บิวตี้เดินตัดที่จอดรถจะไปกินข้าว ธีภพขับรถปาดหน้า มาจอดขวาง
บิวตี้หงุดหงิด “อะไรอีกล่ะ จะรีบไปกินข้าว”
“ไปด้วยกัน มีเรื่องจะพูดด้วย”
“ไม่เอา เดี๋ยวกลับสาย โดนด่าอีก”
“ไม่สายหรอกจะคอยดูเวลาให้ ขึ้นมาเร็ว”
บิวตี้จำใจขึ้นรถไปกับธีภพ
ส่วนที่ห้องครัวบ้านตากอากาศ อรวิภาผสมแป้งทำพิซซ่าทะเล โดยมีเจตน์ชาญ กับแม่บ้าน เป็นผู้ช่วย สาวโลกสวยท่าทางฝืนใจ พยายามเว้นระยะห่างจากเจตน์ชาญตลอดเวลา
เจตน์ชาญหั่นมะเขือเทศเสร็จ “มะเขือเทศหั่นหมดแล้ว ทำอะไรต่อครับเชฟ”
“หั่น หอมหัวใหญ่...ค่ะ”
“หั่นยังไงครับเชฟ”
อรวิภาฉุน ดุ “เลิกเรียกฉันว่าเชฟได้แล้ว”
“หั่นยังไงครับ น้องอร”
“หั่นตามยาวแล้วก็ขวางอย่างงี้” อรวิภาทำมือให้ดู
“ไม่เข้าใจ”
อรวิภาเดินมาใกล้เพื่อหั่นให้ดู ลืมไปว่ายืนใกล้กันมาก “หั่นทางนี้ แล้วก็ทางนี้”
“อ๋อ อย่างงี้เอง”
เจตน์ชาญจะเข้าไปหั่นแทนอรวิภา สองคนเบี่ยงตัวหลบกัน แต่เสียจังหวะ ร่างมาประชิดกัน
อรวิภาตกใจ รีบแทรกตัวหนีงุดๆ ไปผสมแป้งต่อ
เกิดความเงียบชั่วขณะ บรรยากาศอึมครึมระคนมาคุ
เจตน์ชาญทำเป็นสะดุ้ง “โอ๊ย” พร้อมกับกำนิ้วตัวเอง
อรวิภาตกใจ รีบวิ่งมาดู “มีดบาดหรือคะ” จับมือเจตน์ชาญ “ล้างมือก่อนค่ะ”
“เปล่า” เจตน์ชาญแบมือให้ดูว่าไม่เป็นไร “ผมแค่หั่นหอมผิดด้าน”
อรวิภาชักโกรธที่ถูกแกล้ง “นี่คุณ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
เจตน์ชาญมองอรวิภายิ้มๆ “ครับ ผมทราบ”
อรวิภา โมโหเดินหนีไปเตรียมแป้งต่อ เจตน์ชาญหัวเราะ รู้สึกสนุกที่ได้แหย่อรวิภาเหมือนแหย่เด็ก
ในร้านอาหารริมทะเลเงียบๆ ธีภพพูดเรื่องงานกับบิวตี้ขณะที่กำลังกินอาหาร
“ผมจำเป็นต้องบอกผู้จัดการร้านว่าคุณเป็นใคร ไม่งั้นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ แต่กำชับแล้วว่าห้ามพูด คุณเองก็อย่าก่อเรื่องอีกล่ะ”
“ตอนฉันทำดีก็มี ทำไมไม่ชม”
“ดีตรงไหน วิธีการขายของคุณมันแย่มาก”
“วิธีการขายของฉันก็ธรรมดา แต่คนที่แย่คือลูกค้าต่างหาก ทั้งคุ้ยของ เลือกแล้วเลือกอีก เลือกแล้วก็ไม่เอา บางคนยังมาต่อราคาอีก โอ้ย ไม่อยากจะเชื่อ”
“ลูกค้าถูกต้องเสมอ อย่าลืมสิว่าเราอยู่ได้ เพราะลูกค้า”
“ลองมาขายเองดูมั้ยล่ะ”
“ผมทำมาหมดแล้ว พนักงานขายทุกคนก็เคยเจออย่างคุณ แต่คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เอาชนะได้ ทั้งใจตัวเองและใจลูกค้า”
“โอ้ย จะเล็คเชอร์อีกนานมั้ย กินข้าวไม่ลง” วางแก้วแรงๆ น้ำกระฉอกใส่เสื้อแจ็คเก็ต “ว้าย ดอลเช่ กาบาน่า ลูกแม่” สาวจอมเหวี่ยงลืมตัวรีบถอดเสื้อออกดูด้วยความห่วง
ธีภพเห็นแขนบิวตี้ ช้ำเป็นจ้ำๆ น่ากลัว รีบดึงแขนมาดู จ้องรอยช้ำ “ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย”
บิวตี้ดึงแขนกลับ “ไม่ต้องยุ่ง ฉันทายาแล้ว”
ธีภพโกรธคิดไปไกล “คนทำแบบนี้กับผู้หญิง ไม่ปกติแล้วล่ะ เลิกคบกับเขาได้แล้ว”
“ไปกันใหญ่ละ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดซักหน่อย อย่ามายุ่ง”
“ผมไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณหรอก แต่ถ้าอาบวรกับอาลลิตาเห็นคุณเป็นแบบนี้ ท่านจะเสียใจขนาดไหน” ธีภพโกรธเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ไม่หันมามองบิวตี้ ด้วยความโมโห
“ตาบ้า คิดอะไรเนี่ย ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายคิดเลยนะ”
กตร์พิมลกับกระตั้วเดินทางไปหัวหิน พักตร์พิมลขับรถมาตามทางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ส่วนกระตั้วเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา เห็นป้ายบอกทางไปหัวหิน
เจตน์ชาญกินอาหารกับครอบครัวอรวิภา ดูสนิทสนมขึ้นมาอีกระดับ อรวิภาหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา และไม่สบตาเจตน์ชาญ
เจตน์ชาญกินของหวานคำสุดท้าย “สุดยอดทุกอย่างเลยครับน้องอร” พลางหันมาทางอดิศักดิ์ “ท่านรับประทานอาหารอร่อยทุกมื้ออย่างนี้ ทำไมยังฟิตแอนด์เฟิร์มได้ครับ”
“ออกกำลังสิคุณ เดี๋ยวผมว่าจะไปออกรอบกับพรรคพวกจากหอการค้า อีกสักรอบ ไหนๆมาแล้ว ตีซะให้คุ้ม น้องอรเปลี่ยนใจไปกับป๊าไหม”
อรวิภารีบตอบด้วยความเข็ด “ไม่ค่ะ ไม่เอาแล้ว”
“ให้ลูกพักเธอค่ะ ท่าทางซึมๆ เหมือนไม่สบาย”
“ตามใจ คุณเจตน์ล่ะ”
“วรรณขอจองตัวคุณเจตน์ไปช้อปปิ้งหน่อยได้ไหมคะ”
“ก็ได้ แต่อย่าซื้ออะไรที่ร้านเรามีกลับมาล่ะ” ผู้เป็นสามีสัพยอก
“ไม่หรอกค่า แค่เดินดูของเฉยๆ ย่อยอาหารไงคะ น้องอร ไปเตรียมตัวสิจ๊ะลูก”
อรวิภาอิดออด “อรไม่ไปได้ไหมคะ”
“ตามใจจ้ะ แม่ก็แค่อยากไปดูร้านเอ้าต์เล็ท ของคุณธี”
อรวิภาดี๊ด๊าทันควัน “งั้นไปก็ได้ค่ะ”
เจตน์ชาญยิ้มให้อรวิภาเหมือนเอ็นดู อรวิภาดูออกว่ายิ้มเยาะ เลยเชิดหน้าใส่
เครือวรรณมองเจตน์ชาญที่ยิ้มให้อรวิภา หันไปสบตากับสามีอย่างพึงพอใจ
บิวตี้ถูกพามาที่แผนกเสื้อผ้าสตรี พนักงานขายยืนเรียงราย ไหว้ต้อนรับธีภพอย่างตื่นเต้น บิวตี้เดินตามข้างหลังไม่ให้เป็นที่สังเกต
ผู้จัดการร้านดูนอบน้อมกับบิวตี้มากขึ้น เพราะรู้ว่าเป็นประธานบริษัท พูดเบาๆ กับบิวตี้
“แผนกนี้มีคนช่วยเยอะ ท่านประ... เอ่อ คุณ คงสะดวกขึ้น”
“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย ฉันเริ่มชินกับชุดชั้นในแล้ว”
ผู้จัดการมองธีภพ ให้ช่วยตัดสิน
“แต่ละแผนก ก็มีวิธีการขาย มีรายละเอียด แตกต่างกัน ควรได้เห็นทั่วๆ” ธีภพบอก
“ก็ได้”
ธีภพเดินต่อไป บิวตี้หยุดที่แผนกเสื้อผ้าสตรี
หัวหน้าแผนกเดินมาหาผู้จัดการร้าน
“ช่วยจัดงาน แล้วก็สอนงานให้พนักงานฝึกหัดด้วย”
พักตร์พิมลกับกระตั้วเข้ามาในร้านแล้ว กวาดตามองหาบิวตี้ หรือธีภพ
“แยกกันไป ถ้าเจอรีบโทร.บอกฉันเลยนะ”
“ได๋เลยค่า ว้ายตื่นเต้นๆ เหมือน CSI” กะเทยล่ำก้ามปูสำเนียงโอเว่อร์น่าหมั่นไส้สุดๆ “Crime Scene Investigation”
พักตร์พิมลดุ “อย่าเยอะ เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวก่อนหรอก ไปเงียบๆ”
“ค่าๆ” กระตั้วย่องไป หลบตรงนั้นตรงนี้ แบบนินจาสาว
