บทที่ 11 หัวใจของมหรรณพ
http://ppantip.com/topic/32221777
บทที่ 12 แสงตะวันเหนือผิวน้ำ
หลังจากมหรรณพพ้นจากห้องไปแล้ว มุกมณียังคงนั่งเป็นรูปปั้นบนเตียงในท่าเดิม ความงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปทำให้หญิงสาวคิดว่าเขาคงผลุนผลันออกไปด้วยแรงอารมณ์และกลับเข้ามาในอีกไม่นาน แต่พอเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ นาคหนุ่มก็มิได้ย่างกรายเข้ามาในห้อง เป็นอันว่าเขายอมปล่อยเธอตามวาจาที่ลั่นไว้ แต่เหตุใดมหรรณพจึงทำเช่นนั้น ในเมื่อเขาเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน
ทำไม
คำถามผุดขึ้นในความคิด คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน หัวใจที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่เต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อหวนนึกถึงตอนที่ถูกนาคหนุ่มเล้าโลม ช่วงเวลานั้นมุกมณีมิได้โอนอ่อนไปกับเขาเลยสักนิด เพราะในใจเฝ้าคร่ำครวญถึงจิรายุสตลอดเวลา ความเศร้าที่จำต้องสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับชายที่เธอไม่เคยรัก ทำให้หญิงสาวไม่อยากกระทำสิ่งใดทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะคิดขัดขืนหรือป้องกัน สิ่งเดียวที่คิดอยู่ในตอนนั้นก็คือ ก้มหน้ายอมรับชะตาชีวิตที่พระบิดาทรงลิขิตไว้ให้ ความคิดดังกล่าวทำให้มุกมณีข่มอารมณ์และความรู้สึกทั้งหลายเอาไว้ได้ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่เธอไม่อาจสกัดกลั้น จึงจำต้องปล่อยให้มันไหลพรากออกมา แม้จะพยายามข่มเสียงมิให้เล็ดรอดออกมาเป็นพิรุธแต่มหรรณพก็ยังอุตส่าห์สังเกตเห็น มุกมณีกลัวเหลือเกินว่าพอเขารู้ถึงสาเหตุแล้วจะใช้กำลังบังคับหรือเผ่นออกไปฆ่าจิรายุส แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ไม่เพียงแค่ยอมตัดใจ เขายังรับปากอีกว่าจะไม่มีการแตะต้องชายที่เธอรักแม้เพียงปลายก้อย
พอนึกถึงตรงนี้แล้วเรือนร่างแสนสวยก็คู้ลงเล็กน้อยขณะที่มือทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มุกมณีคิดว่ามหรรณพก็ไม่ต่างไปจากผู้ชายทั่วไป คือมีความมักใหญ่ใฝ่สูง ปรารถนาที่จะครอบครองทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรของชนนาคหรือร่างกายของเธอ จนเป็นเหตุให้หญิงสาวตัดสินเอาเองว่า นาคหนุ่มผู้นี้เป็นคนใจดำ ไม่เคยเห็นอกเห็นใจผู้ใด ไม่รู้จักคำว่าเสียสละ ถึงแม้จะเก่งกาจถึงขั้นสยบครุฑได้แต่กลับหลงใหลมัวเมาในอำนาจจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น กระทั่งเย็นวาน เรื่องราวของบิดาและอาณาจักรที่พร่างพรูออกมาจากปากของเขาทำให้มุกมณีสำนึกว่า มองมหรรณพผิดไป ยิ่งได้ยินคำพูดกับการกระทำอันแสนสุภาพเมื่อครู่ด้วยแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มได้คิด และมองนาคหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าเดิม
