แจ้งนิดนึงนะคะ ขอเปลี่ยนชื่อนิยายจาก รักละไม ไอทะเล มาเป็น มุกมณี ค่ะ เพราะจากการสอบถามผู้อ่าน ทุกคนลงความเห็นว่าชื่อหลังน่าสนใจกว่า และจำง่ายด้วย
ขออภัยที่ห่างไปนานมากนะคะ ต่อไปจะพยายามลงให้ต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อมกับ เทวทูต ที่รักค่ะ
บทที่ 10 คำสารภาพ
http://ppantip.com/topic/31281043
บทที่ 11 หัวใจของมหรรณพ
พิธีอภิเษกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ องค์นาทยสุรีมองมุกมณีซึ่งอยู่ในเครื่องทรงเจ้าหญิงอันงดงามด้วยความภาคภูมิใจก่อนเลื่อนสายพระเนตรไปยังมหรรณพและถอนใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นพระองค์จึงกวาดตามองไปโดยรอบ สีหน้าที่กำลังฉายความผิดหวังของบรรดาราชันย์ เจ้าชายและราชทูตของนาคาต่างอาณาจักรทำให้ทรงมั่นใจว่า แผนการที่วางไว้ประสบความสำเร็จ กษัตริย์องค์ใหม่ของอาณาจักรนาคแห่งท้องมหาสมุทรสามารถปกป้องคุ้มครองประชาชนละราชธิดาของพระองค์ได้ เพราะไม่เพียงความเฉลียวฉลาด ฤทธาของมหรรณพนั้นทั้งแข็งแกร่งและเกรียงไกร ชนิดที่สามารถต่อกรกับครุฑและสยบลงได้ภายในเวลาไม่นาน
เมื่อพิธีการทุกอย่างจบสิ้นลง มหรรณพและมุกมณีจึงถูกนำตัวเข้าไปยังตำหนักซึ่งถูกจัดไว้ให้เป็นเรือนหอ พอได้อยู่กันตามลำพัง นาคหนุ่มจึงคว้าหมอนกับผ้าห่มทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่มุกมณีกลับถาม
“เจ้าจะไปไหน”
“ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า” มหรรณพตอบ หญิงสาวส่ายหน้าพลางดึงหมอนจากมือเขาโยนลงบนเตียง
“ขืนออกไปตอนนี้ท่านพ่อได้โวยลั่นวังแน่” พูดพลางค้อนขวับก่อนหย่อนตัวลงนั่ง “มีอย่างที่ไหน แต่งงานกันคืนแรกเจ้าบ่าวก็หนีออกจากห้องแล้ว”
“ข้าไม่ได้หนี แต่ทำตามที่เราได้ตกลงกันเอาไว้” มหรรณพกล่าวแก้ มุกมณีสั่นศีรษะ
“จะด้วยเหตุผลใดก็เถอะ ยังไงมันก็ไม่เหมาะ อย่าบอกนะว่าคนเก่งอย่างเจ้าไม่รู้ธรรมเนียมที่ว่า ห้ามบ่าวสาวออกจากห้องในคืนแรกของการแต่งงาน”
“ข้ารู้ดี แต่” นาคหนุ่มทำหน้ากระอักระอ่วนขณะมองหญิงสาวอันเป็นที่รักก่อนหักใจเมินมองไปด้านอื่นเพื่อระงับความต้องการบางอย่างที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในกาย “แบบนี้มันทำใจ
ลำบาก”
มุกมณีเข้าใจความหมายนั้นดี เพราะตอนนี้ตัวเธอก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน ต่างตรงที่มันไม่ใช่อารมณ์พิศวาส แต่เป็นความเศร้าที่นับแต่นี้เธอจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปยังแผ่นดินของมนุษย์ มองดูผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่ ไม่ได้สูดอากาศอันแสนสดชื่นหรือมองท้องฟ้าอันสวยงาม
รวมถึงจะไม่ได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงหัวเราะของจิรายุสอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงชายหนุ่ม น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจปาดมันทิ้ง ต่อให้อาลัยอาวรณ์มากมายแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจเพราะเธอเข้าพิธีวิวาห์กับมหรรณพแล้ว สิ่งที่ควรนึกถึงในตอนนี้ก็คือ ใช้ชีวิตร่วมกับเขาและปกครองอาณาจักรนาคให้สงบสุข
