บทที่ 5 ความตายไร้ร่องรอย
ภายใต้ซากปรักหักพังของตัวอาคาร เสียงร่ำร้องโหยไห้ของผู้ปกครองและญาติ ผู้เสียชีวิต
ทำให้บรรยากาศ รอบสถานที่แห่งนี้ดูหดหู่ ร.ต.ท.พัฒนะ ยืนมองซากอาคารที่ยังมีควันกรุ่นออกมา
ดวงตามีแต่ความเศร้าหมอง เพราะคนรัก ที่กำลังจะแต่งงาน ก็อยู่ภายใต้อาคารนี้เช่นเดียวกับนักเรียน
ของเธอ... ความจริงเธอต้องกลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร...แล้วถ้าเมื่อวานเขาไม่ติด
ธุระสำคัญในคดีที่ทำ...เขาก็ต้องมารับเธอเพื่อไปทานอาหารค่ำ เธอคงไม่ต้องมาประสบชะตากรรม
เช่นนี้ ภายนอกนั้น เขามิได้แสดงอารมณ์ใดๆ...เพราะยังอยู่ในหน้าที่ ถึงในใจนั้น จะแตกสลายไปแล้ว
ความเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจ ยังมีเต็มไปหมด.... คำพูดสุดท้ายของ ครูดุจดาว ยังคงดังก้องใน
โสตประสาท
'ไม่เป็นไร...พัฒน์ไม่ต้องห่วง...ถึงเป็นวันเกิดของดาว แต่หน้าที่ต้องมาก่อน
เอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยเจอกันก็ได้ จะวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน...แล้วอีกอย่างวันนี้สงสัยว่า
ดาวคงต้องกลับช้าเหมือนกัน ผอ.ให้ช่วยดูแลเด็กๆน่ะ...แต่ก็ไม่น่าจะเกิน ทุ่มนึง...'
พัฒนะ คิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะตามรายงานนั้นไฟไหม้ประมาณ เที่ยงคืน แล้วทำไม
ดุจดาวจึงยังไม่กลับ ตอนนี้เขายังไม่พบศพแฟนสาว แต่สภาพศพของเด็กหญิง และคุณครูที่นอนตาย
ใน ซากตัวอาคารที่ 1 ทำให้ทุกคนที่เข้ามาเก็บกู้ รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ เพราะมันเหมือนมีคนมาจัดวาง
เรียงศพ อย่างเป็นระเบียบ ทุกศพจะประสานมือที่หน้าอก เหมือนกำลังขอพรอะไรบางอย่าง สภาพ
ไหม้เกรียม เหมือนผู้ตายไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน ใบหน้าที่เห็น นั้นเหมือนกัน คือเหมือนศพเหล่านี้
ก่อนตายจะมีความสุข สมหวังเหลือประมาณ..... เจ้าหน้าที่ฝ่ายเก็บหลักฐาน ถ่ายรูปอย่างละเอียด
เพื่อนำไปประกอบสำนวน แล้วเสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ดังขึ้น
"มีคนยังไม่ตายอยู่ที่อาคารทิศตะวันตก!!!..."
พัฒนะ รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างมีความหวัง ใช่แล้วเขาหวังว่า คนที่รอดชีวิต คือคุณครูดุจดาวคู่รักของเขา
แล้วเมื่อไปถึง นายตำรวจก็ผิดหวัง เพราะคนที่รอดชีวิต เป็นนักเรียนหญิง ไม่มีรอยไหม้ตามร่างกาย
ส่วนเสื้อผ้า มีรอยไหม้เล็กน้อย ในมือของเด็กหญิงมีผ้ายันต์สีขาว มือของเธอกำแน่น เธอเพ้อออกมา
เหมือนคนนอนละเมอ เป็นคำว่า....
"พี่สาว...อย่าฆ่าคนบริสุทธิ์....ได้โปรดอย่าฆ่าคนบริสุทธิ์..."
