ร้าน Angelini เป็นร้านอาหารอิตาเลียนของโรงแรมแชงกรีล่า ข้างแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านจะค่อนข้างเป็น Style modern และเป็น Open kitchen แบบจริงจังนิดนึง
เมื่อวันเสาร์ที่ 14 June. GM ของโรงแรมเชิญเบนไปร่วมทาน Wine dinner ที่จัดอาหารของ Chef Omar ร่วมกับ wine จาก Antinori
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับ Italian wine เท่าไหร Antinori ถือว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นของแคว้น Tuscany เป็นบริษัทใหญ่ที่ผลิตของที่มีคุณภาพออกมา ถือว่าอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว
หลายคน(และเบนเองด้วย) พอคิดถึง wine dinner 6 courses ก็คิดถึงราคาก่อนละ แพงชัวร์ ยิ่งเป็นโรงแรม 5 ด้วย แต่ก่อนไปคือเบนไม่รู้อะไรเลยจริงๆค่ะ ใครชวนไปกินข้าว ไม่มีเกี่ยงงอนอยู่แล้ว ไปถึงเปิดเมนูก็แบบ เห้ย 2,200++ บาท ไม่แพงเลยนะเนี้ย(ก่อนจะได้กิน) ถ้าเป็นอาหารอย่างเดียวก็อาจจะเรียกว่าราคาปกติสำหรับโรงแรม แต่นี่รวมไวน์ Antinori ด้วย ไม่ใช่ wine ห่วยๆจากที่ไหนก็ไม่รู้ หลังกินแล้วต้องออกปากบอกว่า 2,200 มันถูกและคุ้มสุดๆ
ขอโม้นิดนึงว่า GM ที่นี้น่ารักมาก เค้าเคยสัญญากับเบนไว้ว่าจะเชิญเบนมาลอง Agelini เมื่อประมาณสองเดือนก่อนที่เบนไปทาน Shang Palace แล้วเค้าเลือกที่จะชวนเบนมางานนี้เพราะว่าคนของ Antinori บินมาจากอิตาลี แล้วเค้ารู้ว่าเบนทำทัวร์ เบนจะได้ตีชี้กับคนของ Antinori เพราะพอพาทัวร์ไป Tuscany จะได้มี connection พิเศษ ;)
ไปถึงก็ต้อนรับด้วย Sparkling กันตามธรรมเนียม
แล้วก็เริ่มเมนูแรกด้วย Grilled Oyster, fennel foam and granite of Margherita ส่วนประกอบแบบนี้ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ถามว่ามันเข้ากันไหม? เบนคิดว่ามันแค่ไปด้วยกันได้ ไม่คัดกัน แต่ไม่ถึงกับเค้ากัน
ตัวนี้คือยังไม่ได้ pair คู่กับไวน์ตัวไหน ให้ทานกับ sparkling ไปก่อน
ส่วนตัวที่สองนั้นเป็น Salmon carpaccio with green pea ice-cream and coconut milk sauce
Combination และความคิดสร้างสรรค์ของ Chef Omar นี่เค้าแปลกดีค่ะ ไม่เคยเห็นที่ไหนจริงๆ จานนี้เบนว่าเค้าทำได้ดี มันเข้ากันแบบตลกๆดี แถมตกแต่งจานได้สวยมาก ถึงตัว Salmon เองจะไม่โดดเด่นมาก แต่ ไอติมถั่วกับฝงถั่วนั้นทำให้จานนี้สนุกและตื่นเต้นขึ้นเยอะ
จานนี้มาพร้อมกับไวน์ขาว Chadonnay, Bramito del cervo, Castello della sala, Marchesi Antinori, 2012, Italy.
