ยามสุก(19.00-21.00 น.) แต้เกี๊ยกกำลังจะกลับบ้านที่ชานเมือง วันนี้มันรับทรัพย์มากหลาย มากพอที่จะเข้าหาเซี่ยวลิ้วคู่ขาของมันที่ตรอกโรงไก่ "ป่านนี้นางสุกรเฒ่าคงหลับเป็นตาย แต่ถ้านางเฒ่าจะดุด่าเงินสองตำลึงคงปิดปากนางสนิท" มันคิด ทันใดนั้นมันได้ยินเสียงเรียกนามของมันดังขึ้นจากเบื้องหลัง ขณะที่กำลังจะหันลับไปดู สายตาพลันทะมึนมืด คอหอยคล้ายดั่งมีลมเย็นพาดผ่าน นั่นเป็นความรู้สึกสุดท้ายของชีวิต
แสงยามอรุณทอดทอลงบนหลังคาของหมู่ตึกบุปผาสคราญหอนางโลมอันดับหนึ่งของนครหลวง ลี้ฮงจิบสุรารอชมแสงแรกของวัน ลมพัดจากทางเหนือทำให้เส้นผมปลิวไสว มันเป็นบุรุษเค้าหน้าคมคาย บุรษอย่างมันสามารถหาสตรีที่พร้อมพลีกายให้มันได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ไฉนมันจึงอยู่ที่นี่ หลายวันนี้มันฝังตัวอยู่ในหมู่ตึกบุปผาสคราญ ผลาญเงินทองที่ได้มาจากการทำงานครั้งล่าสุด คณิกามากมายผลักไสตนเองกันเข้ามา "ใจถึงใจ"กับเสียว
มือเติบผู้นี้ แต่คล้ายมันคร้านที่จะตอบสนองพวกนาง เวลานี้มันเพียงต้องการนอนเหยีดยาวเท่านั้น แต่ความสงบไม่ได้อยู่กับมันนานนัก เวลานั้นตั้งตั่วงู้คนคุมซ่องร้องเรียงมันว่ามีจดหมายมาถึง มันทอดหายใจอย่างเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายกับวังวนคาวโลหิตที่ยังคละคลุ้งอยู่บนสองมือ แต่เมื่อคนเราต้องกินข้าว เยี่ยงไรก็ย่อมไม่ยอมอดตายเป็นแน่แท้ มันรับจดหมายมาจากนั้นเข้าห้องพักและเผาจดหมายนั้นก่อนนำไปแช่น้ำ น่าแปลกที่เนื้อจดหมายนั้นไม่ไหม้และมีตัวอัษรปรากฏขึ้น นี่เป็นวิธีสื่อสารเฉพาะของพวกมัน เนื้อหาจดหมายนั้นมีไม่มากเพียงเขียนไว้ว่า "คืนเดือนเพ็ญ จิวซุ่น ตรอกบ่อน้ำหวาน" ลงชื่อกำกับ "ลู้เล่าตั่ว"
จิวซุ่นเป็นคหบดีผู้มั่งคั่งของนครหลวง ฟังว่าเมื่อเริ่มแรกมันไม่มีอันใดมาก่อนแต่ด้วยความใจถึงและความอุตสาหะ เวลานี้มันบ่มเพาะทั้งเงินทองและกำลังคนจนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสี่สิงห์ของนครหลวงได้อย่างเต็มปาก นอกจากนี้มันยังมีอำนาจไม่น้อยในกรมเมือง ได้ยินว่าเช็งปุ้เท้านักสืบอันดับหนึ่งของแผ่นดินรวมทั้งโง้วจื่อย้งเสนาบดีฝ่ายขวาต่างก็เป็นสหายของมัน เวลานี้มันตั้งใจจะแผ่อิทธิพลเข้าไปยังเมืองข้างเคียง โดยผ่านงานมงคลของบุตรีนามจิวยู่อี่ ซึ่งมันหมายไว้ให้แต่งงานกันเบ๊ป้อบุตรชายของเบ๊เชยลี้เจ้าของสำนักคุ้มภัยประตูมังกร สำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งในกำแพงใหญ่ ซึ่งกำหนดงานจะจัดขึ้นในคืนวันเพ็ญนี้
คืนนี้จันทร์เกือบเต็มดวงแล้ว จิวซุ่นนั่งอยู่ในห้องทำงาน มันสงบใจ ทุกอย่างในงานแต่งงานต่างได้มอบหมายแด่บริวารของมันจนหมดสิ้น มันเชื่อว่าบริวารของมันต่างทำงานให้มันอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเสมอมา มันเชื่อว่าในรอบร้อยปีมานี้จะไม่มีงานมงคลใดยิ่งใหญ่กว่างานนี้อย่างเด็ดขาด สุราอย่างดีถูกกว้านซื้อมาจากทุกๆเมืองในละแวกห้าร้อยลี้ วัว สุกร แพะ ไก่ ถูกขุนไว้กว่าห้าพันตัว แขกจำนวนเรือนหมื่นที่ถูกแจกเทียบเชิญ มีทั้งพ่อค้า ครูมวย ขุนนาง และผู้ยิ่งใหญ่ในแว่นแคว้นหนึ่ง