ขออนุญาตแสดงความเห็น ต่อกรณีที่ สมาชิกท่านหนึ่ง ตั้งประเด็นคำถามขึ้นว่า
ถ้าหาก โสดาบัน สมมุติชื่อว่า เอ ตาย แล้วไปเกิดเป็นคนชื่อ บี
คำถามก็คือ นายบี จักเป็น โสดาบัน ทันทีที่เกิด เลยหรือไม่ ?
ประเด็นที่ ๑ หลักฐานชั้นพุทธพจน์ เรื่องการไปเกิด
สิ่งแรกที่ท่านทั้งหลาย พึงเข้าใจตามความเป็นจริง ก็คือ ไม่มีหลักฐานในชั้นพุทธพจน์ ที่ระบุว่า โสดาบัน ตายแล้ว
ไปเกิดเป็น โสดาบัน ในทันทีที่เกิด ดังนั้น ถ้าท่านผู้ใด เข้าใจว่า ตนพบหลักฐานดังกล่าวนี้ ขอให้จงนำมาแสดงโดยพลัน !
ทีนี้ ก็มีบางคน เขาไปยกหลักฐานจาก อภิธรรมปิฎกมาอ้าง(หรือแม้จากพระสูตร) แต่ถึงที่สุดแล้ว หลักฐานดังกล่าว ก็ระบุเอาไว้แต่เพียงว่า
(๑) โสดาบัน จะท่องเที่ยวไปใน เทวดาและมนุษย์ ๗ ชาติ
(๒) โสดาบัน จะท่องเที่ยวไปสู่ตระกูล ๒ หรือ ๓
(๓) โสดาบัน จะเกิดในภพมนุษย์อีกครั้งเดียว
กล่าวโดยสรุป ก็คือ ข้อความเหล่านั้น เพียงแต่กล่าวว่า จะไปเกิดเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา
แต่มิได้ระบุเอาไว้ตรงไหนเลยว่า จักเกิดเป็น มนุษย์โสดาบัน หรือ เทวดาโสดาบัน !
หรือมิใช่
แต่ที่น่าขันปนสมเพช ก็คือ เหตุผลที่คนพวกนี้ มักนำมาใช้อ้าง ก็คือ อริยบุคคล ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
ทั้งนี้ การอ้างหลักฐาน ก็ยังเป็นการอ้างแบบ นกแก้ว&นกขุนทอง กล่าวคือ มิได้มีความเข้าใจในสิ่งที่ยกขึ้นอ้าง
หรืออย่างน้อย ก็สมควรได้รับคำตำหนิว่า สักแต่ว่ายกขึ้นมาอ้าง โดยที่มิได้อ่านให้ละเอียด เสียก่อน ตัวอย่างเช่น
การยกข้อความจาก อภิธรรมปิฎกขึ้นอ้าง ในประเด็น ธรรมอันไม่เสื่อมของอริยบุคคลนี้
หากท่านทั้งหลาย จะสังเกตให้มากขึ้นสักนิด ก็จะพบว่า ข้อความดังกล่าว ระบุอย่างชัดเจนถึง ......
"บุคคลบางคน ........ ในโลกนี้"
ชัดเจนไหมครับว่า ที่กล่าวว่า ไม่เสื่อมๆ นั้นหมายถึง เฉพาะบุคคลในโลกนี้
มิได้เลยเถิด ข้ามภพข้ามชาติถึงโลกหน้า อย่างที่คนบางกลุ่มบางพวก เข้าใจผิดไป
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ประเด็นนี้ ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก นะครับ
เพราะเมื่อเรากลับไป พิจารณา พุทธพจน์ จากพระสูตรให้แยบคายขึ้นอีกสักนิด
จะพบว่า ที่เรียกกันว่า โสดาบันๆ นี้ พระพุทธเจ้าทรงหมายถึง ..........
(๑) ผู้ที่ประกอบด้วย อริยมรรคมีองค์ ๘
(๒) มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้
จากพุทธพจน์ในส่วนนี้ ก็ชัดเจนนี่ครับว่า คำว่าโสดาบันนี้ เป็นเพียงแค่ สมมุติบัญญัติ หนึ่งๆ
ที่ใช้สมมุติเรียกเฉพาะแก่ บุคคลหนึ่งๆ ในโลกนี้เท่านั้น ....... (สมมุติ เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ครับ ?)
