บทที่ 8. สุดแรงแค้น
ร.ต.ท. พัฒนะ มาถึงที่โรงแรมมวลหมู่ไม้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ มาสอบสวน คนงาน และ
ญาติผู้เสียชีวิต ที่เพิ่งทราบว่าทั้งสองเสียชีวิต ก็เพราะ ผู้ช่วยแม่บ้าน นึกว่าคุณแม่บ้านนอนหลับ แต่เมื่อ
หลังจากเธอปฏิบัติหน้าที่ของเธอจนเสร็จ ก็ยังพบว่าแม่บ้านก็ยังคง นอนหลับอยู่ เมื่อเข้าไปตรวจก็พบว่า
แม่บ้านเสียชีวิตไปแล้ว ผู้ช่วยจึงเข้าไปที่ห้องทำงานของ คุณป้าเจ้าของโรงแรม ก็ปรากฏว่า ก็เสียชีวิต
ไปแล้วเช่นเดียวกัน ใบหน้าของศพจะคล้ายกัน คืออ้าปากดวงตาปิด แต่เมื่อเปิดหนังตา ก็จะพบว่า ตาดำ
เหลือกกลับไปด้านใน จนมีแต่ตาขาว ทั้งคู่เสียชีวิตด้วย อาการหัวใจหยุดเต้น อย่างเฉียบพลัน พัฒนะ
อดคิดถึง เด็กหญิงวรรณ ที่เขาตามหาไม่ได้ พัฒนะเอ่ยถามขึ้น ถึงแนวทางการสอบสวน
"แล้วพี่ดู กล้องวงจรปิดหรือยัง เผื่อจะมีเบาะแส.."
"ดูแล้ว... แต่ไม่เจออะไร แต่มีช่วงเวลาที่ถ่ายมันหายไป เหมือนมันกระโดดข้ามไปเฉยๆ
จะว่าเป็นการทำลายหลักฐาน ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าทำลาย ป่านนี้ฮาร์ดดีส ก็คงพังทั้งหมด
คงไม่มีโจรคนไหนทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นการลบ ในเครื่องก็ไม่มีใครใช้..."
"แล้วมันข้ามจากเวลาไหน ถึงเวลาไหนครับพี่"
"อืม!... รู้สึกว่าจะตั้งแต่ 2ทุ่ม หายไปจนถึง 8 โมงเช้า จึงกลับมาทำงานตามปกติ...
แล้วที่น่าแปลกอีกอย่าง คือข้อมูลคนเข้าพัก ของเมื่อวานนี้ก็หายไปด้วย แม้แต่รายชื่อที่จด
ในแนมการ์ดที่บันทึกชื่อลูกค้า ก็หายไปเฉยๆ เหมือนมันมีปีกบินออกไปเองได้
รวมทั้งรายชื่อที่เขียนเขียนด้วยปากกาในสมุดลงรายชื่อ
เหมือนมันถูกลบออก จนเหมือนกระดาษเปล่า...แกว่าแปลกหรือเปล่าไอ้พัฒ
เออ!.. เสียใจด้วยนะเรื่องดาว... แล้วแกมานี่ทำไม!!!... "
ร.ต.อ. สุรเชษฐ คือรุ่นพี่ ที่พัฒนะ สนิทสนม ตั้งแต่เรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วยกัน แจ้งเรื่องนี้ให้เขา
ทราบ เพราะเขามาสืบสวนตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนพัฒนะ มาถึงโรงแรมแห่งนี้ ประมาณ 11 โมง ทั้งสอง
ไม่เคยปิดบังเรื่องคดี เพราะพัฒนะได้ชื่อว่า นายตำรวจที่วิเคราะห์คดีได้ดีที่สุดในรุ่นน้องทุกคนของเขา
