บทก่อนหน้า
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/32012168
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/32150649
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/32175985
บทที่ ๔
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ดาริกาอดร้อนวูบที่ใบหน้าไม่ได้ เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการจะมีลูกได้นั้นจะต้องทำอะไรก่อน และพอนึกภาพเขาและเธอทำอะไร ๆ อย่างนั้น ก็อดรู้สึกยุกยิกในหัวใจไม่ได้ น่าแปลกที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกอะไรมากไปกว่าบัดสีบัดเถลิง แต่ทำไมคราวนี้ถึงรู้สึกเขินอายแปลก ๆ แบบนี้นะ
“เติมไวน์หน่อยนะคะพี่วี” เปลี่ยนเรื่องไปให้ไกลจากความรู้สึกยุกยิกในหัวใจ ชายหนุ่มยื่นแก้วมาให้ตรงหน้า ดาริกาจึงรินไวน์ใส่แก้วจนเกือบเต็ม ก่อนจะหันกลับมารินให้ตนเองบ้าง แล้วจึงยกแก้วขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม เขายกแก้วขึ้นมาสัมผัสกับแก้วของเธอเสียงดังกริ๊ง แล้วยกขึ้นจิบพร้อม ๆ กัน
หลังจากนั่งละเลียดไวน์กันไปเงียบ ๆ สักพัก ปรวีร์ก็หันมาถาม
“น้องดาอยากดูพระอาทิตย์ตกไหม”
“อยากสิคะ” ตอบพลางยกมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะกล่าวชวน
“งั้นไปกันเลยดีไหมคะพี่วี เดี๋ยวจะไม่มีที่ วันนี้วันศุกร์ด้วย ท่าทางคนจะเยอะ” หญิงสาวนึกถึงแหลมพรหมเทพ สถานที่ดูพระอาทิตย์ตกยอดฮิตของภูเก็ต ซึ่งจะมีผู้คนพลุกพล่านจนหากไปช้าอาจจะถูกคนอื่นจับจองที่เหมาะ ๆ ไปก่อนก็ได้
ปรวีร์มองหน้าคนถามพลางยิ้ม ก่อนจะตอบด้วยท่าทางใจเย็น
“มีเวลาเหลือเฟือ ดื่มไวน์ขวดนี้ให้หมดก่อนค่อยไปกันก็ได้” ว่าพลางยกแก้วขึ้นจิบ อีกคนจึงยกแก้วของตนขึ้นดื่มบ้าง ในเมื่อเขาบอกว่ามีเวลาเหลือเฟือก็ตามใจเขาแล้วกัน แต่ถ้าไปไม่ทันหรือไม่มีที่ดูพระอาทิตย์ตกดี ๆ ล่ะก็ เธอจะให้เขาชดใช้ให้สาสมเลยเชียว
“พี่วี...” เรียกคนที่นั่งดื่มไวน์เงียบ ๆ สายตาทอดมองไปไกลยังผืนอ่าวเบื้องล่าง เหมือนกับมีเรื่องครุ่นคิดในใจ
“หืม...”