ทันใด เฮ้งสี่ตงรีบกระหืดกระหอบออกมาแจ้งกับมันว่า "ตั๊กตีตู แจ้งแก่บริวารว่า จั๊บกุ๊ยเจ่กนั้ง(สิบปีศาจหนึ่งมนุษย์) ถูกว่าจ้างให้สังหารนายท่าน" จิวซุ่นหน้าถอดสี มันทราบดีว่าในบรรดามือสังหารทั้งหมด ขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์มีค่าตัวแพงที่สุด และไม่เคยลงมือพลาดพลั้งเลย ประการนี้มันทราบดีกว่าใคร เมื่อปีกลายเมื่อมันว่าจ้างให้ขบวนการดังกล่าวลอบสังหารเกี้ยเจ็งในแรมสี่ค่ำเดือนสี่ เกี้ยเจ็งก็ไม่ได้เห็นตะวันของวันแรมห้าค่ำเดือนสี่อีก จึงถามบริวารไปว่า
"มันจะลงมือเมื่อใด"
"บริวารทราบจากตั๊กตีตูมาว่า มันจะลงมือในคืนวันเพ็ญ" เฮ้งสี่ต๊งตอบ
"เป็นผู้ใดจ้างวานมัน"
"ประการนี้บริวารไม่ทราบได้ แต่ตั๊กตีตูรายงานว่ามีความเป็นไปได้ว่าผู้ลงมือน่าจะเป็นลี้ฮง ฉายาแป๊ะเกี่ยมฮวง(ร้อยกระบี่วายุ)"
"จับตาดูมันอย่างใกล้ชิด พยายามสืบหาต้นตอคนจ้างวานให้ได้ และเมื่อขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์กล้ารังควาญเรา เราจะให้มันำได้เห็นดีกัน" จิวซุ่นตวาด จากนั้นสั่งอีกว่า "เรียกสองสังหารฐาตุทั้งห้ามา บอกมันว่าหากสังหารลี้ฮงได้เรายินดีจ่ายแก่มัน สิบหมื่นตำลึง แล้วบอกแก่ตั๊กตีตูว่าหากมันหาคนจ้างวานได้เราจะจ่ายแก่มันอีกสี่หมื่นตำลึง" กล่าวจบพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้นวมอีกครั้ง
"นายท่านบริวารขอบังอาจถาม"
"มีกระไรว่ามา" จิวซุ่นกล่าว
"ถ้าเช่นนั้นงานมงคลของเสียวเจี๊ยะยังจะจัดขึ้นอีกหรือไม่"
"ยังคงไว้เช่นเดิม เราไม่เชื่อว่า อิมยิบตี่ กับ กิมยิบบั๊กจะสังหารลี้ฮงไม่ได้ ต่อให้ต้องจ่ายเงินเป็นร้อยหมื่นเราก็จะกุดหัวของขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ให้หมดสิ้น นั่นถึงจะคลายโทสะในอกเราได้หมด จงแจ้งกับทุกคนว่าให้ระวังตัว ขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ไม่สังหารเพียงเป้าหมาย ใครหากขวางทางพวกมันต่างสังหารได้หมดสิ้น เวลานี้ตั๊กตีตูอยู่ที่ใด"
"บริวารคาดว่ามันน่าจะอยู่ที่ตรอกโรงไก่ ที่บ้านน้อยของคู่ขามันนามเซี่ยวลิ้ว"
"รีบส่งคนไปแจ้งเตือนต่อมัน เวลานี้เราขาดมือดีในด้านข่าวไม่ได้ รีบไป!"
ลี้ฮงอยู่บนหลังคาลอบฟังบทสนทนาของทั้งสองได้ทุกใจความ เวลานี้มันกระโดดทิ้งตัวลงบนหลังคาบ้านหลังน้อยในตรอกโรงไก่ รอไม่นานนักก็มีชายรูปร่างสันทัดเดินออกมา มันมีผิวคล้ำ ท่วงท่าคล่องแคล่ว แต่คล้ายเซื่องซึมกว่าที่จะเป็น ชายผู้นั้นเดินใจลอยวาบหวาบในบทพิศวาสเมื่อครู่กับคู่ขานามเซี่ยวลิ้ว วาบหวานในคำหวานของนางจนคล้ายไม่สนใจเรื่องรอบข้าง ชายผู้นั้นเดินไปทางชานเมือง ลี้ฮงไม่ต้องตัดสินใจอีก มันกระโดดทิ้งตัวอย่างแผ่วเบาที่เบื้องหลังและร้องเรียกมัน "ตั๊กตีตู" ชายผู้นั้นหันกลับมา ทันใดนั้นลี้ฮงสาดฝุ่นพิษไปที่ดวงตาของมัน ก่อนที่กระบี่สั้นในมือจะปาดขวางไปที่ลำคอของชายผู้นั้นอย่างแม่นยำ แม่นยำจนไม่มีแม้เสียงครวญคราง ลี้ฮงทอดถอนใจกับศพที่อยู่แทบเท้า เวลานี้มันรู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน เงินที่ได้จากการเป็นมีสังหารที่ครั้งหนึ่งมันเคยเชื่อว่าจะทำให้ความอ้างว้างนี้หมดไป บัดนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้ยามที่มีคนคลายเหงามากมาย มันคล้ายดั่งพบว่าอีกไม่นานมันคงตายอย่างสุนัขเถื่อนตัวหนึ่ง ไม่ต่างกับคนเหล่านั้นที่มันสังหาร ต่างกันที่คนเบื้องหลังคงไม่มีใครอาวรณ์ถึงมันอีก
