ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาร้อนใจ สงสารบิวตี้จับจิต
“มนุษย์เอ๋ย เหตุใดจึงไร้เมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันถึงเพียงนี้”
“อย่าวิตกแทนลัลน์ลลิตไปนักเลย นางผ่านเหตุการณ์ต่างต่างที่เป็นเสมือนภูมิคุ้มกันมากมาก นางสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งได้ดีพอควรเลยทีเดียว” องค์เทวีว่า
“แต่ลัลน์ลลิตควรได้รับความยุติธรรมบ้าง เรื่องราวของนางถูกนำไปบิดเบือนอย่างน่าสงสาร”
“คนเหล่านี้เขาเพียงเสนอไปตามข้อมูลที่ได้มา หากจะตำหนิก็ควรติเตียนผู้ที่ให้ข้อมูลด้วย”
“เป็นผู้ใดหรือคะเทวี” นางฟ้าลลิตาสงสัย
ปรมะชี้ไปที่จอภาพ
พบว่าที่มุมหนึ่งนอกร้าน ซึ่งมองเห็นภายในร้าน พักตร์พิมล และ กระตั้ว ยืนหลบมุมอยู่ เลือกมุมที่ไม่มีกล้องวงจรปิด มองเข้าไปเห็นความวุ่นวายภายในร้าน สองคน ตีมือกันอย่างสะใจ
รถวิ่งผ่านป้ายบอกทาง กรุงเทพฯ - เพชรบุรี บิวตี้หน้างอ ธีภพขับรถหน้าเครียดเคร่ง
หลังปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่อยู่ชั่วขณะบิวตี้ถามเสียงห้วน
“จะไปไหน”
ธีภพประชด “มาทางนี้ คงไปสุไหงโกลกมั้ง”
“ฉันจะฝึกงานต่อ”
“กลับไปฝึกที่โรงงาน”
“คุณเป็นคนจัดการเองนะ ฉันไม่ได้ขอเลิก แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย”
ธีภพเหน็บ “แต่ทำวุ่นไปหมด”
บิวตี้เถียง “ฉันไม่ได้ทำ ถ้าจะโทษก็ไปโทษที่ต้นเหตุสิ”
รถชะลอความเร็วลง ด้วยข้างหน้ามีรถติด บิวตี้ดูนาฬิกา ตัวเลขบอกสามโมง
“ขับเร็วหน่อยนะ ฉันมีนัดห้าโมงเย็น”
“นัดอะไร เพิ่งรู้ว่าจะกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เอง”
บิวตี้แกล้งกดโทรศัพท์ แล้วยังแกล้งพูดสายกับเจตน์ชาญ
“คุณเจตน์คะ ที่นัดเจอกันเย็นนี้ขอเปลี่ยนเป็นเจอที่บ้านบิวตี้นะคะ”
บิวตี้วางสายแล้วมองธีภพอย่างท้าทาย
ธีภพหน้าตึง หงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล และไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน คนขับรถอดิศักดิ์ขนของใส่หลังรถ เตรียมออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เจตน์ชาญไหว้ลาอดิศักดิ์และเครือวรรณ
อดิศักดิ์รับไหว้ “ขอบคุณมากนะคุณเจตน์ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ”
“คุณเจตน์ กลับพร้อมกันไหมล่ะคะจะแวะทานข้าวเย็นที่สมุทรสงครามด้วยกัน”
“พอดีผมมีนัดกับเพื่อนเย็นนี้ครับ”