และเขาก็ทราบเรื่องข่าวร้ายของเขาจึงอดกล่าวถึงไม่ได้ พัฒนะฝืนยิ้ม เขาเข้าใจความคิดของรุ่นพี่ดี
ก่อนที่พัฒนะ จะเอ่ยถึงจุดประสงค์ ที่แท้จริงของเขา
"ผมมาตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นหนึ่งในสอง ที่รอดจากเหตุไฟไหม้ที่โรงเรียน
แล้วเธอก็หายไปจากโรงเรียน ไม่กลับบ้าน สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ถูกตัดที่นี่ ตอนเวลา
ประมาณ 3 ทุ่ม ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ แล้วรีเซฟชั่นกะเมื่อคืนอยู่หรือเปล่า"
"อยู่!....สอบปากคำแล้ว แต่เธอจำอะไรไม่ได้ เธอบอกว่าเธอพยายามนึก ถึงแขกเข้าพัก
เธอก็นึกไม่ออก แล้วที่น่าแปลกก็คือ เมื่อวานคนเข้าพักที่นี่ก็ไม่มาก มีขายไปแค่ 7 ห้องเอง
ทำคดีมาจนหัวจะหงอก พี่ละปวดหัวกับคดีนี้จริงๆ... "
สักคู่พลตำรวจที่ขึ้นไปตรวจห้องที่ แขกเข้าพักเมื่อวาน ลงมาพร้อมกระเป๋าเป้ ระบุชื่อว่า ต้อย เอกมัย
เพราะมีชื่อเขียนด้วยปากกาเคมีที่ด้านใน ในกระเป๋ามีแต่ความว่างเปล่าแต่ก็มีกัญชาอัดแท่งหลงเหลือ
ในกระดาษฟรอยส์ ที่ห่ออย่างมิดชิดในกระเป๋าลับ แล้วความดำมืดก็เกิดขึ้นกับ พัฒนะอีกครั้ง
"อ้าวนี่ของไอ้ต้อย... ที่มีคนพบศพที่ อ.อุทัย เมื่อวานนี้นิหว่า..."
"พี่ว่ายังไงนะ ไอ้ต้อยมันตายแล้วหรือพี่... พี่รู้ได้ไง ผมยังไม่เห็นข่าวเลย"
"ก็เพิ่งรู้จากสารวัตรฉัตร ที่ส่งข่าวมาให้ เพราะแกว่าไอ้ต้อยตายแปลกมาก คือมันถูกตัดหัว
แล้วหัวของมัน ลอยขึ้นไปเสียบอยู่บนยอดต้นสน เหมือนมีคนใช้รถเครนยกหัวของมันไปปักบนยอดสน
แล้วอีกศพก็เป็นเพื่อนของมันชื่อยง โดนเคียวฟันขาดสะพายแล่ง โดยฟันแค่ครั้งเดียว
แกคิดดูนะ ใครวะที่มีแรงขนาดนั้น ฟันด้วยเคียว จนขาดในทีเดียว
แล้วอีกศพ ก็ตายคารถ เป็นรถของไอ้ต้อย คนที่ตายคือชื่อติ๊ก กลายเป็นเศษซากที่เสนา
สภาพศพงี้!... เละไม่มีชิ้นดี..."
พัฒนะใช้ความคิดเพียงครู่ ก็กล่าวออกมา เพราะเขาเคยตามคดีของต้อยช่วงหนึ่ง จึงอดแปลกใจ
เรื่องการตายของวายร้ายคนนี้ไม่ได้
"ไอ้ต้อยมันปกติจะเดินยาแถว เอกมัย ไล่จากบางจากยัน สยาม แล้วมาเป็นศพที่นั่นได้ไง อีกอย่าง...
มันระวังตัวอย่างกับอะไรดี เรื่องที่จะลวงมันไปฆ่า มันเป็นเรื่องยาก นอกจาก..."