หลังจากดื่มไวน์ตัวนี้คนในโต๊ะก็คุยกันแบบ ไวน์ขาวตัวนี้มันต้องอยู่ในถังไม้ด้วยแน่ๆ เพราะมันมีกลิ่น ซึ่งตอนหลังก็ได้คำตอบว่ามันอยู่จริงๆ อยู่ 4 เดือน
จานต่อไป บอกเลยจานโปรดของวัน Pan-seared foie gras with grapefruit and port wine sauce
จานนี้กลิ่นแรงมากตั้งแต่ยังไม่ได้ทาน ถือว่าปุ๊ป กลิ่นเตะจมูกเลย แล้วกลิ่นมัน remind เบนถึงกลิ่นลูกหมาที่ยังไม่หย่านม 5555 จะบอกว่าดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่เชิง แต่ว่าพอกินเข้าไปช่างกลิ่นเถอะ รสชาติ Foie gras ดีมาก เข้มข้น แต่ไม่เหม็นคาว คืออยากที่เห็นในภาพนะคะว่าซอสไวน์มะนาวที่ใส่มาน้อยมาก แต่เรียกว่าพอดีมาก ไม่ต้องใส่เยอะ เพราะตัว Foie gras เองอร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เบนรู้สึกว่าทาน foie gras ปล่าวๆโดยไม่ใช่พวกซอสผสไม้หรือ balsamic แล้วอร่อยกว่าแบบมีซอส
Foie gras กลิ่นลูกหมาที่รสชาติดีๆๆๆๆ ตัวนี้มาคู่กับ ไวน์ Chanti Classico, Peppoli, Marchesi Aninori, Tuscany, 2011, Italy
I
Chianti Classico คือเป็นไวน์แดงที่ดังสุดของ Tuscany ก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าตัวนี้จะยังอายุน้อยไปหน่อย เก็บไว้อีกนิดน่าจะดีขึ้น ก่อนที่จะทาน Foie gras ไวน์นี้ดื่มค่อยข้างง่าย ไม่ถึงกับ fruity แต่เบา แต่ทานคู่กับ Foie gras แล้วทำให้ไวน์นั้น deep และ spicy มากขึ้น ก็ช่วยในการตัดรสได้ดี พอไปกันได้
มาถึง Primo ฟังชื่อแล้วน่าทานมาก Brasied Iberico pork cheek with gorgonzola cheese risotto
Iberico คือหมูของ Spain ที่เค้าจะเอามาทำ Jamon นะคะซึ่งต้องถูกเลี้ยงด้วยผลลูก Oak แต่บอกตามตรงว่ามาถึงจุดนี้ เบนเริ่มไปแล้วค่ะ คออ่อนดื่มไวน์ไปหลายแก้ว แต่ก็ยังพอมีความทรงจำอยู่บ้าง ว่าข้าวนั้นความสุกแบบที่คนไทยชอบ ไม่ Al dente (แข็งข้างใน) จนเกินไป รสชาติก็ใช้ได้ กล่ินชีสไ่ม่ได้แรงจนเหม็น กลมกล่อมดี แต่เนื้อหมูไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น
จานนี้มาคู่กับไวน์ Vino Nobile di Montepulciano, La Braccesca, Tuscany, 2009, Italy.
มาถึงตอนนี้จำรายละเอียดของไวน์ไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่า ชอบมากขึ้น enjoy มากขึ้นเรื่อย พอคนในโต๊ะถามว่าชอบไวน์ตัวไหนมากสุด ก็บอกว่าตัวที่กินอยู่นี่แหละคะ
ของคาวจานสุดท้าย Grill Wagyu ribeye served with endive, smoked eggplant and port wine sauce.
ถ้าใครทราบและติดตามกันมาบ้างก็จะรู้ว่าเบนเป็นคอเนื้อแบบที่สุด การที่จานเนื้อย่างจะ please เบนได้มันยากมาก ซึ่งจานนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะว่า เนื้อค่อยข้างสาก แล้วสำหรับเบนถือว่า over cook เกินไปเนื่องจาก Juiciness ของเนื้อหายไปหมด แต่รสชาติและซอสถือว่าทำออกมาได้ดี
คู่กับไวน์แดง Guado al Tasso, Bolgheri Superiore, Marchesi Antinori, Tuscany, 2008, Italy
ถือว่าเป็น wine ที่ complex เลยทีเดีย แต่ยังดื่มง่าย น่าจะเข้ากับเนื้อแดงตัวไหนๆได้ง่าย (เชื่อมากไม่ได้นะคะ เพราะอย่างที่บอก เมาไปตั้งแต่แก้วที่ 3)