ยามเช้าของจิวซุ่นเริ่มด้วยอาหารมื้อใหญ่เสมอ โจ๊กใส่ไข่ร้อนกรุ่น อิ่วจ่าก๊วยคู่ใหญ่ หมูย่างไฟแดง และสิ่งที่ทุกวันต้องมีคือหอยนางรมตัวใหญ่จากชายทะเล เมื่อเริ่มกินถึงกลางคัน เฮ้งสี่ตงเดินหน้าสลดเข้ามารายงานกับมันว่า "ตั๊กตีตูตายแล้วเมื่อคืนนี้ คาดว่าถูกลอบสังหาร"
"ว่ากระไร" จิวซุ่นคำรามด้วยโทสะ "เราบอกแก่เจ้าแล้วว่าให้ส่งคนไปแจ้งต่อมันให้ระวังตัว เหตุใดจึงมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้"
"บริวารบอกต่อโอ้วจิบแล้วว่าให้ไปแจ้งต่อมัน แต่เมื่อไปถึงตั๊กตีตูออกไปแล้ว เราส่งคนออกค้นหาและพบว่ามันตายแล้ว ดวงตาถูกฝุ่นพิษทำลายดวงตา และคอหอยถูกกรีดขาดอย่างแม่นยำ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ใดๆ" เฮ้งสี่ตงบอกกล่าวต่อนายเหนืออย่างไม่กล้าอำพรางเพราะมันเชื่อว่าเวลานี้ความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จิวซุ่นย่อมมีทางรู้เรื่องจริงไม่ทางหนึ่งก็ทางใดจากหูตาอันกว้างขวาง
"ลี้ฮง เวลาเป็นจิ้งจอกเปรียวของเจ้าเหลืออีกไม่มาก อีกไม่นานเจ้าจะเป็นเพียงสุนัขหมดเขี้ยวเท่านั้น"จิวซุ่นพึมพัม จากนั้นถามกับเฮ้งสี่ตงว่า "ด้านสองสังหารฐาตุทั้งห้าเล่าเป็นเช่นไรบ้าง ค่าตอบแทนที่ให้ไปเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่"
"สองสังหารฐาตุทั้งห้าบัดนี้ได้แต่สังหารตนเองเท่านั้น คนตายไม่สามารถสังหารคนเป็นๆได้อีก"
"ตาย เจ้าหมายความว่ากระไร"
"สองสังหารฐาตุทั้งห้าตายใต้คมดาบ ของจอมดาบท่านนั้นไปแล้ว"
"ติดต่อไปยังตู้แช บอกต่อมันว่าเรายินดีจ่ายแก่มันมากกว่าสองสังหารฐาตุทั้งห้าสองเท่า" จิวซุ่นคำรามอีกครั้ง
เฮ้งสี่ตงหน้าซีดสลด มันเชื่อว่ามือดีทั้งหลายในวงการลอบสังหารหากได้ยินตัวเลขที่นายเหนือของมันจะจ่ายแก่ตู้แชก็จะรีบจะคว้าไว้ แต่ครั้งนี้นายเหนือของมันต้องพลาดหวังอีก มันกล่าวว่า "ตู้แชเลิกเป็นมือสังหารแล้ว เพราะพ่ายภายใต้คมดาบของคนผู้นั้นเช่นกัน"
จิวซุ่นหน้าซีดนั่งนิ่งอยู่นานสองนานก่อนกล่าวว่า "ส่งเทียบไปทั่วแผ่นดินบอกว่าเราขอเลื่อนงานแต่งออกไปไม่มีกำหนด แจ้งต่อเบ๊เชยลี้ว่าเราจะเจรจาเรื่องงานแต่งโดยด่วนและเราขอขมาอย่างยิ่ง เราต้องการมือดีมาคุ้มครองเราไม่ใช่พวกสัดใส่ข้าวอย่างที่แล้วมา แล้วเจ้าจงเพียรหามือสังหารให้รวดเร็วที่สุด พร้อมกับหาช่องทางหาข่าวให้เร็วที่สุดเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรเราต้องการรู้ว่ามันผู้ใดต้องการฆ่าเรา หลังจากนั้นเราจะลงมือฆ่าโดยไม่ละเว้น ฆ่าให้หมดไม่เหลือแม้สัตว์เลี้ยง" เฮ้งสี่ตงรับคำแล้วเดินออกไป