พัฒนะเริ่มขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ เพราะเขานึกถึงรสนิยมของไอ้ต้อย ที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศกับ
เด็กสาวแล้วถ่ายคลิป.... พัฒนะอดคิดถึงวรรณไม่ได้ ถึงแม้แค่ทางเชื่อมโยงแค่รสนิยมของคนตาย
แล้วแค่แป้ของต้อยมาอยู่ที่นี่ จะมาสันนิษฐานว่า วรรณเกี่ยวข้องกับการตาย ของต้อยและคนอื่นๆ
ได้อย่างไร... แต่เหมือนว่า...ทุกแห่ง... ที่วรรณไปเหยียบ จะมีความตาย... ปรากฎอยู่
"อีกอย่าง!! สารวัตรฉัตร บอกว่า... ที่แปลกเหนือแปลกก็คือ ฝ่ายชันสูตรแจ้งว่า
ไอ้ต้อยเป็นคนฟันไอ้ยงจนขาดเป็นสองท่อน แล้วสภาพศพ มันเหมือนว่า ไอ้ยงโดนไอ้ต้อยฟัน
ในขณะที่ไอ้ต้อย... หัวขาดไปแล้ว!!!.. แกว่าแปลกหรือเปล่าวะ ไอ้พัฒ"
สายตาที่ทั้งสองมองกันมีแต่ความแปลกใจ แล้วนายตำรวจรุ่นพี่ ก็หัวเราะออกมา
"ไอ้บ้า... อย่าบอกว่าแกเชื่อเรื่องที่ สารวัตรเล่าให้ข้าฟัง มันแค่รูปการของคดีเฉยๆ
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่ผีหัวขาด จะมาเที่ยวฆ่าคน มันมีแต่ในหนังเท่านั้น"
สักครู่เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบสถานที่มารายงานให้เขาได้รู้ ว่าการตายที่ลักษณะใกล้เคียงกันที่ท่ารถ คือ
เสียชีวิตด้วยข้อสัญนิฐานเบื้องต้นว่า. หัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน แล้วสมองก็ตัดความรู้สึกแบบทันที
ทันใด...... ทั้งสองจึงรีบไปที่เกิดเหตุทันที.... สัญชาตญาณของพัฒนะ ได้เชื่อมโยงคดีทั้งสี่ เข้าหากัน
เขารู้สึกว่า เด็กหญิงวรรณ คือต้นเหตุของคดีทั้งหมด แต่ทำเพื่ออะไร แล้วเธอมาที่นี่ เพื่อหาใคร พัฒนะ
ต้องหาสาเหตุให้ได้ เพราะเขายอมทุ่มเทเวลาทั้งหมด จนแทบไม่ไปงานศพของแฟนสาว ก็เพราะเขา
ต้องการ ตามล่าตัวต้นเหตุ ที่ทำให้คนรักของเขา ต้องเสียชีวิต รวมทั้งเด็กสาว หรือคนบริสุทธิ์ที่ต้องตาย
เป็นจำนวนมาก....
......................................
ปีศาจฝนมีรอยยิ้มที่มุมปาก ที่รับรู้ได้ว่า อดีตคนรักยังจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
เธอหัวเราะในลำคอออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นดังไปทั่ว แล้วคำพูดของเธอก็ทำให้อาจารย์บุญลือ
ตกใจมากยิ่งขึ้น
"พี่เข้มรู้ไหมคะว่าทำไม ฝนถึงได้มาหา พี่เข้มในเวลานี้ ทั้งที่ฝน มาถึงที่นี่ ตั้งแต่ สิบเอ็ดโมงเช้า
หึๆๆ... ก็เพราะฝนไปตามจัดการรถคันหนึ่ง ที่วิ่งไปทางทิศใต้ มีลูกศิษย์พี่..
อืม!... กี่คนน๊า!!! อ๋อ!... ทั้งหมดในรถมี 36 คน แล้วตอนนี้
พวกมันก็... ลงนรก. กัน. หมด. แล้ว ค่ะ พี่ เข้ม... "
อาจารย์บุญลือ ตกตะลึงถึงความโหดเหี้ยมของปีศาจฝน ที่เห็นชีวิตคน เป็นของไร้ค่าเช่นนั้น แต่เขากลับ
ไม่แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา เขาได้แต่แผ่เมตตาถึงเหล่าลูกศิษย์ ผู้ช่วย และคนขับรถที่เสียชีวิต
เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าฝนฆ่าพี่แล้ว. จะยุติเรื่องเลวร้ายทั้งหมด พี่จะให้ฝนฆ่าพี่..."
"ขอร้องซิคะ ให้ฝนไว้ชีวิตพวกมัน แต่ฝนก็จะ ไม่ ตก ลง เพราะนอกจาก ลูกศิษย์ของพี่
คนที่พี่รู้จัก หรือคนที่รู้จักชื่อ อาจารย์บุญลือ และสำคัญที่สุด หลังจากเป้าหมายแรกสำเร็จแล้ว
เป้าหมายต่อไป คือตำรวจทั่วประเทศ... มันทุกคน...ต้องตาย... "
ในครานี้อาจารย์บุญลือได้แต่ถอนลมหายใจยาว ก่อนสายตาที่มีแต่ความเศร้าโศก จะแปรเป็นเข้มคม
ฟันกรามกัดจนดังลั่น
"ในเมื่อฝน ไม่ยอมหยุด พี่จะหยุดฝนเอง เหมือนที่พี่ เคยหยุดฝนมาแล้ว ตอนที่ฝนมีชีวิตอยู่.."
"เหมือนที่พี่...เคย...ฆ่าฝน...กับลูก... อย่าง...เลือด... เย็น...ใช่ไหมคะ!..."
"............"