พักตร์พิมลบ่นกับตัวเอง “คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย ที่เอามันมา”
อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เข้ามาในร้านเอ๊าท์เล็ตเช่นกัน แวะดูข้าวของอย่างเพลิดเพลิน อรวิภาพยายามไม่เดินใกล้เจตน์ชาญ
ขณะเดียวกันหัวหน้าแผนกเสื้อผ้าสตรี กำลังสอนให้บิวตี้ จัดราวแขวนเสื้อผ้าอย่างมีระเบียบ
“ลูกค้าจะเลือกแล้วแขวนมั่วซั่ว เราต้องจัดใหม่ ให้ไซส์อยู่ด้วยกัน ไม้หันไปทางเดียวกัน หน้าเสื้อหันไปทางเดียวกัน เข้าใจไหม”
บิวตี้ทำหน้าเบื่อ พยักหน้ารับ
“ตรวจดูด้วยว่ามีรอยขาดรอยเลอะอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบบอก ลองทำซิ”
บิวตี้จัดเสื้อ ท่าทีเบื่อหน่าย
“อย่างงั้นแหละ ทำไป เดี๋ยวจะมาตรวจ” หัวหน้าเดินไป
บิวตี้บ่นกับตัวเองหน้าตาหงุดหงิดสุดขีด “จัดเสื้อเนี่ยนะ ไม่เห็นต้องฝึกเลย น่าเบื่อ”
ด้านหลัง อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เดินมาถึงแผนกที่บิวตี้อยู่ แต่ไม่มีใครสังเกต เพราะบิวตี้หันหลัง
อรวิภาเดินไปดูเสื้อ ไม่ห่างจากจุดที่บิวตี้ทำงานนัก
บิวตี้จัดเสื้อ กระชากกระชั้นขึ้นทุกทีด้วยความเบื่อ ล้วงมือเข้าไปดึงเสื้อที่แขวนเบียดกันเบี้ยวๆ ให้เข้าที่ พอบิวตี้ดึงมือออกมามีคราบเหนียวๆ สีครีมข้นๆเลอะติดมือออกมาด้วย เป็นไอติมที่เด็กแอบกินทำหล่นใส่เสื้อ แล้วเอามาซุกไว้ จนละลายเยิ้ม
บิวตี้ขยะแขยงสุดขีด กรี๊ดลั่น “อี๋ย... อะไรกันเนี่ย อ๊ายยย ทุเรศที่สุด”
ทุกคนบริเวณนั้นหันมามอง
“อึ๋ย แหวะ” บิวตี้อาละวาด “ใครก็ได้ อย่ามุงเฉยๆ สิ หาผ้ามาเช็ดให้ฉันที เร็วๆ ซี้”
อรวิภาเพ่ง เบิกตามองบิวตี้ จำได้ทันที ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พี่บิวตี้ พี่บิวตี้จริงๆ ด้วย”
เจตน์ชาญฉงน มองบิวตี้อย่างสนใจ
ไทยมุงเริ่มทำหน้าที่ บ้างหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเตรียมอัพขึ้นเฟสบุ๊ค ยูทูป
บิวตี้เอ็ดตะโรดังลั่น “ถ่ายทำไม ทำไมไม่ช่วยกัน นิสัยไม่ดี” พลางเอามือเลอะๆ ป้ายคนถ่ายคลิป ด้วยความโมโห
คนถ่ายคลิปร้องโวยวาย หลบกันให้วุ่น
หัวหน้าแผนกวิ่งมา “ว้ายอย่า อย่าทำอย่างนั้น”
“ต๊าย น่าขยะแขยง” เครือวรรณทำท่ารังเกียจไม่รู้ว่าเป็นใคร
อรวิภาหากระดาษทิชชูในกระเป๋า แล้วส่งให้บิวตี้ให้อย่างตกใจ “นี่ค่ะพี่บิวตี้”
บิวตี้รับมาเช็ดมือ สติเริ่มกลับมา ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นธีภพ พักตร์พิมล อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ กระตั้ว ผู้จัดการร้าน หัวหน้า พนักงานขาย ลูกค้ารายล้อมอยู่
ทุกคนเงียบกริบจ้องมองมาที่บิวตี้เป็นตาเดียว สีหน้าแต่ละคนตกใจในความเพี้ยนของสาวไฮโซ ลัลน์ลลิต
บรรยากาศเงียบกริบ บิวตี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นทุกคนรายล้อมมองจ้องตัวเองอยู่เป็นตาเดียว จังหวะนี้ลูกค้าบางคนแอบใช้มือถือถ่ายรูป ถ่ายคลิปบิวตี้ ตามความเคยชินของคนยุคนี้
