กระทู้ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/30836756
กระทู้ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/32018464
กระทู้ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/32059976
จิวซุ่นที่นั่งอยู่ตลอดบัดนี้พลันลุกขึ้นพร้อมกับ ตบไปยังบ่าของลี้ฮงด้วยความเอ็นดูก่อนกล่าวว่า “สิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ไม่เคยทำให้เราผิดหวังสักครั้งเลย มิเสียแรงที่เราลงทุนไปกว่าห้าสิบหมื่นตำลึง” ก่อนทอดตาไปยังเฮ้งสี่ตง ถอนใจกล่าวว่า “เราทราบอยู่แล้ว ว่าเป็นเจ้า ในเมื่อเจ้าขายเราได้อย่างไรคนที่พร้อมจะขายเจ้าก็มีเช่นกัน โอ้วจิบเป็นบริวารที่สัตย์ซื่อของเรา ที่เราสั่งจับตามองเจ้าเป็นพิเศษ ดังนั้นเจ้าเองไว้วางใจคนผิดเสียแล้ว แผนการในครั้งนี้ดูเหมือนเจ้าคิดว่าชนะอย่างเต็มประดา แต่รู้ไว้เสียเถิดผู้ชนะคือคนที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอ” กล่าวจบถอนหายใจแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้งว่า “เสียอย่างเดียวไม่คาดว่าสัดใส่ข้าวอย่างโอ้วตอฮวงเกี่ยมจะพาลลากฮวยกิมตอไปเฝ้ายมบาลกับพวกมันอีกต่างหาก”
ความยอกย้อนทั้งหมดพลันเฉลยออกมา แท้จริงแล้วทั้งหมดดำเนินอยู่ในอุบายของจิวซุ่นมาแต่ต้น ทั้งเรื่องการจ้างวานลี้ฮง และการซ้อนแผนกำจัดเฮ้งสี่ตงนี้ ลี้ฮงพาลรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปยังกระเพาะ แม้ตนเป็นมือสังหารที่ฆ่าคนไม่กระพริบตา แต่หากเปรียบความลึกซึ้งและเฉียบขาด มันเองสำนึกว่าไม่ได้เพียงเศษเสี้ยวของชายชราที่เบื้องหน้านี้เลย ขณะที่จิวซุ่นกำลังล้วงบางสิ่งออกมาจากสายรัดเอว
ทันใดนั้นประตูพลันเปิดออก จิวยู่อี่พลันวิ่งเข้ามาโอบกายจิวซุ่นไว้ หลั่งน้ำตาเนื่องนอง ร้องครวญว่า “บิดาโปรดละเว้นมันสักครา”
“มันตั้งใจสังหารเรา โทษตายย่อมสาสมแล้ว” จิวซุ่นคำรามด้วยโทสะ
“แต่บิดาอาจไม่รู้ที่มันทำอยากนี้เนื่องด้วยมันกับผู้บุตรมีพันธะทางใจกัน และ....และ มันตั้งใจว่าจะสร้างเรื่องนี้เพื่อให้บิดายอมรับในตัวมันและยินยอมให้...ยินยอมให้ มันแต่งแก่ผู้บุตร”
จิวซุ่นส่ายหน้าช้า มันเข้าใจความรู้สึกของบุตรีต่อเฮ้งสี่ตงและเข้าใจว่าบุตรีของมันไม่ได้ประสีประสา แต่จะโทษอันใดกันเล่า ดรุณีใดมิริลองรัก? จึงได้แต่กล่าวช้าๆว่า “อี่ยี้จงหลีกให้แก่เรา บิดาเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี แต่ผู้ใดก็ตามหากมันคิดหันคมดาบใส่เรา โทษของมันคือตายเท่านั้น”
“บิดาโปรดละเว้น แม้มันจะ......จะคิดปองร้าย แต่ก็หาได้ทำสำเร็จไม่ อย่างไร.....อย่างไร ในท้องผู้บุตรก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของมันอยู่” นางละล่ำละลักกล่าว