ลี้ฮงเดินก้าวช้าอยู่ท่ามกลางแสงตะวัน ตอนนี้มันปิดปากตั๊กตีตูไปแล้ว ข่าวคราวใดๆก็ยากที่จะหลุดรอดไปยังเป้าหมายของมันได้ เมื่อหวนนึกถึงเมื่อคืนแล้วกระเพาะของมันยังบิดมวนอยู่ มันเชื่อว่าหากเมื่อคืนตั๊กตีตูไม่ประมาท อย่างน้อยแม้มันจะสังหารตั๊กตีตูลงได้แต่คงไม่สามารถลงมือได้ทันในคืนวันเพ็ญแน่ ขณะที่กำลังจะเดินไปที่แผงหมี่ซอมซ่อ มันเหลือบเห็นชายผู้หนึ่งผู้ซอมซ่อกว่าใคร แต่ก็ดูโดดเด่นกว่าผู้ใด กำลังทอดลูกเต๋าเล่นพนันอย่างออกรส มันเองก็บอกไม่ได้ว่าชายผู้นั้นอยู่ในนวัยฉกรรจ์หรือชรารู้แต่ว่าประหลาดยิ่ง จวบจนมันกินหมี่เสร็จแล้วชายคนนั้นยังคงไม่ได้ลุกไปไหนยังคงเล่นพนันและจิบสุราจากกระปุกเคลือบอยู่นั่นเอง
จิวตั่วเสียวเจี๊ยะ นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ชีวิตนางไม่ต่างกระไรกับนกน้อยในกรงทอง บิดาทะนุถนอมและมอบความรักแก่นางอย่างยิ่ง แต่นั่นกลับทำให้นางไม่สามารถเลือกทางเดินของนางเองได้เลย งานวิวาห์ของนางเองก็เช่นกัน นางเป็นเพียงนกน้อยที่เป็นของขวัญเพื่อส่งมอบแก่ผู้อื่นเพื่ออำนาจของบิดาเท่านั้น นางอยากร้องไห้ แต่เวลานี้น้ำตาคงไม่มีประโยชน์อันใด นางได้แต่หวังว่าแผนการของเฮ้งนึ้ง(คนรักแซ่เฮ้ง)จะสำเร็จ นางเหม่อมองท้องฟ้าได้ไม่นาน เฮ้งสี่ตงก็เคาะประตูพร้อมส่งเสียงเรียก "เสียวเจี๊ยะ อยู่ข้างในหรือไม่ บริวารขอเข้าไปได้หรือไม่" นางจัดผมเผ้าให้ดูดีที่สุดเช็ดหน้าตาก่อนเปิดประตูออกมาอย่างแช่มช้อย เฮ้งสี่ตงแทรกตัวผ่านประตู ลงกลอน ก่อนโอบนางเข้าในอ้อมอกพร่ำพรอดคำหวานแก่นางไม่ขาดปาก มันความจริงเป็นบุรุษไม่ได้หล่อเหลามากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเค้าหน้าคมคายอยู่สามส่วน อีกเจ็ดส่วนที่บันดาลให้สตรีทั้งโลกยอมสยบแก่มันนั่นคือคำหวานที่ไม่ว่าพวกนางต้องการได้ยินอันใด คำพร่ำพรอดเหล่านั้นจะถูกเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องขอเสมอ นางทุบเข้าไปที่หน้าอกของมันเบาๆ กระเง้ากระงอด ก่อนถามมันว่า
"บิดามีท่าทีอย่างไรบ้าง"
"เรามีข่าวร้ายบอกแก่ท่าน" มันทำหน้าถทึง
"อย่าบอกเราว่าท่านทำไม่สำเร็จ ไม่เฮ้งกอเราไม่ต้องการแต่งให้กับเบ๊ป้อ แค่ชื่อมันก็ทำให้เราสะอิดสะเอียนแทบตายแล้ว" นางหัวฟัดหัวเหวี่ยงกล่าว
"แต่ฟังว่ามันเป็นชายงามที่ทั่วทั้งเมืองหลวงหญิงสาวต่างต้องการเป็นสามีอย่างยิ่ง หากเปรียบกับเราแล้วนั่นต่างกันสิบหมื่นแปดพันลี้ เราเป็นเพียงบริวารบิดาท่านเท่านั้น" มันกล่าวอย่างจริงจัง
"ไม่ว่าเบ๊ป้อ เบ๊ขั่ว เบ๊ซิ้ง อันเราต่างไม่ต้องการ เราต้องการเพียงท่านเท่านั้น" นางกล่าวพร้อมกัดไปที่แขนของมันเบาๆ มันตอบสนองนางด้วยการคว้านางมาจูบ
"จิวม่วย ท่านโปรดวางใจ ตั้งแต่เราสองรู้จัก เราเคยทำให้ท่านผิดหวังหรือ"มันกล่าว นางตาเป็นประกายก่อนซุกหน้าลงที่อกมันหลั่งน้ำตาออกมาดุจทำนบแตกพร้อมส่งเสียงสะอื้นไห้ แต่ไม่นานเสียงสะอื้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจ เสียงอันหฤหรรษ์
เฮ้งสี่ตง เดินออกมาจากห้องของนางในยามสาย มันแจ้งต่อโอ้วจิบให้ไปติดต่อ โอ้วตอฮวงเกี่ยม มือสังหารระดับพระกาฬแห่งมณฑลโอ้วปักที่ฟังว่าขณะนี้อยู่ที่นครหลวงให้เข้าหารือกับมัน แจ้งต่อองค์รักษ์ดาบทองให้เข้ามาพบเช่นกัน มันเชื่อว่าจุดจบของเรื่องนี้อยู่อีกไม่ไกลแล้ว...........
