บิวตี้ทำเป็นรับฟังอย่างสงบ ไม่โวยวายหรือพูดข่ม ผิดคาดของพักตร์พิมลกับธีภพ
“ฉันอุตส่าห์ตั้งใจฝึกงาน เธอมาแกล้งฉันทำไม อิจฉาเหรอ”
“เปล่านะ ฉันแค่ช่วยฝึกให้ เธอจะได้รู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะแก้ไขยังไง”
บิวตี้ชักโมโห “แก้ไขเหรอ ไม่เห็นยากเลย ก็แค่ไล่เธอออก”
“อ๋อ ได้สิ” พักตร์พิมลโกรธตัวสั่น จะลุกขึ้น
ธีภพดึงมือพักตร์พิมลไว้ “เดี๋ยว” หันมาทางบิวตี้ “แพ็ตเขารู้สึกผิดมาขอโทษแล้ว จบแค่นี้ได้ไหม”
“ถ้าคนงานในบริษัทมีเรื่องแกล้งกันจนของบริษัทเสียหาย แค่ขอโทษจะพอไหม” บิวตี้ย้อน
“ถ้าพนักงานทำคงไม่พอ แต่นี่บิวตี้กับแพ็ตเป็นพี่น้องกันแท้ๆ”
บิวตี้ กะพักตร์พิมลประสานเสียง “ไม่ใช่”
“ถึงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันออกมา แต่ก็เป็นสายเลือดใกล้ชิดกันที่สุด”
“แต่ก็ยังทรยศกันได้ลงคอ” บิวตี้แค้นลามไปถึงกรเทพ
“ใครทรยศ พูดเกินไปแล้วนะ พี่ธี แพ็ตจะกลับ” พักตร์พิมลงงแต่จะลุก
“เดี๋ยว” ธีภพดึงพักตร์พิมลไว้ พูดกับบิวตี้ “ให้มันจบแค่นี้เถอะนะ”
“ยังไม่จบ จำข้อตกลงได้ไหม ถ้าฉันไม่ผิด ทั้งสองคนต้องขอโทษฉัน กับป้าศรีนวลต่อหน้าทุกคนในโรงงาน”
พักตร์พิมลเสียงดัง “จะบ้าเหรอ”
“เธอประจานฉันกับป้าศรีนวลต่อหน้าคนทั้งโรงงานได้ ก็ต้องขอโทษได้” บิวตี้หันไปหาธีภพ “จริงไหมคะท่านประธาน กฎของบริษัทข้อ 85 หมวดความอ่อนน้อมถ่อมตน หากผู้บริหารทำสิ่งใดผิดพลาด ต้องพร้อมจะเอ่ยคำขอโทษ แม้จะเป็นพนักงานชั้นผู้น้อย”
ธีภพอึ้งไปเมื่อโดนบิวตี้ย้อนด้วยกฎของบริษัทอย่างถูกต้อง
เช้าก่อนเริ่มทำงาน ศรีนวล และคนงานกะเช้ากำลังกินอาหารเช้า ที่โรงอาหาร บ้างจับกลุ่มนั่งคุยกัน ก่อนเข้างาน บิวตี้ ธีภพ พักตร์พิมล เข้ามาทางด้านหลัง คนงานยังไม่เห็น
พักตร์พิมลหน้าเครียดจัด มีอาการขัดขืน
“พอกันที ฉันไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก”
บิวตี้พูดย้อนเสียงดัง “ขอโทษเป็นเรื่องบ้าๆ แต่แกล้งคนอื่นเป็นเรื่องดี งั้นเหรอ”
ศรีนวล และคนงานเริ่มหันมามอง เห็นธีภพและพักตร์พิมล ระดับผู้บริหาร ทุกคนสะกิดกันดู
ปีวราเฟสไทม์คุยกับกระตั้วอยู่ เห็นพักตร์พิมล เลิกกินอาหาร เลิกคุย เดินเข้ามาใกล้ คล้ายเป็นห่วง แต่แอบฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ
ธีภพพูดเสียงค่อยๆ กับพักตร์พิมล และบิวตี้ “พูดความจริงซะ มันจะได้จบเรื่องไป บิวตี้ก็พูดเสียงค่อยๆหน่อย ถ้ายังอยากจะฝึกงานต่อ”
“ยัยบิวตี้มันจงใจจะทำให้แพ็ตขายหน้า”
“เฮอะ หน้าแบบนี้ขายไปก็ไม่มีคนซื้อหรอก”
“ก็ยังดีกว่าคนสวยแต่ไม่มีสมอง”
บิวตี้วี้ด “ใครกันแน่ที่ไม่มีสมอง ถ้าฉันโง่ ฉันจะรู้เหรอว่าเธอแกล้งฉัน ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
พักตร์พิมลโกรธ “พี่ธีดูมันนะ”
ธีภพดุบิวตี้ “พอแล้ว จะให้ขอโทษก็ทำอย่างเป็นทางการ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าคนงานแบบนี้ ไป แพ็ต” พร้อมกับดึงพักตร์พิมลไป
บิวตี้ขวางไว้ เสียงดังใส่ “ไปไม่ได้ ต้องขอโทษฉันกับป้าศรีนวลก่อน”
ศรีนวลมาดึงมือบิวตี้ พูดเสียงอ่อนโยน “สวย กินข้าวมาหรือยัง ไปกินข้าวกัน”
“ป้ามาพอดี ฉันรู้ความจริงแล้ว ตกลงเราไม่ได้นับผิดนะป้า” บิวตี้พูดจาถากถาง “จริงไหมคะ คุณพักตร์พิมล”
ศรีนวลพูดเสียงแข็ง พร้อมดึงบิวตี้ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเข้างาน”
บิวตี้ขืนตัว “ไม่ไปป้า เราโดนแกล้งนะ เขาต้องขอโทษ”
ศรีนวลดุ “หยุดพูด บอกให้ไปก็ไปสิ” แล้วดึงบิวตี้ออกมา
กลุ่มคนงาน ดูงุนงงว่าเรื่องอะไรกัน อยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะสามฉันทนาขาเม้าท์
ติ๋มกระซิบ “มีเรื่องอะไรกัน งงว่ะ”
“นังสวย มันว่ามันโดนแกล้ง มันจะให้ท่านประธานขอโทษ” เนยบอก
นีหมั่นไส้ “บ้าไปแล้ว กล้ามีเรื่องกับนาย งานนี้โดนไล่ออกแน่ นังสวย”
ศรีนวลดึงตัวบิวตี้มาที่โกดังสินค้า
“ห้ามฉันทำไม เราไม่ได้ทำผิดนะ เราถูกแกล้ง”
“เออน่า พอแล้ว ไม่ต้องพูด”
“ไม่พูดไม่ได้ เราไม่ผิด เขาต้องขอโทษ”
“ไม่ต้องหรอก ท่านประธานมาคุยกับฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ท่านบอกว่าจำเป็นต้องทำตามกฎ แต่ท่านยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”
“แค่นั้นมันไม่พอหรอก ตอนว่าเราเขาว่าต่อหน้าทุกคน แต่พอขอโทษจะมาทำงุบๆงิบๆไม่ได้ ต้องพูดต่อหน้าทุกคนเหมือนกันสิ”
“ทำอย่างงั้นไม่ได้ เขาเป็นถึงผู้บริหาร จะให้มาขอโทษคนงานได้ไง ต่อไปใครจะเกรงใจ”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คนอย่างยัยแพ็ต โดนซะบ้างก็ดี ป้าไม่อยากให้ขอโทษก็ตามใจ แต่ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ความจริง”