แม้นางกล่าวอ้อนวอนเท่าใดจิวซุ่นเองก็ไม่ได้มีแววปราณีปรากฏ มันสลัดบุตรีออกห่าง ล้วงเอาปืนไฟขึ้นมาเหนี่ยวไกเตรียมยิง ไม่คาด ทันใดนั้นเองจิวยู่อี่พลันดัดตัวขึ้นพร้อมกับคว้าไปที่ขี่ข้อมือของมัน ปืนไฟที่มีพลันร่วงหล่นลงตามเรี่ยวแรงที่สูญหายไป จิวซุ่นจึงได้แต่ได้แต่ทิ้งตัวลงพื้น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอุบาย จิวซุ่นจึงหันไปร้องสั่งลี้ฮงว่า
“เข้ามาแยกตัวบุตรีเราออกไป” แต่ลี้ฮงยังคงยืนนิ่ง สีหน้ากระด้างเย็นชาดุจศิลาแลง เขม้นมองจิวซุ่นด้วยแววตาเดียวกันกับที่มองฮวงฮ่อลั้ง จิวซุ่นรู้สึกเสียววูบไปถึงท้องน้อยเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น ไม่ทันกระพริบตาเฮ้งสี่ตงที่โดนแทงล้มลงกลับลุกขึ้นยืนเก็บปืนไฟกระบอกนั้นไปไว้กับมือพร้อม ควงเล่นสองสามครั้งพร้อมส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ ลี้ฮงเดินเข้ามาใกล้ห้อยมือสำรวมด้านหลังมัน ส่วนจิวยู่อี่ยังกุมชีพจรมันไม่คลาย
จิวซุ่นได้แต่นิ่งเงียบ บัดนี้มันทราบแล้วว่าประมาทเฮ้งสี่ตงไปก้าวหนึ่งที่รอจนถึงขั้นแตกหักวันนี้ ความจริงแล้วหากมันเหี้ยมโหดกว่าที่เป็นคงสังหารเฮ้งสี่ตงตั้งแต่ทราบว่าทรยศ แต่ที่มันคิดไม่ถึงว่าบุตรีที่มันฟูมฟักมาจะกล้าอกตัญญูถึงเพียงนี้ และไม่คิดว่าสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่รักษาสัญญายิ่งชีพจะทรยศมัน เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามาใกล้ๆ หัวเราะแบบแค่นๆกล่าวว่า
“เล่า
บริวารต้องขออภัยท่านอย่างสุดซึ้งที่ทำให้ต้องมาลำบากเช่นนี้ หากแต่เพียงท่านฉลาดและ เหี้ยมหาญเกินกว่าที่บริวารจะข่มขู่ท่านให้ท่านยินยอมมอบสมบัติและอำนาจของท่านให้แก่บริวาร” จากนั้นส่งเสียงฮืมฮัมในลำคอกล่าวต่อว่า “แต่วางใจบริวารจัดจัดการเรื่องหลังของท่านให้ยิ่งใหญ่สมเกียตริ สี่สิงห์แห่งนครหลวงแน่นอน”
จิวซุ่นไม่ได้ถามไถ่อะไรออกไป เพียงแต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าบุตรีของมันไยจึงมีวิชาฝีมือติดตัวและหักหลังตนเช่นนี้ ยิ่งคิดเจ็บปวด บางที “ความรักเป็นเรื่องประหลาดพิกล เมื่อท่านรู้คนที่ท่านรักรานน้ำใจ ความเจ็บปวดที่ได้รับยิ่งทับถมทวีคูณ บางที่เนื่องเพราะท่านสำเหนียกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรสุดท้ายท่านก็ยังรักเขาอยู่นั่นเอง”
เฮ้งสี่ตงเห็นสีหน้าปวดร้าวยากบรรยายของจิวซุ่นก็ปรากฏความพึงพอใจบนสีหน้าจึงกล่าวว่า “เล่า
ท่านอาจสงสัยเหตุใดเรื่องราวถึงพลิกผันเพียงนี้ เหตุใดสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่เป็นขบวนการที่สัจจะจึงได้ทรยศ?” หันไปทางลี้ฮงกล่าวว่า “เซี่ยวฮง เจ้ายังจำสัญญาที่เล่า
บอกกล่าวแก่เจ้าเมื่อจ้างวานหรือไม่”
“เราจำได้”
“ประเสริฐ เช่นนั้นเจ้าลองว่ามา”
“เล่า
บอกเราให้ฆ่าทุกคนที่คิดเล่า