มุกมณีระบายลมหายใจยาว และหลับตาลง ต่อให้มองเขาในแง่ดีแค่ไหน ความรู้สึกของเธอที่มีต่อจิรายุสก็ยังมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเธอก็ตาม
หญิงสาวนั่งคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆตามด้วยเสียงเรียกของนางกำนัล
“เจ้าหญิงมุกมณี”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ด้วยญาณทิพย์แห่งนาค ทำให้เธอรู้ว่าเบื้องบนในตอนนี้แสงอรุณของเช้าวันใหม่กำลังเริ่มต้น มุกมณีถอนหายใจยาวๆก่อนขยับตัวย้ายจากเตียงนอนไปนั่งบนเก้าอี้ในขณะเดียวกันก็เอ่ยปากอนุญาต
“เข้ามาสิ”
สิ้นคำนางกำนัลจำนวนห้าคนก็เดินเรียงแถวกันเข้ามา เมื่อคำนับราชธิดาแห่งนครบาดาลแล้วทั้งหมดก็แยกกันปฏิบัติหน้าที่เริ่มตั้งแต่เก็บที่นอน จัดเตรียมน้ำและเครื่องทรงชุดใหม่ ซึ่งงานในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลสามคน ทั้งหมดปรนนิบัติด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตามองเฉพาะแต่สิ่งที่กำลังทำตรงหน้า ท่าทางของทุกคนทำให้มุกมณีต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ที่ไม่มีใครสนใจหรือคิดจะไต่ถามว่าเหตุใดเจ้าสาวหมาดๆอย่างเธอจึงอยู่ในห้องตามลำพังเพียงผู้เดียว
“มหรรณพล่ะ”
เมื่อไม่มีคนถาม หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดเสียเอง หนึ่งในนั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนตอบอย่างนอบน้อม
“ท่านมหรรณพกำลังรอพระองค์อยู่ที่อุทยาน”
มุกมณีเลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมานาคหนุ่มผู้นี้ไม่เคยมีอารมณ์สุนทรีย์จนถึงขนาดจะลงไปเที่ยวชมสวน ซึ่งอันที่จริงแล้วก็คือมวลหมู่ปะการังที่มีรูปแบบอันงดงามกับดอกไม้ทะเลหลากสีสันเท่านั้น แล้วไฉนวันนี้เขาจึงไปรอเธอที่นั่น อย่าบอกนะว่าเป็นการทำเพื่อเอาใจ
“ช่วยไปบอกเขาทีว่าข้าอยากอยู่แต่ในห้อง”
“ท่านมหรรณพกำชับให้แจ้งแก่พระองค์ว่า ขอร้องให้ออกไป”
คิ้วมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมานาคหนุ่มผู้นี้คุ้นเคยกับการออกคำสั่งผู้อื่นไม่เว้นแม้แต่เธอ ซึ่งเป็นราชธิดาของจอมนาคานาทยสุรี
“ข้าไม่อยากออกไปไหน”
“ท่านมหรรณพทราบดีว่าเจ้าหญิงต้องทรงกล่าวเช่นนั้น” นางกำนัลผู้หนึ่งพูด “จึงฝากคำพูดหนึ่งมาให้”
“คำพูดอะไร”
“ได้โปรด”
คำนั้นทำให้มุกมณีถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าคนหยิ่งยะโสจอมวางท่าอย่างมหรรณพจะรู้จักใช้คำเชิงอ้อนวอนแบบนี้ด้วย จากอดีตที่ผ่านมา หากเธอกล่าวคำปฏิเสธหรือบอกปัดอย่างไม่มีเยื่อใย เขาจะละทิ้งภารกิจทุกอย่างแล้วมุ่งตรงเข้ามาในตำหนัก จากนั้นก็จะออกคำสั่งแกมบังคับจนเธอต้องทำตามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เขาพูดอย่างนั้นจริงๆหรือ”
“จริงเจ้าค่ะ”