...ผู้เขียน ตอนแรกเริ่มฉันตั้งใจให้จบภายในหมื่นตัวอักษรแต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่จบเสียแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบสดๆดังนั้นข้อมูลบางประการอาจจะผิดพลาด ภาษาอาจจะแย่(มาก)ก็ขอให้โปรดอภัย และขอให้สนุกสนานกับการอ่านอย่างมีอรรถรส
ป.ล. ผลงานนี้หากใครจะเรียกว่าคล้ายโกวเล้งฉันขอน้อมรับ(แม้ฉันจะไม่ได้หนึ่งในหมื่นของท่านผู้เฒ่า) เพราะความตั้งใจเดิมแต่แรก งานนี้คืองานบูชาครูโดยแท้
ป.ล.2 ฉันน้อมรับคำติชมของทุกท่านเสมอ
ผู้หาญกล้านิรนาม
แสงยามอรุณทอดทอลงบนหลังคาของหมู่ตึกบุปผาสคราญหอนางโลมอันดับหนึ่งของนครหลวง ลี้ฮงจิบสุรารอชมแสงแรกของวัน ลมพัดจากทางเหนือทำให้เส้นผมปลิวไสว มันเป็นบุรุษเค้าหน้าคมคาย บุรษอย่างมันสามารถหาสตรีที่พร้อมพลีกายให้มันได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ไฉนมันจึงอยู่ที่นี่ หลายวันนี้มันฝังตัวอยู่ในหมู่ตึกบุปผาสคราญ ผลาญเงินทองที่ได้มาจากการทำงานครั้งล่าสุด คณิกามากมายผลักไสตนเองกันเข้ามา "ใจถึงใจ"กับเสียวมือเติบผู้นี้ แต่คล้ายมันคร้านที่จะตอบสนองพวกนาง เวลานี้มันเพียงต้องการนอนเหยีดยาวเท่านั้น แต่ความสงบไม่ได้อยู่กับมันนานนัก เวลานั้นตั้งตั่วงู้คนคุมซ่องร้องเรียงมันว่ามีจดหมายมาถึง มันทอดหายใจอย่างเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายกับวังวนคาวโลหิตที่ยังคละคลุ้งอยู่บนสองมือ แต่เมื่อคนเราต้องกินข้าว เยี่ยงไรก็ย่อมไม่ยอมอดตายเป็นแน่แท้ มันรับจดหมายมาจากนั้นเข้าห้องพักและเผาจดหมายนั้นก่อนนำไปแช่น้ำ น่าแปลกที่เนื้อจดหมายนั้นไม่ไหม้และมีตัวอัษรปรากฏขึ้น นี่เป็นวิธีสื่อสารเฉพาะของพวกมัน เนื้อหาจดหมายนั้นมีไม่มากเพียงเขียนไว้ว่า "คืนเดือนเพ็ญ จิวซุ่น ตรอกบ่อน้ำหวาน" ลงชื่อกำกับ "ลู้เล่าตั่ว"
จิวซุ่นเป็นคหบดีผู้มั่งคั่งของนครหลวง ฟังว่าเมื่อเริ่มแรกมันไม่มีอันใดมาก่อนแต่ด้วยความใจถึงและความอุตสาหะ เวลานี้มันบ่มเพาะทั้งเงินทองและกำลังคนจนเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสี่สิงห์ของนครหลวงได้อย่างเต็มปาก นอกจากนี้มันยังมีอำนาจไม่น้อยในกรมเมือง ได้ยินว่าเช็งปุ้เท้านักสืบอันดับหนึ่งของแผ่นดินรวมทั้งโง้วจื่อย้งเสนาบดีฝ่ายขวาต่างก็เป็นสหายของมัน เวลานี้มันตั้งใจจะแผ่อิทธิพลเข้าไปยังเมืองข้างเคียง โดยผ่านงานมงคลของบุตรีนามจิวยู่อี่ ซึ่งมันหมายไว้ให้แต่งงานกันเบ๊ป้อบุตรชายของเบ๊เชยลี้เจ้าของสำนักคุ้มภัยประตูมังกร สำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งในกำแพงใหญ่ ซึ่งกำหนดงานจะจัดขึ้นในคืนวันเพ็ญนี้
คืนนี้จันทร์เกือบเต็มดวงแล้ว จิวซุ่นนั่งอยู่ในห้องทำงาน มันสงบใจ ทุกอย่างในงานแต่งงานต่างได้มอบหมายแด่บริวารของมันจนหมดสิ้น มันเชื่อว่าบริวารของมันต่างทำงานให้มันอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเสมอมา มันเชื่อว่าในรอบร้อยปีมานี้จะไม่มีงานมงคลใดยิ่งใหญ่กว่างานนี้อย่างเด็ดขาด สุราอย่างดีถูกกว้านซื้อมาจากทุกๆเมืองในละแวกห้าร้อยลี้ วัว สุกร แพะ ไก่ ถูกขุนไว้กว่าห้าพันตัว แขกจำนวนเรือนหมื่นที่ถูกแจกเทียบเชิญ มีทั้งพ่อค้า ครูมวย ขุนนาง และผู้ยิ่งใหญ่ในแว่นแคว้นหนึ่ง