เล่ม 1
เล่ม 2
บทนำ
บทที่
1 2 3 4 5
อิชชิกิในอนิเม ≠ อิชชิกิในนิยาย
ในนิยายดูดีกว่ากันเยอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 6 ที่ชั้นรักคือริกกะเท่านั้น
俺が好きなのは先生だけ
วันต่อมา ถัดจากวันอังคาร
เมื่อมาถึงโรงเรียน สิ่งที่ผมทำเป็นกิจวัตรพอมาถึงที่ห้องเรียนก็คือทักทายกับริกกะ แต่วันนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น
ให้พูดก็คือ ทุกครั้งในเวลาที่ผมมาถึงโรงเรียน เธอจะต้องนั่งอ่านนิยาย หรือไม่ก็หนังสือรวมข้อมูลเกี่ยวกับจักรวาลอยู่ที่ข้างหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว แต่วันนี้ทำไมถึงไม่อยู่กันล่ะ
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่มาโรงเรียนด้วย เพราะที่ข้างๆ โต๊ะมีกระเป๋านักเรียนห้อยอยู่เรียบร้อย ไปไหนกันล่ะเนี่ย?
เอาเถอะ ไหนๆ เธอก็มาโรงเรียนแล้วนี่นะ แล้วผมก็เลยเตรียมตัวเริ่มเรียนโดยที่ไม่ได้นึกเป็นห่วงอะไรนัก
แต่ว่า การที่ไม่ได้ทักทายกันเหมือนทุกวันมันทำให้รู้สึกแปลกไปจนสงบใจไม่ได้จริงๆ รู้สึกอยู่ไม่สุขสุดๆ จะกลับมาเร็วๆ นี้รึเปล่าล่ะเนี่ย ผมนั่งรอพร้อมเปิดหนังสือไปเรื่อยจนกระทั่งกริ่งแรกดังขึ้น
ขณะที่กำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับริกกะรึเปล่า ริกกะก็เดินเนือยๆ กลับมาที่ห้องเรียนก่อนที่กริ่งจะหยุดดังพอดี แล้วก็มานั่งตรงที่นั่งข้างหน้าผม
“อรุณสวัสดิ์”
“……….”
ผมทักทายไปเบาๆ จากข้างหลัง แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา
คิดว่าคงจะไม่ได้ยินล่ะมั้ง แล้วพอผมคิดที่จะเรียกด้วยเสียงที่ดังขึ้น ครูสอนสังคมก็เข้ามาที่ห้องเรียนพอดี ผมเลยต้องเรียนไปทั้งที่ยังรู้สึกร้อนรนอย่างนั้น
ผมรู้สึกอย่างนั้นไปตลอดการเรียนจนออดพักระหว่างคาบดังขึ้นเลย
แล้วในเวลาเดียวกัน ริกกะที่ท่าทางดูแปลกๆ ก็ลุกขึ้นแล้วก็ออกจากห้องเรียนไปอีกครั้ง
งืมม ตั้งแต่เช้ามายังไม่พูดอะไรออกมาซักคำเลย
รู้สึกอึมครึมสุดๆ เลยแฮะ
“หืม หรือนี่จะคือ Lucky Chance สินะ แปลกนะเนี่ยที่โทงาชิกับทาคานาชิซังไม่กระหนุงกระหนิงกันเนี่ย
อิชชิกิมานั่งที่นั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แล้วก็พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจังโดยไม่รู้ว่าในใจผมนั้นรู้สึกอึมครึมอยู่
ตั้งแต่เช้ามานี่ผมไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย พอได้ยินเสียงอิชชิกิพูดด้วยเลยรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งปนรำคาญหน่อยๆ เหมือนกัน รู้งี้ไปพูดกับตัวเองคนเดียวซะดีกว่ามั้ยเนี่ย
“ไม่ใช่เฟ้ย ไม่ได้กระหนุงกระหนิงกันตลอดเวลาแบบนั้นซะหน่อย แค่ทำตัวตามปกติต่างหากล่ะ”
“อะไร? ไม่ใช่ว่าทุกๆ ช่วงพัก ทาคานาชิซังก็จะหันมาทางนายพร้อมพูดว่า ‘ยูตะ ชั้นคิดค้นความสามารถใหม่ของยูตะได้แล้วล่ะ!’ หรือ ‘ยูตะ พลังความมืดของยูตะในวันนี้ดูเบาบางนะ’ อะไรแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
ทำไมถึงรู้ล่ะเนี่ย
ทั้งที่ริกกะเองก็พูดด้วยเสียงที่เบาจนไม่น่าจะมีใครได้ยินแท้ๆ นะ
“ไม่ใช่ๆ แล้วก็ไม่ได้ทำแบบนั้นกันตลอดเวลาด้วยเฟ้ย! แล้วช่วยอย่าทำท่าทางเลียนแบบที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนเลยนั่นจะได้มั้ย…? เป็นการเลียนแบบที่ไม่เหมือนสุดๆ จนน่าเศร้าเลย……”
“”เอาน่า แค่รู้สึกอยากทำเลียนแบบเท่านั้นเอง แต่นี่คือนั่นสินะ กำลังจะทะเลาะกันงั้นเหรอ?