“ไปเที่ยวกันเถอะค่ะ”
“เที่ยวไหน”
“ที่ไหนก็ได้ น้องดาเพิ่งกลับมา อยากเที่ยวเมืองไทย”
“พี่วีไม่ว่าง”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนอยากเที่ยวหน้าง้ำในทันที พลางกล่าวหาเขาน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“พี่วีใจร้าย พาน้องนุ่งเที่ยวนิดหน่อยก็ไม่ได้”
“พี่วีมีงานต้องทำเยอะแยะ แล้วไม่ใช่ของพี่วีอย่างเดียวด้วย ธุรกิจของน้องดาอีกก็ไม่ใช่น้อย ๆ กลับมาแล้วก็รีบมาช่วยพี่วีทำงานสิ มัวแต่อยากเที่ยวเล่นอยู่นั่น”
คำพูดของเขาทำให้คนที่ถูกกล่าวหาว่ามัวแต่อยากเที่ยวเล่นน้ำตาคลอ ถามเสียงสั่น
“ธุรกิจที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้น้องดาเป็นภาระของพี่วีมากใช่ไหมคะ”
เสียงสั่น ๆ ของคนถามเรียกสายตาชายหนุ่มกลับมาจากที่เหม่อมองท้องทะเลเบื้องหน้าได้ ก่อนที่จะหัวใจกระตุกวูบ เมื่อมองเห็นดวงตากลมโตกำลังจ้องหน้าเขาน้ำตาคลอ
“เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้น มานี่มา” ชายหนุ่มอุทานน้ำเสียงตระหนก ก่อนจะยื่นมือไปโอบไหล่คนขี้แยเข้ามาแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน กล่าวเสียงนุ่มนวล
“พี่วีขอโทษ พี่วีไม่เคยคิดว่าน้องดาเป็นภาระเลย แต่พี่วีอยากให้น้องดามาทำงานกับพี่วี เพราะน้องดาโตแล้ว ก็ต้องทำงาน แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็เที่ยวก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่วีจะหาวันว่างดู นะ... อย่าร้องไห้สิ” ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเธอทำท่าจะร้องไห้แบบนั้น ไอ้ที่ตั้งใจจะให้เธอรีบกลับเข้ามาทำงาน ก็กลายเป็นเขาจะหาวันว่างพาเธอเที่ยวซะอย่างนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ซบแก้มอยู่แนบอกเขากำลังแอบยิ้มสมใจ
แค่นี้ก็ใจอ่อน อีตาพี่วี ฮิฮิ
หลังจากที่ซบนิ่งอยู่ภายในวงแขนของชายหนุ่มอยู่พักใหญ่แต่เจ้าของอ้อมแขนไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก ดาริกาจึงดิ้นยุกยิก ซึ่งดูเหมือนอีกคนจะรู้ตัวจึงรีบคลายอ้อมแขนออกทันที
แหม ทำซึ้งซะเราเมื่อยไปหมดเลยพี่วีนี่ คิดอย่างหากพูดอีกอย่าง
“ไปกันหรือยังคะพี่วี เดี๋ยวไม่ทันพระอาทิตย์ตกนะ”
“ไปสิ” ว่าพลางลุกขึ้นคว้าแก้วเปล่าทั้งสองใบรวมทั้งขวดไวน์มาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินนำคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในบ้าน
หลังจากทิ้งขวดไวน์ในถังขยะและวางแก้วในอ่างล้างจานรอให้แม่บ้านมาเก็บล้าง ชายหนุ่มก็ยื่นแขนให้หญิงสาว ซึ่งเธอก็ยื่นมือไปเกี่ยวแขนเขาอย่างไม่เคอะเขิน แต่แล้วคิ้วโก่งงามก็ต้องขมวดมุ่น เมื่อชายหนุ่มพาเธอเดินออกไปบนทางเดินที่ทอดสู่ผืนอ่าวเบื้องล่าง แทนที่จะเดินไปหารถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ... พี่วี ผิดทางแล้วค่ะ ทางนู้น รถอยู่ทางนู้น” ว่าพลางชี้มือชี้ไม้ไปทางที่รถจอดอยู่ หากคนนำทางเพียงแต่ยิ้มบาง ๆ
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“เปลี่ยนบรรยากาศไปดูพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดหน้ารีสอร์ทเนี่ยนะ ไม่ลงทุนเลย!”
