ศพที่ 10 ...สัญญาณ สังหาร ศพที่ หนึ่ง
เวลาประมาณ เที่ยงคืน วิราศิณี นางแบบสาวสุดฮอต ที่ปรากฎในนิตยสาร สำหรับผู้ชาย หลายเล่ม ไม่รวมนางแบบหน้าปก หนังสือรถยนต์ของสุภาพบุรุษ ในภาพ ทูพีชบ้าง วันพีชบ้าง หรือบางที ก็ไม่มีสักพีช อาศัยมือ บดบัง อะไร อะไร ที่เธอมี แต่มันไม่ค่อยมิดเท่าไหร่นัก เธอขับรถ BMW สีแดงเพลิง ระหว่างนั้น มีเสียงเข้ามาในสาย หญิงสาวรับสาย
"สวัสดีค่ะ....วิราศิณี รับสายค่ะ"
"ณี...ผมคิดถึงคุณจัง..."
"....คุณ...กันต์...คุณกลับมาจากเยอรมันแล้ว หรือคะ...ไหนบอกว่าคุณจะกลับอาทิตย์หน้า"
"ก็ผม...เลื่อนมาเป็นวันนี้ ..ผมไปหาคุณที่คอนโดนะ..."
".............."
"ทำไมล่ะ...วันนี้ ผมไปหาณีไม่ได้หรือ..."
"เออ...คือว่า ณีกำลังจะไปงานวันเกิด...ของยัยบิ๋ม ที่เมืองทองน่ะค่ะ พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันนะคะ"
เสียงโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
"ตอนนี้ณีอยู่ที่ไหน...ผมให้เวลาคุณ ไม่เกิน 30 นาทีกลับมาหาผม ที่คอนโดเดี๊ยวนี้"
หญิงสาวเริ่มโกรธ ที่เขามาใช้คำสั่งกับเธอเช่นนั้น
"คุณกันต์...ตอนนี้..ณี อยู่บนทางด่วน ณีคงกลับหาคุณไม่ได้ มีอะไรเราค่อยคุยกัน..."
อยู่ๆ สายในมือถือก็ตัดไปเฉยๆ วิราศิณี ถึงกับหัวเสีย ที่ชายหนุ่มตัดสายทิ้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอเผลอสบถ คำหยาบออกมา เธอโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะที่นั่งด้านข้าง ดวงตามองไปยังข้างหน้า รถพุ่งไปข้างหน้าอย่าง รวดเร็ว แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีก หญิงสาวมองที่หน้าจอโทรศัพท์ แต่ที่มันไม่แสดงชื่อ และเบอร์โทร วิราศิณี คิ้วขมวด แล้วเธอก็นึกขึ้นได้
'สงสัยจะแบตหมด เลยใช้อีกเครื่องโทรเข้ามา'
เสียงเพลงในมือถือ ดังขึ้นหลายครั้ง แล้วดูเหมือน มันจะไม่ยอมตัดเอง วิราศิณีในตอนนั้นยังมิทันคิด จึงหยิบ มือถือของเธอขึ้นมา เธอรู้สึกว่า ตัวเครื่องจะร้อนผิดปกติ เมื่อเธอสไลด์หน้าจอรับสาย แล้วแนบหูแล้วตวาด ออกมาด้วยเสียงสูง
"คุณกันต์ จะเอายังไง ก็ณีบอกแล้ววันนี้ไม่กลับ..."
แต่เสียงในที่ผ่านสายออกมา เป็นเสียงหัวเราะต่ำๆ ค่อยๆ ดังขึ้น หญิงสาวรู้สึกโมโห มากขึ้น
"งั้นณีจะวางสาย อย่ามาหัวเราะ แบบฆาตกรโรคจิต ณีไม่ใช่ผู้หญิงขวัญอ่อน"
เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ..แล้วเสียงตามสายก็ดังขึ้นมา
"ถ้าแกวางสาย...แกต้องตาย..หึๆๆๆ..."
หญิงสาว รูสึกตกใจ เพราะเสียงที่ดังออกมานั้น เป็นเสียงแตกๆ เหมือนคนสูงวัย ที่เป็นหวัด...หรือเสียงทีผ่าน เครื่องแปลงเสียง
"แก...เป็นใคร...แล้วแก.. จะส่งใครมาฆ่าฉัน หรือมีคนอยู่ในรถ...ไอ้บ้า..."