ใช้ชีวิตร่วมกับมหรรณพ
มุกมณีทวนความคิดนั้นซ้ำอีกครั้ง ความปวดร้าวปะทุขึ้นภายในทรวงจนเธอต้องวางมือลงบนอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับความรู้สึกทุกข์ระทมนั้นเอาไว้ ใช่ว่าเธอจะชิงชังรังเกียจนาคหนุ่มผู้นี้ แต่แรงทิฐิกับการต่อต้านคำบงการของพระราชบิดา ทำให้เธอพยายามมองข้ามความดีของมหรรณพ คิดพลางมองนาคหนุ่มซึ่งหนีไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง หนึ่งในนั้นคือการรักษาคำมั่นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขารักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองพลั้งเผลอทำอะไรไปตามแรงปรารถนา จนกว่าเธอจะยินยอมพร้อมใจ
นึกดังนั้นแล้วมุกมณีจึงสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ในเมื่อเธอตัดสินใจร่วมชีวิตกับเขาก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถี หากเธอครองบัลลังก์ร่วมกับมหรรณพ อาณาจักรแห่งนี้จะปลอดภัย ที่สำคัญ ชีวิตของจิรายุสก็จะรอดพ้นอันตรายจากนาคทั้งปวง คิดพลางหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเพื่อลดความประหม่าและเอ่ยปากถาม
“ทำไมไปนั่งตรงนั้นเล่า มหรรณพ”
“ข้ามีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย” นาคหนุ่มตอบ มุกมณีเอียงคอให้ดูน่ารักพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
“อยู่กับข้าแล้วยังต้องคิดอะไรอีก” พูดพลางตบที่นอนข้างตัวเบาๆ “มาคุยกันตรงนี้ดีกว่า”
มหรรณพขมวดคิ้วและมองหญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมเดินมานั่งแต่โดยดี โดยเว้นระยะห่างกับเธอพอสมควร ถึงอย่างนั้นจมูกก็ยังสัมผัสถึงกลิ่นหายอันหอมกรุ่น ความรุ่มร้อนที่เพิ่งดับลงวิ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ความกลัวว่าตัวเองจะพลั้งเผลอทำเรื่องไม่สมควรทำให้เขานั่งตัวแข็งพูดอะไรไม่ออก
“คิดอะไรอยู่หรือ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบอยู่นานมุกมณีจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน แต่นาคหนุ่มกลับสั่นศีรษะ
“เปล่า”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีเรื่องต้องคิด แต่ตอนนี้กลับตอบว่าเปล่า” หญิงสาวพูดพลางขยับเข้าไปใกล้นาคหนุ่มอีกนิด “เจ้ากำลังปิดบังอะไรอยู่ใช่ไหม”
มือแตะบนต้นแขนอย่างแผ่วเบา มหรรณพสั่นศีรษะ
“ข้าไม่เคยปิดบังอะไรเจ้า”
“เจ้าหนีไปนั่งเสียห่าง แถมยังทำท่าเหมือนไม่อยากเข้าใกล้” เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน “ข้าน่ารังเกียจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้นกับเจ้า” มหรรณพตอบ มุกมณีจึงแตะปลายคางเขาพร้อมกับพูด
“โกหก”
นาคหนุ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างแรงก่อนพูดเสียงเรียบ