บิวตี้ตกใจแป๊บเดียวที่ถูกมุงดู แล้วเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ทำเป็นไม่พอใจมาก
“มีคนทำเสื้อเปื้อน สงสัยจะเป็นโรคจิต”
“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาก่อเรื่องอยู่นี่เอง” พักตร์พิมลแขวะ
ธีภพก้าวเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
“ผู้จัดการช่วยตรวจดูด้วย” แล้วบอกกับบิวตี้ “ไปล้างมือซะ”
อรวิภาเพิ่งเห็นธีภพอยู่ตรงนั้นด้วย ร้องทักอย่างดีใจ
“พี่ธี น้องอรไม่รู้เลยค่ะว่าพี่ธีอยู่หัวหิน”
ธีภพกำลังยุ่งต้องเคลียร์บรรดาไทยมุง “พี่ขอตัวก่อนนะครับแล้วพี่จะโทร.ไปหา” เขาดึงแขนบิวตี้ออกไปเลย
อรววิภากับพักตร์พิมลร้องตาม “เดี๋ยวค่ะพี่ธี”
สองสาว มองตามธีภพที่ลากแขนบิวตี้ออกไปดื้อๆ ดูสนิทสนมไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว อรวิภากับพักตร์พิมลหวั่นไหว
เจตน์ชาญปะติดปะต่อเรื่องได้ ยิ้มสะใจ
ผู้จัดการดึงเสื้อตัวที่เลอะออกมา หยิบโคนไอศกรีมขึ้นมาจากพื้น
“เสื้อคงเลอะไอศกรีมที่มีคนแอบเอาเข้ามากินน่ะค่ะ เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกต้องขอโทษลูกค้าด้วยค่ะ”
ลูกค้าแยกย้ายกันไป
แพ็ตรีบเดินไปหาธีภพ /กระตั้วรีบตามไปดู
เครือวรรณตาวาว มีแผนบางประการ “มาอยู่หัวหินกันหมด ก็ดีนะ เย็นนี้น้องอรเชิญคุณธี ไปทานข้าวด้วยกันสิ”
อรวิภาผู้โลกสวย ดีใจ “ได้ค่ะหม่ามี๊”
บรรยากาศในห้องผู้จัดการร้านมาคุสุดขีด
บิวตี้เถียงหัวชนฝา ไม่ยอมแพ้ เถียงไปเช็ดมือไปด้วยความขยะแขยง
“ฉันไม่ผิด ถามหน่อยซิถ้าอยู่ๆ ล้วงไปเจอของสกปรก ใครจะทนได้”
“มันก็แค่ไอติม โวยวายไปได้” ธีภพหงุดหงิด
“นาทีนั้นจะรู้มั้ยว่าเป็นไอติม แหวะ” บิวตี้ถูมือกับกระดาษทิชชูแรงๆ
พักตร์พิมลเข้ามาสมทบ สีหน้าโกรธปนเครียด กระตั้วเจ๋อตามมาสาระแนด้วย
“นี่พี่ธี แพ็ตได้ยินลูกค้านินทาร้านเรามันปากไปเลย แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมต้องโวยวายเหมือนคนเสียสติ” พักตร์พิมลได้ที
“แทนที่จะว่าฉัน ไปว่าคนแอบเอาไอติมเข้ามากินดีกว่ามั้ย” บิวตี้นึกได้ ยิ้มเยาะ “เอ๊ะหรือว่า จะเป็นแผนชั่วของใครบางคน” พูดพร้อมกับปรายตามองพักตร์พิมล
“เธอว่าใคร”
“ก็ว่าคนประวัติเสีย ที่บังเอิญมาหัวหินวันนี้พอดีน่ะสิ”
พักตร์พิมลโกรธจัด “ฉันไม่ได้ทำ”
“คราวนี้ไม่ได้ทำจริงๆ ฮ่ะ กระตั้วเป็นพยาน”
“ผู้จัดการ ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนไปสักครึ่งชั่วโมง”
“ได้ค่ะ”
ที่จอมอนิเตอร์ เห็นลูกค้าเดินไปมา และมีแม่คนหนึ่งเข็นรถเข็น
“หยุด เข้าไปดูที่รถเข็นใกล้ๆ ซิ” ธีภพบอก
ในรถเข็น มีเด็กอายุ 3-4 ขวบนั่งกินไอศกรีม
“นี่ไง” ธีภพตำหนิผู้จัดการ “ทีหลังให้รปภ.ตรวจให้ดี”
ผู้จัดการจ๋อย “ค่ะ”
บิวตี้เอ่ยขึ้น “ตกลงฉันไม่ผิด ไปทำงานต่อนะ”
“ฉันก็ไม่ผิด” พักตร์พิมลเอาเรื่องบิวตี้ “เธอต้องขอโทษที่มาหล่าวหาฉัน”
“ฉันเอ่ยชื่อเธอตรงไหน ร้อนตัวไปเองหรือเปล่า” บิวตี้เดินลอยหน้าออกไป
พักตร์พิมลโมโห ได้แค่ฮึดฮัดไปมา
