เกยเตียน...นายพรานพวกมาก

กระทู้สนทนา
ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

                        เกยเตียน.....นายพรานพวกมาก

       ตอนที่ ๑ ลาภกลับเป็นเคราะห์      

                        "เล่าเซี่ยงชุน"

                    บรรดานายโจรที่เขาเนียซัวเปาะนี้  ต่างก็มีประวัติเดิม ค่อนข้างพิลึกพิศดารด้วยกันแทบทั้งนั้น เกยเตียน ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่มีความเป็นมาก่อนจะได้เข้าร่วมขบวนการนี้ อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

                    เกยเตียนเป็นชาวเมืองเตงจิวมีน้องชายชื่อ เกยโป ทั้งสองพี่น้องเป็นกำพร้าไม่มีบิดามารดา และยังไม่มีภรรยา มีอาชีพเป็นพรานเที่ยวล่าสัตว์เลี้ยงชีวิต เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็ง ชำนิชำนาญเกาทัณฑ์ไม่มีผู้ใดเทียบ ปกติไปล่าสัตว์ที่เขาเตงจิวซัวซึ่งอยู่ใกล้เมืองเป็นประจำ อยู่มามีเสือใหญ่ตัวหนึ่งอยู่บนภูเขา  คอยจับคนกินเสียเป็นอันมาก  เมื่อข่าวนั้นเลื่องลืออื้ออึงไปจนถึงเจ้าเมือง ก็มีประกาศถึงนายบ้านนายอำเภอ  ให้เป่าร้องพวกพรานไปช่วยยิงเสือตัวนี้ให้ได้ จะมีรางวัล

                    สองคนพี่น้องก็รับอาสาเจ้าเมือง ว่าจะจัดการกับเสือตัวนี้ให้ได้ภายในสามวัน  แล้วก็ขึ้นไปบนภูเขาตรงทางที่เสือชอบเดินผ่าน  เอาเกาทัณฑ์ไปผูกโยงทำสายเป็นกับดักไว้ โดยใส่ลูกเกาทัณฑ์ที่อาบยาพิษ ทั้งสองคนพี่น้องก็ปีนขึ้นไปคอยอยู่บนต้นไม้จนตลอดวัน ก็ไม่เห็นเสือเดินผ่านมา พอค่ำจึงพากันกลับบ้าน

                    รุ่งขึ้นก็มาคอยดูอีก จนถึงเวลาเย็นเสือใหญ่ตัวนั้นก็เดินมาสดุดสายเกาทัณฑ์ ไกลั่นยิงลูกเกาทัณฑ์ไปถูกชายโครงเสือ ทั้งสองก็ลงจากต้นไม้ เอาเกาทัณฑ์ประจำมือยิงซ้ำอีกสามดอกถูกเสืออย่างจัง ยิ้ม็กระโดดเผ่นโผนโจนหนีไป ด้วยความเจ็บปวด สองพี่น้องก็ไล่ตามไปประมาณลี้เศษ ก็เห็นเสือนั้นล้มกลิ้งลงไปจากหน้าผาตกลงไปในสวนดอกไม้ของชาวบ้านที่ตีนเขาข้างล่าง ทั้งสองก็เดินลงจากเขาตามทาง เพื่อไปเอาเสือที่ตายแล้ว

                    สวนดอกไม้หลังบ้านนี้เป็นของ มอไทก๋ง เป็นเศรษฐีมั่งมีทรัพย์สินมีบุตรชายชื่อ     มอตงหงี พอจวนสว่างพวกบ่าวก็ไปปลุก บอกว่าเสือใหญ่ถูกเกาทัณฑ์มานอนตายอยู่ในสวน     มอไทก๋งจึงให้บุตรชายคุมบ่าวไพร่ผูกมัดเสือตัวนั้น  หามเอาไปส่งเจ้าเมืองเพื่อรับรางวัล

                    เมื่อถึงรุ่งเช้าเกยเตียนกับน้องชายเดินมาถึงบ้านมอไทก๋ง  เห็นประตูปิดอยู่ก็ร้องเรียกให้เปิดรับ มอไทก๋งรู้จักกับสองพี่น้องดี จึงถามว่ามีธุระอะไร เกยเตียนก็ว่า

                        "....ข้าพเจ้ารับหนังสือทานบนจากผู้รักษาเมือง ว่าจะยิงเสือร้ายให้ได้ในสามวัน     ข้าพเจ้าไปคอยยิงเสืออยู่เมื่อเวลาเช้ามืด เสือร้ายถูกเกาทัณฑ์วิ่งหนีลงทางหลังเขาโดดลงมาตายในสวนดอกไม้ของท่าน จะมาขอเอาเสือนั้นไปให้ผู้รักษาเมือง....."

                    มอไทก๋งแกล้งพูดว่า

                    "....ถ้าเสือมาตายในสวนหลังบ้านของเราแน่แล้ว เจ้าอย่าวิตกเลยจงไปดูเอาเถิด เจ้าตามเสือมาแต่เช้ามืดเหน็ดเหนื่อยนัก เราจะจัดอาหารให้กิน....."