“เจ้าต่างหากที่โกหก” เขารวบมือของหญิงสาวเอาไว้ “ทั้งที่ไม่เคยทำดีกลับข้าแต่คราวนี้กลับใช้วาจาฉอเลาะออดอ้อน คิดลวงข้าให้ตายใจเพื่อจะได้หนีออกไปอีกใช่ไหม”
มุกมณีมีสีหน้าตระหนก เธอรีบส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวปฏิเสธ
“ข้าไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้น”
“ข้าควรเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ” นาคหนุ่มย้อนถาม หญิงสาวเม้มปากแน่นและก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษ ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนไม่ดีก็เลย...” เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับมหรรณพ “แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทุกอย่างที่เจ้าทำเพื่อนครของเรา ดังนั้นข้าขอให้สัญญาว่าจะไม่หลอกลวงเจ้าอีก”
หญิงสาวหยุดเหมือนลังเลก่อนตัดสินใจพูดประโยคต่อมา
“และข้ายอมเป็นของเจ้าตลอดไป”
ดวงตาคู่งามพริ้มหลับลง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อยดุจเชื้อเชิญให้นาคหนุ่มประทับรอยจุมพิตอันแสนหวาน มหรรณพมองดวงหน้างามด้วยหัวใจเต้นระทึก
“มุกมณี”
เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวละเมอ ทั้งที่ระแวงกับการกระทำและพยายามยึดมั่นในคำสัญญา แต่กิริยาของหญิงสาวทำให้นาคหนุ่มลืมสิ้นหมดทุกอย่าง ความรักที่อัดแน่นอยู่เต็มอกปลุกเพลิงปรารถนาที่รุมร้อนอยู่ภายในกายให้ลุกโพลง อ้อมแขนแกร่งโอบกระหวัดรอบเอวหญิงสาวดึงร่างงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอดโดยไม่รู้ตัว มหรรณพมองมุกมณีด้วยดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก และก้มหน้าลงจุมพิตบนเรียวปากอิ่มอย่างอ่อนโยน
“ข้ารักเจ้า” เขากระซิบก่อนไล้จมูกบนพวงแก้ม ลากเรื่อยลงไปตามลำคอ เมื่อร่างในอ้อมกอดสั่นน้อยๆและอ่อนระทวยลง เขาจึงดันเธอลงให้นอนราบพร้อมกับขยับกายทาบทับจากนั้นก็พรมริมฝีปากจูบหญิงสาวไปทั่วทั้งร่างอย่างหลงใหล
“เป็นของข้าเถิดนะ” นาคหนุ่มกล่าวเสียงพร่าเชิงอ้อนวอน หัวใจเต้นอย่างลิงโลดเมื่อเห็นรอยยิ้มเชิงตอบรับจากหญิงสาว มหรรณพจึงก้มลงจูบมุกมณีอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน เก็บเกี่ยวความหวานให้สมกับที่เฝ้าใฝ่ฝัน มือแข็งแกร่งข้างหนึ่งประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ส่วนมืออีกข้างเลื่อนไล้ไปตามลำตัว ไล่ขึ้นมาจากหน้าท้องแบนราบ ผ่านเอวคิดกิ่วเรื่อยไปจนถึงเนินอกสล้าง เขาจึงหยุดและนวดเฟ้นเคล้นคลึงเนินเนื้อคู่งามอย่างนุ่มนวล
ความนุ่มละมุนของผิวกายทำให้มหรรณพแทบคลั่ง เขาถอนริมฝีปากออกและจูบคางกลมมนได้รูปของมุกมณี ไล่เรื่อยลงไปตามลำคอ ไหล่จนถึงทรวงอก แต่ยังไม่ทันปลดอาภรณ์เพื่อลิ้มรสความหวาน นาคหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อคนรักมิได้มีอาการเคลิบเคลิ้มไปกับการโลมเล้าเลยแม้แต่น้อย พอเงยหน้าขึ้นมอง เขาต้องใจหายวาบเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวกำลังไหลพรากออกมาเป็นทาง
“มุกมณี!”