ถึงเบนจะไม่ได้เป็นคนดื่ม Alcohol เท่าไหร แต่ตอนที่ไปเรียน Master อยู่ที่อิตาลี การเรียนชิมไวน์เป็น class หลัก class หนึ่ง เพราะฉะนั้นก็พอมีความรู้คุยกับคนอื่นรู้เรื่องนิดหน่อย แต่เรื่องของไวน์นั้นมันต้องจากประสบการณ์อันยาวนานล้วนๆ
อย่างสุดท้ายแน่นอน คือ ขนม DOLCE
Saffron peach with peach gelato
Peach gelato เค้าใช้ได้เลยนะคะ แค่ไม่ตื่นเต้นเพราะเคยทานหลายครั้งแล้ว มีหลายที่ให้ลอง แต่ที่เด็ดเนี้ย คือตัว Peach ที่เค้าทำ รสชาติมันจัดจ้านมาก เนื้อมันเหมือนเป็น Fresh peach แต่รสชาติแรงมากเหมือนเป็น dry fruit คือชอบมากจนต้องขอเพิ่มอีกทาน นั่งทานให้คนอื่นในโต๊ะมองเราทานคนเดียว ก็เลยถาม chef ว่าทำยังไง ทำไมมันอร่อยแบบนี้ เค้าบอกเค้าทำแบบ Sous vide
เป็นไวน์ dinner ก็แน่นอนว่าขนมต้องมากับไวน์หวาน Muffato della Dalla, Marches Antinori, Embria, 2008, Italy
แต่เมามากแล้ว ลืมถ่ายรูป ไวน์ขาวตัวนี้รสชาติหวานมาก กลิ่นอาจจะไม่มากนัก ถ้าเป็นไวน์หวานแบบ sparkling จะปลื้มมาก แต่ว่า Antinori เค้าคงไ่ม่มี (อันนี้ความชอบส่วนตัว)
สรุปคือ 2,200 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เบนได้มาทานฟรี ไม่รู้จะคุ้มอีกกี่เท่า 555 ปกติยังไม่เคยลองว่าร้านนี้ถ้าไม่เป็นเมนูพิเศษเป็นอย่างไร แต่พอได้ลอง dinner วันนี้ สงสัยต้องกลับไปลองเองสำหรับเมนูธรรมดาที่เค้ามีอยู่ ถ้าใครสนใจ Dinner แบบนี้ รู้สึกเค้าจะมีไม่บ่อยเท่าไหรค่ะ แบบ 3 เดือนครั้ง ลองโทรเข้าไปถามดูนะคะ (66 2) 236 7777 แล้วยังไงบอกเบนด้วย ขอไปด้วย 555
www.facebook.com/fovefoodtour
[SR] Antinori Wine Dinner ห้องอาหาร Italian โรงแรมแชงกรีล่า "Angelini" by Benyapa Fove Food
เมื่อวันเสาร์ที่ 14 June. GM ของโรงแรมเชิญเบนไปร่วมทาน Wine dinner ที่จัดอาหารของ Chef Omar ร่วมกับ wine จาก Antinori
สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับ Italian wine เท่าไหร Antinori ถือว่าเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นของแคว้น Tuscany เป็นบริษัทใหญ่ที่ผลิตของที่มีคุณภาพออกมา ถือว่าอยู่ในระดับดีเลยทีเดียว
หลายคน(และเบนเองด้วย) พอคิดถึง wine dinner 6 courses ก็คิดถึงราคาก่อนละ แพงชัวร์ ยิ่งเป็นโรงแรม 5 ด้วย แต่ก่อนไปคือเบนไม่รู้อะไรเลยจริงๆค่ะ ใครชวนไปกินข้าว ไม่มีเกี่ยงงอนอยู่แล้ว ไปถึงเปิดเมนูก็แบบ เห้ย 2,200++ บาท ไม่แพงเลยนะเนี้ย(ก่อนจะได้กิน) ถ้าเป็นอาหารอย่างเดียวก็อาจจะเรียกว่าราคาปกติสำหรับโรงแรม แต่นี่รวมไวน์ Antinori ด้วย ไม่ใช่ wine ห่วยๆจากที่ไหนก็ไม่รู้ หลังกินแล้วต้องออกปากบอกว่า 2,200 มันถูกและคุ้มสุดๆ
ขอโม้นิดนึงว่า GM ที่นี้น่ารักมาก เค้าเคยสัญญากับเบนไว้ว่าจะเชิญเบนมาลอง Agelini เมื่อประมาณสองเดือนก่อนที่เบนไปทาน Shang Palace แล้วเค้าเลือกที่จะชวนเบนมางานนี้เพราะว่าคนของ Antinori บินมาจากอิตาลี แล้วเค้ารู้ว่าเบนทำทัวร์ เบนจะได้ตีชี้กับคนของ Antinori เพราะพอพาทัวร์ไป Tuscany จะได้มี connection พิเศษ ;)
