ผู้หาญกล้านิรนาม ตอนที่ 4

กระทู้สนทนา
กระทู้ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/30836756       
กระทู้ตอนที่ 2  http://ppantip.com/topic/32018464
กระทู้ตอนที่ 3 http://ppantip.com/topic/32059976

จิวซุ่นที่นั่งอยู่ตลอดบัดนี้พลันลุกขึ้นพร้อมกับ ตบไปยังบ่าของลี้ฮงด้วยความเอ็นดูก่อนกล่าวว่า “สิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ไม่เคยทำให้เราผิดหวังสักครั้งเลย  มิเสียแรงที่เราลงทุนไปกว่าห้าสิบหมื่นตำลึง” ก่อนทอดตาไปยังเฮ้งสี่ตง ถอนใจกล่าวว่า “เราทราบอยู่แล้ว ว่าเป็นเจ้า ในเมื่อเจ้าขายเราได้อย่างไรคนที่พร้อมจะขายเจ้าก็มีเช่นกัน  โอ้วจิบเป็นบริวารที่สัตย์ซื่อของเรา ที่เราสั่งจับตามองเจ้าเป็นพิเศษ ดังนั้นเจ้าเองไว้วางใจคนผิดเสียแล้ว แผนการในครั้งนี้ดูเหมือนเจ้าคิดว่าชนะอย่างเต็มประดา แต่รู้ไว้เสียเถิดผู้ชนะคือคนที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอ”  กล่าวจบถอนหายใจแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้งว่า “เสียอย่างเดียวไม่คาดว่าสัดใส่ข้าวอย่างโอ้วตอฮวงเกี่ยมจะพาลลากฮวยกิมตอไปเฝ้ายมบาลกับพวกมันอีกต่างหาก”

ความยอกย้อนทั้งหมดพลันเฉลยออกมา  แท้จริงแล้วทั้งหมดดำเนินอยู่ในอุบายของจิวซุ่นมาแต่ต้น  ทั้งเรื่องการจ้างวานลี้ฮง และการซ้อนแผนกำจัดเฮ้งสี่ตงนี้  ลี้ฮงพาลรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปยังกระเพาะ แม้ตนเป็นมือสังหารที่ฆ่าคนไม่กระพริบตา แต่หากเปรียบความลึกซึ้งและเฉียบขาด  มันเองสำนึกว่าไม่ได้เพียงเศษเสี้ยวของชายชราที่เบื้องหน้านี้เลย ขณะที่จิวซุ่นกำลังล้วงบางสิ่งออกมาจากสายรัดเอว  

ทันใดนั้นประตูพลันเปิดออก จิวยู่อี่พลันวิ่งเข้ามาโอบกายจิวซุ่นไว้ หลั่งน้ำตาเนื่องนอง ร้องครวญว่า “บิดาโปรดละเว้นมันสักครา”

“มันตั้งใจสังหารเรา  โทษตายย่อมสาสมแล้ว” จิวซุ่นคำรามด้วยโทสะ

“แต่บิดาอาจไม่รู้ที่มันทำอยากนี้เนื่องด้วยมันกับผู้บุตรมีพันธะทางใจกัน  และ....และ มันตั้งใจว่าจะสร้างเรื่องนี้เพื่อให้บิดายอมรับในตัวมันและยินยอมให้...ยินยอมให้  มันแต่งแก่ผู้บุตร”

จิวซุ่นส่ายหน้าช้า มันเข้าใจความรู้สึกของบุตรีต่อเฮ้งสี่ตงและเข้าใจว่าบุตรีของมันไม่ได้ประสีประสา แต่จะโทษอันใดกันเล่า ดรุณีใดมิริลองรัก?  จึงได้แต่กล่าวช้าๆว่า “อี่ยี้จงหลีกให้แก่เรา บิดาเข้าใจความรู้สึกเจ้าดี  แต่ผู้ใดก็ตามหากมันคิดหันคมดาบใส่เรา โทษของมันคือตายเท่านั้น”

“บิดาโปรดละเว้น  แม้มันจะ......จะคิดปองร้าย แต่ก็หาได้ทำสำเร็จไม่ อย่างไร.....อย่างไร  ในท้องผู้บุตรก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของมันอยู่” นางละล่ำละลักกล่าว