มุกมณีมองหน้าคนพูดอย่างจ้องจับผิด เพราะคิดว่านางกำนัลผู้นั้นอาจแสร้งปั้นคำพูดสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพื่อหลอกเธอก็เป็นได้ แต่พอมานึกดูอีกที ข้ารับใช้อย่างนางจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร เพราะหากถูกจับได้ว่าเป็นการโป้ปด โทษที่ได้รับมันไม่คุ้มกับสิ่งที่ทำเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องไปตามคำเชิญสินะ”
หญิงสาวพูดเหมือนเปรยกับตัวเองมากกว่า แต่นางกำนัลทั้งห้าต่างผงกศีรษะรับอย่างพร้อมเพรียง พอเห็นแบบนั้นแล้วมุกมณีเริ่มสะกิดใจถึงอะไรบางอย่าง บางทีการนัดพบของมหรรณพ อาจไม่ได้มีแค่การเดินชมสวนของคู่รักหลังงานวิวาห์ แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ในเมื่อตัดสินใจร่วมชีวิตกับเขาอยู่ที่นี่แล้ว เธอก็ต้องยืดอก ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นาคหนุ่มมอบให้โดยปราศจากความคลางแคลงใจ
คิดดังนั้นแล้วหญิงสาวจึงยอมให้นางกำนัลแต่งองค์ทรงเครื่องแต่โดยดี อันที่จริงมันก็แทบจะเหมือนกับตอนที่เธอเตรียมตัวเพื่อเดินแบบ จะต่างกันก็ตรงที่รูปแบบของเสื้อผ้ากับความรู้สึก ตอนอยู่บนโลกมนุษย์ เพราะชุดบนโลกมนุษย์ผันแปรไปตามวงการแฟชั่น แต่เครื่องแต่งกายของชาวบาดาล ยังคงรูปแบบโบราณเหมือนเช่นเดิม
มุกมณีถอนใจออกมาเบาๆก่อนก้มหน้าลงพิจารณาเครื่องทรงของตัวเอง แต่พอเห็นผ้านุ่งสีเขียวเหลือบทองยาวกรอมเท้า หญิงสาวก็อดนึกถึงชุดที่สวมตอนถ่ายแบบปฏิทินไม่ได้ หัวใจกระหวัดถึงจิรายุสในทันใด น้ำใสๆเริ่มปริ่มขึ้นมาในดวงตา เธอรีบยกมือขึ้นปาดมันออกอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยถาม มุกมณีส่ายหน้าและส่งยิ้มให้พร้อมกับตอบ
“ผงเข้าตาน่ะ”
เธอตอบและรีบก้าวไปที่ประตูเหมือนต้องการตัดบท นางกำนัลทั้งห้ารีบเดินตาม
“จะไปไหนหรือเจ้าคะ” หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงตระหนก เพราะกลัวว่าเจ้าหญิงแห่งนครบาดาลจะแผลงฤทธิ์ อาละวาดพังข้าวของอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แต่มุกมณีกลับหยุดและหันมาโปรยยิ้มให้กับทุกคน
“ข้าจะไปพบมหรรณพตามคำเชิญ”
พูดจบก็เดินออกจากห้อง นางกำนัลทั้งห้าต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ที่ครั้งนี้คนเจ้าอารมณ์อย่างมุกมณีมิได้แสดงอาการเกรี้ยวกราดเหมือนดังเช่นทุกครั้ง หรือว่าการขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบน ได้พบเห็นพวกมนุษย์และสิ่งต่างๆมามากมายรวมถึงการแต่งงานกับมหรรณพ ทำให้เจ้าหญิงจอมเอาแต่ใจของพวกนาง เปลี่ยนไป
ทั้งหมดถอนใจพร้อมกันอีกครั้ง หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็นับว่าเรื่องที่ดี คำถามเดียวที่ค้างคาอยู่ภายในใจก็คือ ความสงบเสงี่ยมที่เห็นอยู่ในตอนนี้ จะคงอยู่ได้นานเท่าใด