ไปถึงก็ต้อนรับด้วย Sparkling กันตามธรรมเนียม
แล้วก็เริ่มเมนูแรกด้วย Grilled Oyster, fennel foam and granite of Margherita ส่วนประกอบแบบนี้ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ถามว่ามันเข้ากันไหม? เบนคิดว่ามันแค่ไปด้วยกันได้ ไม่คัดกัน แต่ไม่ถึงกับเค้ากัน
ตัวนี้คือยังไม่ได้ pair คู่กับไวน์ตัวไหน ให้ทานกับ sparkling ไปก่อน
ส่วนตัวที่สองนั้นเป็น Salmon carpaccio with green pea ice-cream and coconut milk sauce
Combination และความคิดสร้างสรรค์ของ Chef Omar นี่เค้าแปลกดีค่ะ ไม่เคยเห็นที่ไหนจริงๆ จานนี้เบนว่าเค้าทำได้ดี มันเข้ากันแบบตลกๆดี แถมตกแต่งจานได้สวยมาก ถึงตัว Salmon เองจะไม่โดดเด่นมาก แต่ ไอติมถั่วกับฝงถั่วนั้นทำให้จานนี้สนุกและตื่นเต้นขึ้นเยอะ
จานนี้มาพร้อมกับไวน์ขาว Chadonnay, Bramito del cervo, Castello della sala, Marchesi Antinori, 2012, Italy.
หลังจากดื่มไวน์ตัวนี้คนในโต๊ะก็คุยกันแบบ ไวน์ขาวตัวนี้มันต้องอยู่ในถังไม้ด้วยแน่ๆ เพราะมันมีกลิ่น ซึ่งตอนหลังก็ได้คำตอบว่ามันอยู่จริงๆ อยู่ 4 เดือน
จานต่อไป บอกเลยจานโปรดของวัน Pan-seared foie gras with grapefruit and port wine sauce
จานนี้กลิ่นแรงมากตั้งแต่ยังไม่ได้ทาน ถือว่าปุ๊ป กลิ่นเตะจมูกเลย แล้วกลิ่นมัน remind เบนถึงกลิ่นลูกหมาที่ยังไม่หย่านม 5555 จะบอกว่าดีก็ไม่ใช่ ไม่ดีก็ไม่เชิง แต่ว่าพอกินเข้าไปช่างกลิ่นเถอะ รสชาติ Foie gras ดีมาก เข้มข้น แต่ไม่เหม็นคาว คืออยากที่เห็นในภาพนะคะว่าซอสไวน์มะนาวที่ใส่มาน้อยมาก แต่เรียกว่าพอดีมาก ไม่ต้องใส่เยอะ เพราะตัว Foie gras เองอร่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เบนรู้สึกว่าทาน foie gras ปล่าวๆโดยไม่ใช่พวกซอสผสไม้หรือ balsamic แล้วอร่อยกว่าแบบมีซอส
Foie gras กลิ่นลูกหมาที่รสชาติดีๆๆๆๆ ตัวนี้มาคู่กับ ไวน์ Chanti Classico, Peppoli, Marchesi Aninori, Tuscany, 2011, Italy
I
Chianti Classico คือเป็นไวน์แดงที่ดังสุดของ Tuscany ก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าตัวนี้จะยังอายุน้อยไปหน่อย เก็บไว้อีกนิดน่าจะดีขึ้น ก่อนที่จะทาน Foie gras ไวน์นี้ดื่มค่อยข้างง่าย ไม่ถึงกับ fruity แต่เบา แต่ทานคู่กับ Foie gras แล้วทำให้ไวน์นั้น deep และ spicy มากขึ้น ก็ช่วยในการตัดรสได้ดี พอไปกันได้
มาถึง Primo ฟังชื่อแล้วน่าทานมาก Brasied Iberico pork cheek with gorgonzola cheese risotto
Iberico คือหมูของ Spain ที่เค้าจะเอามาทำ Jamon นะคะซึ่งต้องถูกเลี้ยงด้วยผลลูก Oak แต่บอกตามตรงว่ามาถึงจุดนี้ เบนเริ่มไปแล้วค่ะ คออ่อนดื่มไวน์ไปหลายแก้ว แต่ก็ยังพอมีความทรงจำอยู่บ้าง ว่าข้าวนั้นความสุกแบบที่คนไทยชอบ ไม่ Al dente (แข็งข้างใน) จนเกินไป รสชาติก็ใช้ได้ กล่ินชีสไ่ม่ได้แรงจนเหม็น กลมกล่อมดี แต่เนื้อหมูไม่ได้ตื่นเต้นขนาดนั้น
จานนี้มาคู่กับไวน์ Vino Nobile di Montepulciano, La Braccesca, Tuscany, 2009, Italy.