ศาสตรา... มหาเวทย์ ตอนที่ 8
ร.ต.ท. พัฒนะ มาถึงที่โรงแรมมวลหมู่ไม้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ มาสอบสวน คนงาน และ
ญาติผู้เสียชีวิต ที่เพิ่งทราบว่าทั้งสองเสียชีวิต ก็เพราะ ผู้ช่วยแม่บ้าน นึกว่าคุณแม่บ้านนอนหลับ แต่เมื่อ
หลังจากเธอปฏิบัติหน้าที่ของเธอจนเสร็จ ก็ยังพบว่าแม่บ้านก็ยังคง นอนหลับอยู่ เมื่อเข้าไปตรวจก็พบว่า
แม่บ้านเสียชีวิตไปแล้ว ผู้ช่วยจึงเข้าไปที่ห้องทำงานของ คุณป้าเจ้าของโรงแรม ก็ปรากฏว่า ก็เสียชีวิต
ไปแล้วเช่นเดียวกัน ใบหน้าของศพจะคล้ายกัน คืออ้าปากดวงตาปิด แต่เมื่อเปิดหนังตา ก็จะพบว่า ตาดำ
เหลือกกลับไปด้านใน จนมีแต่ตาขาว ทั้งคู่เสียชีวิตด้วย อาการหัวใจหยุดเต้น อย่างเฉียบพลัน พัฒนะ
อดคิดถึง เด็กหญิงวรรณ ที่เขาตามหาไม่ได้ พัฒนะเอ่ยถามขึ้น ถึงแนวทางการสอบสวน
"แล้วพี่ดู กล้องวงจรปิดหรือยัง เผื่อจะมีเบาะแส.."
"ดูแล้ว... แต่ไม่เจออะไร แต่มีช่วงเวลาที่ถ่ายมันหายไป เหมือนมันกระโดดข้ามไปเฉยๆ
จะว่าเป็นการทำลายหลักฐาน ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าทำลาย ป่านนี้ฮาร์ดดีส ก็คงพังทั้งหมด
คงไม่มีโจรคนไหนทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นการลบ ในเครื่องก็ไม่มีใครใช้..."
"แล้วมันข้ามจากเวลาไหน ถึงเวลาไหนครับพี่"
"อืม!... รู้สึกว่าจะตั้งแต่ 2ทุ่ม หายไปจนถึง 8 โมงเช้า จึงกลับมาทำงานตามปกติ...
แล้วที่น่าแปลกอีกอย่าง คือข้อมูลคนเข้าพัก ของเมื่อวานนี้ก็หายไปด้วย แม้แต่รายชื่อที่จด
ในแนมการ์ดที่บันทึกชื่อลูกค้า ก็หายไปเฉยๆ เหมือนมันมีปีกบินออกไปเองได้
รวมทั้งรายชื่อที่เขียนเขียนด้วยปากกาในสมุดลงรายชื่อ
เหมือนมันถูกลบออก จนเหมือนกระดาษเปล่า...แกว่าแปลกหรือเปล่าไอ้พัฒ
เออ!.. เสียใจด้วยนะเรื่องดาว... แล้วแกมานี่ทำไม!!!... "
ร.ต.อ. สุรเชษฐ คือรุ่นพี่ ที่พัฒนะ สนิทสนม ตั้งแต่เรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจด้วยกัน แจ้งเรื่องนี้ให้เขา
ทราบ เพราะเขามาสืบสวนตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนพัฒนะ มาถึงโรงแรมแห่งนี้ ประมาณ 11 โมง ทั้งสอง
ไม่เคยปิดบังเรื่องคดี เพราะพัฒนะได้ชื่อว่า นายตำรวจที่วิเคราะห์คดีได้ดีที่สุดในรุ่นน้องทุกคนของเขา
และเขาก็ทราบเรื่องข่าวร้ายของเขาจึงอดกล่าวถึงไม่ได้ พัฒนะฝืนยิ้ม เขาเข้าใจความคิดของรุ่นพี่ดี
ก่อนที่พัฒนะ จะเอ่ยถึงจุดประสงค์ ที่แท้จริงของเขา
"ผมมาตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นหนึ่งในสอง ที่รอดจากเหตุไฟไหม้ที่โรงเรียน
แล้วเธอก็หายไปจากโรงเรียน ไม่กลับบ้าน สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ถูกตัดที่นี่ ตอนเวลา
ประมาณ 3 ทุ่ม ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆนะ แล้วรีเซฟชั่นกะเมื่อคืนอยู่หรือเปล่า"
"อยู่!....สอบปากคำแล้ว แต่เธอจำอะไรไม่ได้ เธอบอกว่าเธอพยายามนึก ถึงแขกเข้าพัก
เธอก็นึกไม่ออก แล้วที่น่าแปลกก็คือ เมื่อวานคนเข้าพักที่นี่ก็ไม่มาก มีขายไปแค่ 7 ห้องเอง
ทำคดีมาจนหัวจะหงอก พี่ละปวดหัวกับคดีนี้จริงๆ... "
สักคู่พลตำรวจที่ขึ้นไปตรวจห้องที่ แขกเข้าพักเมื่อวาน ลงมาพร้อมกระเป๋าเป้ ระบุชื่อว่า ต้อย เอกมัย
เพราะมีชื่อเขียนด้วยปากกาเคมีที่ด้านใน ในกระเป๋ามีแต่ความว่างเปล่าแต่ก็มีกัญชาอัดแท่งหลงเหลือ
ในกระดาษฟรอยส์ ที่ห่ออย่างมิดชิดในกระเป๋าลับ แล้วความดำมืดก็เกิดขึ้นกับ พัฒนะอีกครั้ง
"อ้าวนี่ของไอ้ต้อย... ที่มีคนพบศพที่ อ.อุทัย เมื่อวานนี้นิหว่า..."