ศรีนวลปราม “เขารู้กันแล้วล่ะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย คนเขาจะยิ่งไม่อยากคบ”
“ไม่อยากคบ...กับฉันเนี่ยนะ” บิวตี้หัวเราะเยาะ “ช่างปะไร ไม่เห็นสนใจเลย”
ศรีนวลเสียงอ่อน สงสาร “สวย หน้าตาอย่างแกถ้าไปเล่นหนังคงได้เป็นนางเอก แต่ทำไมแกถึงทำตัวเป็นนางร้ายอย่างนี้ล่ะ”
บิวตี้อึ้ง “ฉัน...ทำตัวเป็นนางร้าย เหรอ”
“ใช่ แกชอบกรี๊ดกร๊าดใส่อารมณ์ต่อหน้าคนอื่นไปทั่ว มันไม่ดีหรอกนะ นอกจากจะเป็นนางร้ายแล้ว คนเขาจะ มองว่าแกเป็นตัวตลกด้วย”
บิวตี้เจ็บจี๊ดอีก “ฉันเนี่ยนะ ตัวตลก”
“ใช่ คนเขาถึงไม่นับถือแกไง ที่แกโดนท้าตบท้าตี มีเรื่องไม่หยุด ก็เพราะแกทำตัวไม่น่ารัก ไม่น่านับถือ เข้าใจหรือยัง”
บิวตี้ตะลึง อึ้ง ไม่เคยโดนด่าจังๆ “ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ ป้าสงสารแกนะถึงได้เตือน อยากเห็นแกทำตัวดีขึ้น จะได้ไม่มีเรื่องอีก”
บิวตี้เรียกเสียงดัง “ป้า”
ศรีนวลหันมองมา “แกจะด่าฉันเหรอ”
“เปล่า ขอบคุณนะป้า ที่ช่วยเตือนไม่เคยมีใครพูดกับฉันตรงๆอย่างป้าเลย” บิวตี้น้ำตาคลอ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตา มองภาพบิวตี้กับป้าศรีนวล ด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาคลอตาม
“บุญดีเหลือเกิน ที่ได้พบกัลยาณมิตรคอยตักเตือนให้สติ”
ปรมะเทวีปรากฏตัวขึ้น “แน่ใจนะว่า ท่านไม่ได้ใช้ฤทธิ์ดลใจ เพื่อช่วยบุตร”
“ไม่ค่ะ ข้าพเจ้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ เป็นความจริงใจจากกัลยาณมิตรโดยแท้ต่อไปลัลน์ลลิต คงได้คิด ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรขึ้นบ้าง”
“อย่าเพิ่งวางใจเลย ดูนั่นสิ”
ในจอภาพฉาย เห็นบิวตี้เดินแกมวิ่งหน้าเครียดกลับไปที่โรงอาหาร ศรีนวลท่าทางตกใจรีบตามมา
“คุณพระช่วย ลัลน์ลลิต โกรธเคืองอะไรขึ้นมาอีก”
ปรมะเทวีเหน็บ “กัลยาณมิตร ก็เห็นทีจะช่วยไม่ได้”
นางฟ้าทั้งสองจดจ้องอยู่กับ บิวตี้เรียลิตี้ อย่างลุ้นระทึก
ธีภพ พักตร์พิมล ติดตามด้วยปีวรา กำลังจะออกจากโรงอาหาร บิวตี้เดินเร็วรี่ มาที่ไมโครโฟนสำหรับประกาศประชาสัมพันธ์ พูดใส่ไมค์
“ฮัลโหล ประกาศ...ประกาศ”
ธีภพ พักตร์พิมล ปีวราหยุดเดินหันมาที่ต้นเสียงอย่างตกใจ ศรีนวลรีบตามมาห้าม
“จะทำอะไรของแกน่ะ บอกแล้วว่าอย่า” ศรีนวลดึงตัวบิวตี้