"หึๆๆ...ถ้างั้น ก็ลองวางสายดู แล้วแกจะได้รู้ว่า นี่เป็นคำขู่ หรือเปล่า...หึๆๆ..."
วิราศิณี รู้สึกขนลุกขึ้นมา ดวงตามองไปยังกระจกด้านหลัง เธอคิดไปแวบหนึ่ง ว่ามันจะเหมือนในภาพยนต์ สยองขวัญ ที่มีฆาตกรโรคจิต ใส่หน้ากากผี ถือมีดไล่ฆ่าเหยื่อหญิงสาว แล้วจะโทรมาแบบนี้ก่อน แต่วิราศิณี จึงเอ่ยออกมาอย่างยั่วยวน ในขณะเธอเหยียบคันเร่ง ให้รถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"หนูก็อยากรู้...ว่า...พี่จะฆ่าหนูยังไง ถ้าหนูจะวางสาย...ไอ้คน....จิต...เสื่อม.."
"แก...ก็...ลองวางสายลงสิ...แล้วแกจะได้รู้...ว่าแกจะตายยังไง...หึๆๆๆ..."
ความโกรธพุ่งขึ้น พร้อมความกลัว แล้วหญิงสาว ก็สไลด์ปิดเครื่อง แล้วโยนมือถือลงบนเบาะอีกครั้ง พร้อม ตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกสะใจ
"ไหนที่แกว่า ถ้าวางสาย แล้วแกจะฆ่าฉัน มาสิ มาฆ่า...โธ่เอ้ย!.. ไอ้ขี้โม้... ไปตายซะไป"
"แกต่างหากที่...กำลัง...จะ...ไป...ตาย.. หึๆๆ.."
วิราศิณี ตกใจที่มีเสียงออกมาจากมือถือ เป็นเสียงของชายแก่คนเดิม ที่เธอเพิ่งปิดสายไปสักครู่ แล้วมันจะส่ง เสียงออกมา ได้อย่างไร หญิงสาวหันมองเครื่องมือสื่อสาร ในกรอบสีดำหุ้มด้วยเครสสีพิงค์โกลด์ ที่หน้าจอ สีส้ม ค่อยๆปรากฎชัดขึ้น หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง ในขณะนั้นรถวิ่งด้วยความเร็ว โดยประมาณ160 กม.ต่อ ชั่วโมง แล้วเสียงชายผู้นั้น ก็ดังขึ้น ว่า..."ลาก่อน...นังแพศยา.." แล้วมือถือก็ระเบิดอย่างรุนแรง แยกออก เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประกายไฟแผ่ออกเป็นวงกว้าง แรงอัดอากาศ ทำให้กระจกรถ ที่หนาแตกร้าวไปทั่ว เศษ เซรามิคจากมือถือเข้าใบหน้าและดวงตาของหญิงสาวจนดวงตาหลุดหายไป เนื้อบนใบหน้าฉีกขาด จนเห็น โครงกระดูกบนในหน้า รถยนต์พุ่งชนราวกั้นสะพาน แล้วเหินข้ามราวกั้น ลอยขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 15 เมตร และ ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว สภาพรถที่ลอยคว้างบนอากาศแทบจะไม่ต่างจากเศษเหล็ก รถพลิกหงายไปกระแทก พื้นโคลนจนน้ำโคลนสาดกระจายไปทั่ว แน่นอนว่า...หญิงสาวขาดใจ ไปตั้งแต่เสียงระเบิดจากมือถือของเธอ เพราะแรงระเบิดในตอนนั้น ทำให้ระบบประสาทในการรับรู้ขาดสะบั้นตั้งแต่แรก หัวใจเธอหยุดเต้นตั้งแต่รถ ของเธอยังไม่ชนราวกั้น เป็นการเสียชีวิต ที่รวดเร็วที่สุด...นั่นเอง...
.................................
