถึง ........
(๑) ภิกษุที่เป็นเถระ
(๒) เป็นพหูสูต
(๓) เป็นผู้รู้หลัก
(๔) ทรงธรรม
(๕) ทรงวินัย
(๖) ทรงมาติกา
ใช่หรือไม่ ?
แน่นอนว่า เมื่อถามเอาตรงๆ แบบนี้ คันโตนาซี ย่อมมิอาจตอบอะไรได้อย่างเต็มปากนัก เพราะ .......
(๑) ถ้าหากตอบว่า ไม่ยืนยัน ก็เท่ากับมันกำลัง ฉีกหน้ากาก ของตนเองในที่สาธารณะว่า
ไอ้ที่เคยกล่าวว่า จะเรียกท่านพุทธทาสว่า เดียรถีย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และ ยกย่อง นั้นเป็นการกล่าวเท็จ มาแต่แรก
(๒) แต่ถ้ามันตอบว่า ยืนยัน นั่นจะเท่ากับมัน กล่าวยอมรับเอง ในที่สาธารณะว่า แท้ที่จริงแล้ว
ท่านพุทธทาส ย่อมเป็น ภิกษุที่เป็นเถระ เป็นพหูสูต เป็นผู้รู้หลัก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ตามพระพุทธดำรัส ไปในทันที
ซึ่งนี่ย่อมมิใช่ สิ่งที่มันและพวก ต้องการ (หรือมิใช่ ?)
และทั้งหมดนี้ ก็คือ ความเงิบ ของ ล็อกอิน คันโตนาซี ที่ สะเออะ ตั้งกระทู้ด่าพระ แต่สุดท้ายกลับ อาจมแตก คากระทู้ตัวเอง
ยังผลให้ต้องด้านหน้า ฝลัดกระทู้(ของตนเอง) เพื่อกลบเกลื่อน ความเงิบ ด้วยอาการ เซื่องซึม ไม่ต่างไปจาก หมาป่วย นั้นแล ฯ
สุดท้ายนี้ ถ้าหาก คันโตนาซี ยังต้องการให้ผมกล่าวคำขอโทษ
ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อง สะสาง ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า อะไรผิด อะไรถูก
แต่ถ้าหาก คันโตนาซี ยังไม่สามารถกล่าวยืนยัน ข้อเท็จจริงใดๆ ได้เลย แม้กระทั่งคำพูดของตนเอง
ก็คงป่วยการ ที่ คันโตนาซี จะมาร้องร่ำคร่ำครวญ "ขอ" อะไรๆ จากผู้อื่น นะครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถ เข้าใจ ได้ตามสมควร
สวัสดี
ตบหัวกลางศาลา ขอขมาที่บ้าน (รึเปล่า ?)
กล่าวคือ แรกเริ่ม มันก็ จีบปากจีบคอ เอ่ยอ้างว่า ขออภัย ที่กล่าวล่วงเกิน ท่านพุทธทาส ด้วยคำไม่เหมาะสม
จากนั้น ก็อ้างว่า จะเรียกท่านพุทธทาส ด้วยคำว่า เดียรถีย์พุทธทาส เพื่อเป็นการ ให้เกียรติ และ ยกย่อง !
เมื่อผมได้ทราบความทั้งหมดแล้ว จึงกล่าว ติเตียน บุรุษเปล่าผู้นั้น อย่างตรงไปตรงมาว่า .......
พฤติกรรม น่าละอาย
เลว ได้ ถ้วย จริงๆ
ถึงตอนนี้ ล็อกอิน คันโตนาซี ก็เข้ามา "ทวง" การขออภัย หรือ ขอขมา ในทันที
ประเด็นปัญหา ก็คือ คนอย่างผม(จ้าวนครเมฆขาว) จักต้องขอขมา มัน ด้วยเหตุอะไร มิทราบ ?
ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ ที่คนเราย่อมจะมีความผิดพลาดกันได้
ซึ่งเมื่อผิดไปแล้ว พลาดไปแล้ว ก็ขอโทษ ขออภัยกันไป เรื่องราวก็น่าจะจบลงด้วยดี
จริงไหม ?
ในเมื่อ คันโตนาซี ต้องการให้ผมขอโทษ นั่นย่อมหมายความว่า คำตำหนิ ดังกล่าวของผม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็เพียงแค่ถามย้ำกับ คันโตนาซี ว่า ตามที่มันอ้างว่าจะเรียก ท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ นั้น
เป็นการเรียกโดยการอ้างอิงตามความหมายจากอรรถกถา ซึ่งมัน สะเออะ ยกหลักฐานของผมมาใช้อ้าง ใช่หรือไม่ ?