พักตร์พิมลโกรธ หันกลับไปเผชิญหน้ากับบิวตี้ “เอาสิ เป็นไงก็เป็นกัน”
“ขณะนี้ ได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าผ้าที่มีรอยเลอะ เพราะมีน้ำรั่วจากหลังคาโรงงาน ฉันกับป้าศรีนวลไม่ได้ตรวจชุ่ย ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย จบข่าว”
ศรีนวลโล่งใจ “โอย อกอีแป้นแตก หัวใจจะวาย”
เสียงกริ่งเข้างานดังขึ้น
ศรีนวลร้องบอก “พวกเรา ไปทำงานต่อได้แล้ว”
คนงานส่งเสียงฮือฮา วิพากษ์วิจารณ์ขรมตามจริตใครมัน
“ตกลงไงเนี่ย” นีงง
เนยเซ็ง “ไม่มีเรื่องแล้วเหรอ”
ติ๋มหงุดหงิด “ไรแว้ อุตส่าห์ยืนคอยตั้งนาน”
ศรีนวลดุ “มัวคุยกันระวังจะโดนเช็คสาย”
คนงานแยกย้ายกันไป
บิวตี้เดินตรงมาหาสองคน
พักตร์พิมลเลี่ยงบิวตี้ พูดกับธีภพ “แพ็ตไปทำงานก่อนนะคะ”
ธีภพบอก “ไม่ต้อง คำสั่งพักงานสองอาทิตย์ยังไม่ได้ล้มเลิก”
พักตร์พิมลเจ็บใจ สะบัดหน้าใส่บิวตี้แล้วเดินออกไปกับ ปีวรา
ธีภพมองบิวตี้ทึ่งๆ “ทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ”
“เพราะฉันมีแผนใหม่ที่สนุกกว่าน่ะสิ จำได้ไหม สัญญาข้อสอง นายต้องทำตามคำสั่งของฉันตลอดวัน” บิวตี้ยิ้มย่องอย่างมีเลศนัย
ธีภพหน้าเครียด ระแวงว่าบิวตี้ต้องทำเรื่องใหญ่แน่
เล่นเต็มเล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 8/4-8/5 วันอังคารที่ 29/04/2557
“ฉันอุตส่าห์ตั้งใจฝึกงาน เธอมาแกล้งฉันทำไม อิจฉาเหรอ”
“เปล่านะ ฉันแค่ช่วยฝึกให้ เธอจะได้รู้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะแก้ไขยังไง”
บิวตี้ชักโมโห “แก้ไขเหรอ ไม่เห็นยากเลย ก็แค่ไล่เธอออก”
“อ๋อ ได้สิ” พักตร์พิมลโกรธตัวสั่น จะลุกขึ้น
ธีภพดึงมือพักตร์พิมลไว้ “เดี๋ยว” หันมาทางบิวตี้ “แพ็ตเขารู้สึกผิดมาขอโทษแล้ว จบแค่นี้ได้ไหม”
“ถ้าคนงานในบริษัทมีเรื่องแกล้งกันจนของบริษัทเสียหาย แค่ขอโทษจะพอไหม” บิวตี้ย้อน
“ถ้าพนักงานทำคงไม่พอ แต่นี่บิวตี้กับแพ็ตเป็นพี่น้องกันแท้ๆ”
บิวตี้ กะพักตร์พิมลประสานเสียง “ไม่ใช่”
“ถึงจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันออกมา แต่ก็เป็นสายเลือดใกล้ชิดกันที่สุด”
“แต่ก็ยังทรยศกันได้ลงคอ” บิวตี้แค้นลามไปถึงกรเทพ
“ใครทรยศ พูดเกินไปแล้วนะ พี่ธี แพ็ตจะกลับ” พักตร์พิมลงงแต่จะลุก
“เดี๋ยว” ธีภพดึงพักตร์พิมลไว้ พูดกับบิวตี้ “ให้มันจบแค่นี้เถอะนะ”