มุกมณีรีบเช็ดมันออกพร้อมกับเบือนหน้าหลบ กระนั้นน้ำตายังคงรินหลั่งออกมาไม่ยอมหยุด นั่นเองที่ทำให้มหรรณพฉุกคิดขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวมิได้เต็มใจเป็นของเขาเลยสักนิด ที่โอนอ่อนผ่อนตามก็เพื่อรักษาคำมั่นที่ได้ให้ไว้ หากเขายังดึงดันต่อไป คงได้แค่เพียงร่างกายแต่ไม่มีวันได้ครองหัวใจของเธอไปตลอดกาล คิดดังนั้นแล้วนาคหนุ่มถึงถอนใจและลุกขึ้นถอยออกห่างแต่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร
เมื่อเห็นมหรรณพผละไปเสียดื้อๆ มุกมณีจึงขยับตามไปกอดพร้อมกับถามเสียงแผ่ว
“เป็นอะไร ทำไมหยุดเสียละ”
นาคหนุ่มส่ายหน้าช้าๆพลางแกะมือนุ่มนิ่มนั้นออก
“ข้าไม่อยากฝืนใจเจ้า”
“พูดอะไรของเจ้า” มุกมณีกล่าวพลางเอนหน้าลงซบแผ่นอกกว้าง “ข้าเต็มใจเองต่างหาก”
มหรรณพระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างแรงเพื่อระงับความปรารถนาที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในกาย มือแกร่งแกะแขนกลมกลึงที่โอบร่างและดันหญิงสาวให้ถอยออกห่างอย่างนุ่มนวล
“เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้”
“ทำอะไร” มุกมณีถามด้วยความงุนงง นาคหนุ่มมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว
“แสร้งทำเป็นมีความสุข”
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย” หญิงสาวพูดพลางเอนตัวเข้าไปหาแต่มหรรณพกลับส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามก่อนกล่าวเสียงเรียบ
“พอแค่นี้เถิดมุกมณี เจ้าอาจยินยอมเข้าพิธีวิวาห์ แต่มิได้เต็มใจเป็นของข้าเลยสักนิด” เขาหยุดเล็กน้อยและขมวดคิ้วเหมือนลังเลว่าควรพูดประโยคต่อไปดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด “กายของเจ้าอิงแอบอยู่กับข้าก็จริง หัวใจกลับล่องลอยขึ้นไปยังโลกมนุษย์”
มุกมณีอ้าปากเตรียมแย้งแต่พอเห็นสายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวดแล้ว คำพูดที่ตั้งใจจะปลอบประโลมก็มลายหายไปหมดสิ้น หญิงสาวเม้มปากตัวเองแน่นและก้มหน้าลง สิ่งที่หลุดปากออกมาเพียง
“ขอโทษ” หยาดน้ำใสบริสุทธิ์เอ่อล้นขอบตา หยดลงมาบนที่นอน กายบอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงวิปโยคแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมา นับเป็นครั้งแรกที่มหรรณพเชื่อว่านั่นเป็นความเศร้าอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาเขาถูกมุกมณีหลอกด้วยวิธีแสร้งบีบน้ำตาร่ำไห้อยู่หลายครั้งด้วยอาการฟูมฟายและตัดพ้อต่อว่า มิใช่นั่งก้มหน้าปล่อยให้น้ำตารินหลั่งโดยปราศจากเสียงเช่นนี้
“มุกมณี” นาคหนุ่มเอ่ยเรียกพลางเชยคางให้ดวงหน้างามเงยขึ้น มือหนึ่งบรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “อย่าร้องไห้ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะ....”
คำพูดหยุดค้างไว้เพียงแค่นั้นเพราะเกิดอาการอัดอั้นตันใจจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก แต่มุกมณีกลับเข้าใจไปอีกทาง นางรีบวางมือลงบนแผ่นอกกว้างพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ข้าหยุดร้องก็ได้ แต่ขออย่าให้เจ้าทำอะไรเขานะ”