ทันใด เฮ้งสี่ตงรีบกระหืดกระหอบออกมาแจ้งกับมันว่า "ตั๊กตีตู แจ้งแก่บริวารว่า จั๊บกุ๊ยเจ่กนั้ง(สิบปีศาจหนึ่งมนุษย์) ถูกว่าจ้างให้สังหารนายท่าน" จิวซุ่นหน้าถอดสี มันทราบดีว่าในบรรดามือสังหารทั้งหมด ขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์มีค่าตัวแพงที่สุด และไม่เคยลงมือพลาดพลั้งเลย ประการนี้มันทราบดีกว่าใคร เมื่อปีกลายเมื่อมันว่าจ้างให้ขบวนการดังกล่าวลอบสังหารเกี้ยเจ็งในแรมสี่ค่ำเดือนสี่ เกี้ยเจ็งก็ไม่ได้เห็นตะวันของวันแรมห้าค่ำเดือนสี่อีก จึงถามบริวารไปว่า
"มันจะลงมือเมื่อใด"
"บริวารทราบจากตั๊กตีตูมาว่า มันจะลงมือในคืนวันเพ็ญ" เฮ้งสี่ต๊งตอบ
"เป็นผู้ใดจ้างวานมัน"
"ประการนี้บริวารไม่ทราบได้ แต่ตั๊กตีตูรายงานว่ามีความเป็นไปได้ว่าผู้ลงมือน่าจะเป็นลี้ฮง ฉายาแป๊ะเกี่ยมฮวง(ร้อยกระบี่วายุ)"
"จับตาดูมันอย่างใกล้ชิด พยายามสืบหาต้นตอคนจ้างวานให้ได้ และเมื่อขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์กล้ารังควาญเรา เราจะให้มันำได้เห็นดีกัน" จิวซุ่นตวาด จากนั้นสั่งอีกว่า "เรียกสองสังหารฐาตุทั้งห้ามา บอกมันว่าหากสังหารลี้ฮงได้เรายินดีจ่ายแก่มัน สิบหมื่นตำลึง แล้วบอกแก่ตั๊กตีตูว่าหากมันหาคนจ้างวานได้เราจะจ่ายแก่มันอีกสี่หมื่นตำลึง" กล่าวจบพลางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้นวมอีกครั้ง
"นายท่านบริวารขอบังอาจถาม"
"มีกระไรว่ามา" จิวซุ่นกล่าว
"ถ้าเช่นนั้นงานมงคลของเสียวเจี๊ยะยังจะจัดขึ้นอีกหรือไม่"
"ยังคงไว้เช่นเดิม เราไม่เชื่อว่า อิมยิบตี่ กับ กิมยิบบั๊กจะสังหารลี้ฮงไม่ได้ ต่อให้ต้องจ่ายเงินเป็นร้อยหมื่นเราก็จะกุดหัวของขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ให้หมดสิ้น นั่นถึงจะคลายโทสะในอกเราได้หมด จงแจ้งกับทุกคนว่าให้ระวังตัว ขบวนการสิบปีศาจหนึ่งมนุษย์ไม่สังหารเพียงเป้าหมาย ใครหากขวางทางพวกมันต่างสังหารได้หมดสิ้น เวลานี้ตั๊กตีตูอยู่ที่ใด"
"บริวารคาดว่ามันน่าจะอยู่ที่ตรอกโรงไก่ ที่บ้านน้อยของคู่ขามันนามเซี่ยวลิ้ว"
"รีบส่งคนไปแจ้งเตือนต่อมัน เวลานี้เราขาดมือดีในด้านข่าวไม่ได้ รีบไป!"
ลี้ฮงอยู่บนหลังคาลอบฟังบทสนทนาของทั้งสองได้ทุกใจความ เวลานี้มันกระโดดทิ้งตัวลงบนหลังคาบ้านหลังน้อยในตรอกโรงไก่ รอไม่นานนักก็มีชายรูปร่างสันทัดเดินออกมา มันมีผิวคล้ำ ท่วงท่าคล่องแคล่ว แต่คล้ายเซื่องซึมกว่าที่จะเป็น ชายผู้นั้นเดินใจลอยวาบหวาบในบทพิศวาสเมื่อครู่กับคู่ขานามเซี่ยวลิ้ว วาบหวานในคำหวานของนางจนคล้ายไม่สนใจเรื่องรอบข้าง ชายผู้นั้นเดินไปทางชานเมือง ลี้ฮงไม่ต้องตัดสินใจอีก มันกระโดดทิ้งตัวอย่างแผ่วเบาที่เบื้องหลังและร้องเรียกมัน "ตั๊กตีตู" ชายผู้นั้นหันกลับมา ทันใดนั้นลี้ฮงสาดฝุ่นพิษไปที่ดวงตาของมัน ก่อนที่กระบี่สั้นในมือจะปาดขวางไปที่ลำคอของชายผู้นั้นอย่างแม่นยำ แม่นยำจนไม่มีแม้เสียงครวญคราง ลี้ฮงทอดถอนใจกับศพที่อยู่แทบเท้า เวลานี้มันรู้สึกอ้างว้างเหลือเกิน เงินที่ได้จากการเป็นมีสังหารที่ครั้งหนึ่งมันเคยเชื่อว่าจะทำให้ความอ้างว้างนี้หมดไป บัดนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม้ยามที่มีคนคลายเหงามากมาย มันคล้ายดั่งพบว่าอีกไม่นานมันคงตายอย่างสุนัขเถื่อนตัวหนึ่ง ไม่ต่างกับคนเหล่านั้นที่มันสังหาร ต่างกันที่คนเบื้องหลังคงไม่มีใครอาวรณ์ถึงมันอีก