"พี่ว่ายังไงนะ ไอ้ต้อยมันตายแล้วหรือพี่... พี่รู้ได้ไง ผมยังไม่เห็นข่าวเลย"
"ก็เพิ่งรู้จากสารวัตรฉัตร ที่ส่งข่าวมาให้ เพราะแกว่าไอ้ต้อยตายแปลกมาก คือมันถูกตัดหัว
แล้วหัวของมัน ลอยขึ้นไปเสียบอยู่บนยอดต้นสน เหมือนมีคนใช้รถเครนยกหัวของมันไปปักบนยอดสน
แล้วอีกศพก็เป็นเพื่อนของมันชื่อยง โดนเคียวฟันขาดสะพายแล่ง โดยฟันแค่ครั้งเดียว
แกคิดดูนะ ใครวะที่มีแรงขนาดนั้น ฟันด้วยเคียว จนขาดในทีเดียว
แล้วอีกศพ ก็ตายคารถ เป็นรถของไอ้ต้อย คนที่ตายคือชื่อติ๊ก กลายเป็นเศษซากที่เสนา
สภาพศพงี้!... เละไม่มีชิ้นดี..."
พัฒนะใช้ความคิดเพียงครู่ ก็กล่าวออกมา เพราะเขาเคยตามคดีของต้อยช่วงหนึ่ง จึงอดแปลกใจ
เรื่องการตายของวายร้ายคนนี้ไม่ได้
"ไอ้ต้อยมันปกติจะเดินยาแถว เอกมัย ไล่จากบางจากยัน สยาม แล้วมาเป็นศพที่นั่นได้ไง อีกอย่าง...
มันระวังตัวอย่างกับอะไรดี เรื่องที่จะลวงมันไปฆ่า มันเป็นเรื่องยาก นอกจาก..."
พัฒนะเริ่มขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ เพราะเขานึกถึงรสนิยมของไอ้ต้อย ที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศกับ
เด็กสาวแล้วถ่ายคลิป.... พัฒนะอดคิดถึงวรรณไม่ได้ ถึงแม้แค่ทางเชื่อมโยงแค่รสนิยมของคนตาย
แล้วแค่แป้ของต้อยมาอยู่ที่นี่ จะมาสันนิษฐานว่า วรรณเกี่ยวข้องกับการตาย ของต้อยและคนอื่นๆ
ได้อย่างไร... แต่เหมือนว่า...ทุกแห่ง... ที่วรรณไปเหยียบ จะมีความตาย... ปรากฎอยู่
"อีกอย่าง!! สารวัตรฉัตร บอกว่า... ที่แปลกเหนือแปลกก็คือ ฝ่ายชันสูตรแจ้งว่า
ไอ้ต้อยเป็นคนฟันไอ้ยงจนขาดเป็นสองท่อน แล้วสภาพศพ มันเหมือนว่า ไอ้ยงโดนไอ้ต้อยฟัน
ในขณะที่ไอ้ต้อย... หัวขาดไปแล้ว!!!.. แกว่าแปลกหรือเปล่าวะ ไอ้พัฒ"
สายตาที่ทั้งสองมองกันมีแต่ความแปลกใจ แล้วนายตำรวจรุ่นพี่ ก็หัวเราะออกมา
"ไอ้บ้า... อย่าบอกว่าแกเชื่อเรื่องที่ สารวัตรเล่าให้ข้าฟัง มันแค่รูปการของคดีเฉยๆ
เป็นไปไม่ได้หรอก ที่ผีหัวขาด จะมาเที่ยวฆ่าคน มันมีแต่ในหนังเท่านั้น"
สักครู่เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบสถานที่มารายงานให้เขาได้รู้ ว่าการตายที่ลักษณะใกล้เคียงกันที่ท่ารถ คือ
เสียชีวิตด้วยข้อสัญนิฐานเบื้องต้นว่า. หัวใจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลัน แล้วสมองก็ตัดความรู้สึกแบบทันที