                    แล้วก็สั่งจัดโต๊ะมาเลี้ยงเป็นอันดี เกยเตียนและเกยโปก็รับเชิญ  กินอาหารอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ขอให้มอไทก๋งพาไปเอาเสือที่ในสวน  มอไทก๋งพาไปถึงประตูสวน เรียกให้คนรักษาสวนเอาลูกกุญแจมาไขก็ไม่ใคร่ออก  มอไทก๋งก็ว่าสวนนี้ไม่มีผู้ใดเข้าออกนานแล้ว กุญแจเป็นสนิมไขไม่ออก ก็ให้คนใช้งัดกุญแจเข้าไปในสวน

                    สองพี่น้องไม่เห็นเสือตัวที่ตนยิงก็สงสัย เที่ยวค้นหาก็ไม่พบ มอไทก๋งจึงว่าเสือคงไม่ได้เข้ามาตายในนี้ คงจะดูผิดไปดอกกระมัง เกยเตียนก็ว่า

                     "....รอยเสือวิ่งเข้ามา โลหิตยังติดหญ้าดูเรี่ยรายอยู่เต็มไป  มิใช่ข้าพเจ้าเกิดเมืองอื่นเมื่อไร ก็เกิดในเมืองนี้ด้วยกัน คงจะเป็นพวกท่าน ลักเอาเสือตายของข้าพเจ้าไปเป็นแน่....."

                    มอไทก๋งก็โกรธทุ่มเถียงกันอื้ออึง  สองพี่น้องก็หักพังลูกกรงสวนดอกไม้เสีย มอไทก๋งร้องว่าคนทั้งสองจะปล้นบ้าน และเรียกให้ผู้คนในบ้านเป็นอันมาก ออกมาช่วยกันจับเกยเตียนกับน้องชาย  สองคนเห็นว่าอยู่ในบ้านเขาคงจะเสียที จึงถอยออกจากบ้าน พวกมอไทก๋งก็ไม่ได้ติดตาม ทั้งสองคนจึงเดินกลับไป

                    ขากลับนี้สองพี่น้องสวนทางกับมอตงหงี ซึ่งกลับมาจากบ้านเจ้าเมือง แต่เกยเตียนไม่รู้ว่ามาจากไหน จึงเดินเข้าไปหาแล้วบอกว่า

                     ".....เวลาคืนนี้ข้าพเจ้ายิงถูกเสือร้าย  เสือพาลูกเกาทัณฑ์วิ่งหนีมาตายในสวนดอกไม้ของท่าน  ข้าพเจ้าตามมาว่ากล่าวขอแต่โดยดี บิดาท่านไม่ให้กลับทุบตี ท่านจงสงเคราะห์ข้าพเจ้าด้วยเถิด...."

                    มอตงหงีแกล้งบอกว่า

                       "....บิดาเราไม่ได้รู้เห็น หรือจะเป็นพวกในบ้านปิดบังเสียดอกกระมัง ถ้าเสือเข้าไปตายในสวนเราจริง ท่านทั้งสองอย่าวิตกจะเอาเสือนั้นคืนให้ได้ ท่านจงไปด้วยกันเถิด....."

                    เกยเตียนกับเกยโปจึงเดินตามมอตงหงีกลับไปถึงบ้านอีก พวกบ่าวไพร่ก็เล่าให้มอตงหงีฟังว่า เมื่อก่อนหน้านี้ครู่หนึ่งได้เกิดวิวาทกับสองพี่น้อง และทั้งคู่ได้ทำลายลูกกรงหน้าบ้านเสีย มอตงหงีก็ไม่ว่าอะไรแต่เรียกสองพี่น้องเข้าไปในบ้าน แล้วให้คนใช้ปิดประตูช่วยกันจับมัดไว้ เกยเตียนร้องว่ามาจับมัดไว้ด้วยเหตุประการใด  มอตงหงีก็ว่า

                       "....เวลาคืนนี้พวกเราตีเสือร้ายได้ เจ้าพาลพาโลว่าเสือของเจ้ายิงตาย แล้วบังอาจเข้าหักพังทำลายบ้านเรือนเรา ตีปล้นเอาทรัพย์สิ่งของ  จะเอาตัวไปส่งกับผู้รักษาเมืองเตงจิว...."

                    แล้วมอตงหงีก็เข้าไปปรึกษากับบิดา เอาของดีมีราคาห่อไว้ให้เป็นของกลาง ทำเรื่องราวกล่าวโทษเกยเตียนเกยโปว่าเป็นผู้ร้าย  แล้วเรียกคนใช้คุมตัวพี่น้องสองคนไปยื่นฟ้องต่อเจ้าเมือง ทั้งสองก็ไม่สามารถจะดิ้นรนต่อสู้ได้เพราะถูกมัดอกแอ่นอยู่

                    ฝ่าย เฮงเจง ขุนนางชำระความ ก็เป็นบุตรเขยของมอไทก๋ง จึงร่วมมือกับเจ้าเมือง ชำระคดีตามคำฟ้อง ไต่สวนแล้วสองพี่น้องไม่รับ ก็เฆี่ยนตีเป็นสาหัส จนทนไม่ไหวต้องยอมรับ ว่าเป็นโจรปล้นเงินทองจริง เจ้าเมืองก็ให้เอาตัวไปจำคุกไว้ก่อน  มอตงหงีคำนับลาเจ้าเมืองกลับมาบ้าน ปรึกษากับบิดาว่า

                         "....จะต้องเอาเงินทองไป ให้แก่ผู้รักษาคุกคิดฆ่าสองคนพี่น้องเสียจึงจะได้  ซึ่งจะตัดต้นไม้แล้วต้องขุดรากเง่าให้สิ้นเชิง ถ้าทิ้งไว้นานไปคงจะเกิดกิ่งใบงดงามขึ้น....."