ยามเช้าของจิวซุ่นเริ่มด้วยอาหารมื้อใหญ่เสมอ โจ๊กใส่ไข่ร้อนกรุ่น อิ่วจ่าก๊วยคู่ใหญ่ หมูย่างไฟแดง และสิ่งที่ทุกวันต้องมีคือหอยนางรมตัวใหญ่จากชายทะเล เมื่อเริ่มกินถึงกลางคัน เฮ้งสี่ตงเดินหน้าสลดเข้ามารายงานกับมันว่า "ตั๊กตีตูตายแล้วเมื่อคืนนี้ คาดว่าถูกลอบสังหาร"
"ว่ากระไร" จิวซุ่นคำรามด้วยโทสะ "เราบอกแก่เจ้าแล้วว่าให้ส่งคนไปแจ้งต่อมันให้ระวังตัว เหตุใดจึงมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้"
"บริวารบอกต่อโอ้วจิบแล้วว่าให้ไปแจ้งต่อมัน แต่เมื่อไปถึงตั๊กตีตูออกไปแล้ว เราส่งคนออกค้นหาและพบว่ามันตายแล้ว ดวงตาถูกฝุ่นพิษทำลายดวงตา และคอหอยถูกกรีดขาดอย่างแม่นยำ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ใดๆ" เฮ้งสี่ตงบอกกล่าวต่อนายเหนืออย่างไม่กล้าอำพรางเพราะมันเชื่อว่าเวลานี้ความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด จิวซุ่นย่อมมีทางรู้เรื่องจริงไม่ทางหนึ่งก็ทางใดจากหูตาอันกว้างขวาง
"ลี้ฮง เวลาเป็นจิ้งจอกเปรียวของเจ้าเหลืออีกไม่มาก อีกไม่นานเจ้าจะเป็นเพียงสุนัขหมดเขี้ยวเท่านั้น"จิวซุ่นพึมพัม จากนั้นถามกับเฮ้งสี่ตงว่า "ด้านสองสังหารฐาตุทั้งห้าเล่าเป็นเช่นไรบ้าง ค่าตอบแทนที่ให้ไปเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่"
"สองสังหารฐาตุทั้งห้าบัดนี้ได้แต่สังหารตนเองเท่านั้น คนตายไม่สามารถสังหารคนเป็นๆได้อีก"
"ตาย เจ้าหมายความว่ากระไร"
"สองสังหารฐาตุทั้งห้าตายใต้คมดาบ ของจอมดาบท่านนั้นไปแล้ว"
"ติดต่อไปยังตู้แช บอกต่อมันว่าเรายินดีจ่ายแก่มันมากกว่าสองสังหารฐาตุทั้งห้าสองเท่า" จิวซุ่นคำรามอีกครั้ง
เฮ้งสี่ตงหน้าซีดสลด มันเชื่อว่ามือดีทั้งหลายในวงการลอบสังหารหากได้ยินตัวเลขที่นายเหนือของมันจะจ่ายแก่ตู้แชก็จะรีบจะคว้าไว้ แต่ครั้งนี้นายเหนือของมันต้องพลาดหวังอีก มันกล่าวว่า "ตู้แชเลิกเป็นมือสังหารแล้ว เพราะพ่ายภายใต้คมดาบของคนผู้นั้นเช่นกัน"
จิวซุ่นหน้าซีดนั่งนิ่งอยู่นานสองนานก่อนกล่าวว่า "ส่งเทียบไปทั่วแผ่นดินบอกว่าเราขอเลื่อนงานแต่งออกไปไม่มีกำหนด แจ้งต่อเบ๊เชยลี้ว่าเราจะเจรจาเรื่องงานแต่งโดยด่วนและเราขอขมาอย่างยิ่ง เราต้องการมือดีมาคุ้มครองเราไม่ใช่พวกสัดใส่ข้าวอย่างที่แล้วมา แล้วเจ้าจงเพียรหามือสังหารให้รวดเร็วที่สุด พร้อมกับหาช่องทางหาข่าวให้เร็วที่สุดเช่นกัน ไม่ว่าอย่างไรเราต้องการรู้ว่ามันผู้ใดต้องการฆ่าเรา หลังจากนั้นเราจะลงมือฆ่าโดยไม่ละเว้น ฆ่าให้หมดไม่เหลือแม้สัตว์เลี้ยง" เฮ้งสี่ตงรับคำแล้วเดินออกไป
ลี้ฮงเดินก้าวช้าอยู่ท่ามกลางแสงตะวัน ตอนนี้มันปิดปากตั๊กตีตูไปแล้ว ข่าวคราวใดๆก็ยากที่จะหลุดรอดไปยังเป้าหมายของมันได้ เมื่อหวนนึกถึงเมื่อคืนแล้วกระเพาะของมันยังบิดมวนอยู่ มันเชื่อว่าหากเมื่อคืนตั๊กตีตูไม่ประมาท อย่างน้อยแม้มันจะสังหารตั๊กตีตูลงได้แต่คงไม่สามารถลงมือได้ทันในคืนวันเพ็ญแน่ ขณะที่กำลังจะเดินไปที่แผงหมี่ซอมซ่อ มันเหลือบเห็นชายผู้หนึ่งผู้ซอมซ่อกว่าใคร แต่ก็ดูโดดเด่นกว่าผู้ใด กำลังทอดลูกเต๋าเล่นพนันอย่างออกรส มันเองก็บอกไม่ได้ว่าชายผู้นั้นอยู่ในนวัยฉกรรจ์หรือชรารู้แต่ว่าประหลาดยิ่ง จวบจนมันกินหมี่เสร็จแล้วชายคนนั้นยังคงไม่ได้ลุกไปไหนยังคงเล่นพนันและจิบสุราจากกระปุกเคลือบอยู่นั่นเอง