อรวิภาไม่พูดอะไรกับเจตน์ชาญ เดินเลี่ยงไปยืนข้างรถ
“น้องอรไม่มาลาคุณเจตน์ก่อนล่ะจ๊ะ” เครือวรรณทักท้วง
อรวิภาไหว้เจตน์ชาญอย่างเสียไม่ได้
เจตน์ชาญรับไหว้ มองอรวิภาขำๆ แล้วเลี่ยงไปช่วยยกของ
อดิศักดิ์รีบไปห้าม “โอ๊ย ไม่ต้องหรอกคุณเจตน์”
ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกสาว “เป็นอะไรไปจ๊ะลูก”
“เปล่าค่ะ หม่าม้าขา ก่อนกลับแวะร้านพี่ธีหน่อยได้ไหมคะ น้องอรอยากซื้อของ”
“เอาสิ จะได้แวะชวนให้ไปทานข้าวด้วยกัน”
อรวิชายิ้มชื่นดีใจ “จริงด้วยค่ะ ดีจัง จะได้ซื้อของฝากไปให้คุณพ่อคุณแม่พี่ธีด้วยนะคะ”
เจตน์ชาญเดินผ่านมาได้ยิน แต่ทำหน้าเรียบเฉย
ผู้จัดการร้านเอ๊าท์เล็ต ออกมาต้อนรับ อดิศักดิ์ เครือวรรณ และอรวิภา แจ้งข่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
“ท่านประธานกลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”
อดิศักดิ์แปลกใจ “อ้าว เมื่อคืนไม่เห็นบอกว่าจะกลับนี่”
“พอดีมีเหตุขัดข้องบางประการ ท่านเลยต้องพาคุณลัลน์ลลิตกลับก่อนกำหนดค่ะ”
อดิศักดิ์มองอรวิภาที่มีสีหน้าผิดหวัง แล้วรู้สึกโมโหธีภพขึ้นมา พูดบ่นเบาๆ กับลูกสาว
“ความจริงน่าจะโทร.บอกน้องอรบ้างนะ”
“งั้นเราไปกันสามคนก็ได้ น้องอรจะซื้ออะไรอีกไหมลูก”
อรวิภาหน้าบูดอารมณ์เสีย “ไม่แล้วค่ะ อรอยากกลับบ้าน ไม่อยากแวะที่ไหนแล้วด้วย”
อดิศักดิ์ เครือวรรณถอนใจ ส่ายหน้า หงุดหงิด และโกรธแทนลูก
รถธีภพแล่นมาบนถนนในกรุงเทพแล้ว พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินลงทุกทีๆ
รถติด บิวตี้กระสับกระส่าย
“ไปเร็วๆ ซี้” บิวตี้เร่งท่าทีกระวนกระวาย “แทรกซ้ายไปเลย”
“อยู่เฉยๆ ได้มั้ย” ธีภพหงุดหงิด
“ก็เดี๋ยวไม่ทัน ฉันมีนัด”
“ใกล้จะถึงแล้ว อดทนหน่อยสิ”
“งั้นฉันลงตรงนี้” บิวตี้ร้อนใจจะเปิดประตู
ธีภพคว้าแขนไว้ “นี่มันกลางถนน ลงไปได้ยังไง”
เสียงโทรศัพท์ของธีภพดังขึ้น แต่ธีภพกำลังวุ่นกับการสู้รบกับบิวตี้เลยไม่รับ
ปลายสายเป็นอรวิภาที่รอสายธีภพอย่างน้อยใจอยู่ตรงที่จอรถร้านอาหารในหัวหิน
เครือวรรณมาตาม “น้องอรกินข้าวก่อนลูกป่าป๊ารออยู่”
อรวิภาเบะจะร้องไห้ “หม่ามี๊ขา พี่ธีไม่ยอมรับสายน้องอร” สาวโลกสวยร้องไห้กอดแม่
บิวตี้กระสับกระส่ายหนัก หาทางหนีก่อนจะต้องแปลงกาย
ธีภพหมั่นไส้ ประชด “เวลาทำงานไปสาย แต่เวลานัดกับผู้ชายรักษาเวลาดีจัง”
“อย่ายุ่งกับฉันได้มะ รถเคลื่อนแล้ว ไปเร็วๆ”