ทันใด...... ทั้งสองจึงรีบไปที่เกิดเหตุทันที.... สัญชาตญาณของพัฒนะ ได้เชื่อมโยงคดีทั้งสี่ เข้าหากัน
เขารู้สึกว่า เด็กหญิงวรรณ คือต้นเหตุของคดีทั้งหมด แต่ทำเพื่ออะไร แล้วเธอมาที่นี่ เพื่อหาใคร พัฒนะ
ต้องหาสาเหตุให้ได้ เพราะเขายอมทุ่มเทเวลาทั้งหมด จนแทบไม่ไปงานศพของแฟนสาว ก็เพราะเขา
ต้องการ ตามล่าตัวต้นเหตุ ที่ทำให้คนรักของเขา ต้องเสียชีวิต รวมทั้งเด็กสาว หรือคนบริสุทธิ์ที่ต้องตาย
เป็นจำนวนมาก....
......................................
ปีศาจฝนมีรอยยิ้มที่มุมปาก ที่รับรู้ได้ว่า อดีตคนรักยังจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
เธอหัวเราะในลำคอออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นดังไปทั่ว แล้วคำพูดของเธอก็ทำให้อาจารย์บุญลือ
ตกใจมากยิ่งขึ้น
"พี่เข้มรู้ไหมคะว่าทำไม ฝนถึงได้มาหา พี่เข้มในเวลานี้ ทั้งที่ฝน มาถึงที่นี่ ตั้งแต่ สิบเอ็ดโมงเช้า
หึๆๆ... ก็เพราะฝนไปตามจัดการรถคันหนึ่ง ที่วิ่งไปทางทิศใต้ มีลูกศิษย์พี่..
อืม!... กี่คนน๊า!!! อ๋อ!... ทั้งหมดในรถมี 36 คน แล้วตอนนี้
พวกมันก็... ลงนรก. กัน. หมด. แล้ว ค่ะ พี่ เข้ม... "
อาจารย์บุญลือ ตกตะลึงถึงความโหดเหี้ยมของปีศาจฝน ที่เห็นชีวิตคน เป็นของไร้ค่าเช่นนั้น แต่เขากลับ
ไม่แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา เขาได้แต่แผ่เมตตาถึงเหล่าลูกศิษย์ ผู้ช่วย และคนขับรถที่เสียชีวิต
เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าฝนฆ่าพี่แล้ว. จะยุติเรื่องเลวร้ายทั้งหมด พี่จะให้ฝนฆ่าพี่..."
"ขอร้องซิคะ ให้ฝนไว้ชีวิตพวกมัน แต่ฝนก็จะ ไม่ ตก ลง เพราะนอกจาก ลูกศิษย์ของพี่
คนที่พี่รู้จัก หรือคนที่รู้จักชื่อ อาจารย์บุญลือ และสำคัญที่สุด หลังจากเป้าหมายแรกสำเร็จแล้ว
เป้าหมายต่อไป คือตำรวจทั่วประเทศ... มันทุกคน...ต้องตาย... "
ในครานี้อาจารย์บุญลือได้แต่ถอนลมหายใจยาว ก่อนสายตาที่มีแต่ความเศร้าโศก จะแปรเป็นเข้มคม
ฟันกรามกัดจนดังลั่น
"ในเมื่อฝน ไม่ยอมหยุด พี่จะหยุดฝนเอง เหมือนที่พี่ เคยหยุดฝนมาแล้ว ตอนที่ฝนมีชีวิตอยู่.."
"เหมือนที่พี่...เคย...ฆ่าฝน...กับลูก... อย่าง...เลือด... เย็น...ใช่ไหมคะ!..."
"............"