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 11/1 วันจันทร์ที่ 12/05/2557
บิวตี้เดินตัดที่จอดรถจะไปกินข้าว ธีภพขับรถปาดหน้า มาจอดขวาง
บิวตี้หงุดหงิด “อะไรอีกล่ะ จะรีบไปกินข้าว”
“ไปด้วยกัน มีเรื่องจะพูดด้วย”
“ไม่เอา เดี๋ยวกลับสาย โดนด่าอีก”
“ไม่สายหรอกจะคอยดูเวลาให้ ขึ้นมาเร็ว”
บิวตี้จำใจขึ้นรถไปกับธีภพ
ส่วนที่ห้องครัวบ้านตากอากาศ อรวิภาผสมแป้งทำพิซซ่าทะเล โดยมีเจตน์ชาญ กับแม่บ้าน เป็นผู้ช่วย สาวโลกสวยท่าทางฝืนใจ พยายามเว้นระยะห่างจากเจตน์ชาญตลอดเวลา
เจตน์ชาญหั่นมะเขือเทศเสร็จ “มะเขือเทศหั่นหมดแล้ว ทำอะไรต่อครับเชฟ”
“หั่น หอมหัวใหญ่...ค่ะ”
“หั่นยังไงครับเชฟ”
อรวิภาฉุน ดุ “เลิกเรียกฉันว่าเชฟได้แล้ว”
“หั่นยังไงครับ น้องอร”
“หั่นตามยาวแล้วก็ขวางอย่างงี้” อรวิภาทำมือให้ดู
“ไม่เข้าใจ”
อรวิภาเดินมาใกล้เพื่อหั่นให้ดู ลืมไปว่ายืนใกล้กันมาก “หั่นทางนี้ แล้วก็ทางนี้”
“อ๋อ อย่างงี้เอง”
เจตน์ชาญจะเข้าไปหั่นแทนอรวิภา สองคนเบี่ยงตัวหลบกัน แต่เสียจังหวะ ร่างมาประชิดกัน
อรวิภาตกใจ รีบแทรกตัวหนีงุดๆ ไปผสมแป้งต่อ
เกิดความเงียบชั่วขณะ บรรยากาศอึมครึมระคนมาคุ
เจตน์ชาญทำเป็นสะดุ้ง “โอ๊ย” พร้อมกับกำนิ้วตัวเอง
อรวิภาตกใจ รีบวิ่งมาดู “มีดบาดหรือคะ” จับมือเจตน์ชาญ “ล้างมือก่อนค่ะ”
“เปล่า” เจตน์ชาญแบมือให้ดูว่าไม่เป็นไร “ผมแค่หั่นหอมผิดด้าน”
อรวิภาชักโกรธที่ถูกแกล้ง “นี่คุณ ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”
เจตน์ชาญมองอรวิภายิ้มๆ “ครับ ผมทราบ”
อรวิภา โมโหเดินหนีไปเตรียมแป้งต่อ เจตน์ชาญหัวเราะ รู้สึกสนุกที่ได้แหย่อรวิภาเหมือนแหย่เด็ก
ในร้านอาหารริมทะเลเงียบๆ ธีภพพูดเรื่องงานกับบิวตี้ขณะที่กำลังกินอาหาร
“ผมจำเป็นต้องบอกผู้จัดการร้านว่าคุณเป็นใคร ไม่งั้นจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ แต่กำชับแล้วว่าห้ามพูด คุณเองก็อย่าก่อเรื่องอีกล่ะ”
“ตอนฉันทำดีก็มี ทำไมไม่ชม”
“ดีตรงไหน วิธีการขายของคุณมันแย่มาก”
“วิธีการขายของฉันก็ธรรมดา แต่คนที่แย่คือลูกค้าต่างหาก ทั้งคุ้ยของ เลือกแล้วเลือกอีก เลือกแล้วก็ไม่เอา บางคนยังมาต่อราคาอีก โอ้ย ไม่อยากจะเชื่อ”
“ลูกค้าถูกต้องเสมอ อย่าลืมสิว่าเราอยู่ได้ เพราะลูกค้า”
“ลองมาขายเองดูมั้ยล่ะ”
“ผมทำมาหมดแล้ว พนักงานขายทุกคนก็เคยเจออย่างคุณ แต่คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่เอาชนะได้ ทั้งใจตัวเองและใจลูกค้า”
“โอ้ย จะเล็คเชอร์อีกนานมั้ย กินข้าวไม่ลง” วางแก้วแรงๆ น้ำกระฉอกใส่เสื้อแจ็คเก็ต “ว้าย ดอลเช่ กาบาน่า ลูกแม่” สาวจอมเหวี่ยงลืมตัวรีบถอดเสื้อออกดูด้วยความห่วง
ธีภพเห็นแขนบิวตี้ ช้ำเป็นจ้ำๆ น่ากลัว รีบดึงแขนมาดู จ้องรอยช้ำ “ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย”
บิวตี้ดึงแขนกลับ “ไม่ต้องยุ่ง ฉันทายาแล้ว”
ธีภพโกรธคิดไปไกล “คนทำแบบนี้กับผู้หญิง ไม่ปกติแล้วล่ะ เลิกคบกับเขาได้แล้ว”