“ยังไม่จบ จำข้อตกลงได้ไหม ถ้าฉันไม่ผิด ทั้งสองคนต้องขอโทษฉัน กับป้าศรีนวลต่อหน้าทุกคนในโรงงาน”
พักตร์พิมลเสียงดัง “จะบ้าเหรอ”
“เธอประจานฉันกับป้าศรีนวลต่อหน้าคนทั้งโรงงานได้ ก็ต้องขอโทษได้” บิวตี้หันไปหาธีภพ “จริงไหมคะท่านประธาน กฎของบริษัทข้อ 85 หมวดความอ่อนน้อมถ่อมตน หากผู้บริหารทำสิ่งใดผิดพลาด ต้องพร้อมจะเอ่ยคำขอโทษ แม้จะเป็นพนักงานชั้นผู้น้อย”
ธีภพอึ้งไปเมื่อโดนบิวตี้ย้อนด้วยกฎของบริษัทอย่างถูกต้อง
เช้าก่อนเริ่มทำงาน ศรีนวล และคนงานกะเช้ากำลังกินอาหารเช้า ที่โรงอาหาร บ้างจับกลุ่มนั่งคุยกัน ก่อนเข้างาน บิวตี้ ธีภพ พักตร์พิมล เข้ามาทางด้านหลัง คนงานยังไม่เห็น
พักตร์พิมลหน้าเครียดจัด มีอาการขัดขืน
“พอกันที ฉันไม่ทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้หรอก”
บิวตี้พูดย้อนเสียงดัง “ขอโทษเป็นเรื่องบ้าๆ แต่แกล้งคนอื่นเป็นเรื่องดี งั้นเหรอ”
ศรีนวล และคนงานเริ่มหันมามอง เห็นธีภพและพักตร์พิมล ระดับผู้บริหาร ทุกคนสะกิดกันดู
ปีวราเฟสไทม์คุยกับกระตั้วอยู่ เห็นพักตร์พิมล เลิกกินอาหาร เลิกคุย เดินเข้ามาใกล้ คล้ายเป็นห่วง แต่แอบฟังการสนทนาอย่างตั้งใจ
ธีภพพูดเสียงค่อยๆ กับพักตร์พิมล และบิวตี้ “พูดความจริงซะ มันจะได้จบเรื่องไป บิวตี้ก็พูดเสียงค่อยๆหน่อย ถ้ายังอยากจะฝึกงานต่อ”
“ยัยบิวตี้มันจงใจจะทำให้แพ็ตขายหน้า”
“เฮอะ หน้าแบบนี้ขายไปก็ไม่มีคนซื้อหรอก”
“ก็ยังดีกว่าคนสวยแต่ไม่มีสมอง”
บิวตี้วี้ด “ใครกันแน่ที่ไม่มีสมอง ถ้าฉันโง่ ฉันจะรู้เหรอว่าเธอแกล้งฉัน ยัยเฉิ่มเบ๊อะ”
พักตร์พิมลโกรธ “พี่ธีดูมันนะ”
ธีภพดุบิวตี้ “พอแล้ว จะให้ขอโทษก็ทำอย่างเป็นทางการ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าคนงานแบบนี้ ไป แพ็ต” พร้อมกับดึงพักตร์พิมลไป
บิวตี้ขวางไว้ เสียงดังใส่ “ไปไม่ได้ ต้องขอโทษฉันกับป้าศรีนวลก่อน”
ศรีนวลมาดึงมือบิวตี้ พูดเสียงอ่อนโยน “สวย กินข้าวมาหรือยัง ไปกินข้าวกัน”
“ป้ามาพอดี ฉันรู้ความจริงแล้ว ตกลงเราไม่ได้นับผิดนะป้า” บิวตี้พูดจาถากถาง “จริงไหมคะ คุณพักตร์พิมล”
ศรีนวลพูดเสียงแข็ง พร้อมดึงบิวตี้ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันเข้างาน”
บิวตี้ขืนตัว “ไม่ไปป้า เราโดนแกล้งนะ เขาต้องขอโทษ”
ศรีนวลดุ “หยุดพูด บอกให้ไปก็ไปสิ” แล้วดึงบิวตี้ออกมา