ร.ต.ท.พัฒนะรีบร้องสั่ง ให้พาสาวน้อยผู้นี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยด่วน แล้วเขาก็สั่งการต่อ
"รีบค้นหาคนบาดเจ็บเร็วเข้า อาจมีคนรอดชีวิตอีก เร็ว....แข่งกับเวลาด้วย!!!..."
สายตาของเขามีความหวัง ซึ่งหน่วยกู้ภัยทุกคน ก็หวังเช่นเดียวกับเขาคือ ต้องหาคนรอดตายให้มาก
ที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ศพแล้วศพเล่า ก็นำมากองไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์มาตรวจสอบ
ว่าศพที่วางอยู่ เป็นศพของใคร...จนศพที่มากองทั้งหมดมี 678 ศพ ทุกศพนั้นบนใบหน้าไม่แสดงถึง
ความรู้สึกหวาดกลัว ต่างพร้อมใจแสดงสีหน้าที่ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็น รู้สึกเช่นเดียวกันคือ ความสุข
สมหวังที่เต็มล้น แสดงออกมาทางใบหน้า ทั้งที่ความตายมาเยือน.....ทุกคนรู้สึกเช่นนั้น....นี่คือความผิด
ปกติที่ทุกคนรับรู้....ร.ต.ท.พัฒนะทรุดเข่าลงข้างศพ แฟนสาวที่ไหม้เกรียม ที่เขาจำได้เพราะแหวนรุ่น
โรงเรียนนายร้อยตำรวจที่เขามอบให้เธอสวมใส่ที่นิ้วชี้ ที่แปลกอีกอย่างคือที่แหวนไม่มีรอยไหม้ ทั้งที่
ร่างของเธอไหม้จนเกือบถึงโครงกระดูก มือที่ประสานที่หน้าอกกำแน่น แหวนดูใหม่เหมือนเพิ่งผ่านการ
ขัดล้างมาอย่างดี น้ำตาของเขาไหลออกมาแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้น......เมื่อปาดน้ำตาออกพัฒนะลุกขึ้น
ยืนอย่างมั่นคง...เอ่ยออกมากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์เอกลักษณ์
"เธอคนนี้ชื่อ นางสาวดุจดาว แพรวพรรณ เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ คุณลงชื่อไปได้เลย...
แล้วที่ตึกอำนวยการ คุณพบฮาร์ดไดรฟ์ข้อมูลรายชื่อนักเรียนทั้งหมดหรือยัง อาจยังพอมีข้อมูล
ในกล้องวงจรปิด เราจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการประกอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้..."
เขาเหลือบมองร่างคนรักที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อศพสีขาว เจ้าหน้าที่เขียนที่ห่อผ้า เป็นหมายเลขกำกับไว้
พัฒนะรีบออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไปโรงพยาบาล เพื่อสอบถามเด็กหญิงที่รอดชีวิต ผู้ใต้บังคับบัญชา
แจ้งให้เขารู้ว่า เด็กหญิงชื่อณีรนุช อยู่ห้อง ม.2/3.......
.......................................
วรรณนั่งอยู่ที่รถทัวร์ซึ่งไปลงท่ารถที่เอกมัย....แล้วเธอกำลังคิดจะนั่งรถแท็กซี่ เพื่อต่อรถไปยัง
ท่ารถตู้ หลังจากสอบถามเส้นทางที่เธอจะไป อำเภอดอนเจดีย์ เธอใช้การสอบถาม วิธีการเดินทาง
จากคนรอบข้างด้วยน้ำเสียงสุภาพ ชายหนุ่มที่มากับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งเธอมาสอบถาม เอ่ยออกมา
ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"น้องสาวจะไปอำเภอดอนเจดีย์หรือจ๊ะ...พอดีเลย คือเพื่อนพี่คนนั้น
กำลังจะไปสุพรรณ เดี๊ยวพวกพี่จะเลยไปส่งน้องที่ดอนเจดีย์
ไม่ต้องกลัวพวกพี่เป็นนักศึกษา ไว้ใจได้..."
วรรณยิ้มอย่างสดใสเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
"ก็ดีสิคะ!!...ฝนไม่ได้ขึ้นรถมานาน ไปก็ไม่ค่อยถูก ถ้าพวกพี่ไปส่งก็ดีมากเลยค่ะ!!!..."