*************************************************************
กลับมาสู่ คำถาม ของสมาชิกผู้นั้น กันอีกสักครั้งหนึ่ง นะครับ
(๑) โสดาบัน เอ ตาย
(๒) ไปเกิดเป็น นาย บี
(๓) นาย บี จักเป็น โสดาบัน ในทันทีที่เกิด หรือไม่ ?
สิ่งที่ท่านทั้งหลายพึงพิจารณาให้จงหนัก ก็คือ
(๑) ท่านทั้งหลาย เข้าใจว่า โสดาบันบัน เอ เป็นผู้กระทำ โสดาปัตติมรรค และ โสดาปัตติผล ให้เกิดขึ้น ใช่หรือไม่ ?
(๒) ปัญหา ที่ต้องพิจารณา ก็คือ ท่านทั้งหลาย เข้าใจว่า โสดาบัน เอ กับ นาย บี เป็น บุคคล คนเดียวกัน หรือเปล่า ?
ถ้าท่านเข้าใจว่า .............
(๑) โสดาบัน เอ เป็นคนๆ เดียวกันกับ นาย บี .............. กรณีนี้ ท่านเป็น สัสสตทิฐิ
(๒) โสดาบัน เอ เป็นคนละคนกันกับ นาย บี .............. กรณีนี้ ท่านเป็น อุจเฉททิฐิ
เหตุที่เป็นดังนั้น ก็เพราะว่า ถ้าท่านเข้าใจ(ผิด)ว่า โสดาบัน เอ เป็นคนๆเดียวกับ นาย บี
ก็แปลว่า ท่านเห็นว่ามีอะไรสักอย่าง เที่ยงแท้ถาวร ข้ามภพข้ามชาติได้ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของพวก สัสสตทิฐิ
แต่ถ้าท่านเข้าใจ(ผิด)ว่า โสดาบัน เอ ก็คนหนึ่ง นาย บี ก็เป็นอีกคนหนึ่ง
นั่นหมายถึง ท่านกำลังกล่าวว่า นาย บี ได้รับผล ที่ตนเอง มิได้เป็นผู้กระทำ
ส่วน โสดาบัน เอ ผู้กระทำ กลับมิได้รับผลอะไร (เนื่องจากขาดสูญไปแล้ว หลังตาย)
อย่างนี้ เป็นความเชื่อในฝ่าย อุจเฉททิฐิ !
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็น มิจฉาทิฐิ(สุดโต่ง) ทั้งสิ้น ไม่มีส่วนที่เป็น สัมมาทิฐิ เลยนะครับ
อธิบายแบบนี้ บางท่านอาจไม่พอใจว่า ซ้ายก็ผิด ขวาก็ผิด แล้วจะให้พูดอย่างไร กล่าวอย่างไร จึงจะถูกต้อง
หรือไม่ ก็อาจพาลไปว่า ถ้าหากไม่สามารถ "หอบหิ้ว" โสดาบัน ข้ามภพข้ามชาติได้ แล้วจะปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ?
ขออนุญาต อธิบายความ ดังนี้ว่า แนวทางการอธิบาย มีอยู่ครับ
แต่ต้องตัด สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ออกไปจากคำอธิบายเสียก่อน
เพราะตราบเท่าที่ยังมี สัตว์ บุคคล ฯลฯ อยู่ คำอธิบายใดๆ ก็ตาม ย่อมไม่อาจพ้นจาก มิจฉาทิฐิ ไปได้เลย
เข้าใจไหมครับ ?
*************************************************************
เราลองมาพิจารณา คำอธิบายของ พระเถระ กันบ้าง นะครับ
ท่านอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ เอาไว้ว่า .......
(๑) พระอริยบุคคล ๒ ประเภทเบื้องต้น ตายแล้วไปเกิดใหม่ ไม่ได้เป็น พระอริยบุคคล เป็นปุถุชน
(๒) ไม่มีพ่อพระอริยเจ้า แม่พระอริยเจ้าก็ไม่มี .... ฯ มีแต่ แม่ปุถุชน เหตุนั้นจึงมาเกิดเป็น ปุถุชน
ท่านอาจารย์เทสก์ ท่านก็เป็นพระมหาเถระ เหมือนกันกับ ท่านพุทธทาส นั่นแหละ
และสิ่งที่ท่านกล่าวอธิบายไว้ ก็ไม่มีความแตกต่างอันใดกับคำของ ท่านพุทธทาส ที่ระบุว่า
โสดาบัน มันหอบหิ้วข้ามภพข้ามชาติไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว มันจะกลายเป็น โสดาบัน กันตั้งแต่อยู่ในท้อง !