รถเคลื่อนตัวไปได้ บิวตี้ยังกระวนกระวาย คอยลุ้นดูพระอาทิตย์สลับกับดูนาฬิกาข้อมือตลอดเวลา
เย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที รถธีภพแล่นเข้ามาจอดในบ้าน บิวตี้คว้ากระเป๋าลนลานวิ่งอ้าว เข้าบ้านไม่สนใจอะไรแล้ว
ธีภพตะโกนตามหลัง “พรุ่งนี้ไปฝึกงานที่โรงงานนะ”
บิวตี้ไม่สนใจ เพราะใกล้แปลงร่างเต็มแก่ ธีภพส่ายหน้า มองตามเบื่อๆ
โทรศัพท์ธีภพดังขึ้นอีก เขากดรับ
“ครับน้องอร เอ่อ...ตอนนั้น พอดี มีเรื่องด่วนเข้ามาน่ะครับ”
อรวิภายิ้มออก เช็ดน้ำตา “เหรอคะ อรนึกว่าพี่ธีโกรธอรเสียอีก”
“โกรธเรื่องอะไรครับ”
“ก็น้องอรเห็นพี่ธีรีบกลับกรุงเทพฯ”
“ต้องรีบจัดการเรื่องงานน่ะครับ ต้องขอโทษน้องอรด้วยที่ไม่ได้บอก”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“วันพฤหัสมีประชุมที่โรงแรมของคุณพ่อน้องอร พี่จะไปเล่าให้น้องอรฟังที่ร้านเลยดีไหมครับ”
อรวิภายิ้มแฉ่ง “ค่ะ ได้ค่ะ” สาวโลกสวยยิ้มหวาน กดวางสาย
อดิศักดิ์กับเครือวรรณเฝ้าดูอยู่
“สบายใจแล้วใช่ไหม จะได้กินข้าวแล้วกลับบ้านเสียที”
อรวิภาอารมณ์ดีกอดประจบพ่อ “อรรักป่าป๊าที่สุดในโลกเลย”
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 11/4-11/5 วันจันทร์ที่ 12/05/2557
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาร้อนใจ สงสารบิวตี้จับจิต
“มนุษย์เอ๋ย เหตุใดจึงไร้เมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันถึงเพียงนี้”
“อย่าวิตกแทนลัลน์ลลิตไปนักเลย นางผ่านเหตุการณ์ต่างต่างที่เป็นเสมือนภูมิคุ้มกันมากมาก นางสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งได้ดีพอควรเลยทีเดียว” องค์เทวีว่า
“แต่ลัลน์ลลิตควรได้รับความยุติธรรมบ้าง เรื่องราวของนางถูกนำไปบิดเบือนอย่างน่าสงสาร”
“คนเหล่านี้เขาเพียงเสนอไปตามข้อมูลที่ได้มา หากจะตำหนิก็ควรติเตียนผู้ที่ให้ข้อมูลด้วย”
“เป็นผู้ใดหรือคะเทวี” นางฟ้าลลิตาสงสัย
ปรมะชี้ไปที่จอภาพ
พบว่าที่มุมหนึ่งนอกร้าน ซึ่งมองเห็นภายในร้าน พักตร์พิมล และ กระตั้ว ยืนหลบมุมอยู่ เลือกมุมที่ไม่มีกล้องวงจรปิด มองเข้าไปเห็นความวุ่นวายภายในร้าน สองคน ตีมือกันอย่างสะใจ
รถวิ่งผ่านป้ายบอกทาง กรุงเทพฯ - เพชรบุรี บิวตี้หน้างอ ธีภพขับรถหน้าเครียดเคร่ง
หลังปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่อยู่ชั่วขณะบิวตี้ถามเสียงห้วน