“มาเถอะน่า ขี้บ่นจริงเลยเรานี่” ชายหนุ่มว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็ไม่หยุดก้าวขามุ่งสู่ชายหาด โดยไม่สนใจหน้างอง้ำของอีกคน จนกระทั่งมาหยุดยืนบนชายหาดที่ในทะเลตรงหน้ามีสกูตเตอร์จอดอยู่หลายคัน ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมาแล้วหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“มาสิ”
ดาริกาก้าวตามอย่างงง ๆ ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร จนเขาเดินตรงไปยังสกูตเตอร์สีน้ำเงินมีคำว่า Blue Ocean ติดอยู่ด้านข้างแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ก่อนจะยืนแขนมาช่วยดึงเธอให้ขึ้นนั่งซ้อนท้าย
“เกาะแน่น ๆ นะครับ” เขาหันมาบอกก่อนจะหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่อง ดาริกาวาดแขนโอบรอบเอวของชายหนุ่มตามคำบอกอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะรู้สึกว่าสกู๊ตเตอร์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ซิ่งจริงพี่วี บ่นในใจเมื่อรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ชอบความรู้สึกของลมกระทบใบหน้าและน้ำที่กระเซ็นมากระทบผิวกาย
เพียงอึดใจเดียว ชายหนุ่มก็ชะลอความเร็วลงและจอดสกู๊ตเตอร์อยู่หน้าเกาะเล็ก ๆ ที่มีชายหาดสั้น ๆ ด้านหน้าซึ่งเป็นผืนทรายละเอียดขาวราวกับแป้ง
เขาก้าวขาลงก่อนพลางช่วยพยุงหญิงสาวให้ลงจากสกู๊ตเตอร์และจูงมือเล็กเดินขึ้นไปบนเกาะ จากนั้นผายมือให้นั่งลงด้วยกันบนผืนทราย หันหน้าไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่ทำท่าจะจุ่มตัวลงน้ำในอีกไม่นาน
“บอกแล้วว่าเวลาเหลือเฟือ และไม่ต้องแย่งที่กับใครด้วย” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ซึ่งคนที่นั่งเคียงข้างพึมพำเบา ๆ ราวกับละเมอ
“สวยจังเลยค่ะพี่วี”
เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากรีสอร์ทมากนัก ด้านหลังเป็นชายหาดหน้ารีสอร์ท ส่วนด้านหน้าเป็นผืนน้ำนิ่งสงบที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีทองด้วยแสงของพระอาทิตย์ยามพลบ แผ่นฟ้าเป็นสีส้มราวกับเปลวเพลิง และค่อย ๆ เปลี่ยนเฉดเป็นคล้ำขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ค่อย ๆ จุ่มตัวลงน้ำ
สองหนุ่มสาวนั่งเงียบ ๆ ซึมซาบความงามที่ธรรมชาติสรรสร้างอยู่ตรงหน้า ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ราวกับกลัวรบกวนศิลปินเอกที่กำลังแสดงผลงานศิลปะอันเลอค่า จวบจนพระอาทิตย์ดวงโตลับหายลงไปบนผืนน้ำ และท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีม่วงดำ ดาริกาจึงเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณมากนะคะพี่วีที่พาน้องดามาดูพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดเท่าที่น้องดาเคยเห็นมา”
“น้องดาชอบพี่วีก็ดีใจแล้ว” ชายหนุ่มบอกพลางระบายยิ้มอ่อนโยน ความอ่อนโยนที่กำซาบอยู่ในหัวใจ เพียงแค่เห็นเธอซาบซึ้งกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาทำให้ ยิ่งมองเห็นเธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน หัวใจดวงนี้ยิ่งรู้สึกราวกับลงไปกองแนบเท้าเธอ