กลุ่มคนงาน ดูงุนงงว่าเรื่องอะไรกัน อยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะสามฉันทนาขาเม้าท์
ติ๋มกระซิบ “มีเรื่องอะไรกัน งงว่ะ”
“นังสวย มันว่ามันโดนแกล้ง มันจะให้ท่านประธานขอโทษ” เนยบอก
นีหมั่นไส้ “บ้าไปแล้ว กล้ามีเรื่องกับนาย งานนี้โดนไล่ออกแน่ นังสวย”
ศรีนวลดึงตัวบิวตี้มาที่โกดังสินค้า
“ห้ามฉันทำไม เราไม่ได้ทำผิดนะ เราถูกแกล้ง”
“เออน่า พอแล้ว ไม่ต้องพูด”
“ไม่พูดไม่ได้ เราไม่ผิด เขาต้องขอโทษ”
“ไม่ต้องหรอก ท่านประธานมาคุยกับฉันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ท่านบอกว่าจำเป็นต้องทำตามกฎ แต่ท่านยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”
“แค่นั้นมันไม่พอหรอก ตอนว่าเราเขาว่าต่อหน้าทุกคน แต่พอขอโทษจะมาทำงุบๆงิบๆไม่ได้ ต้องพูดต่อหน้าทุกคนเหมือนกันสิ”
“ทำอย่างงั้นไม่ได้ เขาเป็นถึงผู้บริหาร จะให้มาขอโทษคนงานได้ไง ต่อไปใครจะเกรงใจ”
“ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย คนอย่างยัยแพ็ต โดนซะบ้างก็ดี ป้าไม่อยากให้ขอโทษก็ตามใจ แต่ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ความจริง”
ศรีนวลปราม “เขารู้กันแล้วล่ะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย คนเขาจะยิ่งไม่อยากคบ”
“ไม่อยากคบ...กับฉันเนี่ยนะ” บิวตี้หัวเราะเยาะ “ช่างปะไร ไม่เห็นสนใจเลย”
ศรีนวลเสียงอ่อน สงสาร “สวย หน้าตาอย่างแกถ้าไปเล่นหนังคงได้เป็นนางเอก แต่ทำไมแกถึงทำตัวเป็นนางร้ายอย่างนี้ล่ะ”
บิวตี้อึ้ง “ฉัน...ทำตัวเป็นนางร้าย เหรอ”
“ใช่ แกชอบกรี๊ดกร๊าดใส่อารมณ์ต่อหน้าคนอื่นไปทั่ว มันไม่ดีหรอกนะ นอกจากจะเป็นนางร้ายแล้ว คนเขาจะ มองว่าแกเป็นตัวตลกด้วย”
บิวตี้เจ็บจี๊ดอีก “ฉันเนี่ยนะ ตัวตลก”
“ใช่ คนเขาถึงไม่นับถือแกไง ที่แกโดนท้าตบท้าตี มีเรื่องไม่หยุด ก็เพราะแกทำตัวไม่น่ารัก ไม่น่านับถือ เข้าใจหรือยัง”
บิวตี้ตะลึง อึ้ง ไม่เคยโดนด่าจังๆ “ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ ป้าสงสารแกนะถึงได้เตือน อยากเห็นแกทำตัวดีขึ้น จะได้ไม่มีเรื่องอีก”
บิวตี้เรียกเสียงดัง “ป้า”
ศรีนวลหันมองมา “แกจะด่าฉันเหรอ”
“เปล่า ขอบคุณนะป้า ที่ช่วยเตือนไม่เคยมีใครพูดกับฉันตรงๆอย่างป้าเลย” บิวตี้น้ำตาคลอ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตา มองภาพบิวตี้กับป้าศรีนวล ด้วยความซาบซึ้งใจ น้ำตาคลอตาม