มุกมณีเยื้องย่างไปตามทางที่ปูด้วยศิลาสีเข้มที่ทอดยาวไปยังอุทยาน แม้จะเป็นการก้าวเดินอย่างแช่มช้าด้วยท่วงท่าสง่างามดุจนางพญา แต่หัวใจของหญิงสาวกลับร้อนรุ่มไปด้วยความสงสัยในการกระทำของมหรรณพ ความอาลัยอาวรณ์ต่อจิรายุสที่เธอเผลอแสดงออกมา อาจจะทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดและวางแผนการอันชั่วร้ายเพื่อกำจัดหนามหัวใจให้พ้นทาง แต่พอนึกอีกที ก่อนออกจากห้อง เขาก็รับปากเป็นมั่นเหมาะแล้วมิใช่หรือว่า จะไม่ขึ้นไปยุ่งเกี่ยวบนโลกมนุษย์อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงควรวางใจเรื่องที่นาคหนุ่มผู้นี้จะลงมือทำร้ายจิรายุส
คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ด้วยนิสัยของมหรรณพ ที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับผู้ใด ย่อมไม่มีวันปล่อยให้หัวใจของเธอเป็นของคนอื่น ถ้าเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาตัดสินใจลงมือทำสิ่งตรงกันข้ามกับวาจาที่ลั่นเอาไว้ล่ะ เธอจะทำอย่างไร
ริมฝีปากอิ่มเม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอจะกลับขึ้นไปยังพื้นพิภพอีกครั้งเพื่อปกป้องชายอันเป็นที่รัก แม้รู้ดีว่าตัวเองไม่มีวันต่อกรกับนาคผู้ทรงฤทธิ์อย่างมหรรณพได้เลยก็ตาม
คิดพลางระบายลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เท้าทั้งสองก้าวล่วงเข้าไปในอุทยานอันงดงาม ส่วนดวงตาก็สอดส่ายมองหานาคหนุ่ม และพบว่าเขากำลังมองตรงมายังเธอเช่นเดียวกัน
“มุกมณี”
มหรรณพเอ่ยเรียกหญิงสาวอย่างอ่อนโยน มุกมณีสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขาพร้อมกับเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไร ทำไมจึงเรียกข้ามาที่นี่”
“ข้าอยากชมสวนกับเจ้า” นาคหนุ่มตอบพร้อมกับผายมือมาข้างหน้า หญิงสาวมองอย่างลังเลก่อนตัดสินใจยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับ หัวใจเต้นระรัวเมื่อเห็นรอยยิ้มด้วยความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เป็นนิจ นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความอ่อนโยนเช่นนี้จากคนแข็งกระด้างอย่างมหรรณพ พวงแก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว เธอจึงรีบก้มลงหลบเพื่อซ่อนความเขินอาย
“แค่เดินดูสวน ไม่เห็นต้องทำท่าดีใจถึงขนาดนั้น” มุกมณีพูดอ้อมแอ้มโดยไม่ยอมเงยหน้า จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่านาคหนุ่มกำลังเอียงคอน้อยๆและมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นครั้งแรกที่เจ้ายอมเดินเคียงคู่”
“ข้ามีทางเลือกด้วยหรือ” มุกมณีถามพลางแกล้งเลื่อนสายตามองสีสันอันสวยงามของมวลหมู่ปะการัง มหรรณพส่งยิ้มให้กับเธอ
“เจ้ามีทางเลือกเสมอมุกมณี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยขณะพาหญิงสาวลัดเลาะไปตามทางเดิน “เพียงแต่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางใดเท่านั้น”