“ไปกันใหญ่ละ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดซักหน่อย อย่ามายุ่ง”
“ผมไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณหรอก แต่ถ้าอาบวรกับอาลลิตาเห็นคุณเป็นแบบนี้ ท่านจะเสียใจขนาดไหน” ธีภพโกรธเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ไม่หันมามองบิวตี้ ด้วยความโมโห
“ตาบ้า คิดอะไรเนี่ย ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่นายคิดเลยนะ”
กตร์พิมลกับกระตั้วเดินทางไปหัวหิน พักตร์พิมลขับรถมาตามทางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ส่วนกระตั้วเล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา เห็นป้ายบอกทางไปหัวหิน
เจตน์ชาญกินอาหารกับครอบครัวอรวิภา ดูสนิทสนมขึ้นมาอีกระดับ อรวิภาหน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา และไม่สบตาเจตน์ชาญ
เจตน์ชาญกินของหวานคำสุดท้าย “สุดยอดทุกอย่างเลยครับน้องอร” พลางหันมาทางอดิศักดิ์ “ท่านรับประทานอาหารอร่อยทุกมื้ออย่างนี้ ทำไมยังฟิตแอนด์เฟิร์มได้ครับ”
“ออกกำลังสิคุณ เดี๋ยวผมว่าจะไปออกรอบกับพรรคพวกจากหอการค้า อีกสักรอบ ไหนๆมาแล้ว ตีซะให้คุ้ม น้องอรเปลี่ยนใจไปกับป๊าไหม”
อรวิภารีบตอบด้วยความเข็ด “ไม่ค่ะ ไม่เอาแล้ว”
“ให้ลูกพักเธอค่ะ ท่าทางซึมๆ เหมือนไม่สบาย”
“ตามใจ คุณเจตน์ล่ะ”
“วรรณขอจองตัวคุณเจตน์ไปช้อปปิ้งหน่อยได้ไหมคะ”
“ก็ได้ แต่อย่าซื้ออะไรที่ร้านเรามีกลับมาล่ะ” ผู้เป็นสามีสัพยอก
“ไม่หรอกค่า แค่เดินดูของเฉยๆ ย่อยอาหารไงคะ น้องอร ไปเตรียมตัวสิจ๊ะลูก”
อรวิภาอิดออด “อรไม่ไปได้ไหมคะ”
“ตามใจจ้ะ แม่ก็แค่อยากไปดูร้านเอ้าต์เล็ท ของคุณธี”
อรวิภาดี๊ด๊าทันควัน “งั้นไปก็ได้ค่ะ”
เจตน์ชาญยิ้มให้อรวิภาเหมือนเอ็นดู อรวิภาดูออกว่ายิ้มเยาะ เลยเชิดหน้าใส่
เครือวรรณมองเจตน์ชาญที่ยิ้มให้อรวิภา หันไปสบตากับสามีอย่างพึงพอใจ
บิวตี้ถูกพามาที่แผนกเสื้อผ้าสตรี พนักงานขายยืนเรียงราย ไหว้ต้อนรับธีภพอย่างตื่นเต้น บิวตี้เดินตามข้างหลังไม่ให้เป็นที่สังเกต
ผู้จัดการร้านดูนอบน้อมกับบิวตี้มากขึ้น เพราะรู้ว่าเป็นประธานบริษัท พูดเบาๆ กับบิวตี้
“แผนกนี้มีคนช่วยเยอะ ท่านประ... เอ่อ คุณ คงสะดวกขึ้น”
“ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเลย ฉันเริ่มชินกับชุดชั้นในแล้ว”
ผู้จัดการมองธีภพ ให้ช่วยตัดสิน
“แต่ละแผนก ก็มีวิธีการขาย มีรายละเอียด แตกต่างกัน ควรได้เห็นทั่วๆ” ธีภพบอก
“ก็ได้”
ธีภพเดินต่อไป บิวตี้หยุดที่แผนกเสื้อผ้าสตรี
หัวหน้าแผนกเดินมาหาผู้จัดการร้าน
“ช่วยจัดงาน แล้วก็สอนงานให้พนักงานฝึกหัดด้วย”
พักตร์พิมลกับกระตั้วเข้ามาในร้านแล้ว กวาดตามองหาบิวตี้ หรือธีภพ
“แยกกันไป ถ้าเจอรีบโทร.บอกฉันเลยนะ”
“ได๋เลยค่า ว้ายตื่นเต้นๆ เหมือน CSI” กะเทยล่ำก้ามปูสำเนียงโอเว่อร์น่าหมั่นไส้สุดๆ “Crime Scene Investigation”
พักตร์พิมลดุ “อย่าเยอะ เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวก่อนหรอก ไปเงียบๆ”