“ทำไมใช้รูปประโยคในอนาคตล่ะเนี่ย!?”
“มันก็ดูเหมือนว่าทะเลาะกันอยู่หรอก แต่ถ้าไม่ได้ทะเลาะกันอยู่ตอนนี้หรือก่อนหน้านี้ ก็ต้องเป็นในอนาคตสิ”
เหตุผลอะไรกันล่ะนั่น……
แถมถ้าเห็นเป็นแบบนั้นก็ใช้รูปประโยคปัจจุบันไปซะก็ได้ไม่ใช่รึไง ไม่สิ แต่เริ่มเดิมทีพวกผมก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนี่นะ
“ไม่ได้ทะเลาะกันซักหน่อย! แล้วก็ไม่ได้กำลังจะด้วย! แต่ก็นะ พอดีมีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นนิดหน่อย แล้วดูเหมือนมันจะทำให้ริกกะรู้สึกรำคาญน่ะนะ”
“อืม ก็อยากฟังรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั่นนะ แต่ก่อนอื่นเลย–––อย่าวิ่งบนระเบียงจะได้มั้ย!”
“………..”
แล้วก็ทำหน้าซีเรียสมาทางผม
แน่นอนว่าทำเอาผมซึมไปเลย แล้วก็เลยต้องพูดขอโทษแสดงความสำนึกผิดไป
“ดีมาก ที่จริงแล้วตามกฎระเบียบข้อที่ 7 โทงาชิจะต้องโดนจับตาดูพฤติกรรมเป็นเวลา 1 อาทิตย์ แต่ในเมื่อนายสำนึกผิดแบบนี้แล้ว ชั้นยอมปล่อยผ่านให้ก็ได้”
“มะ มีอะไรแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย……ไม่รู้มาก่อนเลย”
“เปล่า ไม่มีหรอก ก็แค่พูดตามที่เห็นว่าเหมาะสมน่ะ”
“อย่ามาสร้างบทลงโทษให้กับกฎเองตามความเหมาะสมนะ!”
คณะกรรมการรักษาระเบียบผู้เข้มงวดหายไปไหนแล้วเนี่ย! จ้ำจี้จ้ำไชซะหน่อยสิ เจ้าบ้านี่!
“น่า พูดเรื่องนั้นไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ก็เพราะว่า มีสิ่งที่ควรพูดมากกว่านั้นอยู่นี่นา”
“อะไรล่ะนั่น?”
“โทงาชิ ไปเมดคาเฟ่กันเถอะ! พอชั้นได้เห็นสาวสวยเมื่อวานนี้แล้ว ท่าทางเธอเหมือนคุณเมดมากจนชั้นอยากจะไปที่นั่นขึ้นมาทันทีเลยล่ะ!”
“……………”
ดูยังไงก็ไม่เห็นเหมือนชุดเมดเลยนะ เอาเถอะ อิชชิกิอาจจะเห็นเป็นแบบนั้นก็ได้
“แต่ชั้นไม่ได้อยากไปซะหน่อยนี่นา”
“หืม ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นให้ข้อมูลเกี่ยวกับสาวสวยคนนั้นกับชั้นมาละกัน ว่าไง?”