มุกมณี บทที่ 12 แสงตะวันเหนือผิวน้ำ
http://ppantip.com/topic/32221777
บทที่ 12 แสงตะวันเหนือผิวน้ำ
หลังจากมหรรณพพ้นจากห้องไปแล้ว มุกมณียังคงนั่งเป็นรูปปั้นบนเตียงในท่าเดิม ความงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปทำให้หญิงสาวคิดว่าเขาคงผลุนผลันออกไปด้วยแรงอารมณ์และกลับเข้ามาในอีกไม่นาน แต่พอเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ นาคหนุ่มก็มิได้ย่างกรายเข้ามาในห้อง เป็นอันว่าเขายอมปล่อยเธอตามวาจาที่ลั่นไว้ แต่เหตุใดมหรรณพจึงทำเช่นนั้น ในเมื่อเขาเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน
ทำไม
คำถามผุดขึ้นในความคิด คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน หัวใจที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่เต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อหวนนึกถึงตอนที่ถูกนาคหนุ่มเล้าโลม ช่วงเวลานั้นมุกมณีมิได้โอนอ่อนไปกับเขาเลยสักนิด เพราะในใจเฝ้าคร่ำครวญถึงจิรายุสตลอดเวลา ความเศร้าที่จำต้องสูญเสียพรหมจรรย์ให้กับชายที่เธอไม่เคยรัก ทำให้หญิงสาวไม่อยากกระทำสิ่งใดทั้งนั้น ไม่แม้แต่จะคิดขัดขืนหรือป้องกัน สิ่งเดียวที่คิดอยู่ในตอนนั้นก็คือ ก้มหน้ายอมรับชะตาชีวิตที่พระบิดาทรงลิขิตไว้ให้ ความคิดดังกล่าวทำให้มุกมณีข่มอารมณ์และความรู้สึกทั้งหลายเอาไว้ได้ มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่เธอไม่อาจสกัดกลั้น จึงจำต้องปล่อยให้มันไหลพรากออกมา แม้จะพยายามข่มเสียงมิให้เล็ดรอดออกมาเป็นพิรุธแต่มหรรณพก็ยังอุตส่าห์สังเกตเห็น มุกมณีกลัวเหลือเกินว่าพอเขารู้ถึงสาเหตุแล้วจะใช้กำลังบังคับหรือเผ่นออกไปฆ่าจิรายุส แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ไม่เพียงแค่ยอมตัดใจ เขายังรับปากอีกว่าจะไม่มีการแตะต้องชายที่เธอรักแม้เพียงปลายก้อย
พอนึกถึงตรงนี้แล้วเรือนร่างแสนสวยก็คู้ลงเล็กน้อยขณะที่มือทั้งสองข้างยกขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มุกมณีคิดว่ามหรรณพก็ไม่ต่างไปจากผู้ชายทั่วไป คือมีความมักใหญ่ใฝ่สูง ปรารถนาที่จะครอบครองทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรของชนนาคหรือร่างกายของเธอ จนเป็นเหตุให้หญิงสาวตัดสินเอาเองว่า นาคหนุ่มผู้นี้เป็นคนใจดำ ไม่เคยเห็นอกเห็นใจผู้ใด ไม่รู้จักคำว่าเสียสละ ถึงแม้จะเก่งกาจถึงขั้นสยบครุฑได้แต่กลับหลงใหลมัวเมาในอำนาจจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น กระทั่งเย็นวาน เรื่องราวของบิดาและอาณาจักรที่พร่างพรูออกมาจากปากของเขาทำให้มุกมณีสำนึกว่า มองมหรรณพผิดไป ยิ่งได้ยินคำพูดกับการกระทำอันแสนสุภาพเมื่อครู่ด้วยแล้ว หญิงสาวจึงเริ่มได้คิด และมองนาคหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าเดิม