” ลี้ฮงเพียงกล่าวสั้นด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชา ในแววตาของมันที่มองมายังจิวซุ่นทอแววพิกล
“เล่า
ท่านทราบหรือไม่ว่าทั้งโอ้วตอฮวงเกี่ยม ถูกเราจ้างวานด้วยจุดประสงค์เดียวคือฆ่าท่าน โดยมีเงื่อนไขเดียวคือต้องแสดงละครว่าต้องสู้กับลี้ฮงก่อน “เฮ้งสี่ตงว่า
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ” จิวซุ่นย้ำถึงสามครั้ง
“และเราเอง ก็ไม่ได้คิดฆ่าท่านเองเลยแม้แต่น้อย” เฮ้งสี่ตงกล่าวต่อ
“เฮ้งสี่ตงเจ้าใช่คนที่เป็นบริวารที่เราคุ้นเคยแน่หรือ เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“เราคือมนุษย์" มีเพียงคำตอบสั้นๆจากเฮ้งสี่ตง
“มนุษย์” คำตอบที่จิวซุ่นได้รับรู้ก่อนตาย ในวงนักเลงรู้จักดีเพียงว่าลู่เล่าตั่วที่เป็นใหญ่ในสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ แต่หาได้ทราบไม่ว่า มนุษย์ก็เปรียบเหมือนสมองคอยจัดหา รับงาน รวมถึงกำหนดแผนการให้พวกมันเดินตาม บางทีหากขาดมนุษย์ไปขบวนการดังกล่าวอาจไม่ได้มีชื่อกระเดื่องดังเพียงนี้ก็เป็นได้
โลหิตสาดกระเซ็น ฉากกั้นรูปนางกระเรียนขาวบัดนี้ถูกแต้มด้วยสีแดงเป็นจุดๆ นั่นทำให้รูปดูงดงามยิ่ง คล้ายจิตรกรนามกระเดื่องสะบัดพู่กันไว้โดยมิตั้งใจ ร้อยกระบี่วายุที่ไม่เคยผิดพลั้ง บัดนี้กระบี่ถูกสอดกลับคืนฝัก คนเล่า? ลี้ฮงยืนนิ่งคล้ายดั่งศิลาแลง แต่แววตาดูคล้ายเวิ้งว้างออกไป บางทีมันอาจพลันพบว่าเข้าใจบางสิ่งแล้ว
เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามายังที่ลี้ฮงยืนอยู่ตบบ่ามันสองสามที กล่าวว่า “ดีมากที่เจ้าไม่ทำอะไรหุนหัน และดำเนินการตามแผนของเราอย่างเคร่งครัด หากเจ้ากระทำการใดๆไปป่านนี้เราคงได้ไปเยี่ยมเยือนเงี่ยมลั้งอ๋องด้วยกันเป็นแน่” ถอนหายใจกล่าวต่อ “หากมิใช่เพราะเรากลัวปืนไฟกระบอกนี้ของมัน เรื่องราวคงงายดายขึ้นมากหลาย” ความจริงแล้วปืนไฟกระบอกนี้เป็นอาวุธทรงอานุภาพ ฟังว่าจิวซุ่นได้รับมาจากพ่อค้าอาวุธชาวฮอลลันดาจากเกาะไต้หวัน เฮ้งสี่ตงเองเคยเห็นจิวซุ่นใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ปลิดปลงมือสังหารได้จากระยะสี่สิบวา จึงเฝ้าหวาดระแวงต่อพลานุภาพของมันเรื่อยมา
ขณะนี้เฮ้งสี่ตงเดินออกไปจวนพ้นปากประตูแล้วหันกลับมา ลี้ฮงเล่า? ลี้ฮงหลับตา และเผยอยิ้ม ยิ้มให้แก่การปลดเปลื้องจากขื่อคาไร้สภาพที่คอยแขวนมันอยู่
ผู้หาญกล้านิรนาม ตอนที่ 4
กระทู้ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/32018464
กระทู้ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/32059976