ทีนี้ พวก แก๊งส์ เม็ดมะขาม ในโต๊ะศาสนาพันทิพ เขามีความพิเศษกว่า ชาวพุทธทั่วไป ก็คือ
แม้ว่าเขาเหล่านั้น จะเป็นเพียงแค่ ปุถุชนผู้บริโภคกาม ที่อ่อนปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็จริง
แต่เขาก็คิด(เอาเอง)ว่า ความเข้าใจของพวกเขา ที่มีต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า นั้นถูกต้อง
ยิ่งไปเสียกว่า พระเถรานุเถระ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสมมุติเรียก(ด้วยอุปาทาน) ว่าพระป่า หรือ พระบ้าน ก็ตาม
ตัวอย่างเช่น ในกรณีนี้ พวกเม็ดมะขาม ก็จะตำหนิติเตียน ท่านพุทธทาส ว่า
ท่านเข้าใจธรรมผิด เพราะ "ตีความ" เอาเอง เนื่องจากเป็นพระบ้าน ไม่ปฏิบัติ
ซึ่งผมก็มิอาจทราบได้เช่นกันว่า ที่พวกมันพูดกันอยู่ปาวๆ นั้น จะมิใช่ ........
การเข้าใจธรรมผิด เพราะ "ตีความ" เอาเอง เนื่องจากเป็น ชาวบ้าน (ที่)ไม่ปฏิบัติ ...... ไปได้ด้วยเหตุผลกลใด ?
แต่เมื่อมีการยกหลักฐานจาก พระป่า ที่เน้นการปฏิบัติ(แต่ก็มิได้ละทิ้งปริยัติ) ขึ้นมาเพื่อประกอบการพิจารณา
คราวนี้ แก๊งส์ เม็ดมะขาม ก็ลุกขึ้นมาปฏิเสธ คำอธิบายของ พระป่า นักปฏิบัติ(ตามที่สมมุติเรียกกัน) ไปเสียอีก
สรุปความได้ว่า ในโลกนี้ ไม่ใครสามารถกล่าวอธิบายได้ถูกต้อง ตรงธรรม สักคน พระบ้าน ก็ผิด พระป่า ก็ผิด
มีแต่พวก เม็ดมะขาม ปุถุชนผู้บริโภคกาม กลุ่มนี้เท่านั้นเอง ที่คิด ที่เชื่อ และกล่าวธรรมได้อย่างถูกต้อง
แม้จะไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานชั้นพุทธพจน์ รับรอง ความคิด ความเชื่อ และ คำพูด ของพวกมัน อยู่เลยก็ตาม !
หรือมิใช่ ?
*************************************************************
พอพูดถึง โสดาบันข้ามภพข้ามชาติ ปุถุชนผู้บริโภคกาม บางคน ก็เกิดอาการ นกหวีดขึ้นสมอง
จะต้อง "แขวะ" ท่านพุทธทาส หรือ สวนโมกข์ สักคำสองคำ ในทำนองว่า ......
"โสดาบัน หอบหิ้วข้ามภพข้ามชาติไม่ได้ แต่ กิเลส บาปอกุศลต่างๆ กลับ หอบหิ้วเอาไปได้"
ทั้งนี้ ผมขออนุญาต ประกาศเอาไว้อีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ใช่ศิษย์ท่านพุทธทาส มิได้เป็นชาวสวนโมกข์
แต่ก็ขออนุญาต อธิบายความ ให้ทราบเสียหน่อยว่า ผมไม่เคยพบว่า ท่านพุทธทาส กล่าว หรือสอน
ให้ใครมีความเข้าใจแบบผิดๆ ว่ามีใครสามารถหอบหิ้ว กุศล หรือ อกุศล ข้ามภพข้ามชาติได้
ถ้าผู้ใดพบว่ามีหลักฐานดังกล่าว กรุณานำขึ้นมาแสดงให้ทราบทั่วกันด้วยครับ !