มุกมณีระบายลมหายใจยาว และหลับตาลง ต่อให้มองเขาในแง่ดีแค่ไหน ความรู้สึกของเธอที่มีต่อจิรายุสก็ยังมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเธอก็ตาม
หญิงสาวนั่งคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆตามด้วยเสียงเรียกของนางกำนัล
“เจ้าหญิงมุกมณี”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเพดาน ด้วยญาณทิพย์แห่งนาค ทำให้เธอรู้ว่าเบื้องบนในตอนนี้แสงอรุณของเช้าวันใหม่กำลังเริ่มต้น มุกมณีถอนหายใจยาวๆก่อนขยับตัวย้ายจากเตียงนอนไปนั่งบนเก้าอี้ในขณะเดียวกันก็เอ่ยปากอนุญาต
“เข้ามาสิ”
สิ้นคำนางกำนัลจำนวนห้าคนก็เดินเรียงแถวกันเข้ามา เมื่อคำนับราชธิดาแห่งนครบาดาลแล้วทั้งหมดก็แยกกันปฏิบัติหน้าที่เริ่มตั้งแต่เก็บที่นอน จัดเตรียมน้ำและเครื่องทรงชุดใหม่ ซึ่งงานในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลสามคน ทั้งหมดปรนนิบัติด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตามองเฉพาะแต่สิ่งที่กำลังทำตรงหน้า ท่าทางของทุกคนทำให้มุกมณีต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ที่ไม่มีใครสนใจหรือคิดจะไต่ถามว่าเหตุใดเจ้าสาวหมาดๆอย่างเธอจึงอยู่ในห้องตามลำพังเพียงผู้เดียว
“มหรรณพล่ะ”
เมื่อไม่มีคนถาม หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดเสียเอง หนึ่งในนั้นก้มศีรษะลงเล็กน้อยก่อนตอบอย่างนอบน้อม
“ท่านมหรรณพกำลังรอพระองค์อยู่ที่อุทยาน”
มุกมณีเลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมานาคหนุ่มผู้นี้ไม่เคยมีอารมณ์สุนทรีย์จนถึงขนาดจะลงไปเที่ยวชมสวน ซึ่งอันที่จริงแล้วก็คือมวลหมู่ปะการังที่มีรูปแบบอันงดงามกับดอกไม้ทะเลหลากสีสันเท่านั้น แล้วไฉนวันนี้เขาจึงไปรอเธอที่นั่น อย่าบอกนะว่าเป็นการทำเพื่อเอาใจ
“ช่วยไปบอกเขาทีว่าข้าอยากอยู่แต่ในห้อง”
“ท่านมหรรณพกำชับให้แจ้งแก่พระองค์ว่า ขอร้องให้ออกไป”
คิ้วมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่แปลกใจอะไรนัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมานาคหนุ่มผู้นี้คุ้นเคยกับการออกคำสั่งผู้อื่นไม่เว้นแม้แต่เธอ ซึ่งเป็นราชธิดาของจอมนาคานาทยสุรี
“ข้าไม่อยากออกไปไหน”
“ท่านมหรรณพทราบดีว่าเจ้าหญิงต้องทรงกล่าวเช่นนั้น” นางกำนัลผู้หนึ่งพูด “จึงฝากคำพูดหนึ่งมาให้”
“คำพูดอะไร”
“ได้โปรด”
คำนั้นทำให้มุกมณีถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าคนหยิ่งยะโสจอมวางท่าอย่างมหรรณพจะรู้จักใช้คำเชิงอ้อนวอนแบบนี้ด้วย จากอดีตที่ผ่านมา หากเธอกล่าวคำปฏิเสธหรือบอกปัดอย่างไม่มีเยื่อใย เขาจะละทิ้งภารกิจทุกอย่างแล้วมุ่งตรงเข้ามาในตำหนัก จากนั้นก็จะออกคำสั่งแกมบังคับจนเธอต้องทำตามอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“เขาพูดอย่างนั้นจริงๆหรือ”
“จริงเจ้าค่ะ”