สารวัตรขจร เป็นผู้สืบคดี ในการเสียชีวิต ของหญิงสาว เพราะพี่สาวของเธอ รู้สึกสงสัย ในการตายของ วิราศิณี ถึงแม้สภาพศพของเธอนั้น จะบ่งบอกว่า เธอเสียชีวิตเพราะลำคอหัก จากการกระแทกอย่างรุนแรง แต่สภาพใบหน้า ที่เนื้อบนใบหน้าฉีกขาดหายไป ทำให้ พี่สาวเธออดสงสัยไม่ได้ ถึงแม้ว่า หลักฐานจะชี้ว่า เป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เขาสวมชุดเครื่องแบบครึ่งท่อนนั่งอยู่ตรงข้ามหญิงสาว ที่อายุห่างจาก ผู้ตายไม่เกิน สามปี
"สารวัตร ได้ความคืบหน้าบ้างหรือเปล่าคะ..."
สารวัตรขจร ใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนเอ่ยออกมา
"ตอนนี้ผมมีข้อสรุปออกมาว่า มีความเป็นไปได้ที่คุณวิราศิณี อาจถูกฆาตกรรม..."
"..........ใช่ค่ะ...ดิฉันก็คิดแบบนั้นเพราะยัยณี เสียชีวิตแบบผิดปกติ... เพราะคุณแจ้งว่า จากผลผ่าพิสูจน์ที่ยัยณีจะเสียทันทีก่อนรถตกถึงพื้น"
สารวัตรขจร เว้นช่วงไปขณะหนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ
"เธอเสียชีวิตจากแรงอัดกระแทกของอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจหยุดเต้น อย่างกระทันหัน อาจเป็นระเบิด ที่เกิดขึ้นจากมือถือ...ของเธอเอง..."
หญิงสาวนั่งรับฟังนิ่ง สารวัตรขจรจึงกล่าวต่อ
"ผมตรวจสอบ เบอร์สุดท้ายที่โทรเข้ามาถึงเธอ เป็นของ...คุณกันตกานต์ ซึ่งก็เสียชีวิตที่เยอร์มัน ก่อนที่คุณวิราศิณีจะเสียชีวิตหนึ่งวัน แต่เขากลับโทร โทรเข้ามาที่เครื่องของ น้องสาวคุณ ในขณะที่มือถือของเขา ก็แหลกละเอียดไปแล้ว..."
สารวัตรขจร เว้นช่วง สายตายังคงจับที่ใบหน้าหญิงสาว ที่ใบหน้าละหม้ายผู้ตาย ก่อนที่เน้นคำออกมา
"แล้วคุณวิราศิณี ก็เป็นเหยื่อรายที่ 10 ของการฆาตกรรมในครั้งนี้..."
อรุณประภา ขมวดคิ้วก่อนเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง
"อะไรนะคะ ยัยณี...เป็นเหยื่อ รายที่ 10 สารวัตรได้ข้อมูลมาจากไหนคะ..."
สารวัตรขจร นิ่งก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ความจริงผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะจับตัวคนร้าย เพราะมีความเป็นไปได้ ที่มันอาจลงมืออีกเพราะมีเบาะแสว่า มันจะลงมือครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นศพที่สิบเอ็ดของมัน"
หญิงสาวจ้องดวงตาของนายตำรวจนิ่ง ก่อนเอ่ยออกมา
"แสดงว่า ดิฉัน ก็เป็นผู้ต้องสงสัย เพราะสารวัตร คงจะไม่เปิดเผยเบาะแสของคดี ถ้าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงมาที่ ดิฉัน.."
เขาจ้องสายตาเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
"ถ้างั้นผมจะเล่าของ การตายของศพที่หนึ่งว่า เขาตายแบบไหน..."
"เล่ามาสิคะ...ดิฉันรอฟังอยู่...คุณ...ตำรวจ..."
----------จบ-----------
เรื่องสั้น ต่อเนื่อง เมื่อจบเรื่องจะทราบว่า ฆาตกรเป็นใคร ขอให้สนุกในการสืบคดี ของการตายที่ ผิดปกติของทั้ง 11 ศพ เสี่ยไม่รับรองว่า...ศพต่อไป...จะเป็น...ผู้ใด.....