น้องดา ทำไมพี่วีถึงรู้สึกแบบนี้กับน้องดานะ ยิ่งนับวันความรู้สึกยิ่งชัดเจนขึ้น แล้วพี่วีจะทำอย่างไร จะมีวันที่น้องดารู้สึกอย่างเดียวกับพี่วีบ้างไหมหนอ คำถามที่อยากจะถามเหลือเกิน แต่เขาจะกล้าได้อย่างไร เขาจะทำลายความรักฉันท์พี่น้องที่เธอมีต่อเขาได้อย่างไรกัน ความรักที่ดูเหมือนจะบริสุทธิ์และยั่งยืนมากกว่าความรู้สึกแบบหนุ่มสาวที่ทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนอยู่ในขณะนี้
“กลับกันเถอะครับน้องดา” กล่าวชวนพลางยื่นแขนให้ ซึ่งหญิงสาวก็เกี่ยวแขนเขาเดินตรงไปยังสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่ไม่ห่างทันที
เมื่อก้าวขึ้นนั่งบนสกู๊ตเตอร์เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกล่าวอยู่กับแผ่นหลังเขาเสียงเบา หากแต่ได้ยินชัดเต็มหัวใจ
“วันนี้น้องดามีความสุขมาก ๆ เลยค่ะพี่วี ขอบคุณนะคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เพียงเอี้ยวตัวไปยิ้มให้อย่างจะบอกให้เธอรู้ว่า เขารับรู้ถึงถ้อยคำของเธอ ถ้อยคำที่ทำให้เขาอิ่มไปทั้งใจ
พันธนาการสีกุหลาบ บทที่ ๔
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32012168
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32150649
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32175985
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ดาริกาอดร้อนวูบที่ใบหน้าไม่ได้ เธอไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าการจะมีลูกได้นั้นจะต้องทำอะไรก่อน และพอนึกภาพเขาและเธอทำอะไร ๆ อย่างนั้น ก็อดรู้สึกยุกยิกในหัวใจไม่ได้ น่าแปลกที่เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกอะไรมากไปกว่าบัดสีบัดเถลิง แต่ทำไมคราวนี้ถึงรู้สึกเขินอายแปลก ๆ แบบนี้นะ
“เติมไวน์หน่อยนะคะพี่วี” เปลี่ยนเรื่องไปให้ไกลจากความรู้สึกยุกยิกในหัวใจ ชายหนุ่มยื่นแก้วมาให้ตรงหน้า ดาริกาจึงรินไวน์ใส่แก้วจนเกือบเต็ม ก่อนจะหันกลับมารินให้ตนเองบ้าง แล้วจึงยกแก้วขึ้นตรงหน้าชายหนุ่ม เขายกแก้วขึ้นมาสัมผัสกับแก้วของเธอเสียงดังกริ๊ง แล้วยกขึ้นจิบพร้อม ๆ กัน
หลังจากนั่งละเลียดไวน์กันไปเงียบ ๆ สักพัก ปรวีร์ก็หันมาถาม
“น้องดาอยากดูพระอาทิตย์ตกไหม”
“อยากสิคะ” ตอบพลางยกมือขึ้นดูนาฬิกา ก่อนจะกล่าวชวน
“งั้นไปกันเลยดีไหมคะพี่วี เดี๋ยวจะไม่มีที่ วันนี้วันศุกร์ด้วย ท่าทางคนจะเยอะ” หญิงสาวนึกถึงแหลมพรหมเทพ สถานที่ดูพระอาทิตย์ตกยอดฮิตของภูเก็ต ซึ่งจะมีผู้คนพลุกพล่านจนหากไปช้าอาจจะถูกคนอื่นจับจองที่เหมาะ ๆ ไปก่อนก็ได้
ปรวีร์มองหน้าคนถามพลางยิ้ม ก่อนจะตอบด้วยท่าทางใจเย็น
“มีเวลาเหลือเฟือ ดื่มไวน์ขวดนี้ให้หมดก่อนค่อยไปกันก็ได้” ว่าพลางยกแก้วขึ้นจิบ อีกคนจึงยกแก้วของตนขึ้นดื่มบ้าง ในเมื่อเขาบอกว่ามีเวลาเหลือเฟือก็ตามใจเขาแล้วกัน แต่ถ้าไปไม่ทันหรือไม่มีที่ดูพระอาทิตย์ตกดี ๆ ล่ะก็ เธอจะให้เขาชดใช้ให้สาสมเลยเชียว