เมื่อชายคนแรกพาวรรณไปขึ้นรถ ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังหันมาสบตาอย่างชั่วร้าย เพราะทั้งสาม
กำลังจะได้เหยื่ออันโอชะสำหรับวันนี้....โดยที่ทั้งสามไม่มีวันรู้เลยว่า....มันทั้งสาม...กำลังเป็นเหยื่อ....
ให้กับปีศาจสาว...เสียเอง.....
รถยนต์วิ่งไปทางเส้นอยุธยา วรรณนั้นมองข้างทางอย่างตื่นเต้น ราวกับว่า ทั้งชีวิตเธอไม่เคยเห็นอะไร
แบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มทั้งสามชวนเธอคุยไปเรื่อยๆ เพื่อมิให้เธอสังเกตว่า เส้นทางที่ไปนั้นมันเปลี่ยวขึ้น
เรื่อยๆ... แล้วรถก็เลี้ยว เข้าเส้นทาง ที่เป็นป่าหญ้า สูงท่วมศีรษะ วรรณนั้น แกล้งสอบถามอย่าง
ตื่นตระหนก
"พี่จะไปไหนหรือคะ!!!...ทำมันทาง ถึงได้เปลี่ยวแบบนี้..."
หนึ่งในสามหัวเราะ ก่อนเอ่ยออกมา ด้วยสายตานั้น เป็นประกายวาวราวสัตว์เดฉาน
"หึๆๆๆ....พี่ก็จะพาน้อง มาทำอะไรสนุกๆ...ไงจ๊ะ!!!...น้องสาว...เหอๆๆ...."
วรรณร้องออกมาอย่างน่าสงสาร ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสามอย่างรนราน
"อย่าทำอะไรหนูเลย....หนูเพิ่งอายุ 14 พวกพี่อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูกลัว..."
"ไม่ต้องกลัวหรอก...หึๆ...พวกพี่จะถนอมน้องอย่างดีที่สุด..."
เมื่อรถจอด ทั้งสามก็ดึงเด็กสาวเข้ามาที่กระท่อม ที่ทั้งสาม เคยพาหญิงสาวมาทำลาย...แต่มิใช่ครั้งนี้
สองคนที่เป็นลูกสมุน นั่งรอที่หน้าห้อง โดยนำกล่องใส่อุปกรณ์มาด้วย มีทั้งกล้องวีดีโอ และสุรา
1 ขวด หัวหน้าแก๊ง ผลักวรรณเข้าไป ที่แคร่ไม้ไผ่ สายตาของมันชั่วช้ายิ่งนัก วรรณยิ้มมุมปาก
อย่างเย้ยหยัน เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตาของเธอ มองไปยังเคียวเกี่ยวข้าว ที่แขวนไว้
"พี่จะไม่เสียใจใช่ไหมคะ..ที่จะทำกับหนูแบบนี้..."
"พี่จะเสียใจทำไม...เพราะพวกพี่จะส่งน้องไปสวรรค์...น้องไม่ชอบหรือจ๊ะ!!...เหอๆ..."
"น้องไม่เคยไปสวรรค์หรอกค่ะ!!..น้องคงพาพี่ทั้งสาม...ไปได้แต่....ลงนรก...เท่านั้น..."
ขาดคำ วรรณสะบัดมือ...เคียวที่แขวนอยู่ลอยไปเกี่ยวที่ลำคอของหัวโจกขาดกระเด็น ศีรษะของมันหมุน
ออกไปนอกกระท่อมลงบนหน้าตักของเพื่อนทั้งสองที่กำลังจะดื่มเหล้า ดวงตาของหัวโจกเบิกโพลง
ริมฝีปาก ขมุบขมิบ เหมือนจะพูดคำว่า...........ช่วย....กู......ด้วย......ทั้งสองกระเด้งลุกขึ้นพร้อมกัน
หันมองไปยังห้องเชือด ประตูค่อยๆ แง้ม แล้วที่เดินออกมา ทำให้วายร้ายทั้งสองตกใจ จนผมชี้ตั้ง
ด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด...เพราะเป็นร่างของเพื่อนที่ไร้หัวในมือถือเคียว เดินออกมาอย่างช้า
โดยมีวรรณเดินตามออกมา...สายตาของเธอ มีแต่ความสดใส รอยยิ้มบางๆ ปรากฎขึ้นพร้อมกับ
กล่าวว่า
"ใครขับรถเป็นบ้างคะ...นอกจากพี่คนนี้..."