สืบ 11 ศพ ตอนศพที่ 10
เวลาประมาณ เที่ยงคืน วิราศิณี นางแบบสาวสุดฮอต ที่ปรากฎในนิตยสาร สำหรับผู้ชาย หลายเล่ม ไม่รวมนางแบบหน้าปก หนังสือรถยนต์ของสุภาพบุรุษ ในภาพ ทูพีชบ้าง วันพีชบ้าง หรือบางที ก็ไม่มีสักพีช อาศัยมือ บดบัง อะไร อะไร ที่เธอมี แต่มันไม่ค่อยมิดเท่าไหร่นัก เธอขับรถ BMW สีแดงเพลิง ระหว่างนั้น มีเสียงเข้ามาในสาย หญิงสาวรับสาย
"สวัสดีค่ะ....วิราศิณี รับสายค่ะ"
"ณี...ผมคิดถึงคุณจัง..."
"....คุณ...กันต์...คุณกลับมาจากเยอรมันแล้ว หรือคะ...ไหนบอกว่าคุณจะกลับอาทิตย์หน้า"
"ก็ผม...เลื่อนมาเป็นวันนี้ ..ผมไปหาคุณที่คอนโดนะ..."
".............."
"ทำไมล่ะ...วันนี้ ผมไปหาณีไม่ได้หรือ..."
"เออ...คือว่า ณีกำลังจะไปงานวันเกิด...ของยัยบิ๋ม ที่เมืองทองน่ะค่ะ พรุ่งนี้เราค่อยเจอกันนะคะ"
เสียงโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น
"ตอนนี้ณีอยู่ที่ไหน...ผมให้เวลาคุณ ไม่เกิน 30 นาทีกลับมาหาผม ที่คอนโดเดี๊ยวนี้"
หญิงสาวเริ่มโกรธ ที่เขามาใช้คำสั่งกับเธอเช่นนั้น
"คุณกันต์...ตอนนี้..ณี อยู่บนทางด่วน ณีคงกลับหาคุณไม่ได้ มีอะไรเราค่อยคุยกัน..."
อยู่ๆ สายในมือถือก็ตัดไปเฉยๆ วิราศิณี ถึงกับหัวเสีย ที่ชายหนุ่มตัดสายทิ้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เธอเผลอสบถ คำหยาบออกมา เธอโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะที่นั่งด้านข้าง ดวงตามองไปยังข้างหน้า รถพุ่งไปข้างหน้าอย่าง รวดเร็ว แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีก หญิงสาวมองที่หน้าจอโทรศัพท์ แต่ที่มันไม่แสดงชื่อ และเบอร์โทร วิราศิณี คิ้วขมวด แล้วเธอก็นึกขึ้นได้
'สงสัยจะแบตหมด เลยใช้อีกเครื่องโทรเข้ามา'
เสียงเพลงในมือถือ ดังขึ้นหลายครั้ง แล้วดูเหมือน มันจะไม่ยอมตัดเอง วิราศิณีในตอนนั้นยังมิทันคิด จึงหยิบ มือถือของเธอขึ้นมา เธอรู้สึกว่า ตัวเครื่องจะร้อนผิดปกติ เมื่อเธอสไลด์หน้าจอรับสาย แล้วแนบหูแล้วตวาด ออกมาด้วยเสียงสูง
"คุณกันต์ จะเอายังไง ก็ณีบอกแล้ววันนี้ไม่กลับ..."
แต่เสียงในที่ผ่านสายออกมา เป็นเสียงหัวเราะต่ำๆ ค่อยๆ ดังขึ้น หญิงสาวรู้สึกโมโห มากขึ้น
"งั้นณีจะวางสาย อย่ามาหัวเราะ แบบฆาตกรโรคจิต ณีไม่ใช่ผู้หญิงขวัญอ่อน"
เสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ..แล้วเสียงตามสายก็ดังขึ้นมา
"ถ้าแกวางสาย...แกต้องตาย..หึๆๆๆ..."
หญิงสาว รูสึกตกใจ เพราะเสียงที่ดังออกมานั้น เป็นเสียงแตกๆ เหมือนคนสูงวัย ที่เป็นหวัด...หรือเสียงทีผ่าน เครื่องแปลงเสียง
"แก...เป็นใคร...แล้วแก.. จะส่งใครมาฆ่าฉัน หรือมีคนอยู่ในรถ...ไอ้บ้า..."