โสดาบัน เดลิเวอรี่
ถ้าหาก โสดาบัน สมมุติชื่อว่า เอ ตาย แล้วไปเกิดเป็นคนชื่อ บี
คำถามก็คือ นายบี จักเป็น โสดาบัน ทันทีที่เกิด เลยหรือไม่ ?
ประเด็นที่ ๑ หลักฐานชั้นพุทธพจน์ เรื่องการไปเกิด
สิ่งแรกที่ท่านทั้งหลาย พึงเข้าใจตามความเป็นจริง ก็คือ ไม่มีหลักฐานในชั้นพุทธพจน์ ที่ระบุว่า โสดาบัน ตายแล้ว
ไปเกิดเป็น โสดาบัน ในทันทีที่เกิด ดังนั้น ถ้าท่านผู้ใด เข้าใจว่า ตนพบหลักฐานดังกล่าวนี้ ขอให้จงนำมาแสดงโดยพลัน !
ทีนี้ ก็มีบางคน เขาไปยกหลักฐานจาก อภิธรรมปิฎกมาอ้าง(หรือแม้จากพระสูตร) แต่ถึงที่สุดแล้ว หลักฐานดังกล่าว ก็ระบุเอาไว้แต่เพียงว่า
(๑) โสดาบัน จะท่องเที่ยวไปใน เทวดาและมนุษย์ ๗ ชาติ
(๒) โสดาบัน จะท่องเที่ยวไปสู่ตระกูล ๒ หรือ ๓
(๓) โสดาบัน จะเกิดในภพมนุษย์อีกครั้งเดียว
กล่าวโดยสรุป ก็คือ ข้อความเหล่านั้น เพียงแต่กล่าวว่า จะไปเกิดเป็น มนุษย์ หรือ เทวดา
แต่มิได้ระบุเอาไว้ตรงไหนเลยว่า จักเกิดเป็น มนุษย์โสดาบัน หรือ เทวดาโสดาบัน !
หรือมิใช่
แต่ที่น่าขันปนสมเพช ก็คือ เหตุผลที่คนพวกนี้ มักนำมาใช้อ้าง ก็คือ อริยบุคคล ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว
ทั้งนี้ การอ้างหลักฐาน ก็ยังเป็นการอ้างแบบ นกแก้ว&นกขุนทอง กล่าวคือ มิได้มีความเข้าใจในสิ่งที่ยกขึ้นอ้าง
หรืออย่างน้อย ก็สมควรได้รับคำตำหนิว่า สักแต่ว่ายกขึ้นมาอ้าง โดยที่มิได้อ่านให้ละเอียด เสียก่อน ตัวอย่างเช่น
การยกข้อความจาก อภิธรรมปิฎกขึ้นอ้าง ในประเด็น ธรรมอันไม่เสื่อมของอริยบุคคลนี้
หากท่านทั้งหลาย จะสังเกตให้มากขึ้นสักนิด ก็จะพบว่า ข้อความดังกล่าว ระบุอย่างชัดเจนถึง ......
"บุคคลบางคน ........ ในโลกนี้"
ชัดเจนไหมครับว่า ที่กล่าวว่า ไม่เสื่อมๆ นั้นหมายถึง เฉพาะบุคคลในโลกนี้
มิได้เลยเถิด ข้ามภพข้ามชาติถึงโลกหน้า อย่างที่คนบางกลุ่มบางพวก เข้าใจผิดไป
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ประเด็นนี้ ต้องถือว่ามีความสำคัญมาก นะครับ
เพราะเมื่อเรากลับไป พิจารณา พุทธพจน์ จากพระสูตรให้แยบคายขึ้นอีกสักนิด
จะพบว่า ที่เรียกกันว่า โสดาบันๆ นี้ พระพุทธเจ้าทรงหมายถึง ..........
(๑) ผู้ที่ประกอบด้วย อริยมรรคมีองค์ ๘
(๒) มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้
จากพุทธพจน์ในส่วนนี้ ก็ชัดเจนนี่ครับว่า คำว่าโสดาบันนี้ เป็นเพียงแค่ สมมุติบัญญัติ หนึ่งๆ
ที่ใช้สมมุติเรียกเฉพาะแก่ บุคคลหนึ่งๆ ในโลกนี้เท่านั้น ....... (สมมุติ เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ครับ ?)