แล้วก็ชำเลืองตามองมาทางผม
ทำยังไงดีล่ะ รู้สึกไม่ดีเอามากๆ จนตบมุกกลับไม่ออกเลย
“…..ขอโทษทีนะ”
“บู่ ขอโทษมาเนี่ยนะ ทั้งๆ ที่ถ้าถามโทงาชิตามปกติละก็จะต้องบอกอะไรออกมาบ้างแท้ๆ งืม เอายังไงดีนะ อุตส่าห์ชงมุกให้กินขนาดนั้นแล้ว จะให้เปลี่ยนหัวข้ออีกมันก็นะ……”
“ไม่ต้องมาซ้อมชงมุกอะไรนั่นเลย! แล้วอย่าใช้คำว่ากินสิฟะ! แถมชั้นไม่เคยพูดต่อหน้าอิชชิกิเลยนะว่าชอบเมดน่ะ! ไม่ใช่สิ ไหนๆ ก็ช่วยให้คำปรึกษาอยู่บ่อยๆ นี่นะ ก็ไม่ใช่ว่าชั้นจะไม่ยอมบอกอะไรเลยน่ะนะ…..”
“อะไรเนี่ย!? ถ้างั้นรีบบอกข้อมูลของสาวสวยคนนั้นมาเลย!? เธอคือใคร? เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในข่าวลืองั้นเหรอ!? แล้วเธอเกี่ยวข้องยังไงกับนายกัน!?”
“…..ก็นั่นล่ะ เธอคือสาวน้อยเวทมนตร์ที่ไปพูดประกาศออกมาตอนนั้นตามข่าวลือนั่นแหละ แล้วก็เป็นเพื่อนของชั้นตอนม. 1 ชื่อว่าชิชิมิยะ ซาโตเนะ ในนามของสาวน้อยเวทมนตร์ก็คือโซเฟีย ริงก์ • SP • แซทเทิร์น ที่ 7 นอกจากนั้นก็…..เป็นจูนิเบียวด้วย”
อิชชิกิพยักหน้ารับงึมงำพร้อมทำการจดบันทึกอย่างจริงจังมาก
พอคิดว่ากำลังเขียนคำว่า โซเฟีย ริงก์ • SP • แซทเทิร์น ที่ 7 ลงไปอย่างจริงจังแบบนั้นแล้ว ทำเอารู้สึกขำขึ้นมาเหมือนกัน
“เข้าใจล่ะ เป็นคนรู้จักของโทงาชิสินะ งืม แล้วก็เป็นจูนิเบียวด้วยสินะ”
จะว่าไปแล้ว ก็ไม่เคยพูดเรื่องเกี่ยวกับตอนม.ต้นให้อิชชิกิฟังซักนิดเลยนี่นะ
มาถึงตอนนี้แล้ว ถ้าผมจะพูดเรื่องที่เคยเป็นจูนิเบียวมันก็น่าจะได้นะ เพราะถึงมันจะเป็นเรื่องที่น่าละอาย แต่ก็ไม่ใช่ซะทั้งหมดนี่นา ถึงอาจจะโดนมองว่าเป็นคนบ้าถ้าเล่าเรื่องนี้ออกไป แล้วอิชชิกิเองก็คงเอาไปล้อเลียนอย่างสนุกปากก็เถอะ ถ้าเป็นอิชชิกิล่ะก็นะ ต้องเอาไปล้อเลียนเล่นแน่ๆ เลย
“เอ่อ แล้วก็นะ ชั้นเองก็ เอ่อ เมื่อตอนม.ต้นก็เป็นจูนิเบียวมาก่อนเหมือนกัน……ในตอนนั้นน่ะนะ–––”
“เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้ว! แทนที่จะพูดเรื่องนั้นรีบบอกข้อมูลของชิชิมิยะซังมายังดีกว่าอีก! อย่างงานอดิเรกเอย ของกินที่ชอบเอย!”
“ทำไมถึงรู้ได้ล่ะเนี่ย!?”
“ในห้องก็น่าจะรู้เรื่องนั้นกันทั้งนั้นนี่? ชั้นไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงเป็นยังไงนะแต่พวกผู้ชายน่ะเขารู้กันหมดแล้วล่ะ ก็เพราะนายเป็นคนที่สามารถอยู่ด้วยกันกับทาคานาชิซังคนนั้นได้นี่นา”
ทุกคนรู้กันหมดแล้ว…….