มาถึงตอนนี้จำรายละเอียดของไวน์ไม่ได้แล้ว จำได้แค่ว่า ชอบมากขึ้น enjoy มากขึ้นเรื่อย พอคนในโต๊ะถามว่าชอบไวน์ตัวไหนมากสุด ก็บอกว่าตัวที่กินอยู่นี่แหละคะ
ของคาวจานสุดท้าย Grill Wagyu ribeye served with endive, smoked eggplant and port wine sauce.
ถ้าใครทราบและติดตามกันมาบ้างก็จะรู้ว่าเบนเป็นคอเนื้อแบบที่สุด การที่จานเนื้อย่างจะ please เบนได้มันยากมาก ซึ่งจานนี้ไม่สามารถทำได้ เพราะว่า เนื้อค่อยข้างสาก แล้วสำหรับเบนถือว่า over cook เกินไปเนื่องจาก Juiciness ของเนื้อหายไปหมด แต่รสชาติและซอสถือว่าทำออกมาได้ดี
คู่กับไวน์แดง Guado al Tasso, Bolgheri Superiore, Marchesi Antinori, Tuscany, 2008, Italy
ถือว่าเป็น wine ที่ complex เลยทีเดีย แต่ยังดื่มง่าย น่าจะเข้ากับเนื้อแดงตัวไหนๆได้ง่าย (เชื่อมากไม่ได้นะคะ เพราะอย่างที่บอก เมาไปตั้งแต่แก้วที่ 3)
ถึงเบนจะไม่ได้เป็นคนดื่ม Alcohol เท่าไหร แต่ตอนที่ไปเรียน Master อยู่ที่อิตาลี การเรียนชิมไวน์เป็น class หลัก class หนึ่ง เพราะฉะนั้นก็พอมีความรู้คุยกับคนอื่นรู้เรื่องนิดหน่อย แต่เรื่องของไวน์นั้นมันต้องจากประสบการณ์อันยาวนานล้วนๆ
อย่างสุดท้ายแน่นอน คือ ขนม DOLCE
Saffron peach with peach gelato
Peach gelato เค้าใช้ได้เลยนะคะ แค่ไม่ตื่นเต้นเพราะเคยทานหลายครั้งแล้ว มีหลายที่ให้ลอง แต่ที่เด็ดเนี้ย คือตัว Peach ที่เค้าทำ รสชาติมันจัดจ้านมาก เนื้อมันเหมือนเป็น Fresh peach แต่รสชาติแรงมากเหมือนเป็น dry fruit คือชอบมากจนต้องขอเพิ่มอีกทาน นั่งทานให้คนอื่นในโต๊ะมองเราทานคนเดียว ก็เลยถาม chef ว่าทำยังไง ทำไมมันอร่อยแบบนี้ เค้าบอกเค้าทำแบบ Sous vide
เป็นไวน์ dinner ก็แน่นอนว่าขนมต้องมากับไวน์หวาน Muffato della Dalla, Marches Antinori, Embria, 2008, Italy
แต่เมามากแล้ว ลืมถ่ายรูป ไวน์ขาวตัวนี้รสชาติหวานมาก กลิ่นอาจจะไม่มากนัก ถ้าเป็นไวน์หวานแบบ sparkling จะปลื้มมาก แต่ว่า Antinori เค้าคงไ่ม่มี (อันนี้ความชอบส่วนตัว)
สรุปคือ 2,200 บาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม เบนได้มาทานฟรี ไม่รู้จะคุ้มอีกกี่เท่า 555 ปกติยังไม่เคยลองว่าร้านนี้ถ้าไม่เป็นเมนูพิเศษเป็นอย่างไร แต่พอได้ลอง dinner วันนี้ สงสัยต้องกลับไปลองเองสำหรับเมนูธรรมดาที่เค้ามีอยู่ ถ้าใครสนใจ Dinner แบบนี้ รู้สึกเค้าจะมีไม่บ่อยเท่าไหรค่ะ แบบ 3 เดือนครั้ง ลองโทรเข้าไปถามดูนะคะ (66 2) 236 7777 แล้วยังไงบอกเบนด้วย ขอไปด้วย 555
www.facebook.com/fovefoodtour