“จะไปไหน”
ธีภพประชด “มาทางนี้ คงไปสุไหงโกลกมั้ง”
“ฉันจะฝึกงานต่อ”
“กลับไปฝึกที่โรงงาน”
“คุณเป็นคนจัดการเองนะ ฉันไม่ได้ขอเลิก แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย”
ธีภพเหน็บ “แต่ทำวุ่นไปหมด”
บิวตี้เถียง “ฉันไม่ได้ทำ ถ้าจะโทษก็ไปโทษที่ต้นเหตุสิ”
รถชะลอความเร็วลง ด้วยข้างหน้ามีรถติด บิวตี้ดูนาฬิกา ตัวเลขบอกสามโมง
“ขับเร็วหน่อยนะ ฉันมีนัดห้าโมงเย็น”
“นัดอะไร เพิ่งรู้ว่าจะกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้เอง”
บิวตี้แกล้งกดโทรศัพท์ แล้วยังแกล้งพูดสายกับเจตน์ชาญ
“คุณเจตน์คะ ที่นัดเจอกันเย็นนี้ขอเปลี่ยนเป็นเจอที่บ้านบิวตี้นะคะ”
บิวตี้วางสายแล้วมองธีภพอย่างท้าทาย
ธีภพหน้าตึง หงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล และไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน คนขับรถอดิศักดิ์ขนของใส่หลังรถ เตรียมออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เจตน์ชาญไหว้ลาอดิศักดิ์และเครือวรรณ
อดิศักดิ์รับไหว้ “ขอบคุณมากนะคุณเจตน์ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ”
“คุณเจตน์ กลับพร้อมกันไหมล่ะคะจะแวะทานข้าวเย็นที่สมุทรสงครามด้วยกัน”
“พอดีผมมีนัดกับเพื่อนเย็นนี้ครับ”
อรวิภาไม่พูดอะไรกับเจตน์ชาญ เดินเลี่ยงไปยืนข้างรถ
“น้องอรไม่มาลาคุณเจตน์ก่อนล่ะจ๊ะ” เครือวรรณทักท้วง
อรวิภาไหว้เจตน์ชาญอย่างเสียไม่ได้
เจตน์ชาญรับไหว้ มองอรวิภาขำๆ แล้วเลี่ยงไปช่วยยกของ
อดิศักดิ์รีบไปห้าม “โอ๊ย ไม่ต้องหรอกคุณเจตน์”
ผู้เป็นแม่กระซิบถามลูกสาว “เป็นอะไรไปจ๊ะลูก”
“เปล่าค่ะ หม่าม้าขา ก่อนกลับแวะร้านพี่ธีหน่อยได้ไหมคะ น้องอรอยากซื้อของ”
“เอาสิ จะได้แวะชวนให้ไปทานข้าวด้วยกัน”
อรวิชายิ้มชื่นดีใจ “จริงด้วยค่ะ ดีจัง จะได้ซื้อของฝากไปให้คุณพ่อคุณแม่พี่ธีด้วยนะคะ”
เจตน์ชาญเดินผ่านมาได้ยิน แต่ทำหน้าเรียบเฉย
ผู้จัดการร้านเอ๊าท์เล็ต ออกมาต้อนรับ อดิศักดิ์ เครือวรรณ และอรวิภา แจ้งข่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
“ท่านประธานกลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ”
อดิศักดิ์แปลกใจ “อ้าว เมื่อคืนไม่เห็นบอกว่าจะกลับนี่”
“พอดีมีเหตุขัดข้องบางประการ ท่านเลยต้องพาคุณลัลน์ลลิตกลับก่อนกำหนดค่ะ”
อดิศักดิ์มองอรวิภาที่มีสีหน้าผิดหวัง แล้วรู้สึกโมโหธีภพขึ้นมา พูดบ่นเบาๆ กับลูกสาว