มุกมณีมองหน้าคนพูดอย่างจ้องจับผิด เพราะคิดว่านางกำนัลผู้นั้นอาจแสร้งปั้นคำพูดสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพื่อหลอกเธอก็เป็นได้ แต่พอมานึกดูอีกที ข้ารับใช้อย่างนางจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร เพราะหากถูกจับได้ว่าเป็นการโป้ปด โทษที่ได้รับมันไม่คุ้มกับสิ่งที่ทำเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องไปตามคำเชิญสินะ”
หญิงสาวพูดเหมือนเปรยกับตัวเองมากกว่า แต่นางกำนัลทั้งห้าต่างผงกศีรษะรับอย่างพร้อมเพรียง พอเห็นแบบนั้นแล้วมุกมณีเริ่มสะกิดใจถึงอะไรบางอย่าง บางทีการนัดพบของมหรรณพ อาจไม่ได้มีแค่การเดินชมสวนของคู่รักหลังงานวิวาห์ แต่จะเป็นอะไรก็ช่าง ในเมื่อตัดสินใจร่วมชีวิตกับเขาอยู่ที่นี่แล้ว เธอก็ต้องยืดอก ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่นาคหนุ่มมอบให้โดยปราศจากความคลางแคลงใจ
คิดดังนั้นแล้วหญิงสาวจึงยอมให้นางกำนัลแต่งองค์ทรงเครื่องแต่โดยดี อันที่จริงมันก็แทบจะเหมือนกับตอนที่เธอเตรียมตัวเพื่อเดินแบบ จะต่างกันก็ตรงที่รูปแบบของเสื้อผ้ากับความรู้สึก ตอนอยู่บนโลกมนุษย์ เพราะชุดบนโลกมนุษย์ผันแปรไปตามวงการแฟชั่น แต่เครื่องแต่งกายของชาวบาดาล ยังคงรูปแบบโบราณเหมือนเช่นเดิม
มุกมณีถอนใจออกมาเบาๆก่อนก้มหน้าลงพิจารณาเครื่องทรงของตัวเอง แต่พอเห็นผ้านุ่งสีเขียวเหลือบทองยาวกรอมเท้า หญิงสาวก็อดนึกถึงชุดที่สวมตอนถ่ายแบบปฏิทินไม่ได้ หัวใจกระหวัดถึงจิรายุสในทันใด น้ำใสๆเริ่มปริ่มขึ้นมาในดวงตา เธอรีบยกมือขึ้นปาดมันออกอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” นางกำนัลคนหนึ่งเอ่ยถาม มุกมณีส่ายหน้าและส่งยิ้มให้พร้อมกับตอบ
“ผงเข้าตาน่ะ”
เธอตอบและรีบก้าวไปที่ประตูเหมือนต้องการตัดบท นางกำนัลทั้งห้ารีบเดินตาม
“จะไปไหนหรือเจ้าคะ” หนึ่งในนั้นถามด้วยน้ำเสียงตระหนก เพราะกลัวว่าเจ้าหญิงแห่งนครบาดาลจะแผลงฤทธิ์ อาละวาดพังข้าวของอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แต่มุกมณีกลับหยุดและหันมาโปรยยิ้มให้กับทุกคน
“ข้าจะไปพบมหรรณพตามคำเชิญ”
พูดจบก็เดินออกจากห้อง นางกำนัลทั้งห้าต่างมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ที่ครั้งนี้คนเจ้าอารมณ์อย่างมุกมณีมิได้แสดงอาการเกรี้ยวกราดเหมือนดังเช่นทุกครั้ง หรือว่าการขึ้นไปอยู่บนโลกเบื้องบน ได้พบเห็นพวกมนุษย์และสิ่งต่างๆมามากมายรวมถึงการแต่งงานกับมหรรณพ ทำให้เจ้าหญิงจอมเอาแต่ใจของพวกนาง เปลี่ยนไป
ทั้งหมดถอนใจพร้อมกันอีกครั้ง หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็นับว่าเรื่องที่ดี คำถามเดียวที่ค้างคาอยู่ภายในใจก็คือ ความสงบเสงี่ยมที่เห็นอยู่ในตอนนี้ จะคงอยู่ได้นานเท่าใด