จิวซุ่นที่นั่งอยู่ตลอดบัดนี้พลันลุกขึ้นพร้อมกับ ตบไปยังบ่าของลี้ฮงด้วยความเอ็นดูก่อนกล่าวว่า “สิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ไม่เคยทำให้เราผิดหวังสักครั้งเลย มิเสียแรงที่เราลงทุนไปกว่าห้าสิบหมื่นตำลึง” ก่อนทอดตาไปยังเฮ้งสี่ตง ถอนใจกล่าวว่า “เราทราบอยู่แล้ว ว่าเป็นเจ้า ในเมื่อเจ้าขายเราได้อย่างไรคนที่พร้อมจะขายเจ้าก็มีเช่นกัน โอ้วจิบเป็นบริวารที่สัตย์ซื่อของเรา ที่เราสั่งจับตามองเจ้าเป็นพิเศษ ดังนั้นเจ้าเองไว้วางใจคนผิดเสียแล้ว แผนการในครั้งนี้ดูเหมือนเจ้าคิดว่าชนะอย่างเต็มประดา แต่รู้ไว้เสียเถิดผู้ชนะคือคนที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอ” กล่าวจบถอนหายใจแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้งว่า “เสียอย่างเดียวไม่คาดว่าสัดใส่ข้าวอย่างโอ้วตอฮวงเกี่ยมจะพาลลากฮวยกิมตอไปเฝ้ายมบาลกับพวกมันอีกต่างหาก”
ความยอกย้อนทั้งหมดพลันเฉลยออกมา แท้จริงแล้วทั้งหมดดำเนินอยู่ในอุบายของจิวซุ่นมาแต่ต้น ทั้งเรื่องการจ้างวานลี้ฮง และการซ้อนแผนกำจัดเฮ้งสี่ตงนี้ ลี้ฮงพาลรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปยังกระเพาะ แม้ตนเป็นมือสังหารที่ฆ่าคนไม่กระพริบตา แต่หากเปรียบความลึกซึ้งและเฉียบขาด มันเองสำนึกว่าไม่ได้เพียงเศษเสี้ยวของชายชราที่เบื้องหน้านี้เลย ขณะที่จิวซุ่นกำลังล้วงบางสิ่งออกมาจากสายรัดเอว
ทันใดนั้นประตูพลันเปิดออก จิวยู่อี่พลันวิ่งเข้ามาโอบกายจิวซุ่นไว้ หลั่งน้ำตาเนื่องนอง ร้องครวญว่า “บิดาโปรดละเว้นมันสักครา”
“มันตั้งใจสังหารเรา โทษตายย่อมสาสมแล้ว” จิวซุ่นคำรามด้วยโทสะ
“แต่บิดาอาจไม่รู้ที่มันทำอยากนี้เนื่องด้วยมันกับผู้บุตรมีพันธะทางใจกัน และ....และ มันตั้งใจว่าจะสร้างเรื่องนี้เพื่อให้บิดายอมรับในตัวมันและยินยอมให้...ยินยอมให้ มันแต่งแก่ผู้บุตร”
จิวซุ่นส่ายหน้าช้า มันเข้าใจความรู้สึกของบุตรีต่อเฮ้งสี่ตงและเข้าใจว่าบุตรีของมันไม่ได้ประสีประสา แต่จะโทษอันใดกันเล่า ดรุณีใดมิริลองรัก? จึงได้แต่กล่าวช้าๆว่า “อี่ยี้จงหลีกให้แก่เรา บิดาเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี แต่ผู้ใดก็ตามหากมันคิดหันคมดาบใส่เรา โทษของมันคือตายเท่านั้น”
“บิดาโปรดละเว้น แม้มันจะ......จะคิดปองร้าย แต่ก็หาได้ทำสำเร็จไม่ อย่างไร.....อย่างไร ในท้องผู้บุตรก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของมันอยู่” นางละล่ำละลักกล่าว
แม้นางกล่าวอ้อนวอนเท่าใดจิวซุ่นเองก็ไม่ได้มีแววปราณีปรากฏ มันสลัดบุตรีออกห่าง ล้วงเอาปืนไฟขึ้นมาเหนี่ยวไกเตรียมยิง ไม่คาด ทันใดนั้นเองจิวยู่อี่พลันดัดตัวขึ้นพร้อมกับคว้าไปที่ขี่ข้อมือของมัน ปืนไฟที่มีพลันร่วงหล่นลงตามเรี่ยวแรงที่สูญหายไป จิวซุ่นจึงได้แต่ได้แต่ทิ้งตัวลงพื้น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอุบาย จิวซุ่นจึงหันไปร้องสั่งลี้ฮงว่า
