เราคนเคยทำโรงงานแป้งแปรรูป
โยเกิร์ตใส่แป้งจริงค่ะ แต่ไม่ได้มากกกกกกจนพลังงานเพิ่มแคลรอรี่เกินอย่างมีนัยยะ
แป้งที่ใส่ ไม่เกิน 3% ของน้ำหนักรวมค่ะ
แป้งแปรรูปหรือ Modified starch ใส่เพื่อวัตถุประสงค์หลักๆ คือ ปรับเนื้อสัมผัส ช่วยเรื่องการคงตัวไม่แยกชั้น

ลองสังเกตุอันที่มีแป้งเยอะๆ มักเป็นแบบ รสธรรมชาติ น้ำตาลต่ำ หรือเป็นแบบไขมัน 0 %
โยเกิร์กลุ่มนี้ ถ้าลองทำเองจะรู้ว่า มันจะแยกชั้น และรสชาติเปรี้ยวจัด แป้งจะเข้าไปช่วยเรื่องนี้ และมีแป้งบางตัวเข้าไปปรับรสสัมผัส (mouth feel)ให้เนียนเหมือนแบบไม่ได้แยกไขมัน แบบจะเนียนๆในปาก
คือ คนเรา อยากจะรักสุขภาพ แต่ปากยังรอรับรสชาติที่ชอบน่ะค่ะ

ยิ่งโยเกิร์ตแบบนมล้วนๆ ไม่ได้ปรับให้ถูกใจผู้บริโภค ถ้าเขย่าๆก่อนกินนี่ เละดูไม่ได้ค่ะ เปรียบเทียบเหมือนถ้ามันถูกขนส่ง กระแทกไปมา แล้วคนซื้อเปิดมาเจอแบบก้อนเละๆ มีน้ำเจิ่งนอง คงไม่ชอบกันแน่
ใส่มากไม่ได้ด้วยค่ะ เปลือง เนื้อสัมผัสเปลี่ยน แป้งพวกนี้ราคาสูงค่ะ
และที่ไม่ระบุในส่วนผสม เพราะมันไม่ใช่วัตถุดิบหลัก ตีความว่าเป็น ingredient ซึ่งมีกฏหมายบังคับปริมาณที่ใส่ไม่ให้เกินมาตรฐาน และแป้งในบ้านเราที่ใส่โยเกิร์ตไม่ได้เป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดการแพ้ อย่างพวกกลูเต็นค่ะ
ในโลกนี้ อุตสาหกรรมนี้ ทุกยี่ห้อ ทุกโรงงาน ใส่หมดค่ะ แต่อาจไม่ใช่ทุกรส ขึ้นกับเนื้อสัมผัสเป็นหลัก และย้ำว่า วัตถุประสงค์หลัก คือ ปรับเนื้อสัมผัส ไม่ใช่ใส่ไปลดค่าใช้จ่ายให้แป้งไปแทนที่นมอะไรแบบนั้น

ถ้าคำนวณคร่าวๆ ว่าใส่แป้ง 3% จากน้ำหนักรวม ถ้วยนึงประมาณ 250 กรัม ก็เป็นแป้ง 7.5 กรัม หรือช้อนชาครึ่ง โดยประมาณ
น่ากลัวมั๊ยอ่ะ