                           มอไทก๋งก็เห็นชอบด้วย จึงให้มอตงหงีนำเงินไปให้เฮงเจง แจกจ่ายไปตามบรรดานายคุมคุกทั้งเล็กใหญ่ ให้หาหนทางฆ่าสองพี่น้องเสีย

                    เปากิด ที่เป็นขุนนางนายคุก เมื่อได้เงินทองจากเฮงเจงแล้ว ก็สั่งให้นายรองชื่อ        งักหัว ว่าสองคนนี้โทษปล้นสำคัญมาก เอาขื่อคามาจำขังไว้ให้แน่นหนา  งักหัวก็เวทนาสองพี่น้องเป็นอันมาก และพิเคราะห์ดูก็จำได้ว่าเป็นญาติกัน จึงถามไล่ลำดับญาติแล้วปรากฎว่าหลานสาวของงักหัวชื่อ นางโกวตัวซอ เป็นภรรยาของ ซึงซิน ซึ่งเป็นน้องชายของ ซึงลิบ ครูฝึกทหารของเมืองนี้ และเป็นลูกผู้พี่อีกคนหนึ่งของเกยเตียน  ทั้งสองสามีภรรยาตั้งบ้านเรือนทำโรงเตี๊ยมขายสุรา อยู่นอกกำแพงเมืองทางทิศตะวันออก  ตัวภรรยานั้นเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็ง ชายสักสามสิบคนก็สู้ไม่ได้ งักหัวจึงว่า

                         "...ซึ่งตัวเจ้าทั้งสองมีผู้คิดร้าย จะให้ตายเสียในคุก เราเห็นว่าเป็นญาติกัน คิดจะช่วยให้เจ้าพ้นภัย...."

                        เกยเตียนก็ว่า

                         "....ท่านอย่าถือโทษเลย ข้าพเจ้าจำไม่ได้จริง ๆ ซึ่งท่านมีเมตตาข้าพเจ้าทั้งสองพระคุณเป็นที่ยิ่ง คิดอยู่ว่าจะมีหนังสือฝากไปถึงซึงซิน กับนางโกวตัวซอ  ถ้าแจ้งในเรื่องความแล้วคงจะมาช่วย   ขอท่านได้สงเคราะห์ข้าพเจ้าด้วยเถิด....."

                     งักหัวก็บอกว่าไม่ต้องเขียนเป็นหนังสือให้ลำบากการทั้งปวงก็รู้อยู่ทั้งสิ้น แล้วก็จัดอาหารมาให้กิน พร้อมทั้งสั่งผู้คุมให้ช่วยระวังอย่าให้ผู้ใด มาทำอันตรายแก่สองพี่น้องนี้ได้

                    งักหัวก็ออกจากคุกตรงไปนอกเมือง  ทางทิศตะวันออกถึงถนนสิบลี้ปาย  ประตูตังห  เข้าไปที่โรงเตี๊ยม พบนางโกวตัวซอนั่งอยู่ที่หน้าโรง  นางก็ถามว่าจะซื้อสุราหรือจะเล่นเบี้ย  งักหัวก็บอกว่าไม่ใช่ผู้อื่น เป็นอาของซึงลิบครูฝึกทหาร พี่ชายของซึงซิน นางโกวตัวซอจึงแนะนำตนเองว่าเป็นภรรยาของซึงซิน แล้วก็ลุกขึ้นคำนับจัดหาน้ำชามาให้กินแล้วว่า

                         "....ข้าพเจ้าได้ยินข่าวว่า อาทำราชการเป็นขุนนางรองเจียดคิบฝ่ายกรมเมือง แต่ยังไม่เคยพบปะจึงไม่รู้จักกัน ข้าพเจ้าคิดไว้กับสามีว่า จะไปเยี่ยมเยือนสักครั้งหนึ่ง ก็ติดธุระค้าขายอยู่ วันนี้เป็นบุญชักนำให้อามาจนถึงบ้านข้าพเจ้า มีกิจธุระสิ่งใดจงบอกให้ทราบเถิด...."

                    งักหัวก็เล่าเรื่องที่เกยเตียนเกยโป ถูกมอไทก๋งใส่ความ จนต้องถูกจำขังคุก .ให้ฟังโดยตลอด

                                   ##########

นิตยสารโล่เงิน
พฤศจิกายน ๒๕๔๑


วางเมื่อ ๒๕ มี.ค.๕๖ เวลา ๑๙.๒๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่