“บุญดีเหลือเกิน ที่ได้พบกัลยาณมิตรคอยตักเตือนให้สติ”
ปรมะเทวีปรากฏตัวขึ้น “แน่ใจนะว่า ท่านไม่ได้ใช้ฤทธิ์ดลใจ เพื่อช่วยบุตร”
“ไม่ค่ะ ข้าพเจ้าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใดๆ เป็นความจริงใจจากกัลยาณมิตรโดยแท้ต่อไปลัลน์ลลิต คงได้คิด ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรขึ้นบ้าง”
“อย่าเพิ่งวางใจเลย ดูนั่นสิ”
ในจอภาพฉาย เห็นบิวตี้เดินแกมวิ่งหน้าเครียดกลับไปที่โรงอาหาร ศรีนวลท่าทางตกใจรีบตามมา
“คุณพระช่วย ลัลน์ลลิต โกรธเคืองอะไรขึ้นมาอีก”
ปรมะเทวีเหน็บ “กัลยาณมิตร ก็เห็นทีจะช่วยไม่ได้”
นางฟ้าทั้งสองจดจ้องอยู่กับ บิวตี้เรียลิตี้ อย่างลุ้นระทึก
ธีภพ พักตร์พิมล ติดตามด้วยปีวรา กำลังจะออกจากโรงอาหาร บิวตี้เดินเร็วรี่ มาที่ไมโครโฟนสำหรับประกาศประชาสัมพันธ์ พูดใส่ไมค์
“ฮัลโหล ประกาศ...ประกาศ”
ธีภพ พักตร์พิมล ปีวราหยุดเดินหันมาที่ต้นเสียงอย่างตกใจ ศรีนวลรีบตามมาห้าม
“จะทำอะไรของแกน่ะ บอกแล้วว่าอย่า” ศรีนวลดึงตัวบิวตี้
พักตร์พิมลโกรธ หันกลับไปเผชิญหน้ากับบิวตี้ “เอาสิ เป็นไงก็เป็นกัน”
“ขณะนี้ ได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าผ้าที่มีรอยเลอะ เพราะมีน้ำรั่วจากหลังคาโรงงาน ฉันกับป้าศรีนวลไม่ได้ตรวจชุ่ย ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย จบข่าว”
ศรีนวลโล่งใจ “โอย อกอีแป้นแตก หัวใจจะวาย”
เสียงกริ่งเข้างานดังขึ้น
ศรีนวลร้องบอก “พวกเรา ไปทำงานต่อได้แล้ว”
คนงานส่งเสียงฮือฮา วิพากษ์วิจารณ์ขรมตามจริตใครมัน
“ตกลงไงเนี่ย” นีงง
เนยเซ็ง “ไม่มีเรื่องแล้วเหรอ”
ติ๋มหงุดหงิด “ไรแว้ อุตส่าห์ยืนคอยตั้งนาน”
ศรีนวลดุ “มัวคุยกันระวังจะโดนเช็คสาย”
คนงานแยกย้ายกันไป
บิวตี้เดินตรงมาหาสองคน
พักตร์พิมลเลี่ยงบิวตี้ พูดกับธีภพ “แพ็ตไปทำงานก่อนนะคะ”
ธีภพบอก “ไม่ต้อง คำสั่งพักงานสองอาทิตย์ยังไม่ได้ล้มเลิก”
พักตร์พิมลเจ็บใจ สะบัดหน้าใส่บิวตี้แล้วเดินออกไปกับ ปีวรา
ธีภพมองบิวตี้ทึ่งๆ “ทำไมเปลี่ยนใจซะล่ะ”
“เพราะฉันมีแผนใหม่ที่สนุกกว่าน่ะสิ จำได้ไหม สัญญาข้อสอง นายต้องทำตามคำสั่งของฉันตลอดวัน” บิวตี้ยิ้มย่องอย่างมีเลศนัย
ธีภพหน้าเครียด ระแวงว่าบิวตี้ต้องทำเรื่องใหญ่แน่