เพราะถ้า มันกล่าวยืนยันว่า จะเรียกท่านพุทธทาสว่า เดียรถีย์ ตามความหมายจากหลักฐานที่อ้าง
นั่นย่อมเท่ากับว่า ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ผิดจริง ก็ต้องกล่าวขอโทษเขา
แต่หากว่า มันไม่กล้ายืนยัน ตามหลักฐานที่ยกขึ้นอ้าง ก็ย่อมหมายความว่า คันโตนาซี มิได้มีเจตนา
จะเรียก ท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ ตามความหมาย จากหลักฐานที่อ้างถึงจริง ซึ่งระบุว่า
เดียรถีย์ ในที่นี้ หมายถึง ........
(๑) ภิกษุที่เป็นเถระ
(๒) เป็นพหูสูต
(๓) เป็นผู้รู้หลัก
(๔) ทรงธรรม
(๕) ทรงวินัย
(๖) ทรงมาติกา
ถ้าหากเป็นกรณีเช่นนี้ แล้วจะให้ผม ไปขอโทษมันด้วยเรื่องอะไร กันเล่า
หรือมิใช่ ?
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ ปรากฏว่า คันโตนาซี ออกอาการ แถกแถ อย่างเห็นได้ชัด
กล่าวคือ มันไม่กล้า กล่าวยืนยันอย่างตรงไปตรงมา ได้แต่ หลบเลี่ยง แถกแถ ฝลัดกระทู้ไปมา อยู่นานสองนาน
และในท้ายที่สุด "หวย" ก็มาลงตรงที่ การ ด่าทอให้ร้าย ท่านพุทธทาส เพื่อระบายอารมณ์ชั่วๆ ของมัน อีกจนได้
ถ้าวิญญูชนทั้งหลาย ยังไม่ลืมเลือนไปเสียก่อน ย่อมรำลึกได้ว่า
ในเบื้องต้นนั้น คันโตนาซี อ้างว่า จะเรียกท่านพุทธทาส ว่า เดียรถีย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และ ยกย่อง
แต่ในท้ายกระทู้ มันกลับมา ด่าทอ ใส่ร้าย ท่านพุทธทาส เป็นวรรค เป็นเวร !
นี่คือ การให้เกียรติ นี่คือ การยกย่อง อย่างนั้นหรือครับ ?
ที่บ้านของ คันโตนาซี เคยยกย่อง บรรพบุรุษ ด้วยการ ผรุสวาท ว่า "หน้าด้าน" อย่างนั้นหรือครับ ?
ประเด็นนี้ คันโตนาซี ต้องตอบให้ชัดเจนนะครับ
เพราะถ้า คันโตนาซี เคยยกย่องบรรพบุรุษของตนเองด้วยคำว่า "หน้าด้าน" จริงๆ
นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ผม(จ้าวนครเมฆขาว) เข้าใจ คันโตนาซี ผิดไป จึงสมควรกล่าวขอโทษ
แต่ถ้าหากว่า คันโตนาซี มิได้เคยยกย่องให้เกียรติ บรรพบุรุษของแกเอง ด้วยคำว่า "หน้าด้าน" มาก่อน
ผมก็ย่อมต้องพิจารณาเหตุผลต่างๆ ตามหลักการปกติของสังคม ซึ่งย่อมไม่มีเหตุอันใดเลย
ที่คนอย่างผม(จ้าวนครเมฆขาว) จะต้องไปขอโทษคนที่มีพฤติกรรมชั่วๆ อย่างแก และพวก
จริงไหมครับ ?
********************************************************************************
แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ สามารถอธิบายอะไรได้บ้าง ?
มันก็สามารถอธิบายได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว การตั้งกระทู้ขอขมาของ คันโตนาซี มันก็เป็นเพียงแค่การ เสแสร้ง
สร้างภาพ และวางกับดัก เพื่อหวังจะหลอกด่าพระ เหมือนอย่างที่มันและพวกเคยทำกันมาโดยตลอดนั่นแหละ
ซึ่งถ้าจะว่ากันตามจริง ผมเห็นว่า ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะมองไม่ออก ในอุบายชั่วของมันผู้นั้น
แต่ที่ผู้คนเขาไม่ใส่ใจ ก็เนื่องจาก เขารู้สึก "ขยะแขยง" พวกมัน เสียมากกว่า !
สิ่งที่ท่านทั้งหลาย พึงสังเกตให้ดีๆ ก็คือ ในทันทีที่ผมกล่าวตำหนิ ติเตียน มัน
มันก็รีบเข้ามา เรียกร้องให้ผมกล่าวขอโทษ มัน ในทันที
คำถาม ก็คือ ทั้งๆ ที่มันก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า มันมิได้คิดยกย่องให้เกียรติ ท่านพุทธทาส ด้วยจิตบริสุทธิ์
ซึ่งการคิด "หลอกลวง" ผู้อื่น ด้วยแผนชั่ว ก็นับว่า เลว มากพออยู่แล้ว
แต่นี่มันถึงขั้น จะหลอกลวงตนเอง เสียด้วยอีกชั้นหนึ่งว่า ฉัน(คันโตนาซี) เป็นคนดี ฉันมิได้ทำผิดอะไร
พร้อมๆ กับพยายาม ร้องคร่ำครวญ ฟ้องคนทั้งโลกว่า มันกำลังถูกผู้อื่นว่าร้าย รังแก ทั้งๆ ที่มันมิได้ทำผิดอะไร
ผมเห็นว่า พฤติกรรม ในลักษณะนี้ มันถึงขั้น คนเป็นโรคจิตประสาท แล้วนะครับ !