“เข้ามาแยกตัวบุตรีเราออกไป” แต่ลี้ฮงยังคงยืนนิ่ง สีหน้ากระด้างเย็นชาดุจศิลาแลง เขม้นมองจิวซุ่นด้วยแววตาเดียวกันกับที่มองฮวงฮ่อลั้ง จิวซุ่นรู้สึกเสียววูบไปถึงท้องน้อยเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น ไม่ทันกระพริบตาเฮ้งสี่ตงที่โดนแทงล้มลงกลับลุกขึ้นยืนเก็บปืนไฟกระบอกนั้นไปไว้กับมือพร้อม ควงเล่นสองสามครั้งพร้อมส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ ลี้ฮงเดินเข้ามาใกล้ห้อยมือสำรวมด้านหลังมัน ส่วนจิวยู่อี่ยังกุมชีพจรมันไม่คลาย
จิวซุ่นได้แต่นิ่งเงียบ บัดนี้มันทราบแล้วว่าประมาทเฮ้งสี่ตงไปก้าวหนึ่งที่รอจนถึงขั้นแตกหักวันนี้ ความจริงแล้วหากมันเหี้ยมโหดกว่าที่เป็นคงสังหารเฮ้งสี่ตงตั้งแต่ทราบว่าทรยศ แต่ที่มันคิดไม่ถึงว่าบุตรีที่มันฟูมฟักมาจะกล้าอกตัญญูถึงเพียงนี้ และไม่คิดว่าสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่รักษาสัญญายิ่งชีพจะทรยศมัน เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามาใกล้ๆ หัวเราะแบบแค่นๆกล่าวว่า
“เล่า บริวารต้องขออภัยท่านอย่างสุดซึ้งที่ทำให้ต้องมาลำบากเช่นนี้ หากแต่เพียงท่านฉลาดและ เหี้ยมหาญเกินกว่าที่บริวารจะข่มขู่ท่านให้ท่านยินยอมมอบสมบัติและอำนาจของท่านให้แก่บริวาร” จากนั้นส่งเสียงฮืมฮัมในลำคอกล่าวต่อว่า “แต่วางใจบริวารจัดจัดการเรื่องหลังของท่านให้ยิ่งใหญ่สมเกียตริ สี่สิงห์แห่งนครหลวงแน่นอน”
จิวซุ่นไม่ได้ถามไถ่อะไรออกไป เพียงแต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าบุตรีของมันไยจึงมีวิชาฝีมือติดตัวและหักหลังตนเช่นนี้ ยิ่งคิดเจ็บปวด บางที “ความรักเป็นเรื่องประหลาดพิกล เมื่อท่านรู้คนที่ท่านรักรานน้ำใจ ความเจ็บปวดที่ได้รับยิ่งทับถมทวีคูณ บางที่เนื่องเพราะท่านสำเหนียกว่า ไม่ว่าจะอย่างไรสุดท้ายท่านก็ยังรักเขาอยู่นั่นเอง”
เฮ้งสี่ตงเห็นสีหน้าปวดร้าวยากบรรยายของจิวซุ่นก็ปรากฏความพึงพอใจบนสีหน้าจึงกล่าวว่า “เล่า ท่านอาจสงสัยเหตุใดเรื่องราวถึงพลิกผันเพียงนี้ เหตุใดสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่เป็นขบวนการที่สัจจะจึงได้ทรยศ?” หันไปทางลี้ฮงกล่าวว่า “เซี่ยวฮง เจ้ายังจำสัญญาที่เล่าบอกกล่าวแก่เจ้าเมื่อจ้างวานหรือไม่”
“เราจำได้”
“ประเสริฐ เช่นนั้นเจ้าลองว่ามา”
“เล่าบอกเราให้ฆ่าทุกคนที่คิดเล่า” ลี้ฮงเพียงกล่าวสั้นด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชา ในแววตาของมันที่มองมายังจิวซุ่นทอแววพิกล
“เล่าท่านทราบหรือไม่ว่าทั้งโอ้วตอฮวงเกี่ยม ถูกเราจ้างวานด้วยจุดประสงค์เดียวคือฆ่าท่าน โดยมีเงื่อนไขเดียวคือต้องแสดงละครว่าต้องสู้กับลี้ฮงก่อน “เฮ้งสี่ตงว่า
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ” จิวซุ่นย้ำถึงสามครั้ง
“และเราเอง ก็ไม่ได้คิดฆ่าท่านเองเลยแม้แต่น้อย” เฮ้งสี่ตงกล่าวต่อ
“เฮ้งสี่ตงเจ้าใช่คนที่เป็นบริวารที่เราคุ้นเคยแน่หรือ เจ้าเป็นใครกันแน่?”