*************************************************************
กลับมาสู่ คำถาม ของสมาชิกผู้นั้น กันอีกสักครั้งหนึ่ง นะครับ
(๑) โสดาบัน เอ ตาย
(๒) ไปเกิดเป็น นาย บี
(๓) นาย บี จักเป็น โสดาบัน ในทันทีที่เกิด หรือไม่ ?
สิ่งที่ท่านทั้งหลายพึงพิจารณาให้จงหนัก ก็คือ
(๑) ท่านทั้งหลาย เข้าใจว่า โสดาบันบัน เอ เป็นผู้กระทำ โสดาปัตติมรรค และ โสดาปัตติผล ให้เกิดขึ้น ใช่หรือไม่ ?
(๒) ปัญหา ที่ต้องพิจารณา ก็คือ ท่านทั้งหลาย เข้าใจว่า โสดาบัน เอ กับ นาย บี เป็น บุคคล คนเดียวกัน หรือเปล่า ?
ถ้าท่านเข้าใจว่า .............
(๑) โสดาบัน เอ เป็นคนๆ เดียวกันกับ นาย บี .............. กรณีนี้ ท่านเป็น สัสสตทิฐิ
(๒) โสดาบัน เอ เป็นคนละคนกันกับ นาย บี .............. กรณีนี้ ท่านเป็น อุจเฉททิฐิ
เหตุที่เป็นดังนั้น ก็เพราะว่า ถ้าท่านเข้าใจ(ผิด)ว่า โสดาบัน เอ เป็นคนๆเดียวกับ นาย บี
ก็แปลว่า ท่านเห็นว่ามีอะไรสักอย่าง เที่ยงแท้ถาวร ข้ามภพข้ามชาติได้ ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของพวก สัสสตทิฐิ
แต่ถ้าท่านเข้าใจ(ผิด)ว่า โสดาบัน เอ ก็คนหนึ่ง นาย บี ก็เป็นอีกคนหนึ่ง
นั่นหมายถึง ท่านกำลังกล่าวว่า นาย บี ได้รับผล ที่ตนเอง มิได้เป็นผู้กระทำ
ส่วน โสดาบัน เอ ผู้กระทำ กลับมิได้รับผลอะไร (เนื่องจากขาดสูญไปแล้ว หลังตาย)
อย่างนี้ เป็นความเชื่อในฝ่าย อุจเฉททิฐิ !
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็น มิจฉาทิฐิ(สุดโต่ง) ทั้งสิ้น ไม่มีส่วนที่เป็น สัมมาทิฐิ เลยนะครับ
อธิบายแบบนี้ บางท่านอาจไม่พอใจว่า ซ้ายก็ผิด ขวาก็ผิด แล้วจะให้พูดอย่างไร กล่าวอย่างไร จึงจะถูกต้อง
หรือไม่ ก็อาจพาลไปว่า ถ้าหากไม่สามารถ "หอบหิ้ว" โสดาบัน ข้ามภพข้ามชาติได้ แล้วจะปฏิบัติธรรมไปเพื่ออะไร ?
ขออนุญาต อธิบายความ ดังนี้ว่า แนวทางการอธิบาย มีอยู่ครับ
แต่ต้องตัด สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ออกไปจากคำอธิบายเสียก่อน
เพราะตราบเท่าที่ยังมี สัตว์ บุคคล ฯลฯ อยู่ คำอธิบายใดๆ ก็ตาม ย่อมไม่อาจพ้นจาก มิจฉาทิฐิ ไปได้เลย
เข้าใจไหมครับ ?
*************************************************************
เราลองมาพิจารณา คำอธิบายของ พระเถระ กันบ้าง นะครับ
ท่านอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ เอาไว้ว่า .......
(๑) พระอริยบุคคล ๒ ประเภทเบื้องต้น ตายแล้วไปเกิดใหม่ ไม่ได้เป็น พระอริยบุคคล เป็นปุถุชน
(๒) ไม่มีพ่อพระอริยเจ้า แม่พระอริยเจ้าก็ไม่มี .... ฯ มีแต่ แม่ปุถุชน เหตุนั้นจึงมาเกิดเป็น ปุถุชน
ท่านอาจารย์เทสก์ ท่านก็เป็นพระมหาเถระ เหมือนกันกับ ท่านพุทธทาส นั่นแหละ
และสิ่งที่ท่านกล่าวอธิบายไว้ ก็ไม่มีความแตกต่างอันใดกับคำของ ท่านพุทธทาส ที่ระบุว่า
โสดาบัน มันหอบหิ้วข้ามภพข้ามชาติไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้ว มันจะกลายเป็น โสดาบัน กันตั้งแต่อยู่ในท้อง !