มุกมณีเยื้องย่างไปตามทางที่ปูด้วยศิลาสีเข้มที่ทอดยาวไปยังอุทยาน แม้จะเป็นการก้าวเดินอย่างแช่มช้าด้วยท่วงท่าสง่างามดุจนางพญา แต่หัวใจของหญิงสาวกลับร้อนรุ่มไปด้วยความสงสัยในการกระทำของมหรรณพ ความอาลัยอาวรณ์ต่อจิรายุสที่เธอเผลอแสดงออกมา อาจจะทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดและวางแผนการอันชั่วร้ายเพื่อกำจัดหนามหัวใจให้พ้นทาง แต่พอนึกอีกที ก่อนออกจากห้อง เขาก็รับปากเป็นมั่นเหมาะแล้วมิใช่หรือว่า จะไม่ขึ้นไปยุ่งเกี่ยวบนโลกมนุษย์อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงควรวางใจเรื่องที่นาคหนุ่มผู้นี้จะลงมือทำร้ายจิรายุส
คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ด้วยนิสัยของมหรรณพ ที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้กับผู้ใด ย่อมไม่มีวันปล่อยให้หัวใจของเธอเป็นของคนอื่น ถ้าเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาตัดสินใจลงมือทำสิ่งตรงกันข้ามกับวาจาที่ลั่นเอาไว้ล่ะ เธอจะทำอย่างไร
ริมฝีปากอิ่มเม้มจนเกือบจะเป็นเส้นตรง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอจะกลับขึ้นไปยังพื้นพิภพอีกครั้งเพื่อปกป้องชายอันเป็นที่รัก แม้รู้ดีว่าตัวเองไม่มีวันต่อกรกับนาคผู้ทรงฤทธิ์อย่างมหรรณพได้เลยก็ตาม
คิดพลางระบายลมหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม เท้าทั้งสองก้าวล่วงเข้าไปในอุทยานอันงดงาม ส่วนดวงตาก็สอดส่ายมองหานาคหนุ่ม และพบว่าเขากำลังมองตรงมายังเธอเช่นเดียวกัน
“มุกมณี”
มหรรณพเอ่ยเรียกหญิงสาวอย่างอ่อนโยน มุกมณีสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะก้าวเข้าไปหาเขาพร้อมกับเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไร ทำไมจึงเรียกข้ามาที่นี่”
“ข้าอยากชมสวนกับเจ้า” นาคหนุ่มตอบพร้อมกับผายมือมาข้างหน้า หญิงสาวมองอย่างลังเลก่อนตัดสินใจยื่นมือไปให้อีกฝ่ายจับ หัวใจเต้นระรัวเมื่อเห็นรอยยิ้มด้วยความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มักเฉยชาอยู่เป็นนิจ นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความอ่อนโยนเช่นนี้จากคนแข็งกระด้างอย่างมหรรณพ พวงแก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว เธอจึงรีบก้มลงหลบเพื่อซ่อนความเขินอาย
“แค่เดินดูสวน ไม่เห็นต้องทำท่าดีใจถึงขนาดนั้น” มุกมณีพูดอ้อมแอ้มโดยไม่ยอมเงยหน้า จึงไม่มีโอกาสได้เห็นว่านาคหนุ่มกำลังเอียงคอน้อยๆและมองเธอด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นครั้งแรกที่เจ้ายอมเดินเคียงคู่”
“ข้ามีทางเลือกด้วยหรือ” มุกมณีถามพลางแกล้งเลื่อนสายตามองสีสันอันสวยงามของมวลหมู่ปะการัง มหรรณพส่งยิ้มให้กับเธอ
“เจ้ามีทางเลือกเสมอมุกมณี” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยขณะพาหญิงสาวลัดเลาะไปตามทางเดิน “เพียงแต่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางใดเท่านั้น”