"หึๆๆ...ถ้างั้น ก็ลองวางสายดู แล้วแกจะได้รู้ว่า นี่เป็นคำขู่ หรือเปล่า...หึๆๆ..."
วิราศิณี รู้สึกขนลุกขึ้นมา ดวงตามองไปยังกระจกด้านหลัง เธอคิดไปแวบหนึ่ง ว่ามันจะเหมือนในภาพยนต์ สยองขวัญ ที่มีฆาตกรโรคจิต ใส่หน้ากากผี ถือมีดไล่ฆ่าเหยื่อหญิงสาว แล้วจะโทรมาแบบนี้ก่อน แต่วิราศิณี จึงเอ่ยออกมาอย่างยั่วยวน ในขณะเธอเหยียบคันเร่ง ให้รถพุ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"หนูก็อยากรู้...ว่า...พี่จะฆ่าหนูยังไง ถ้าหนูจะวางสาย...ไอ้คน....จิต...เสื่อม.."
"แก...ก็...ลองวางสายลงสิ...แล้วแกจะได้รู้...ว่าแกจะตายยังไง...หึๆๆๆ..."
ความโกรธพุ่งขึ้น พร้อมความกลัว แล้วหญิงสาว ก็สไลด์ปิดเครื่อง แล้วโยนมือถือลงบนเบาะอีกครั้ง พร้อม ตะโกนออกมาด้วยความรู้สึกสะใจ
"ไหนที่แกว่า ถ้าวางสาย แล้วแกจะฆ่าฉัน มาสิ มาฆ่า...โธ่เอ้ย!.. ไอ้ขี้โม้... ไปตายซะไป"
"แกต่างหากที่...กำลัง...จะ...ไป...ตาย.. หึๆๆ.."
วิราศิณี ตกใจที่มีเสียงออกมาจากมือถือ เป็นเสียงของชายแก่คนเดิม ที่เธอเพิ่งปิดสายไปสักครู่ แล้วมันจะส่ง เสียงออกมา ได้อย่างไร หญิงสาวหันมองเครื่องมือสื่อสาร ในกรอบสีดำหุ้มด้วยเครสสีพิงค์โกลด์ ที่หน้าจอ สีส้ม ค่อยๆปรากฎชัดขึ้น หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง ในขณะนั้นรถวิ่งด้วยความเร็ว โดยประมาณ160 กม.ต่อ ชั่วโมง แล้วเสียงชายผู้นั้น ก็ดังขึ้น ว่า..."ลาก่อน...นังแพศยา.." แล้วมือถือก็ระเบิดอย่างรุนแรง แยกออก เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประกายไฟแผ่ออกเป็นวงกว้าง แรงอัดอากาศ ทำให้กระจกรถ ที่หนาแตกร้าวไปทั่ว เศษ เซรามิคจากมือถือเข้าใบหน้าและดวงตาของหญิงสาวจนดวงตาหลุดหายไป เนื้อบนใบหน้าฉีกขาด จนเห็น โครงกระดูกบนในหน้า รถยนต์พุ่งชนราวกั้นสะพาน แล้วเหินข้ามราวกั้น ลอยขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 15 เมตร และ ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว สภาพรถที่ลอยคว้างบนอากาศแทบจะไม่ต่างจากเศษเหล็ก รถพลิกหงายไปกระแทก พื้นโคลนจนน้ำโคลนสาดกระจายไปทั่ว แน่นอนว่า...หญิงสาวขาดใจ ไปตั้งแต่เสียงระเบิดจากมือถือของเธอ เพราะแรงระเบิดในตอนนั้น ทำให้ระบบประสาทในการรับรู้ขาดสะบั้นตั้งแต่แรก หัวใจเธอหยุดเต้นตั้งแต่รถ ของเธอยังไม่ชนราวกั้น เป็นการเสียชีวิต ที่รวดเร็วที่สุด...นั่นเอง...
.................................