“พี่วี...” เรียกคนที่นั่งดื่มไวน์เงียบ ๆ สายตาทอดมองไปไกลยังผืนอ่าวเบื้องล่าง เหมือนกับมีเรื่องครุ่นคิดในใจ
“หืม...”
“ไปเที่ยวกันเถอะค่ะ”
“เที่ยวไหน”
“ที่ไหนก็ได้ น้องดาเพิ่งกลับมา อยากเที่ยวเมืองไทย”
“พี่วีไม่ว่าง”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้คนอยากเที่ยวหน้าง้ำในทันที พลางกล่าวหาเขาน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“พี่วีใจร้าย พาน้องนุ่งเที่ยวนิดหน่อยก็ไม่ได้”
“พี่วีมีงานต้องทำเยอะแยะ แล้วไม่ใช่ของพี่วีอย่างเดียวด้วย ธุรกิจของน้องดาอีกก็ไม่ใช่น้อย ๆ กลับมาแล้วก็รีบมาช่วยพี่วีทำงานสิ มัวแต่อยากเที่ยวเล่นอยู่นั่น”
คำพูดของเขาทำให้คนที่ถูกกล่าวหาว่ามัวแต่อยากเที่ยวเล่นน้ำตาคลอ ถามเสียงสั่น
“ธุรกิจที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้น้องดาเป็นภาระของพี่วีมากใช่ไหมคะ”
เสียงสั่น ๆ ของคนถามเรียกสายตาชายหนุ่มกลับมาจากที่เหม่อมองท้องทะเลเบื้องหน้าได้ ก่อนที่จะหัวใจกระตุกวูบ เมื่อมองเห็นดวงตากลมโตกำลังจ้องหน้าเขาน้ำตาคลอ
“เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้น มานี่มา” ชายหนุ่มอุทานน้ำเสียงตระหนก ก่อนจะยื่นมือไปโอบไหล่คนขี้แยเข้ามาแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน กล่าวเสียงนุ่มนวล
“พี่วีขอโทษ พี่วีไม่เคยคิดว่าน้องดาเป็นภาระเลย แต่พี่วีอยากให้น้องดามาทำงานกับพี่วี เพราะน้องดาโตแล้ว ก็ต้องทำงาน แต่ถ้ายังไม่พร้อมก็เที่ยวก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่วีจะหาวันว่างดู นะ... อย่าร้องไห้สิ” ชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเธอทำท่าจะร้องไห้แบบนั้น ไอ้ที่ตั้งใจจะให้เธอรีบกลับเข้ามาทำงาน ก็กลายเป็นเขาจะหาวันว่างพาเธอเที่ยวซะอย่างนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่ซบแก้มอยู่แนบอกเขากำลังแอบยิ้มสมใจ
แค่นี้ก็ใจอ่อน อีตาพี่วี ฮิฮิ
หลังจากที่ซบนิ่งอยู่ภายในวงแขนของชายหนุ่มอยู่พักใหญ่แต่เจ้าของอ้อมแขนไม่มีทีท่าว่าจะคลายออก ดาริกาจึงดิ้นยุกยิก ซึ่งดูเหมือนอีกคนจะรู้ตัวจึงรีบคลายอ้อมแขนออกทันที
แหม ทำซึ้งซะเราเมื่อยไปหมดเลยพี่วีนี่ คิดอย่างหากพูดอีกอย่าง
“ไปกันหรือยังคะพี่วี เดี๋ยวไม่ทันพระอาทิตย์ตกนะ”
“ไปสิ” ว่าพลางลุกขึ้นคว้าแก้วเปล่าทั้งสองใบรวมทั้งขวดไวน์มาถือไว้ในมือ ก่อนจะเดินนำคนตัวเล็กกว่าเข้าไปในบ้าน
หลังจากทิ้งขวดไวน์ในถังขยะและวางแก้วในอ่างล้างจานรอให้แม่บ้านมาเก็บล้าง ชายหนุ่มก็ยื่นแขนให้หญิงสาว ซึ่งเธอก็ยื่นมือไปเกี่ยวแขนเขาอย่างไม่เคอะเขิน แต่แล้วคิ้วโก่งงามก็ต้องขมวดมุ่น เมื่อชายหนุ่มพาเธอเดินออกไปบนทางเดินที่ทอดสู่ผืนอ่าวเบื้องล่าง แทนที่จะเดินไปหารถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหลัง
“เอ่อ... พี่วี ผิดทางแล้วค่ะ ทางนู้น รถอยู่ทางนู้น” ว่าพลางชี้มือชี้ไม้ไปทางที่รถจอดอยู่ หากคนนำทางเพียงแต่ยิ้มบาง ๆ
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
“เปลี่ยนบรรยากาศไปดูพระอาทิตย์ตกที่ชายหาดหน้ารีสอร์ทเนี่ยนะ ไม่ลงทุนเลย!”
