สุดปลายฝัน บทที่ ๓๐

กระทู้สนทนา
บทก่อนหน้า
บทนำ   http://ppantip.com/topic/31223069
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/31235568
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/31253339
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/31265981
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/31283288
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/31298274
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/31319220
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/31337858
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/31362571
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/31377764
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/31398623
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/31409848
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/31428977
บทที่ ๑๓ http://ppantip.com/topic/31455877
บทที่ ๑๔ http://ppantip.com/topic/31481664
บทที่ ๑๕ http://ppantip.com/topic/31529577
บทที่ ๑๖ http://ppantip.com/topic/31556525
บทที่ ๑๗ http://ppantip.com/topic/31580257
บทที่ ๑๘ http://ppantip.com/topic/31625276
บทที่ ๑๙ http://ppantip.com/topic/31647967
บทที่ ๒๐ http://ppantip.com/topic/31681967
บทที่ ๒๑ http://ppantip.com/topic/31710814
บทที่ ๒๒ http://ppantip.com/topic/31775678
บทที่ ๒๓ http://ppantip.com/topic/31864607
บทที่ ๒๔ http://ppantip.com/topic/31886964
บทที่ ๒๕ http://ppantip.com/topic/31894671
บทที่ ๒๖ http://ppantip.com/topic/31910171
บทที่ ๒๗ http://ppantip.com/topic/31934853
บทที่ ๒๘ http://ppantip.com/topic/31944241
บทที่ ๒๙ http://ppantip.com/topic/31955058


“แนท แนทคุณฟื้นแล้ว” ชายหนุ่มพร่ำพูด มือข้างหนึ่งอุ้มลูกน้อยแนบอก อีกข้างยกสัมผัสใบหน้าคนบนเตียงอย่างจะให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไปเมื่อมมองเห็นหยดน้ำตาที่หลั่งรินจากหางตาของเธอ ก็กรีดเช็ดให้อย่างเบามือ

หญิงสาวพยายามอ้าปากพูด หากรู้สึกลำคอแห้งผากราวกับกลืนทรายลงไปเป็นกำ แต่ก็พยายามเปล่งเสียงออกมาอย่างแหบพร่า... เบาแสนเบา...

“วิล... ลูก...”

วิลเลียมก้มลงมองลูกในอ้อมแขนของตน ก่อนจะวางลงบนเตียงแนบอกผู้เป็นมารดา บอกเสียงพร่าตามสภาวะอารมณ์

“ลูกชายของเราครับแนท แข็งแรงสมบูรณ์ดี”

ณัฐญาณ์หลับตาลงพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก เท่านั้นเองที่คนเป็นแม่อยากได้ยิน ลูกของเธอแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีอะไรผิดปกติ เท่านั้นเองจริง ๆ ที่สำคัญสำหรับคนเป็นแม่อย่างเธอ

“ขอน้ำหน่อยได้ไหมคะวิล” คอแห้งเหลือเกินแล้ว

ชายหนุ่มกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วที่วางอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะเข้าประคองภรรยาให้ลุกขึ้นนั่งและป้อนน้ำให้ถึงปาก

“ค่อย ๆ ดื่มครับแนท” บอกขณะช่วยหญิงสาวให้ดื่มน้ำจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงบอกคนบนเตียงเสียงอ่อนโยน

“รอสักครู่นะครับแนท ผมจะไปเรียกหมอเออร์เนสท์” ว่าแล้วก็ประคองภรรยาให้นอนลงบนเตียงอีกครั้ง และทำท่าจะอุ้มลูก หากมือใหญ่กลับถูกมือบางคว้าไว้

“ขอให้ลูกอยู่กับฉันได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มทอดสายตามองคนบนเตียงที่สบตากับเขาด้วยแววตาเว้าวอน จึงพยักหน้า แต่ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มจัดท่าทางให้คนเป็นแม่ จากนั้นวางลูกลงไปในวงแขนของมารดา ตรวจดูจนแน่ใจว่าจะไม่กลิ้งตกเตียงกันทั้งแม่ทั้งลูก ก็ก้มลงจุมพิตหน้าผากคนป่วยหนัก ๆ บอกเสียงเบา

“เดี๋ยวผมมานะครับ”

ชายหนุ่มตั้งใจจะไปเรียกนายแพทย์เออร์เนสท์ที่ตอนนี้คงจะกำลังตรวจคนป่วยอยู่ที่ไหนสักแห่งในโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่โชคดีที่มีผู้ช่วยของหมอเดินผ่านมาพอดี เขาจึงขอให้ไปตามผู้เป็นนายแพทย์ให้ ส่วนตัวเองรีบกลับเข้าไปในห้องที่แม่กับลูกนอนอยู่ด้วยกันบนเตียงทันที