ดังนั้น แทนที่จะมาเสียเวลาฝลัดกระทู้ด่าพระ ควรใช้เวลาเท่าที่มีอยู่ ไปพบ(จิต)แพทย์เสียบ้าง น่าจะเกิดผลดีมากกว่า
**************************************************************************
บางท่าน อาจสงสัยว่า เพียงแค่ผม ขอให้ คันโตนาซี กล่าวยืนยัน "หลักฐาน" ที่เป็นถ้อยคำของอรรถกถาจารย์
แล้วเหตุใด มันจึงกลายเป็น ประเด็นปัญหา ที่ คันโตนาซี ไม่กล้า ที่จะกล่าวยืนยันตรงๆ อย่างลูกผู้ชาย ไปเสียได้ ?
ขออนุญาต อธิบายว่า เหตุที่เป็นดังนั้น ก็เพราะ ในเบื้องแรก คันโตนาซี มันคิดแบบ ศรีธนนชัย ว่า
จะหลอกด่า ท่านพุทธทาส ว่าเป็น เดียรถีย์(ในความหมายว่า พวกมิจฉาทิฐิ) โดยอ้างหลักฐาน ที่ผมใช้อธิบายความ
ว่า เดียรถีย์ เป็นคำกลางๆ ในสมัยพุทธกาล มิได้ใช้เป็นคำด่า แต่หมายถึง เจ้าลัทธิ หรือ ศาสดา ฯลฯ
แต่เมื่อถูกถามกลับว่า คันโตนาซี ยังจะยืนยันว่า ท่านพุทธทาส เป็น เดียรถีย์
ตามความหมายของอรรถกถาจารย์ ที่มันยกขึ้นอ้าง ซึ่งระบุอย่างชัดเจนว่า ........
เดียรถีย์ หมายถึง ภิกษุผู้เป็นพหูสูต
โดยที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัส ภิกษุนี้ว่า หมายถึง ........
(๑) ภิกษุที่เป็นเถระ
(๒) เป็นพหูสูต
(๓) เป็นผู้รู้หลัก
(๔) ทรงธรรม
(๕) ทรงวินัย
(๖) ทรงมาติกา
ใช่หรือไม่ ?
แน่นอนว่า เมื่อถามเอาตรงๆ แบบนี้ คันโตนาซี ย่อมมิอาจตอบอะไรได้อย่างเต็มปากนัก เพราะ .......
(๑) ถ้าหากตอบว่า ไม่ยืนยัน ก็เท่ากับมันกำลัง ฉีกหน้ากาก ของตนเองในที่สาธารณะว่า
ไอ้ที่เคยกล่าวว่า จะเรียกท่านพุทธทาสว่า เดียรถีย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และ ยกย่อง นั้นเป็นการกล่าวเท็จ มาแต่แรก
(๒) แต่ถ้ามันตอบว่า ยืนยัน นั่นจะเท่ากับมัน กล่าวยอมรับเอง ในที่สาธารณะว่า แท้ที่จริงแล้ว
ท่านพุทธทาส ย่อมเป็น ภิกษุที่เป็นเถระ เป็นพหูสูต เป็นผู้รู้หลัก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ตามพระพุทธดำรัส ไปในทันที
ซึ่งนี่ย่อมมิใช่ สิ่งที่มันและพวก ต้องการ (หรือมิใช่ ?)
และทั้งหมดนี้ ก็คือ ความเงิบ ของ ล็อกอิน คันโตนาซี ที่ สะเออะ ตั้งกระทู้ด่าพระ แต่สุดท้ายกลับ อาจมแตก คากระทู้ตัวเอง
ยังผลให้ต้องด้านหน้า ฝลัดกระทู้(ของตนเอง) เพื่อกลบเกลื่อน ความเงิบ ด้วยอาการ เซื่องซึม ไม่ต่างไปจาก หมาป่วย นั้นแล ฯ
สุดท้ายนี้ ถ้าหาก คันโตนาซี ยังต้องการให้ผมกล่าวคำขอโทษ
ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้อง สะสาง ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า อะไรผิด อะไรถูก
แต่ถ้าหาก คันโตนาซี ยังไม่สามารถกล่าวยืนยัน ข้อเท็จจริงใดๆ ได้เลย แม้กระทั่งคำพูดของตนเอง
ก็คงป่วยการ ที่ คันโตนาซี จะมาร้องร่ำคร่ำครวญ "ขอ" อะไรๆ จากผู้อื่น นะครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถ เข้าใจ ได้ตามสมควร
สวัสดี