คิ้วของนาคหนุ่มมุ่นเข้าหากันในทันที เขาขยับตัวถอยห่างพลางมองหน้าหญิงสาว ดวงตาที่กำลังฉายความวิตกและริ้วรอยของความหวาดหวั่นที่ปรากฏอยู่จางๆช่างเป็นภาพที่บาดหัวใจมหรรณพยิ่งนัก มุกมณีรักมนุษย์ที่ชื่อจิรายุสมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ คิดพลางบดกรามของตัวเองแน่นอย่างนึกน้อยใจ อารมณ์หึงหวงที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลันเกือบทำให้นาคหนุ่มผลุนผลันออกจากห้อง ย้อนกลับขึ้นไปยังแผ่นดินเบื้องบน ลากชายผู้เป็นศัตรูหัวใจลงมาฝังยังใต้ผืนน้ำ แต่สำนึกดีที่ฝังรากลึกอยู่ในดวงจิตยับยั้งความคิดนั้นเอาไว้ได้ มหรรณพจึงถอนใจพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ
“ข้าไม่ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นหรอก”
พูดจบก็ลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง พอเห็นดังนั้นมุกมณีจึงเอ่ยถาม
“เจ้าจะไปไหน”
มุกมณี ( รักละไม ไอทะเล) บทที่ 11 หัวใจของมหรรณพ
ขออภัยที่ห่างไปนานมากนะคะ ต่อไปจะพยายามลงให้ต่อเนื่อง เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อมกับ เทวทูต ที่รักค่ะ
บทที่ 10 คำสารภาพ
http://ppantip.com/topic/31281043
บทที่ 11 หัวใจของมหรรณพ
พิธีอภิเษกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ องค์นาทยสุรีมองมุกมณีซึ่งอยู่ในเครื่องทรงเจ้าหญิงอันงดงามด้วยความภาคภูมิใจก่อนเลื่อนสายพระเนตรไปยังมหรรณพและถอนใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นพระองค์จึงกวาดตามองไปโดยรอบ สีหน้าที่กำลังฉายความผิดหวังของบรรดาราชันย์ เจ้าชายและราชทูตของนาคาต่างอาณาจักรทำให้ทรงมั่นใจว่า แผนการที่วางไว้ประสบความสำเร็จ กษัตริย์องค์ใหม่ของอาณาจักรนาคแห่งท้องมหาสมุทรสามารถปกป้องคุ้มครองประชาชนละราชธิดาของพระองค์ได้ เพราะไม่เพียงความเฉลียวฉลาด ฤทธาของมหรรณพนั้นทั้งแข็งแกร่งและเกรียงไกร ชนิดที่สามารถต่อกรกับครุฑและสยบลงได้ภายในเวลาไม่นาน
เมื่อพิธีการทุกอย่างจบสิ้นลง มหรรณพและมุกมณีจึงถูกนำตัวเข้าไปยังตำหนักซึ่งถูกจัดไว้ให้เป็นเรือนหอ พอได้อยู่กันตามลำพัง นาคหนุ่มจึงคว้าหมอนกับผ้าห่มทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่มุกมณีกลับถาม
“เจ้าจะไปไหน”
“ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า” มหรรณพตอบ หญิงสาวส่ายหน้าพลางดึงหมอนจากมือเขาโยนลงบนเตียง
“ขืนออกไปตอนนี้ท่านพ่อได้โวยลั่นวังแน่” พูดพลางค้อนขวับก่อนหย่อนตัวลงนั่ง “มีอย่างที่ไหน แต่งงานกันคืนแรกเจ้าบ่าวก็หนีออกจากห้องแล้ว”
“ข้าไม่ได้หนี แต่ทำตามที่เราได้ตกลงกันเอาไว้” มหรรณพกล่าวแก้ มุกมณีสั่นศีรษะ
“จะด้วยเหตุผลใดก็เถอะ ยังไงมันก็ไม่เหมาะ อย่าบอกนะว่าคนเก่งอย่างเจ้าไม่รู้ธรรมเนียมที่ว่า ห้ามบ่าวสาวออกจากห้องในคืนแรกของการแต่งงาน”
“ข้ารู้ดี แต่” นาคหนุ่มทำหน้ากระอักระอ่วนขณะมองหญิงสาวอันเป็นที่รักก่อนหักใจเมินมองไปด้านอื่นเพื่อระงับความต้องการบางอย่างที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในกาย “แบบนี้มันทำใจ
ลำบาก”
มุกมณีเข้าใจความหมายนั้นดี เพราะตอนนี้ตัวเธอก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน ต่างตรงที่มันไม่ใช่อารมณ์พิศวาส แต่เป็นความเศร้าที่นับแต่นี้เธอจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปยังแผ่นดินของมนุษย์ มองดูผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่ ไม่ได้สูดอากาศอันแสนสดชื่นหรือมองท้องฟ้าอันสวยงาม
