สว. "บุญยืน" นักสู้เพื่อความเป็นธรรมจากสมุทรสงคราม
การเมืองแบบ'แม่กลองโมเดล' : มนุษย์สองหน้าโดยแคน สาริกา
ผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสมุทรสงคราม ทำให้หลายคนเริ่มพูด "แม่กลองโมเดล" ในมุมของเจตนารมณ์ที่จะให้มี ส.ว.ที่เป็นอิสระ หรือปลอดจากอิทธิพลของนักเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง ส.ว.เมืองแม่กลองที่เพิ่งผ่านไป ปรากฏว่า บุญยืน ศิริธรรม ชนะเลือกตั้งได้ 22,933 คะแนน ซึ่งเธอเป็น "ดี เด่น ดัง" ในแวดวงการต่อสู้ภาคประชาชน
สถานะของ "บุญยืน" ในวันนี้ มีหลายหัวโขนคือเป็นประธานสหกรณ์ประมงบางจะเกร็ง-บางแก้ว, แกนนำเครือข่ายภาคประชาชน รักษ์ท้องถิ่นสมุทรสงคราม และประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค
บนถนนสายข่าวด้านสิ่งแวดล้อมและภาคประชาสังคม จะรู้จักชื่อของ "บุญยืน" ในฐานะนักสู้เพื่อความเป็นธรรมจากสมุทรสงคราม เคยผ่านงานเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นงานอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลอง งานต่อต้านโรงไฟฟ้า ต่อต้านนิคมอุสาหกรรม ฯลฯ
ระยะหลัง บุญยืนก้าวออกจากพื้นที่ หันมาทำงานระดับนโยบายมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
ในฐานะประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค บุญยืนออกโรงเรียกร้องบทบาทที่เหมาะสมของ กสทช. เป็นระยะๆ บางครั้งถึงกับขู่ฟ้ององค์กรอิสระแห่งนี้ ในกรณีล็อกวันเติมเงิน เอื้อประโยชน์ให้แก่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว
ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน บุญยืนถูกเรียกขานว่าเป็น "คนบ้า" เพราะหมู่บ้านของเธอ ถูกละเลยจากรัฐในการจัดหาระบบสาธารณูปโภค
"ไม่มีอะไรเลย น้ำประปาไม่มี ไฟฟ้าก็ไม่มี ถนนก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่มี คือไม่มีอะไรสักอย่างเลย ในขณะที่ถ้าพี่ขับเรือเข้าไปในเมือง ในเมืองมันมีทุกอย่าง ทำไมบ้านเราถึงไม่มี"
จากจุดเล็กๆ บุญยืนเริ่มทำงานให้แก่ชุมชนมากมาย และเป็นเวลานานมาก แต่เธอก็ไม่ท้อถอย จนกระทั่ง "คนบ้า" แห่งบางแก้ว-บางจะเกร็ง ได้การยอมรับจากคนในท้องถิ่น และคนไทยทั้งประเทศ
และเมื่อถึงวันที่เธอก้าวสู่ถนนการเมืองสายสภาสูง คนแม่กลองก็ตอบแทนความเสียสละ และทุ่มเทเพื่อส่วนรวมของเธอ ด้วยคะแนนสองหมื่นกว่า และได้เป็น ส.ว.น้ำดีคนที่ 3 ของเมืองแม่กลอง
ปี 2543 คนแม่กลองเคยเลือก "ครูยุ่น" มนตรี สินทวิชัย เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก เป็น ส.ว.