ทีนี้ พวก แก๊งส์ เม็ดมะขาม ในโต๊ะศาสนาพันทิพ เขามีความพิเศษกว่า ชาวพุทธทั่วไป ก็คือ
แม้ว่าเขาเหล่านั้น จะเป็นเพียงแค่ ปุถุชนผู้บริโภคกาม ที่อ่อนปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็จริง
แต่เขาก็คิด(เอาเอง)ว่า ความเข้าใจของพวกเขา ที่มีต่อพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า นั้นถูกต้อง
ยิ่งไปเสียกว่า พระเถรานุเถระ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสมมุติเรียก(ด้วยอุปาทาน) ว่าพระป่า หรือ พระบ้าน ก็ตาม
ตัวอย่างเช่น ในกรณีนี้ พวกเม็ดมะขาม ก็จะตำหนิติเตียน ท่านพุทธทาส ว่า
ท่านเข้าใจธรรมผิด เพราะ "ตีความ" เอาเอง เนื่องจากเป็นพระบ้าน ไม่ปฏิบัติ
ซึ่งผมก็มิอาจทราบได้เช่นกันว่า ที่พวกมันพูดกันอยู่ปาวๆ นั้น จะมิใช่ ........
การเข้าใจธรรมผิด เพราะ "ตีความ" เอาเอง เนื่องจากเป็น ชาวบ้าน (ที่)ไม่ปฏิบัติ ...... ไปได้ด้วยเหตุผลกลใด ?
แต่เมื่อมีการยกหลักฐานจาก พระป่า ที่เน้นการปฏิบัติ(แต่ก็มิได้ละทิ้งปริยัติ) ขึ้นมาเพื่อประกอบการพิจารณา
คราวนี้ แก๊งส์ เม็ดมะขาม ก็ลุกขึ้นมาปฏิเสธ คำอธิบายของ พระป่า นักปฏิบัติ(ตามที่สมมุติเรียกกัน) ไปเสียอีก
สรุปความได้ว่า ในโลกนี้ ไม่ใครสามารถกล่าวอธิบายได้ถูกต้อง ตรงธรรม สักคน พระบ้าน ก็ผิด พระป่า ก็ผิด
มีแต่พวก เม็ดมะขาม ปุถุชนผู้บริโภคกาม กลุ่มนี้เท่านั้นเอง ที่คิด ที่เชื่อ และกล่าวธรรมได้อย่างถูกต้อง
แม้จะไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานชั้นพุทธพจน์ รับรอง ความคิด ความเชื่อ และ คำพูด ของพวกมัน อยู่เลยก็ตาม !
หรือมิใช่ ?
*************************************************************
พอพูดถึง โสดาบันข้ามภพข้ามชาติ ปุถุชนผู้บริโภคกาม บางคน ก็เกิดอาการ นกหวีดขึ้นสมอง
จะต้อง "แขวะ" ท่านพุทธทาส หรือ สวนโมกข์ สักคำสองคำ ในทำนองว่า ......
"โสดาบัน หอบหิ้วข้ามภพข้ามชาติไม่ได้ แต่ กิเลส บาปอกุศลต่างๆ กลับ หอบหิ้วเอาไปได้"
ทั้งนี้ ผมขออนุญาต ประกาศเอาไว้อีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ใช่ศิษย์ท่านพุทธทาส มิได้เป็นชาวสวนโมกข์
แต่ก็ขออนุญาต อธิบายความ ให้ทราบเสียหน่อยว่า ผมไม่เคยพบว่า ท่านพุทธทาส กล่าว หรือสอน
ให้ใครมีความเข้าใจแบบผิดๆ ว่ามีใครสามารถหอบหิ้ว กุศล หรือ อกุศล ข้ามภพข้ามชาติได้
ถ้าผู้ใดพบว่ามีหลักฐานดังกล่าว กรุณานำขึ้นมาแสดงให้ทราบทั่วกันด้วยครับ !