จิวตั่วเสียวเจี๊ยะ นั่งอยู่ริมหน้าต่าง ชีวิตนางไม่ต่างกระไรกับนกน้อยในกรงทอง บิดาทะนุถนอมและมอบความรักแก่นางอย่างยิ่ง แต่นั่นกลับทำให้นางไม่สามารถเลือกทางเดินของนางเองได้เลย งานวิวาห์ของนางเองก็เช่นกัน นางเป็นเพียงนกน้อยที่เป็นของขวัญเพื่อส่งมอบแก่ผู้อื่นเพื่ออำนาจของบิดาเท่านั้น นางอยากร้องไห้ แต่เวลานี้น้ำตาคงไม่มีประโยชน์อันใด นางได้แต่หวังว่าแผนการของเฮ้งนึ้ง(คนรักแซ่เฮ้ง)จะสำเร็จ นางเหม่อมองท้องฟ้าได้ไม่นาน เฮ้งสี่ตงก็เคาะประตูพร้อมส่งเสียงเรียก "เสียวเจี๊ยะ อยู่ข้างในหรือไม่ บริวารขอเข้าไปได้หรือไม่" นางจัดผมเผ้าให้ดูดีที่สุดเช็ดหน้าตาก่อนเปิดประตูออกมาอย่างแช่มช้อย เฮ้งสี่ตงแทรกตัวผ่านประตู ลงกลอน ก่อนโอบนางเข้าในอ้อมอกพร่ำพรอดคำหวานแก่นางไม่ขาดปาก มันความจริงเป็นบุรุษไม่ได้หล่อเหลามากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีเค้าหน้าคมคายอยู่สามส่วน อีกเจ็ดส่วนที่บันดาลให้สตรีทั้งโลกยอมสยบแก่มันนั่นคือคำหวานที่ไม่ว่าพวกนางต้องการได้ยินอันใด คำพร่ำพรอดเหล่านั้นจะถูกเอ่ยออกมาโดยไม่ต้องขอเสมอ นางทุบเข้าไปที่หน้าอกของมันเบาๆ กระเง้ากระงอด ก่อนถามมันว่า
"บิดามีท่าทีอย่างไรบ้าง"
"เรามีข่าวร้ายบอกแก่ท่าน" มันทำหน้าถทึง
"อย่าบอกเราว่าท่านทำไม่สำเร็จ ไม่เฮ้งกอเราไม่ต้องการแต่งให้กับเบ๊ป้อ แค่ชื่อมันก็ทำให้เราสะอิดสะเอียนแทบตายแล้ว" นางหัวฟัดหัวเหวี่ยงกล่าว
"แต่ฟังว่ามันเป็นชายงามที่ทั่วทั้งเมืองหลวงหญิงสาวต่างต้องการเป็นสามีอย่างยิ่ง หากเปรียบกับเราแล้วนั่นต่างกันสิบหมื่นแปดพันลี้ เราเป็นเพียงบริวารบิดาท่านเท่านั้น" มันกล่าวอย่างจริงจัง
"ไม่ว่าเบ๊ป้อ เบ๊ขั่ว เบ๊ซิ้ง อันเราต่างไม่ต้องการ เราต้องการเพียงท่านเท่านั้น" นางกล่าวพร้อมกัดไปที่แขนของมันเบาๆ มันตอบสนองนางด้วยการคว้านางมาจูบ
"จิวม่วย ท่านโปรดวางใจ ตั้งแต่เราสองรู้จัก เราเคยทำให้ท่านผิดหวังหรือ"มันกล่าว นางตาเป็นประกายก่อนซุกหน้าลงที่อกมันหลั่งน้ำตาออกมาดุจทำนบแตกพร้อมส่งเสียงสะอื้นไห้ แต่ไม่นานเสียงสะอื้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจ เสียงอันหฤหรรษ์
เฮ้งสี่ตง เดินออกมาจากห้องของนางในยามสาย มันแจ้งต่อโอ้วจิบให้ไปติดต่อ โอ้วตอฮวงเกี่ยม มือสังหารระดับพระกาฬแห่งมณฑลโอ้วปักที่ฟังว่าขณะนี้อยู่ที่นครหลวงให้เข้าหารือกับมัน แจ้งต่อองค์รักษ์ดาบทองให้เข้ามาพบเช่นกัน มันเชื่อว่าจุดจบของเรื่องนี้อยู่อีกไม่ไกลแล้ว...........
...ผู้เขียน ตอนแรกเริ่มฉันตั้งใจให้จบภายในหมื่นตัวอักษรแต่ตอนนี้เห็นทีจะไม่จบเสียแล้ว นี่เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบสดๆดังนั้นข้อมูลบางประการอาจจะผิดพลาด ภาษาอาจจะแย่(มาก)ก็ขอให้โปรดอภัย และขอให้สนุกสนานกับการอ่านอย่างมีอรรถรส
ป.ล. ผลงานนี้หากใครจะเรียกว่าคล้ายโกวเล้งฉันขอน้อมรับ(แม้ฉันจะไม่ได้หนึ่งในหมื่นของท่านผู้เฒ่า) เพราะความตั้งใจเดิมแต่แรก งานนี้คืองานบูชาครูโดยแท้
ป.ล.2 ฉันน้อมรับคำติชมของทุกท่านเสมอ