ปี 2551 คนแม่กลองก็เลือก นายสุรจิต ชิรเวทย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม เป็น ส.ว.สมุทรสงคราม
"สุรจิต" ก็เป็นแกนนำเครือข่ายประชาชนคนรักแม่กลอง, อนุกรรมการลุ่มน้ำแม่กลอง, อนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรทะเลและชายฝั่งในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
หลังจากทราบผลการเลือกตั้ง ส.ว.สมุทรสงคราม คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้อัพสเตตัสบนเฟซบุ๊ก พร้อมแสดงความยินดีและตั้งข้อสังเกตเล็กๆ ว่า
"คนแม่กลองเลือกคนดีคนเล็กคนน้อยคนทำงานชุมชนคนมีสตางค์น้อยคนนอกสังกัดพรรคการเมืองเข้าไปเป็น ส.ว.สมุทรสงครามมาแล้ว 3 คน เริ่มจากครูยุ่น มนตรี สินทวิชัย (2543) สุรจิต ชิรเวทย์ (2551) และล่าสุดเมื่อวานนี้ก็บุญยืน ศิริธรรม (2557) น่าจะยกเป็น case study แม่แบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมได้
เพราะนอกจากจะได้ ส.ว.น้ำดีแล้ว แม่กลองยังเป็นแม่แบบของการเมืองแบบประชาชนมีส่วนร่วม รักท้องถิ่น รักชุมชน รวมทั้งคัดค้านโครงการงี่เง่าที่กำหนดจากส่วนกลางอย่างเอาจริงเอาจัง
ถ้าถามว่าที่อดีต ส.ว.เจี๊ยว สุรจิต ชิรเวทย์ ว่าเป็นเพราะอะไร ท่านคงตอบกลั้วเสียงหัวเราะว่าเพราะคนแม่กลองกินปลาทูแม่กลองจึงฉลาด"
ท่ามกลางความสิ้นหวังต่อผลการเลือกตั้ง ส.ว.ของคนบางกลุ่ม ที่ประเมินว่า ว่าที่ ส.ว.กว่าร้อยละ 90 ก็เป็น "ส.ส.ในคราบ ส.ว." เนื่องจากทุกคนมีค่าย มีสังกัด มีกลุ่มก้อนการเมืองชัดเจน ดังนั้นการที่มี ส.ว.จากเวทีการต่อสู้ของภาคประชาชนเข้ามาสักคนหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ไม่ว่าคนแม่กลองจะกินปลาทู หรือกินอะไร แต่หนึ่งเสียงของพวกเขา ได้แสดงเจตนารมณ์เพื่อการปฏิรูปการเมืองออกมาแล้วอย่างเป็นรูปธรรม
คมชัดลึก
http://on.fb.me/13AeE6g
สว.ใหม่ "บุญยืน" นักสู้เพื่อความเป็นธรรมจากสมุทรสงคราม
สว. "บุญยืน" นักสู้เพื่อความเป็นธรรมจากสมุทรสงคราม
การเมืองแบบ'แม่กลองโมเดล' : มนุษย์สองหน้าโดยแคน สาริกา
ผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสมุทรสงคราม ทำให้หลายคนเริ่มพูด "แม่กลองโมเดล" ในมุมของเจตนารมณ์ที่จะให้มี ส.ว.ที่เป็นอิสระ หรือปลอดจากอิทธิพลของนักเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง ส.ว.เมืองแม่กลองที่เพิ่งผ่านไป ปรากฏว่า บุญยืน ศิริธรรม ชนะเลือกตั้งได้ 22,933 คะแนน ซึ่งเธอเป็น "ดี เด่น ดัง" ในแวดวงการต่อสู้ภาคประชาชน
สถานะของ "บุญยืน" ในวันนี้ มีหลายหัวโขนคือเป็นประธานสหกรณ์ประมงบางจะเกร็ง-บางแก้ว, แกนนำเครือข่ายภาคประชาชน รักษ์ท้องถิ่นสมุทรสงคราม และประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค
บนถนนสายข่าวด้านสิ่งแวดล้อมและภาคประชาสังคม จะรู้จักชื่อของ "บุญยืน" ในฐานะนักสู้เพื่อความเป็นธรรมจากสมุทรสงคราม เคยผ่านงานเคลื่อนไหวการเมืองภาคประชาชนมาอย่างโชกโชน ไม่ว่าจะเป็นงานอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลอง งานต่อต้านโรงไฟฟ้า ต่อต้านนิคมอุสาหกรรม ฯลฯ
ระยะหลัง บุญยืนก้าวออกจากพื้นที่ หันมาทำงานระดับนโยบายมากขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
ในฐานะประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค บุญยืนออกโรงเรียกร้องบทบาทที่เหมาะสมของ กสทช. เป็นระยะๆ บางครั้งถึงกับขู่ฟ้ององค์กรอิสระแห่งนี้ ในกรณีล็อกวันเติมเงิน เอื้อประโยชน์ให้แก่เครือข่ายโทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว
ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน บุญยืนถูกเรียกขานว่าเป็น "คนบ้า" เพราะหมู่บ้านของเธอ ถูกละเลยจากรัฐในการจัดหาระบบสาธารณูปโภค
"ไม่มีอะไรเลย น้ำประปาไม่มี ไฟฟ้าก็ไม่มี ถนนก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่มี คือไม่มีอะไรสักอย่างเลย ในขณะที่ถ้าพี่ขับเรือเข้าไปในเมือง ในเมืองมันมีทุกอย่าง ทำไมบ้านเราถึงไม่มี"
จากจุดเล็กๆ บุญยืนเริ่มทำงานให้แก่ชุมชนมากมาย และเป็นเวลานานมาก แต่เธอก็ไม่ท้อถอย จนกระทั่ง "คนบ้า" แห่งบางแก้ว-บางจะเกร็ง ได้การยอมรับจากคนในท้องถิ่น และคนไทยทั้งประเทศ
และเมื่อถึงวันที่เธอก้าวสู่ถนนการเมืองสายสภาสูง คนแม่กลองก็ตอบแทนความเสียสละ และทุ่มเทเพื่อส่วนรวมของเธอ ด้วยคะแนนสองหมื่นกว่า และได้เป็น ส.ว.น้ำดีคนที่ 3 ของเมืองแม่กลอง
ปี 2543 คนแม่กลองเคยเลือก "ครูยุ่น" มนตรี สินทวิชัย เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก เป็น ส.ว.
ปี 2551 คนแม่กลองก็เลือก นายสุรจิต ชิรเวทย์ ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม เป็น ส.ว.สมุทรสงคราม
"สุรจิต" ก็เป็นแกนนำเครือข่ายประชาชนคนรักแม่กลอง, อนุกรรมการลุ่มน้ำแม่กลอง, อนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรทะเลและชายฝั่งในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
หลังจากทราบผลการเลือกตั้ง ส.ว.สมุทรสงคราม คำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้อัพสเตตัสบนเฟซบุ๊ก พร้อมแสดงความยินดีและตั้งข้อสังเกตเล็กๆ ว่า
"คนแม่กลองเลือกคนดีคนเล็กคนน้อยคนทำงานชุมชนคนมีสตางค์น้อยคนนอกสังกัดพรรคการเมืองเข้าไปเป็น ส.ว.สมุทรสงครามมาแล้ว 3 คน เริ่มจากครูยุ่น มนตรี สินทวิชัย (2543) สุรจิต ชิรเวทย์ (2551) และล่าสุดเมื่อวานนี้ก็บุญยืน ศิริธรรม (2557) น่าจะยกเป็น case study แม่แบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมได้
เพราะนอกจากจะได้ ส.ว.น้ำดีแล้ว แม่กลองยังเป็นแม่แบบของการเมืองแบบประชาชนมีส่วนร่วม รักท้องถิ่น รักชุมชน รวมทั้งคัดค้านโครงการงี่เง่าที่กำหนดจากส่วนกลางอย่างเอาจริงเอาจัง
ถ้าถามว่าที่อดีต ส.ว.เจี๊ยว สุรจิต ชิรเวทย์ ว่าเป็นเพราะอะไร ท่านคงตอบกลั้วเสียงหัวเราะว่าเพราะคนแม่กลองกินปลาทูแม่กลองจึงฉลาด"
ท่ามกลางความสิ้นหวังต่อผลการเลือกตั้ง ส.ว.ของคนบางกลุ่ม ที่ประเมินว่า ว่าที่ ส.ว.กว่าร้อยละ 90 ก็เป็น "ส.ส.ในคราบ ส.ว." เนื่องจากทุกคนมีค่าย มีสังกัด มีกลุ่มก้อนการเมืองชัดเจน ดังนั้นการที่มี ส.ว.จากเวทีการต่อสู้ของภาคประชาชนเข้ามาสักคนหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี
ไม่ว่าคนแม่กลองจะกินปลาทู หรือกินอะไร แต่หนึ่งเสียงของพวกเขา ได้แสดงเจตนารมณ์เพื่อการปฏิรูปการเมืองออกมาแล้วอย่างเป็นรูปธรรม
คมชัดลึก
http://on.fb.me/13AeE6g