“ค่าๆ” กระตั้วย่องไป หลบตรงนั้นตรงนี้ แบบนินจาสาว
พักตร์พิมลบ่นกับตัวเอง “คิดผิดหรือเปล่าเนี่ย ที่เอามันมา”
อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เข้ามาในร้านเอ๊าท์เล็ตเช่นกัน แวะดูข้าวของอย่างเพลิดเพลิน อรวิภาพยายามไม่เดินใกล้เจตน์ชาญ
ขณะเดียวกันหัวหน้าแผนกเสื้อผ้าสตรี กำลังสอนให้บิวตี้ จัดราวแขวนเสื้อผ้าอย่างมีระเบียบ
“ลูกค้าจะเลือกแล้วแขวนมั่วซั่ว เราต้องจัดใหม่ ให้ไซส์อยู่ด้วยกัน ไม้หันไปทางเดียวกัน หน้าเสื้อหันไปทางเดียวกัน เข้าใจไหม”
บิวตี้ทำหน้าเบื่อ พยักหน้ารับ
“ตรวจดูด้วยว่ามีรอยขาดรอยเลอะอะไรหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบบอก ลองทำซิ”
บิวตี้จัดเสื้อ ท่าทีเบื่อหน่าย
“อย่างงั้นแหละ ทำไป เดี๋ยวจะมาตรวจ” หัวหน้าเดินไป
บิวตี้บ่นกับตัวเองหน้าตาหงุดหงิดสุดขีด “จัดเสื้อเนี่ยนะ ไม่เห็นต้องฝึกเลย น่าเบื่อ”
ด้านหลัง อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ เดินมาถึงแผนกที่บิวตี้อยู่ แต่ไม่มีใครสังเกต เพราะบิวตี้หันหลัง
อรวิภาเดินไปดูเสื้อ ไม่ห่างจากจุดที่บิวตี้ทำงานนัก
บิวตี้จัดเสื้อ กระชากกระชั้นขึ้นทุกทีด้วยความเบื่อ ล้วงมือเข้าไปดึงเสื้อที่แขวนเบียดกันเบี้ยวๆ ให้เข้าที่ พอบิวตี้ดึงมือออกมามีคราบเหนียวๆ สีครีมข้นๆเลอะติดมือออกมาด้วย เป็นไอติมที่เด็กแอบกินทำหล่นใส่เสื้อ แล้วเอามาซุกไว้ จนละลายเยิ้ม
บิวตี้ขยะแขยงสุดขีด กรี๊ดลั่น “อี๋ย... อะไรกันเนี่ย อ๊ายยย ทุเรศที่สุด”
ทุกคนบริเวณนั้นหันมามอง
“อึ๋ย แหวะ” บิวตี้อาละวาด “ใครก็ได้ อย่ามุงเฉยๆ สิ หาผ้ามาเช็ดให้ฉันที เร็วๆ ซี้”
อรวิภาเพ่ง เบิกตามองบิวตี้ จำได้ทันที ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พี่บิวตี้ พี่บิวตี้จริงๆ ด้วย”
เจตน์ชาญฉงน มองบิวตี้อย่างสนใจ
ไทยมุงเริ่มทำหน้าที่ บ้างหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเตรียมอัพขึ้นเฟสบุ๊ค ยูทูป
บิวตี้เอ็ดตะโรดังลั่น “ถ่ายทำไม ทำไมไม่ช่วยกัน นิสัยไม่ดี” พลางเอามือเลอะๆ ป้ายคนถ่ายคลิป ด้วยความโมโห
คนถ่ายคลิปร้องโวยวาย หลบกันให้วุ่น
หัวหน้าแผนกวิ่งมา “ว้ายอย่า อย่าทำอย่างนั้น”
“ต๊าย น่าขยะแขยง” เครือวรรณทำท่ารังเกียจไม่รู้ว่าเป็นใคร
อรวิภาหากระดาษทิชชูในกระเป๋า แล้วส่งให้บิวตี้ให้อย่างตกใจ “นี่ค่ะพี่บิวตี้”
บิวตี้รับมาเช็ดมือ สติเริ่มกลับมา ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นธีภพ พักตร์พิมล อรวิภา เจตน์ชาญ เครือวรรณ กระตั้ว ผู้จัดการร้าน หัวหน้า พนักงานขาย ลูกค้ารายล้อมอยู่
ทุกคนเงียบกริบจ้องมองมาที่บิวตี้เป็นตาเดียว สีหน้าแต่ละคนตกใจในความเพี้ยนของสาวไฮโซ ลัลน์ลลิต
บรรยากาศเงียบกริบ บิวตี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว เห็นทุกคนรายล้อมมองจ้องตัวเองอยู่เป็นตาเดียว จังหวะนี้ลูกค้าบางคนแอบใช้มือถือถ่ายรูป ถ่ายคลิปบิวตี้ ตามความเคยชินของคนยุคนี้