“ความจริงน่าจะโทร.บอกน้องอรบ้างนะ”
“งั้นเราไปกันสามคนก็ได้ น้องอรจะซื้ออะไรอีกไหมลูก”
อรวิภาหน้าบูดอารมณ์เสีย “ไม่แล้วค่ะ อรอยากกลับบ้าน ไม่อยากแวะที่ไหนแล้วด้วย”
อดิศักดิ์ เครือวรรณถอนใจ ส่ายหน้า หงุดหงิด และโกรธแทนลูก
รถธีภพแล่นมาบนถนนในกรุงเทพแล้ว พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินลงทุกทีๆ
รถติด บิวตี้กระสับกระส่าย
“ไปเร็วๆ ซี้” บิวตี้เร่งท่าทีกระวนกระวาย “แทรกซ้ายไปเลย”
“อยู่เฉยๆ ได้มั้ย” ธีภพหงุดหงิด
“ก็เดี๋ยวไม่ทัน ฉันมีนัด”
“ใกล้จะถึงแล้ว อดทนหน่อยสิ”
“งั้นฉันลงตรงนี้” บิวตี้ร้อนใจจะเปิดประตู
ธีภพคว้าแขนไว้ “นี่มันกลางถนน ลงไปได้ยังไง”
เสียงโทรศัพท์ของธีภพดังขึ้น แต่ธีภพกำลังวุ่นกับการสู้รบกับบิวตี้เลยไม่รับ
ปลายสายเป็นอรวิภาที่รอสายธีภพอย่างน้อยใจอยู่ตรงที่จอรถร้านอาหารในหัวหิน
เครือวรรณมาตาม “น้องอรกินข้าวก่อนลูกป่าป๊ารออยู่”
อรวิภาเบะจะร้องไห้ “หม่ามี๊ขา พี่ธีไม่ยอมรับสายน้องอร” สาวโลกสวยร้องไห้กอดแม่
บิวตี้กระสับกระส่ายหนัก หาทางหนีก่อนจะต้องแปลงกาย
ธีภพหมั่นไส้ ประชด “เวลาทำงานไปสาย แต่เวลานัดกับผู้ชายรักษาเวลาดีจัง”
“อย่ายุ่งกับฉันได้มะ รถเคลื่อนแล้ว ไปเร็วๆ”
รถเคลื่อนตัวไปได้ บิวตี้ยังกระวนกระวาย คอยลุ้นดูพระอาทิตย์สลับกับดูนาฬิกาข้อมือตลอดเวลา
เย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที รถธีภพแล่นเข้ามาจอดในบ้าน บิวตี้คว้ากระเป๋าลนลานวิ่งอ้าว เข้าบ้านไม่สนใจอะไรแล้ว
ธีภพตะโกนตามหลัง “พรุ่งนี้ไปฝึกงานที่โรงงานนะ”
บิวตี้ไม่สนใจ เพราะใกล้แปลงร่างเต็มแก่ ธีภพส่ายหน้า มองตามเบื่อๆ
โทรศัพท์ธีภพดังขึ้นอีก เขากดรับ
“ครับน้องอร เอ่อ...ตอนนั้น พอดี มีเรื่องด่วนเข้ามาน่ะครับ”
อรวิภายิ้มออก เช็ดน้ำตา “เหรอคะ อรนึกว่าพี่ธีโกรธอรเสียอีก”
“โกรธเรื่องอะไรครับ”
“ก็น้องอรเห็นพี่ธีรีบกลับกรุงเทพฯ”
“ต้องรีบจัดการเรื่องงานน่ะครับ ต้องขอโทษน้องอรด้วยที่ไม่ได้บอก”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“วันพฤหัสมีประชุมที่โรงแรมของคุณพ่อน้องอร พี่จะไปเล่าให้น้องอรฟังที่ร้านเลยดีไหมครับ”
อรวิภายิ้มแฉ่ง “ค่ะ ได้ค่ะ” สาวโลกสวยยิ้มหวาน กดวางสาย
อดิศักดิ์กับเครือวรรณเฝ้าดูอยู่
“สบายใจแล้วใช่ไหม จะได้กินข้าวแล้วกลับบ้านเสียที”
อรวิภาอารมณ์ดีกอดประจบพ่อ “อรรักป่าป๊าที่สุดในโลกเลย”