ทั้งสองพยายามวิ่งหนี แต่ขาของมันกับก้าวไม่ออก มันเหมือนมีอะไรมายึด ทั้งสองสะบัดตัวไปมา เพื่อจะ
ออกวิ่ง แต่วิ่งไม่ได้ ร่างของผีหัวขาด เดินทีละก้าวจนมาถึงต่อหน้า วายร้ายทั้งสอง ที่ร้องออกมาแทบไม่
เป็นภาษามนุษย์ ภาพที่ทั้งสองเห็นก็คือ เลือดจากลำคอที่ขาด ยังคงพุ่งออกมา ตามจังหวะของหัวใจ
สูบฉีด แต่ร่างที่ไร้หัวก็เดินได้ ในมือมีเคียวที่คมกริบ หนึ่งในสอง ยกมือขึ้นแล้ว พูดอย่างรวดเร็ว
"ผมขับรถเป็นครับ ส่วนไอ้นี่ขับไม่เป็นมันขับได้ แต่มอเตอร์ไซด์..."
วรรณยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ตบมือช้าๆ....เอ่ยชมว่า....
"พี่นี่หัวไวจริงๆเลย...รู้ด้วยว่าหนูต้องการอะไร....ถ้างั้นเพื่อนของพี่อีกคน ก็ไม่ควรอยู่
บนโลกนี้....อีกต่อไป!!!..."
ศาสตรา....มหาเวทย์ ตอนที่ 5
ภายใต้ซากปรักหักพังของตัวอาคาร เสียงร่ำร้องโหยไห้ของผู้ปกครองและญาติ ผู้เสียชีวิต
ทำให้บรรยากาศ รอบสถานที่แห่งนี้ดูหดหู่ ร.ต.ท.พัฒนะ ยืนมองซากอาคารที่ยังมีควันกรุ่นออกมา
ดวงตามีแต่ความเศร้าหมอง เพราะคนรัก ที่กำลังจะแต่งงาน ก็อยู่ภายใต้อาคารนี้เช่นเดียวกับนักเรียน
ของเธอ... ความจริงเธอต้องกลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร...แล้วถ้าเมื่อวานเขาไม่ติด
ธุระสำคัญในคดีที่ทำ...เขาก็ต้องมารับเธอเพื่อไปทานอาหารค่ำ เธอคงไม่ต้องมาประสบชะตากรรม
เช่นนี้ ภายนอกนั้น เขามิได้แสดงอารมณ์ใดๆ...เพราะยังอยู่ในหน้าที่ ถึงในใจนั้น จะแตกสลายไปแล้ว
ความเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจ ยังมีเต็มไปหมด.... คำพูดสุดท้ายของ ครูดุจดาว ยังคงดังก้องใน
โสตประสาท
'ไม่เป็นไร...พัฒน์ไม่ต้องห่วง...ถึงเป็นวันเกิดของดาว แต่หน้าที่ต้องมาก่อน
เอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยเจอกันก็ได้ จะวันนี้ หรือพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน...แล้วอีกอย่างวันนี้สงสัยว่า
ดาวคงต้องกลับช้าเหมือนกัน ผอ.ให้ช่วยดูแลเด็กๆน่ะ...แต่ก็ไม่น่าจะเกิน ทุ่มนึง...'