สารวัตรขจร เป็นผู้สืบคดี ในการเสียชีวิต ของหญิงสาว เพราะพี่สาวของเธอ รู้สึกสงสัย ในการตายของ วิราศิณี ถึงแม้สภาพศพของเธอนั้น จะบ่งบอกว่า เธอเสียชีวิตเพราะลำคอหัก จากการกระแทกอย่างรุนแรง แต่สภาพใบหน้า ที่เนื้อบนใบหน้าฉีกขาดหายไป ทำให้ พี่สาวเธออดสงสัยไม่ได้ ถึงแม้ว่า หลักฐานจะชี้ว่า เป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เขาสวมชุดเครื่องแบบครึ่งท่อนนั่งอยู่ตรงข้ามหญิงสาว ที่อายุห่างจาก ผู้ตายไม่เกิน สามปี
"สารวัตร ได้ความคืบหน้าบ้างหรือเปล่าคะ..."
สารวัตรขจร ใบหน้าเคร่งขรึม ก่อนเอ่ยออกมา
"ตอนนี้ผมมีข้อสรุปออกมาว่า มีความเป็นไปได้ที่คุณวิราศิณี อาจถูกฆาตกรรม..."
"..........ใช่ค่ะ...ดิฉันก็คิดแบบนั้นเพราะยัยณี เสียชีวิตแบบผิดปกติ... เพราะคุณแจ้งว่า จากผลผ่าพิสูจน์ที่ยัยณีจะเสียทันทีก่อนรถตกถึงพื้น"
สารวัตรขจร เว้นช่วงไปขณะหนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ
"เธอเสียชีวิตจากแรงอัดกระแทกของอากาศ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจหยุดเต้น อย่างกระทันหัน อาจเป็นระเบิด ที่เกิดขึ้นจากมือถือ...ของเธอเอง..."
หญิงสาวนั่งรับฟังนิ่ง สารวัตรขจรจึงกล่าวต่อ
"ผมตรวจสอบ เบอร์สุดท้ายที่โทรเข้ามาถึงเธอ เป็นของ...คุณกันตกานต์ ซึ่งก็เสียชีวิตที่เยอร์มัน ก่อนที่คุณวิราศิณีจะเสียชีวิตหนึ่งวัน แต่เขากลับโทร โทรเข้ามาที่เครื่องของ น้องสาวคุณ ในขณะที่มือถือของเขา ก็แหลกละเอียดไปแล้ว..."
สารวัตรขจร เว้นช่วง สายตายังคงจับที่ใบหน้าหญิงสาว ที่ใบหน้าละหม้ายผู้ตาย ก่อนที่เน้นคำออกมา
"แล้วคุณวิราศิณี ก็เป็นเหยื่อรายที่ 10 ของการฆาตกรรมในครั้งนี้..."
อรุณประภา ขมวดคิ้วก่อนเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง
"อะไรนะคะ ยัยณี...เป็นเหยื่อ รายที่ 10 สารวัตรได้ข้อมูลมาจากไหนคะ..."
สารวัตรขจร นิ่งก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ความจริงผมต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อจะจับตัวคนร้าย เพราะมีความเป็นไปได้ ที่มันอาจลงมืออีกเพราะมีเบาะแสว่า มันจะลงมือครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นศพที่สิบเอ็ดของมัน"
หญิงสาวจ้องดวงตาของนายตำรวจนิ่ง ก่อนเอ่ยออกมา
"แสดงว่า ดิฉัน ก็เป็นผู้ต้องสงสัย เพราะสารวัตร คงจะไม่เปิดเผยเบาะแสของคดี ถ้าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงมาที่ ดิฉัน.."
เขาจ้องสายตาเธอนิ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
"ถ้างั้นผมจะเล่าของ การตายของศพที่หนึ่งว่า เขาตายแบบไหน..."
"เล่ามาสิคะ...ดิฉันรอฟังอยู่...คุณ...ตำรวจ..."
----------จบ-----------
เรื่องสั้น ต่อเนื่อง เมื่อจบเรื่องจะทราบว่า ฆาตกรเป็นใคร ขอให้สนุกในการสืบคดี ของการตายที่ ผิดปกติของทั้ง 11 ศพ เสี่ยไม่รับรองว่า...ศพต่อไป...จะเป็น...ผู้ใด.....