รวมถึงจะไม่ได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงหัวเราะของจิรายุสอีกต่อไป
เมื่อนึกถึงชายหนุ่ม น้ำตาก็เอ่อคลอเบ้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน หญิงสาวเม้มปากแน่นก่อนตัดสินใจปาดมันทิ้ง ต่อให้อาลัยอาวรณ์มากมายแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจเพราะเธอเข้าพิธีวิวาห์กับมหรรณพแล้ว สิ่งที่ควรนึกถึงในตอนนี้ก็คือ ใช้ชีวิตร่วมกับเขาและปกครองอาณาจักรนาคให้สงบสุข
ใช้ชีวิตร่วมกับมหรรณพ
มุกมณีทวนความคิดนั้นซ้ำอีกครั้ง ความปวดร้าวปะทุขึ้นภายในทรวงจนเธอต้องวางมือลงบนอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับความรู้สึกทุกข์ระทมนั้นเอาไว้ ใช่ว่าเธอจะชิงชังรังเกียจนาคหนุ่มผู้นี้ แต่แรงทิฐิกับการต่อต้านคำบงการของพระราชบิดา ทำให้เธอพยายามมองข้ามความดีของมหรรณพ คิดพลางมองนาคหนุ่มซึ่งหนีไปนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง หนึ่งในนั้นคือการรักษาคำมั่นสัญญา เห็นได้ชัดว่าเขารักษาระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้ตนเองพลั้งเผลอทำอะไรไปตามแรงปรารถนา จนกว่าเธอจะยินยอมพร้อมใจ
นึกดังนั้นแล้วมุกมณีจึงสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด ในเมื่อเธอตัดสินใจร่วมชีวิตกับเขาก็ควรปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามวิถี หากเธอครองบัลลังก์ร่วมกับมหรรณพ อาณาจักรแห่งนี้จะปลอดภัย ที่สำคัญ ชีวิตของจิรายุสก็จะรอดพ้นอันตรายจากนาคทั้งปวง คิดพลางหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งเพื่อลดความประหม่าและเอ่ยปากถาม
“ทำไมไปนั่งตรงนั้นเล่า มหรรณพ”
“ข้ามีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย” นาคหนุ่มตอบ มุกมณีเอียงคอให้ดูน่ารักพร้อมกับส่งยิ้มหวาน
“อยู่กับข้าแล้วยังต้องคิดอะไรอีก” พูดพลางตบที่นอนข้างตัวเบาๆ “มาคุยกันตรงนี้ดีกว่า”
มหรรณพขมวดคิ้วและมองหญิงสาวอย่างไม่ไว้ใจแต่ก็ยอมเดินมานั่งแต่โดยดี โดยเว้นระยะห่างกับเธอพอสมควร ถึงอย่างนั้นจมูกก็ยังสัมผัสถึงกลิ่นหายอันหอมกรุ่น ความรุ่มร้อนที่เพิ่งดับลงวิ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง ความกลัวว่าตัวเองจะพลั้งเผลอทำเรื่องไม่สมควรทำให้เขานั่งตัวแข็งพูดอะไรไม่ออก
“คิดอะไรอยู่หรือ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบอยู่นานมุกมณีจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน แต่นาคหนุ่มกลับสั่นศีรษะ
“เปล่า”
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีเรื่องต้องคิด แต่ตอนนี้กลับตอบว่าเปล่า” หญิงสาวพูดพลางขยับเข้าไปใกล้นาคหนุ่มอีกนิด “เจ้ากำลังปิดบังอะไรอยู่ใช่ไหม”
มือแตะบนต้นแขนอย่างแผ่วเบา มหรรณพสั่นศีรษะ
“ข้าไม่เคยปิดบังอะไรเจ้า”
“เจ้าหนีไปนั่งเสียห่าง แถมยังทำท่าเหมือนไม่อยากเข้าใกล้” เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาออดอ้อน “ข้าน่ารังเกียจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