พัฒนะ คิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะตามรายงานนั้นไฟไหม้ประมาณ เที่ยงคืน แล้วทำไม
ดุจดาวจึงยังไม่กลับ ตอนนี้เขายังไม่พบศพแฟนสาว แต่สภาพศพของเด็กหญิง และคุณครูที่นอนตาย
ใน ซากตัวอาคารที่ 1 ทำให้ทุกคนที่เข้ามาเก็บกู้ รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ เพราะมันเหมือนมีคนมาจัดวาง
เรียงศพ อย่างเป็นระเบียบ ทุกศพจะประสานมือที่หน้าอก เหมือนกำลังขอพรอะไรบางอย่าง สภาพ
ไหม้เกรียม เหมือนผู้ตายไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน ใบหน้าที่เห็น นั้นเหมือนกัน คือเหมือนศพเหล่านี้
ก่อนตายจะมีความสุข สมหวังเหลือประมาณ..... เจ้าหน้าที่ฝ่ายเก็บหลักฐาน ถ่ายรูปอย่างละเอียด
เพื่อนำไปประกอบสำนวน แล้วเสียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ดังขึ้น
"มีคนยังไม่ตายอยู่ที่อาคารทิศตะวันตก!!!..."
พัฒนะ รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างมีความหวัง ใช่แล้วเขาหวังว่า คนที่รอดชีวิต คือคุณครูดุจดาวคู่รักของเขา
แล้วเมื่อไปถึง นายตำรวจก็ผิดหวัง เพราะคนที่รอดชีวิต เป็นนักเรียนหญิง ไม่มีรอยไหม้ตามร่างกาย
ส่วนเสื้อผ้า มีรอยไหม้เล็กน้อย ในมือของเด็กหญิงมีผ้ายันต์สีขาว มือของเธอกำแน่น เธอเพ้อออกมา
เหมือนคนนอนละเมอ เป็นคำว่า....
"พี่สาว...อย่าฆ่าคนบริสุทธิ์....ได้โปรดอย่าฆ่าคนบริสุทธิ์..."
ร.ต.ท.พัฒนะรีบร้องสั่ง ให้พาสาวน้อยผู้นี้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยด่วน แล้วเขาก็สั่งการต่อ
"รีบค้นหาคนบาดเจ็บเร็วเข้า อาจมีคนรอดชีวิตอีก เร็ว....แข่งกับเวลาด้วย!!!..."
สายตาของเขามีความหวัง ซึ่งหน่วยกู้ภัยทุกคน ก็หวังเช่นเดียวกับเขาคือ ต้องหาคนรอดตายให้มาก
ที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ศพแล้วศพเล่า ก็นำมากองไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์มาตรวจสอบ
ว่าศพที่วางอยู่ เป็นศพของใคร...จนศพที่มากองทั้งหมดมี 678 ศพ ทุกศพนั้นบนใบหน้าไม่แสดงถึง
ความรู้สึกหวาดกลัว ต่างพร้อมใจแสดงสีหน้าที่ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็น รู้สึกเช่นเดียวกันคือ ความสุข
สมหวังที่เต็มล้น แสดงออกมาทางใบหน้า ทั้งที่ความตายมาเยือน.....ทุกคนรู้สึกเช่นนั้น....นี่คือความผิด
ปกติที่ทุกคนรับรู้....ร.ต.ท.พัฒนะทรุดเข่าลงข้างศพ แฟนสาวที่ไหม้เกรียม ที่เขาจำได้เพราะแหวนรุ่น
โรงเรียนนายร้อยตำรวจที่เขามอบให้เธอสวมใส่ที่นิ้วชี้ ที่แปลกอีกอย่างคือที่แหวนไม่มีรอยไหม้ ทั้งที่
ร่างของเธอไหม้จนเกือบถึงโครงกระดูก มือที่ประสานที่หน้าอกกำแน่น แหวนดูใหม่เหมือนเพิ่งผ่านการ
ขัดล้างมาอย่างดี น้ำตาของเขาไหลออกมาแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้น......เมื่อปาดน้ำตาออกพัฒนะลุกขึ้น
ยืนอย่างมั่นคง...เอ่ยออกมากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์เอกลักษณ์
"เธอคนนี้ชื่อ นางสาวดุจดาว แพรวพรรณ เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ คุณลงชื่อไปได้เลย...