“มาเถอะน่า ขี้บ่นจริงเลยเรานี่” ชายหนุ่มว่าอย่างไม่จริงจังนัก แต่ก็ไม่หยุดก้าวขามุ่งสู่ชายหาด โดยไม่สนใจหน้างอง้ำของอีกคน จนกระทั่งมาหยุดยืนบนชายหาดที่ในทะเลตรงหน้ามีสกูตเตอร์จอดอยู่หลายคัน ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมาแล้วหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“มาสิ”
ดาริกาก้าวตามอย่างงง ๆ ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไร จนเขาเดินตรงไปยังสกูตเตอร์สีน้ำเงินมีคำว่า Blue Ocean ติดอยู่ด้านข้างแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ก่อนจะยืนแขนมาช่วยดึงเธอให้ขึ้นนั่งซ้อนท้าย
“เกาะแน่น ๆ นะครับ” เขาหันมาบอกก่อนจะหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่อง ดาริกาวาดแขนโอบรอบเอวของชายหนุ่มตามคำบอกอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะรู้สึกว่าสกู๊ตเตอร์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ซิ่งจริงพี่วี บ่นในใจเมื่อรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ชอบความรู้สึกของลมกระทบใบหน้าและน้ำที่กระเซ็นมากระทบผิวกาย
เพียงอึดใจเดียว ชายหนุ่มก็ชะลอความเร็วลงและจอดสกู๊ตเตอร์อยู่หน้าเกาะเล็ก ๆ ที่มีชายหาดสั้น ๆ ด้านหน้าซึ่งเป็นผืนทรายละเอียดขาวราวกับแป้ง
เขาก้าวขาลงก่อนพลางช่วยพยุงหญิงสาวให้ลงจากสกู๊ตเตอร์และจูงมือเล็กเดินขึ้นไปบนเกาะ จากนั้นผายมือให้นั่งลงด้วยกันบนผืนทราย หันหน้าไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่ทำท่าจะจุ่มตัวลงน้ำในอีกไม่นาน
“บอกแล้วว่าเวลาเหลือเฟือ และไม่ต้องแย่งที่กับใครด้วย” ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ซึ่งคนที่นั่งเคียงข้างพึมพำเบา ๆ ราวกับละเมอ
“สวยจังเลยค่ะพี่วี”
เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากรีสอร์ทมากนัก ด้านหลังเป็นชายหาดหน้ารีสอร์ท ส่วนด้านหน้าเป็นผืนน้ำนิ่งสงบที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีทองด้วยแสงของพระอาทิตย์ยามพลบ แผ่นฟ้าเป็นสีส้มราวกับเปลวเพลิง และค่อย ๆ เปลี่ยนเฉดเป็นคล้ำขึ้นเมื่อพระอาทิตย์ค่อย ๆ จุ่มตัวลงน้ำ
สองหนุ่มสาวนั่งเงียบ ๆ ซึมซาบความงามที่ธรรมชาติสรรสร้างอยู่ตรงหน้า ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ราวกับกลัวรบกวนศิลปินเอกที่กำลังแสดงผลงานศิลปะอันเลอค่า จวบจนพระอาทิตย์ดวงโตลับหายลงไปบนผืนน้ำ และท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีม่วงดำ ดาริกาจึงเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณมากนะคะพี่วีที่พาน้องดามาดูพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดเท่าที่น้องดาเคยเห็นมา”
“น้องดาชอบพี่วีก็ดีใจแล้ว” ชายหนุ่มบอกพลางระบายยิ้มอ่อนโยน ความอ่อนโยนที่กำซาบอยู่ในหัวใจ เพียงแค่เห็นเธอซาบซึ้งกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาทำให้ ยิ่งมองเห็นเธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน หัวใจดวงนี้ยิ่งรู้สึกราวกับลงไปกองแนบเท้าเธอ
น้องดา ทำไมพี่วีถึงรู้สึกแบบนี้กับน้องดานะ ยิ่งนับวันความรู้สึกยิ่งชัดเจนขึ้น แล้วพี่วีจะทำอย่างไร จะมีวันที่น้องดารู้สึกอย่างเดียวกับพี่วีบ้างไหมหนอ คำถามที่อยากจะถามเหลือเกิน แต่เขาจะกล้าได้อย่างไร เขาจะทำลายความรักฉันท์พี่น้องที่เธอมีต่อเขาได้อย่างไรกัน ความรักที่ดูเหมือนจะบริสุทธิ์และยั่งยืนมากกว่าความรู้สึกแบบหนุ่มสาวที่ทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนอยู่ในขณะนี้
“กลับกันเถอะครับน้องดา” กล่าวชวนพลางยื่นแขนให้ ซึ่งหญิงสาวก็เกี่ยวแขนเขาเดินตรงไปยังสกู๊ตเตอร์ที่จอดอยู่ไม่ห่างทันที
เมื่อก้าวขึ้นนั่งบนสกู๊ตเตอร์เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวกล่าวอยู่กับแผ่นหลังเขาเสียงเบา หากแต่ได้ยินชัดเต็มหัวใจ
“วันนี้น้องดามีความสุขมาก ๆ เลยค่ะพี่วี ขอบคุณนะคะ”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เพียงเอี้ยวตัวไปยิ้มให้อย่างจะบอกให้เธอรู้ว่า เขารับรู้ถึงถ้อยคำของเธอ ถ้อยคำที่ทำให้เขาอิ่มไปทั้งใจ