บิวตี้ตกใจแป๊บเดียวที่ถูกมุงดู แล้วเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ทำเป็นไม่พอใจมาก
“มีคนทำเสื้อเปื้อน สงสัยจะเป็นโรคจิต”
“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาก่อเรื่องอยู่นี่เอง” พักตร์พิมลแขวะ
ธีภพก้าวเข้ามาแก้ไขสถานการณ์
“ผู้จัดการช่วยตรวจดูด้วย” แล้วบอกกับบิวตี้ “ไปล้างมือซะ”
อรวิภาเพิ่งเห็นธีภพอยู่ตรงนั้นด้วย ร้องทักอย่างดีใจ
“พี่ธี น้องอรไม่รู้เลยค่ะว่าพี่ธีอยู่หัวหิน”
ธีภพกำลังยุ่งต้องเคลียร์บรรดาไทยมุง “พี่ขอตัวก่อนนะครับแล้วพี่จะโทร.ไปหา” เขาดึงแขนบิวตี้ออกไปเลย
อรววิภากับพักตร์พิมลร้องตาม “เดี๋ยวค่ะพี่ธี”
สองสาว มองตามธีภพที่ลากแขนบิวตี้ออกไปดื้อๆ ดูสนิทสนมไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาว อรวิภากับพักตร์พิมลหวั่นไหว
เจตน์ชาญปะติดปะต่อเรื่องได้ ยิ้มสะใจ
ผู้จัดการดึงเสื้อตัวที่เลอะออกมา หยิบโคนไอศกรีมขึ้นมาจากพื้น
“เสื้อคงเลอะไอศกรีมที่มีคนแอบเอาเข้ามากินน่ะค่ะ เราจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกต้องขอโทษลูกค้าด้วยค่ะ”
ลูกค้าแยกย้ายกันไป
แพ็ตรีบเดินไปหาธีภพ /กระตั้วรีบตามไปดู
เครือวรรณตาวาว มีแผนบางประการ “มาอยู่หัวหินกันหมด ก็ดีนะ เย็นนี้น้องอรเชิญคุณธี ไปทานข้าวด้วยกันสิ”
อรวิภาผู้โลกสวย ดีใจ “ได้ค่ะหม่ามี๊”
บรรยากาศในห้องผู้จัดการร้านมาคุสุดขีด
บิวตี้เถียงหัวชนฝา ไม่ยอมแพ้ เถียงไปเช็ดมือไปด้วยความขยะแขยง
“ฉันไม่ผิด ถามหน่อยซิถ้าอยู่ๆ ล้วงไปเจอของสกปรก ใครจะทนได้”
“มันก็แค่ไอติม โวยวายไปได้” ธีภพหงุดหงิด
“นาทีนั้นจะรู้มั้ยว่าเป็นไอติม แหวะ” บิวตี้ถูมือกับกระดาษทิชชูแรงๆ
พักตร์พิมลเข้ามาสมทบ สีหน้าโกรธปนเครียด กระตั้วเจ๋อตามมาสาระแนด้วย
“นี่พี่ธี แพ็ตได้ยินลูกค้านินทาร้านเรามันปากไปเลย แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำไมต้องโวยวายเหมือนคนเสียสติ” พักตร์พิมลได้ที
“แทนที่จะว่าฉัน ไปว่าคนแอบเอาไอติมเข้ามากินดีกว่ามั้ย” บิวตี้นึกได้ ยิ้มเยาะ “เอ๊ะหรือว่า จะเป็นแผนชั่วของใครบางคน” พูดพร้อมกับปรายตามองพักตร์พิมล
“เธอว่าใคร”
“ก็ว่าคนประวัติเสีย ที่บังเอิญมาหัวหินวันนี้พอดีน่ะสิ”
พักตร์พิมลโกรธจัด “ฉันไม่ได้ทำ”
“คราวนี้ไม่ได้ทำจริงๆ ฮ่ะ กระตั้วเป็นพยาน”
“ผู้จัดการ ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนไปสักครึ่งชั่วโมง”
“ได้ค่ะ”
ที่จอมอนิเตอร์ เห็นลูกค้าเดินไปมา และมีแม่คนหนึ่งเข็นรถเข็น
“หยุด เข้าไปดูที่รถเข็นใกล้ๆ ซิ” ธีภพบอก
ในรถเข็น มีเด็กอายุ 3-4 ขวบนั่งกินไอศกรีม
“นี่ไง” ธีภพตำหนิผู้จัดการ “ทีหลังให้รปภ.ตรวจให้ดี”
ผู้จัดการจ๋อย “ค่ะ”
บิวตี้เอ่ยขึ้น “ตกลงฉันไม่ผิด ไปทำงานต่อนะ”
“ฉันก็ไม่ผิด” พักตร์พิมลเอาเรื่องบิวตี้ “เธอต้องขอโทษที่มาหล่าวหาฉัน”
“ฉันเอ่ยชื่อเธอตรงไหน ร้อนตัวไปเองหรือเปล่า” บิวตี้เดินลอยหน้าออกไป
พักตร์พิมลโมโห ได้แค่ฮึดฮัดไปมา