แล้วที่ตึกอำนวยการ คุณพบฮาร์ดไดรฟ์ข้อมูลรายชื่อนักเรียนทั้งหมดหรือยัง อาจยังพอมีข้อมูล
ในกล้องวงจรปิด เราจะได้ใช้เป็นหลักฐานในการประกอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้..."
เขาเหลือบมองร่างคนรักที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อศพสีขาว เจ้าหน้าที่เขียนที่ห่อผ้า เป็นหมายเลขกำกับไว้
พัฒนะรีบออกจากที่เกิดเหตุเพื่อไปโรงพยาบาล เพื่อสอบถามเด็กหญิงที่รอดชีวิต ผู้ใต้บังคับบัญชา
แจ้งให้เขารู้ว่า เด็กหญิงชื่อณีรนุช อยู่ห้อง ม.2/3.......
.......................................
วรรณนั่งอยู่ที่รถทัวร์ซึ่งไปลงท่ารถที่เอกมัย....แล้วเธอกำลังคิดจะนั่งรถแท็กซี่ เพื่อต่อรถไปยัง
ท่ารถตู้ หลังจากสอบถามเส้นทางที่เธอจะไป อำเภอดอนเจดีย์ เธอใช้การสอบถาม วิธีการเดินทาง
จากคนรอบข้างด้วยน้ำเสียงสุภาพ ชายหนุ่มที่มากับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งเธอมาสอบถาม เอ่ยออกมา
ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"น้องสาวจะไปอำเภอดอนเจดีย์หรือจ๊ะ...พอดีเลย คือเพื่อนพี่คนนั้น
กำลังจะไปสุพรรณ เดี๊ยวพวกพี่จะเลยไปส่งน้องที่ดอนเจดีย์
ไม่ต้องกลัวพวกพี่เป็นนักศึกษา ไว้ใจได้..."
วรรณยิ้มอย่างสดใสเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
"ก็ดีสิคะ!!...ฝนไม่ได้ขึ้นรถมานาน ไปก็ไม่ค่อยถูก ถ้าพวกพี่ไปส่งก็ดีมากเลยค่ะ!!!..."
เมื่อชายคนแรกพาวรรณไปขึ้นรถ ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังหันมาสบตาอย่างชั่วร้าย เพราะทั้งสาม
กำลังจะได้เหยื่ออันโอชะสำหรับวันนี้....โดยที่ทั้งสามไม่มีวันรู้เลยว่า....มันทั้งสาม...กำลังเป็นเหยื่อ....
ให้กับปีศาจสาว...เสียเอง.....
รถยนต์วิ่งไปทางเส้นอยุธยา วรรณนั้นมองข้างทางอย่างตื่นเต้น ราวกับว่า ทั้งชีวิตเธอไม่เคยเห็นอะไร
แบบนี้มาก่อน ชายหนุ่มทั้งสามชวนเธอคุยไปเรื่อยๆ เพื่อมิให้เธอสังเกตว่า เส้นทางที่ไปนั้นมันเปลี่ยวขึ้น
เรื่อยๆ... แล้วรถก็เลี้ยว เข้าเส้นทาง ที่เป็นป่าหญ้า สูงท่วมศีรษะ วรรณนั้น แกล้งสอบถามอย่าง
ตื่นตระหนก
"พี่จะไปไหนหรือคะ!!!...ทำมันทาง ถึงได้เปลี่ยวแบบนี้..."
หนึ่งในสามหัวเราะ ก่อนเอ่ยออกมา ด้วยสายตานั้น เป็นประกายวาวราวสัตว์เดฉาน
"หึๆๆๆ....พี่ก็จะพาน้อง มาทำอะไรสนุกๆ...ไงจ๊ะ!!!...น้องสาว...เหอๆๆ...."
วรรณร้องออกมาอย่างน่าสงสาร ยกมือขึ้นไหว้ทั้งสามอย่างรนราน
"อย่าทำอะไรหนูเลย....หนูเพิ่งอายุ 14 พวกพี่อย่าทำอะไรหนูเลยนะ หนูกลัว..."