“ข้าไม่เคยคิดแบบนั้นกับเจ้า” มหรรณพตอบ มุกมณีจึงแตะปลายคางเขาพร้อมกับพูด
“โกหก”
นาคหนุ่มระบายลมหายใจออกมาอย่างแรงก่อนพูดเสียงเรียบ
“เจ้าต่างหากที่โกหก” เขารวบมือของหญิงสาวเอาไว้ “ทั้งที่ไม่เคยทำดีกลับข้าแต่คราวนี้กลับใช้วาจาฉอเลาะออดอ้อน คิดลวงข้าให้ตายใจเพื่อจะได้หนีออกไปอีกใช่ไหม”
มุกมณีมีสีหน้าตระหนก เธอรีบส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวปฏิเสธ
“ข้าไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้น”
“ข้าควรเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ” นาคหนุ่มย้อนถาม หญิงสาวเม้มปากแน่นและก้มหน้าอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษ ตอนแรกข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนไม่ดีก็เลย...” เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับมหรรณพ “แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทุกอย่างที่เจ้าทำเพื่อนครของเรา ดังนั้นข้าขอให้สัญญาว่าจะไม่หลอกลวงเจ้าอีก”
หญิงสาวหยุดเหมือนลังเลก่อนตัดสินใจพูดประโยคต่อมา
“และข้ายอมเป็นของเจ้าตลอดไป”
ดวงตาคู่งามพริ้มหลับลง ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อยดุจเชื้อเชิญให้นาคหนุ่มประทับรอยจุมพิตอันแสนหวาน มหรรณพมองดวงหน้างามด้วยหัวใจเต้นระทึก
“มุกมณี”
เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวละเมอ ทั้งที่ระแวงกับการกระทำและพยายามยึดมั่นในคำสัญญา แต่กิริยาของหญิงสาวทำให้นาคหนุ่มลืมสิ้นหมดทุกอย่าง ความรักที่อัดแน่นอยู่เต็มอกปลุกเพลิงปรารถนาที่รุมร้อนอยู่ภายในกายให้ลุกโพลง อ้อมแขนแกร่งโอบกระหวัดรอบเอวหญิงสาวดึงร่างงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอดโดยไม่รู้ตัว มหรรณพมองมุกมณีด้วยดวงตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก และก้มหน้าลงจุมพิตบนเรียวปากอิ่มอย่างอ่อนโยน
“ข้ารักเจ้า” เขากระซิบก่อนไล้จมูกบนพวงแก้ม ลากเรื่อยลงไปตามลำคอ เมื่อร่างในอ้อมกอดสั่นน้อยๆและอ่อนระทวยลง เขาจึงดันเธอลงให้นอนราบพร้อมกับขยับกายทาบทับจากนั้นก็พรมริมฝีปากจูบหญิงสาวไปทั่วทั้งร่างอย่างหลงใหล
“เป็นของข้าเถิดนะ” นาคหนุ่มกล่าวเสียงพร่าเชิงอ้อนวอน หัวใจเต้นอย่างลิงโลดเมื่อเห็นรอยยิ้มเชิงตอบรับจากหญิงสาว มหรรณพจึงก้มลงจูบมุกมณีอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน เก็บเกี่ยวความหวานให้สมกับที่เฝ้าใฝ่ฝัน มือแข็งแกร่งข้างหนึ่งประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ส่วนมืออีกข้างเลื่อนไล้ไปตามลำตัว ไล่ขึ้นมาจากหน้าท้องแบนราบ ผ่านเอวคิดกิ่วเรื่อยไปจนถึงเนินอกสล้าง เขาจึงหยุดและนวดเฟ้นเคล้นคลึงเนินเนื้อคู่งามอย่างนุ่มนวล
ความนุ่มละมุนของผิวกายทำให้มหรรณพแทบคลั่ง เขาถอนริมฝีปากออกและจูบคางกลมมนได้รูปของมุกมณี ไล่เรื่อยลงไปตามลำคอ ไหล่จนถึงทรวงอก แต่ยังไม่ทันปลดอาภรณ์เพื่อลิ้มรสความหวาน นาคหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อคนรักมิได้มีอาการเคลิบเคลิ้มไปกับการโลมเล้าเลยแม้แต่น้อย พอเงยหน้าขึ้นมอง เขาต้องใจหายวาบเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวกำลังไหลพรากออกมาเป็นทาง
“มุกมณี!”