แม้นางกล่าวอ้อนวอนเท่าใดจิวซุ่นเองก็ไม่ได้มีแววปราณีปรากฏ  มันสลัดบุตรีออกห่าง ล้วงเอาปืนไฟขึ้นมาเหนี่ยวไกเตรียมยิง  ไม่คาด ทันใดนั้นเองจิวยู่อี่พลันดัดตัวขึ้นพร้อมกับคว้าไปที่ขี่ข้อมือของมัน  ปืนไฟที่มีพลันร่วงหล่นลงตามเรี่ยวแรงที่สูญหายไป จิวซุ่นจึงได้แต่ได้แต่ทิ้งตัวลงพื้น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอุบาย  จิวซุ่นจึงหันไปร้องสั่งลี้ฮงว่า

“เข้ามาแยกตัวบุตรีเราออกไป” แต่ลี้ฮงยังคงยืนนิ่ง  สีหน้ากระด้างเย็นชาดุจศิลาแลง  เขม้นมองจิวซุ่นด้วยแววตาเดียวกันกับที่มองฮวงฮ่อลั้ง  จิวซุ่นรู้สึกเสียววูบไปถึงท้องน้อยเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น  ไม่ทันกระพริบตาเฮ้งสี่ตงที่โดนแทงล้มลงกลับลุกขึ้นยืนเก็บปืนไฟกระบอกนั้นไปไว้กับมือพร้อม ควงเล่นสองสามครั้งพร้อมส่งเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอ  ลี้ฮงเดินเข้ามาใกล้ห้อยมือสำรวมด้านหลังมัน  ส่วนจิวยู่อี่ยังกุมชีพจรมันไม่คลาย  

จิวซุ่นได้แต่นิ่งเงียบ บัดนี้มันทราบแล้วว่าประมาทเฮ้งสี่ตงไปก้าวหนึ่งที่รอจนถึงขั้นแตกหักวันนี้  ความจริงแล้วหากมันเหี้ยมโหดกว่าที่เป็นคงสังหารเฮ้งสี่ตงตั้งแต่ทราบว่าทรยศ  แต่ที่มันคิดไม่ถึงว่าบุตรีที่มันฟูมฟักมาจะกล้าอกตัญญูถึงเพียงนี้  และไม่คิดว่าสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่รักษาสัญญายิ่งชีพจะทรยศมัน  เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามาใกล้ๆ หัวเราะแบบแค่นๆกล่าวว่า

“เล่ายิ้ม  บริวารต้องขออภัยท่านอย่างสุดซึ้งที่ทำให้ต้องมาลำบากเช่นนี้  หากแต่เพียงท่านฉลาดและ เหี้ยมหาญเกินกว่าที่บริวารจะข่มขู่ท่านให้ท่านยินยอมมอบสมบัติและอำนาจของท่านให้แก่บริวาร”  จากนั้นส่งเสียงฮืมฮัมในลำคอกล่าวต่อว่า “แต่วางใจบริวารจัดจัดการเรื่องหลังของท่านให้ยิ่งใหญ่สมเกียตริ สี่สิงห์แห่งนครหลวงแน่นอน”

จิวซุ่นไม่ได้ถามไถ่อะไรออกไป เพียงแต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าบุตรีของมันไยจึงมีวิชาฝีมือติดตัวและหักหลังตนเช่นนี้  ยิ่งคิดเจ็บปวด  บางที “ความรักเป็นเรื่องประหลาดพิกล  เมื่อท่านรู้คนที่ท่านรักรานน้ำใจ ความเจ็บปวดที่ได้รับยิ่งทับถมทวีคูณ  บางที่เนื่องเพราะท่านสำเหนียกว่า  ไม่ว่าจะอย่างไรสุดท้ายท่านก็ยังรักเขาอยู่นั่นเอง”

เฮ้งสี่ตงเห็นสีหน้าปวดร้าวยากบรรยายของจิวซุ่นก็ปรากฏความพึงพอใจบนสีหน้าจึงกล่าวว่า “เล่ายิ้ม  ท่านอาจสงสัยเหตุใดเรื่องราวถึงพลิกผันเพียงนี้  เหตุใดสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ที่เป็นขบวนการที่สัจจะจึงได้ทรยศ?”  หันไปทางลี้ฮงกล่าวว่า “เซี่ยวฮง  เจ้ายังจำสัญญาที่เล่ายิ้มบอกกล่าวแก่เจ้าเมื่อจ้างวานหรือไม่”