“เราคือมนุษย์" มีเพียงคำตอบสั้นๆจากเฮ้งสี่ตง
“มนุษย์” คำตอบที่จิวซุ่นได้รับรู้ก่อนตาย ในวงนักเลงรู้จักดีเพียงว่าลู่เล่าตั่วที่เป็นใหญ่ในสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ แต่หาได้ทราบไม่ว่า มนุษย์ก็เปรียบเหมือนสมองคอยจัดหา รับงาน รวมถึงกำหนดแผนการให้พวกมันเดินตาม บางทีหากขาดมนุษย์ไปขบวนการดังกล่าวอาจไม่ได้มีชื่อกระเดื่องดังเพียงนี้ก็เป็นได้
โลหิตสาดกระเซ็น ฉากกั้นรูปนางกระเรียนขาวบัดนี้ถูกแต้มด้วยสีแดงเป็นจุดๆ นั่นทำให้รูปดูงดงามยิ่ง คล้ายจิตรกรนามกระเดื่องสะบัดพู่กันไว้โดยมิตั้งใจ ร้อยกระบี่วายุที่ไม่เคยผิดพลั้ง บัดนี้กระบี่ถูกสอดกลับคืนฝัก คนเล่า? ลี้ฮงยืนนิ่งคล้ายดั่งศิลาแลง แต่แววตาดูคล้ายเวิ้งว้างออกไป บางทีมันอาจพลันพบว่าเข้าใจบางสิ่งแล้ว
เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามายังที่ลี้ฮงยืนอยู่ตบบ่ามันสองสามที กล่าวว่า “ดีมากที่เจ้าไม่ทำอะไรหุนหัน และดำเนินการตามแผนของเราอย่างเคร่งครัด หากเจ้ากระทำการใดๆไปป่านนี้เราคงได้ไปเยี่ยมเยือนเงี่ยมลั้งอ๋องด้วยกันเป็นแน่” ถอนหายใจกล่าวต่อ “หากมิใช่เพราะเรากลัวปืนไฟกระบอกนี้ของมัน เรื่องราวคงงายดายขึ้นมากหลาย” ความจริงแล้วปืนไฟกระบอกนี้เป็นอาวุธทรงอานุภาพ ฟังว่าจิวซุ่นได้รับมาจากพ่อค้าอาวุธชาวฮอลลันดาจากเกาะไต้หวัน เฮ้งสี่ตงเองเคยเห็นจิวซุ่นใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ปลิดปลงมือสังหารได้จากระยะสี่สิบวา จึงเฝ้าหวาดระแวงต่อพลานุภาพของมันเรื่อยมา
ขณะนี้เฮ้งสี่ตงเดินออกไปจวนพ้นปากประตูแล้วหันกลับมา ลี้ฮงเล่า? ลี้ฮงหลับตา และเผยอยิ้ม ยิ้มให้แก่การปลดเปลื้องจากขื่อคาไร้สภาพที่คอยแขวนมันอยู่