มุกมณีรีบเช็ดมันออกพร้อมกับเบือนหน้าหลบ กระนั้นน้ำตายังคงรินหลั่งออกมาไม่ยอมหยุด นั่นเองที่ทำให้มหรรณพฉุกคิดขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวมิได้เต็มใจเป็นของเขาเลยสักนิด ที่โอนอ่อนผ่อนตามก็เพื่อรักษาคำมั่นที่ได้ให้ไว้ หากเขายังดึงดันต่อไป คงได้แค่เพียงร่างกายแต่ไม่มีวันได้ครองหัวใจของเธอไปตลอดกาล คิดดังนั้นแล้วนาคหนุ่มถึงถอนใจและลุกขึ้นถอยออกห่างแต่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร
เมื่อเห็นมหรรณพผละไปเสียดื้อๆ มุกมณีจึงขยับตามไปกอดพร้อมกับถามเสียงแผ่ว
“เป็นอะไร ทำไมหยุดเสียละ”
นาคหนุ่มส่ายหน้าช้าๆพลางแกะมือนุ่มนิ่มนั้นออก
“ข้าไม่อยากฝืนใจเจ้า”
“พูดอะไรของเจ้า” มุกมณีกล่าวพลางเอนหน้าลงซบแผ่นอกกว้าง “ข้าเต็มใจเองต่างหาก”
มหรรณพระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างแรงเพื่อระงับความปรารถนาที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในกาย มือแกร่งแกะแขนกลมกลึงที่โอบร่างและดันหญิงสาวให้ถอยออกห่างอย่างนุ่มนวล
“เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้”
“ทำอะไร” มุกมณีถามด้วยความงุนงง นาคหนุ่มมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว
“แสร้งทำเป็นมีความสุข”
“ทำไมข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย” หญิงสาวพูดพลางเอนตัวเข้าไปหาแต่มหรรณพกลับส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามก่อนกล่าวเสียงเรียบ
“พอแค่นี้เถิดมุกมณี เจ้าอาจยินยอมเข้าพิธีวิวาห์ แต่มิได้เต็มใจเป็นของข้าเลยสักนิด” เขาหยุดเล็กน้อยและขมวดคิ้วเหมือนลังเลว่าควรพูดประโยคต่อไปดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจกล่าวออกมาในที่สุด “กายของเจ้าอิงแอบอยู่กับข้าก็จริง หัวใจกลับล่องลอยขึ้นไปยังโลกมนุษย์”
มุกมณีอ้าปากเตรียมแย้งแต่พอเห็นสายตาที่มองมาอย่างเจ็บปวดแล้ว คำพูดที่ตั้งใจจะปลอบประโลมก็มลายหายไปหมดสิ้น หญิงสาวเม้มปากตัวเองแน่นและก้มหน้าลง สิ่งที่หลุดปากออกมาเพียง
“ขอโทษ” หยาดน้ำใสบริสุทธิ์เอ่อล้นขอบตา หยดลงมาบนที่นอน กายบอบบางสั่นสะท้านด้วยแรงวิปโยคแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมา นับเป็นครั้งแรกที่มหรรณพเชื่อว่านั่นเป็นความเศร้าอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมาเขาถูกมุกมณีหลอกด้วยวิธีแสร้งบีบน้ำตาร่ำไห้อยู่หลายครั้งด้วยอาการฟูมฟายและตัดพ้อต่อว่า มิใช่นั่งก้มหน้าปล่อยให้น้ำตารินหลั่งโดยปราศจากเสียงเช่นนี้
“มุกมณี” นาคหนุ่มเอ่ยเรียกพลางเชยคางให้ดวงหน้างามเงยขึ้น มือหนึ่งบรรจงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “อย่าร้องไห้ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะ....”
คำพูดหยุดค้างไว้เพียงแค่นั้นเพราะเกิดอาการอัดอั้นตันใจจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก แต่มุกมณีกลับเข้าใจไปอีกทาง นางรีบวางมือลงบนแผ่นอกกว้างพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตระหนก
“ข้าหยุดร้องก็ได้ แต่ขออย่าให้เจ้าทำอะไรเขานะ”
คิ้วของนาคหนุ่มมุ่นเข้าหากันในทันที เขาขยับตัวถอยห่างพลางมองหน้าหญิงสาว ดวงตาที่กำลังฉายความวิตกและริ้วรอยของความหวาดหวั่นที่ปรากฏอยู่จางๆช่างเป็นภาพที่บาดหัวใจมหรรณพยิ่งนัก มุกมณีรักมนุษย์ที่ชื่อจิรายุสมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ คิดพลางบดกรามของตัวเองแน่นอย่างนึกน้อยใจ อารมณ์หึงหวงที่พวยพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลันเกือบทำให้นาคหนุ่มผลุนผลันออกจากห้อง ย้อนกลับขึ้นไปยังแผ่นดินเบื้องบน ลากชายผู้เป็นศัตรูหัวใจลงมาฝังยังใต้ผืนน้ำ แต่สำนึกดีที่ฝังรากลึกอยู่ในดวงจิตยับยั้งความคิดนั้นเอาไว้ได้ มหรรณพจึงถอนใจพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ
“ข้าไม่ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นหรอก”
พูดจบก็ลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง พอเห็นดังนั้นมุกมณีจึงเอ่ยถาม
“เจ้าจะไปไหน”