มือใหญ่ของนายเรือหนุ่มคว้ามือเรียวบางของภรรยาขึ้นมาจุมพิตหนัก ๆ ปากก็พร่ำพูด

“คุณฟื้นแล้วจริง ๆ ผมดีใจจนพูดไม่ออกแล้ว ผมคิดว่า... คิดว่าคุณจะไม่ฟื้นเสียแล้ว” พูดแล้วก็ใจหาย เธอไม่ได้เพียงสลบไป หากแต่หญิงสาวหมดลมหายใจ ปาฏิหาริย์เหลือเกินที่เธอยังคงอยู่ตรงนี้กับเขา... กับลูก

“ฉันหลับไปนานแค่ไหนคะวิล”

“สามวัน” ชายหนุ่มตอบ เขาหลับตาลง กล้ำกลืนก้อนสะอื้น

“สามวันที่ผมรู้สึกราวกับตายทั้งเป็น ผมจะอยู่ได้อย่างไรครับแนทถ้าไม่มีคุณ” ว่างพลางยกมือเรียวขึ้นจูบหนัก ๆ ให้สมกับความรู้สึกภายใน

“คุณอย่าทิ้งผมไปไหนอีกนะครับแนท ได้โปรดอยู่กับเราพ่อลูก หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณอีก ผมคงจะตายตามคุณไปแน่ ๆ” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงจริงจัง คนนอนบนเตียงจึงระบายยิ้มอ่อนโยน ยกมือใหญ่ขึ้นมากุม พูดน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างกัน

“มีใครกำหนดชะตากรรมของตัวเองได้หรือคะวิล คราวนี้ฉันโชคดีที่ฟื้นคืนมา แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกในอนาคต เราคงทำได้เพียงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ราวกับแต่ละวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิตเท่านั้นเอง” บอกกับสามีว่าอย่างนั้น ในขณะเดียวกันก็บอกตนเองไปด้วย ไม่กี่วันก่อนเธอกับเขายังมีความสุขและตื่นเต้นกับการรอคอยลูกให้คลอดออกมาอยู่เลย แต่แล้วเธอก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เกือบจะไม่ได้เห็นหน้าลูกเสียด้วยซ้ำ ชีวิตของคนเราไม่มีอะไรแน่นอนเลย เพราะฉะนั้นคงทำได้เพียงทำทุกวันให้เป็นวันที่มีความหมายที่สุด เพราะไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า

ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อไป ประตูห้องก็เปิดออก นายแพทย์เออร์เนสท์เดินยิ้มกว้างเขามาในห้อง ตรงเข้าไปสวมกอดแสดงความยินดีกับผู้เป็นเพื่อน ก่อนที่จะเข้าตรวจคนป่วยที่อยู่บนเตียง

หลังจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ณัฐญาณ์จำเป็นต้องนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งคืน หากไม่มีอาการอะไรแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่ ก็สามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ซึ่งนำความยินดีมาสู่คู่สามีภรรยาไม่น้อย เพราะในที่สุดก็จะได้กลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอย่างที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกเสียที




“เจมส์ ชื่อคุณปู่ เอดเวิร์ด ชื่อคุณพ่อ วิลเลียมจูเนียร์ ตามชื่อของผม” ชายหนุ่มเสนอชื่อลูกชายให้ภรรยาเป็นคนเลือก พลางอธิบายธรรมเนียมการตั้งชื่อของตระกูลแคมพ์เบลล์ที่ถือปฏิบัติกันมาช้านาน

“โดยปกติ ลูกชายคนแรกจะตั้งตามชื่อปู่ของพ่อ อย่างผมชื่อวิลเลียม ตั้งตามชื่อของคุณปู่ของบิดาผม”

“ถ้าอย่างนั้นลูกเราก็ต้องชื่อเจมส์ ใช่ไหมคะ”

“ตามธรรมเนียมแล้วใช่ แต่ลูกก็เป็นลูกคุณด้วย ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วม หากคุณไม่ต้องการตั้งชื่อตามธรรมเนียมของแคมพ์เบลล์ เราก็หาชื่ออื่นกันได้”

“ไม่หรอกค่ะวิล ตอนนี้ฉันก็เป็นหนึ่งในแคมพ์เบลล์ไม่ใช่หรือคะ ทำไปตามธรรมเนียมที่เคยทำกันมาเถอะค่ะ จะว่าไปฉันก็ชอบชื่อเจมส์อยู่เหมือนกัน” บอกสามีแล้วก็หันไปพูดกับเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน

“ชอบไหมลูก ชื่อเจมส์นะครับ เจ้าตัวน้อยของแม่” พูดกับลูกแล้วก็หัวเราะคิกคัก หันไปพยักเพยิดกับผู้เป็นสามี

“ดูสิคะ ตาหนูทำหน้ายิ้มหวานเลย ท่าทางจะชอบชื่อเจมส์เหมือนกัน”

ผู้เป็นพ่อดูหน้าลูกชายตามภรรยา ก็เห็นว่าเจ้าตัวน้อยกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่จริง ๆ จนอดไม่ได้ที่จะเข้ามาหอมแก้มฟอดใหญ่

ณัฐญาณ์กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านเข้าวันที่สามแล้ว หญิงสาวแข็งแรงมากขึ้น แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่บนเตียงในห้องนอน ออกไปเดินยืดเส้นยืดสายบ้างในตอนบ่ายหลังแดดร่มลมตก เพราะผู้เป็นสามีต้องการให้ภรรยาพักผ่อนให้มาก รอให้แข็งแรงแล้วจริง ๆ จึงให้ทำกิจกรรมอย่างอื่น

หญิงสาวได้ให้นมลูกสมใจ แม้ในช่วงนี้จะยังต้องให้แป๊บเสริมบ้างเพราะน้ำนมยังมาไม่มากพอ แต่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มีแนวโน้มที่จะสามารถให้นมอย่างเดียวได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทุกครั้งที่ลูกดูดนม จะเป็นเวลาที่คนเป็นแม่รู้สึกเป็นบุญเหลือเกินที่รอดตายมาได้ เพราะความรู้สึกขณะที่ลูกตัวน้อยดูดกินน้ำนมจากอก มันช่างเต็มอิ่ม ตื้นตัน ความรู้สักรักใคร่ผูกพันขณะมองสบตากับเจ้าตัวน้อย ช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษเหลือเกิน

ช่วงนี้งานในสถานีไม่มีอะไรให้น่าห่วงมากนัก วิลเลียมจึงหยุดอยู่บ้านช่วยภรรยาเลี้ยงดูเจ้าตัวน้อย ซึ่งชายหนุ่มก็ดูกระตือรือร้นและมีความสุขที่จะช่วยจัดการกับลูกชายในทุกเรื่องเท่าที่จะสามารถทำได้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่เด็กชายจะตื่นขึ้นมาเพราะหิวนม ชายหนุ่มจะลุกขึ้นไปอุ้มลูกจากเตียงคอกมายื่นให้ภรรยานอนให้นมบนเตียงเสมอ

“คุณยังไม่แข็งแรงพอที่จะลุกขึ้นมาให้นมลูกเพียงลำพัง” เขาบอกเธอว่าอย่างนั้น และนั่งรอจนลูกชายตัวน้อยอิ่มนมและหลับไปอีก ก็จะอุ้มลูกกลับไปวางในที่นอนของลูก แล้วจึงกลับมานอน และจะทำแบบนี้เสมออย่างไม่มีทีท่าเบื่อหน่ายหรือหงุดหงิดแต่อย่างใด

เมื่อณัฐญาณ์แข็งแรงขึ้นพอที่จะเดินเหินไปไหนมาไหนได้สะดวก เหล่าคนงานจะเห็นภาพของครอบครัวเล็ก ๆ ของเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬ ที่มักจะพาลูกชายตัวน้อยออกมาเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าและยามเย็นเสมอทุกวันมิได้ขาด

ภาพที่ทุกคนเห็นคนชินตา คือนายเรือหนุ่มเจ้าของสถานีแปรรูปวาฬอุ้มลูกชายตัวน้อยชี้ชวนชมนกชมไม้ โดยมีภรรยาที่ดูอวบอิ่มขึ้นอย่างแม่ลูกอ่อนเดินเคียง

บางครั้งชายหนุ่มก็จะนอนบนเสื่อที่ปูอยู่บนผืนหญ้าอ่อนนุ่ม มีลูกชายตัวน้อยนอนอยู่บนอก และภรรยานั่งหยอกเล่นกับลูกอยู่ไม่ห่าง

เป็นภาพครอบครัวที่ทำให้สถานีแปรรูปวาฬดูมีชีวิตชีวา และอบอวลไปด้วยความรักความอบอุ่นระหว่างพ่อแม่ลูกที่ใครก็สัมผัสได้ และอดชื่นชมยินดีกับเจ้านายของพวกเขาไม่ได้ ที่ในที่สุดก็ได้พบกับภรรยาที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน และมีลูกชายตัวน้อยด้วยกัน เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์อย่างน่าอิจฉาเลยทีเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่