"ไม่ต้องกลัวหรอก...หึๆ...พวกพี่จะถนอมน้องอย่างดีที่สุด..."
เมื่อรถจอด ทั้งสามก็ดึงเด็กสาวเข้ามาที่กระท่อม ที่ทั้งสาม เคยพาหญิงสาวมาทำลาย...แต่มิใช่ครั้งนี้
สองคนที่เป็นลูกสมุน นั่งรอที่หน้าห้อง โดยนำกล่องใส่อุปกรณ์มาด้วย มีทั้งกล้องวีดีโอ และสุรา
1 ขวด หัวหน้าแก๊ง ผลักวรรณเข้าไป ที่แคร่ไม้ไผ่ สายตาของมันชั่วช้ายิ่งนัก วรรณยิ้มมุมปาก
อย่างเย้ยหยัน เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตาของเธอ มองไปยังเคียวเกี่ยวข้าว ที่แขวนไว้
"พี่จะไม่เสียใจใช่ไหมคะ..ที่จะทำกับหนูแบบนี้..."
"พี่จะเสียใจทำไม...เพราะพวกพี่จะส่งน้องไปสวรรค์...น้องไม่ชอบหรือจ๊ะ!!...เหอๆ..."
"น้องไม่เคยไปสวรรค์หรอกค่ะ!!..น้องคงพาพี่ทั้งสาม...ไปได้แต่....ลงนรก...เท่านั้น..."
ขาดคำ วรรณสะบัดมือ...เคียวที่แขวนอยู่ลอยไปเกี่ยวที่ลำคอของหัวโจกขาดกระเด็น ศีรษะของมันหมุน
ออกไปนอกกระท่อมลงบนหน้าตักของเพื่อนทั้งสองที่กำลังจะดื่มเหล้า ดวงตาของหัวโจกเบิกโพลง
ริมฝีปาก ขมุบขมิบ เหมือนจะพูดคำว่า...........ช่วย....กู......ด้วย......ทั้งสองกระเด้งลุกขึ้นพร้อมกัน
หันมองไปยังห้องเชือด ประตูค่อยๆ แง้ม แล้วที่เดินออกมา ทำให้วายร้ายทั้งสองตกใจ จนผมชี้ตั้ง
ด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด...เพราะเป็นร่างของเพื่อนที่ไร้หัวในมือถือเคียว เดินออกมาอย่างช้า
โดยมีวรรณเดินตามออกมา...สายตาของเธอ มีแต่ความสดใส รอยยิ้มบางๆ ปรากฎขึ้นพร้อมกับ
กล่าวว่า
"ใครขับรถเป็นบ้างคะ...นอกจากพี่คนนี้..."
ทั้งสองพยายามวิ่งหนี แต่ขาของมันกับก้าวไม่ออก มันเหมือนมีอะไรมายึด ทั้งสองสะบัดตัวไปมา เพื่อจะ
ออกวิ่ง แต่วิ่งไม่ได้ ร่างของผีหัวขาด เดินทีละก้าวจนมาถึงต่อหน้า วายร้ายทั้งสอง ที่ร้องออกมาแทบไม่
เป็นภาษามนุษย์ ภาพที่ทั้งสองเห็นก็คือ เลือดจากลำคอที่ขาด ยังคงพุ่งออกมา ตามจังหวะของหัวใจ
สูบฉีด แต่ร่างที่ไร้หัวก็เดินได้ ในมือมีเคียวที่คมกริบ หนึ่งในสอง ยกมือขึ้นแล้ว พูดอย่างรวดเร็ว
"ผมขับรถเป็นครับ ส่วนไอ้นี่ขับไม่เป็นมันขับได้ แต่มอเตอร์ไซด์..."
วรรณยิ้มออกมาอย่างน่ารัก ตบมือช้าๆ....เอ่ยชมว่า....
"พี่นี่หัวไวจริงๆเลย...รู้ด้วยว่าหนูต้องการอะไร....ถ้างั้นเพื่อนของพี่อีกคน ก็ไม่ควรอยู่
บนโลกนี้....อีกต่อไป!!!..."