“เราจำได้”

“ประเสริฐ  เช่นนั้นเจ้าลองว่ามา”

“เล่ายิ้มบอกเราให้ฆ่าทุกคนที่คิดเล่ายิ้ม” ลี้ฮงเพียงกล่าวสั้นด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชา  ในแววตาของมันที่มองมายังจิวซุ่นทอแววพิกล

“เล่ายิ้มท่านทราบหรือไม่ว่าทั้งโอ้วตอฮวงเกี่ยม  ถูกเราจ้างวานด้วยจุดประสงค์เดียวคือฆ่าท่าน โดยมีเงื่อนไขเดียวคือต้องแสดงละครว่าต้องสู้กับลี้ฮงก่อน “เฮ้งสี่ตงว่า

“ประเสริฐ  ประเสริฐ  ประเสริฐ” จิวซุ่นย้ำถึงสามครั้ง

“และเราเอง ก็ไม่ได้คิดฆ่าท่านเองเลยแม้แต่น้อย” เฮ้งสี่ตงกล่าวต่อ

“เฮ้งสี่ตงเจ้าใช่คนที่เป็นบริวารที่เราคุ้นเคยแน่หรือ  เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“เราคือมนุษย์"  มีเพียงคำตอบสั้นๆจากเฮ้งสี่ตง

“มนุษย์”  คำตอบที่จิวซุ่นได้รับรู้ก่อนตาย  ในวงนักเลงรู้จักดีเพียงว่าลู่เล่าตั่วที่เป็นใหญ่ในสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ แต่หาได้ทราบไม่ว่า มนุษย์ก็เปรียบเหมือนสมองคอยจัดหา รับงาน รวมถึงกำหนดแผนการให้พวกมันเดินตาม  บางทีหากขาดมนุษย์ไปขบวนการดังกล่าวอาจไม่ได้มีชื่อกระเดื่องดังเพียงนี้ก็เป็นได้

โลหิตสาดกระเซ็น  ฉากกั้นรูปนางกระเรียนขาวบัดนี้ถูกแต้มด้วยสีแดงเป็นจุดๆ นั่นทำให้รูปดูงดงามยิ่ง คล้ายจิตรกรนามกระเดื่องสะบัดพู่กันไว้โดยมิตั้งใจ    ร้อยกระบี่วายุที่ไม่เคยผิดพลั้ง  บัดนี้กระบี่ถูกสอดกลับคืนฝัก  คนเล่า?  ลี้ฮงยืนนิ่งคล้ายดั่งศิลาแลง  แต่แววตาดูคล้ายเวิ้งว้างออกไป  บางทีมันอาจพลันพบว่าเข้าใจบางสิ่งแล้ว

เฮ้งสี่ตงเดินเข้ามายังที่ลี้ฮงยืนอยู่ตบบ่ามันสองสามที กล่าวว่า “ดีมากที่เจ้าไม่ทำอะไรหุนหัน  และดำเนินการตามแผนของเราอย่างเคร่งครัด  หากเจ้ากระทำการใดๆไปป่านนี้เราคงได้ไปเยี่ยมเยือนเงี่ยมลั้งอ๋องด้วยกันเป็นแน่”  ถอนหายใจกล่าวต่อ “หากมิใช่เพราะเรากลัวปืนไฟกระบอกนี้ของมัน  เรื่องราวคงงายดายขึ้นมากหลาย”  ความจริงแล้วปืนไฟกระบอกนี้เป็นอาวุธทรงอานุภาพ ฟังว่าจิวซุ่นได้รับมาจากพ่อค้าอาวุธชาวฮอลลันดาจากเกาะไต้หวัน  เฮ้งสี่ตงเองเคยเห็นจิวซุ่นใช้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นก็ปลิดปลงมือสังหารได้จากระยะสี่สิบวา จึงเฝ้าหวาดระแวงต่อพลานุภาพของมันเรื่อยมา

ขณะนี้เฮ้งสี่ตงเดินออกไปจวนพ้นปากประตูแล้วหันกลับมา  ลี้ฮงเล่า?  ลี้ฮงหลับตา และเผยอยิ้ม ยิ้มให้แก่การปลดเปลื้องจากขื่อคาไร้สภาพที่คอยแขวนมันอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่