แย่ล่ะสิ รู้สึกโหวงๆ ขึ้นมานิดหน่อยเลย
“นี่คงจะหัวเราะเยาะกันด้วยใช่มั้ย?”
“ใครบอกล่ะ ออกจะน่าชื่นชมออก”
ท่าทางดูชื่นชมจริงๆ เป็นความจริงที่ไม่น่าเชื่อเลย
“งะ งั้นเหรอ…..อืม เป็นเรื่องที่ควรจะดีใจ ใช่มั้ย? ฮะฮะ ชั้นคงไม่ได้เข้าใจผิดอะไรไปใช่มั้ยนะ”
“อะไรเนี่ย คนที่ไม่เคยเป็นจูนิเบียวซักนิดเลยต่างหากล่ะที่แปลกน่ะ ชั้นเองยังเคยเป็นเลย อย่างการกวัดแกว่งดาบไผ่ไปมานั่นก็น่าคิดถึงดีออก เรื่องนั้นยังไงก็ช่างมาพูดเรื่องชิชิมิยะซังผู้น่ารักคักๆ กันต่อเถอะ!”
อิชชิกิพูดออกมาอย่างเร่าร้อน ผมรู้สึกดีใจจริงๆ ที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
นั่นสินะ ไม่ว่าใครก็ตาม–––ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ ถึงใช้ภาษาถิ่นฮอกไกโดปนมาด้วยล่ะน่ะ [Note: เพราะอิชชิกิมันพูดว่า なまら可愛い โดย なまら เป็นภาษาถิ่นฮอกไกโด เทียบเท่าคำว่า とても แปลว่ามาก เลยแปลว่า คัก ภาษาอีสานบ้านเรา]
“เอ่อ แล้วอะไรอีกนะ? งานอดิเรกคงเป็นคิดจินตนาการเรื่องราวขึ้นมาเองน่ะ แล้วก็ชอบ RPG ○aker ด้วย ของกินที่ชอบน่าจะเป็นไอศกรีมมั้งนะ? ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เธอไปเรียนอยู่ที่ไหน แต่ตอนม.ต้น เธอย้ายโรงเรียนไปแล้วก็ไปเรียนที่เดียวกับนิบุทานิน่ะ เพราะงั้นรายละเอียดมากกว่านี้ไปลองถามนิบุทานิดูน่าจะได้นะ” [Note: พูดถึง RPG maker หรือ RPGツクール]
“นี่นะ ถ้าชั้นพูดคุยกับเด็กผู้หญิงได้ล่ะก็ จะมาถามโทงาชิแบบนี้รึไง” [Note: อ้างอิงจากเล่ม 1]
“เอ้อ มันก็จริงแฮะ”
“ว่าแต่ นี่มันคือนั่นสินะ”
อิชชิกิปิดสมุดบันทึกไป แล้ว บรรยากาศก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันทีที่อิชชิกิเปิดปากพูดออกมาต่อ
“รอบๆ ตัวนายนี่ มีแต่คนน่าฮักมารวมกันเต็มไปหมดเลยนะเนี่ย” [Note: めんこい menkoi ภาษาฮอกไกโด = 可愛い kawaii]
“ใช้คำว่าน่าฮักแบบนี้ อิชชิกิ นี่นายเกิดที่ฮอกไกโดใช่มั้ย….? ไม่ใช่สิ ชั้นไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นซักหน่อยเลยนะ……”
“งืม งั้นขอชั้นเรียบเรียงคำพูดใหม่ เหมือนว่าพวกที่เป็นจูนิเบียวน่ะจะมารวมตัวอยู่รอบๆ โทงาชิเองตามธรรมชาติ เพราะงั้น ถ้าเดินไปกับนายล่ะก็จะต้องมีสาวๆ จูนิเบียวเข้ามาหาแน่ๆ ไงล่ะ”
“ไม่เอาน่า นั่นมันไม่พูดเกินไปหน่อยรึไง”
แต่ว่านะ–––ทั้งริกกะเอย ชิชิมิยะเอย ดูเหมือนความน่าจะเป็นที่ว่านั่นจะสูงเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ
ถ้ารวมนิบุทานิที่หายจากอาการเข้าไปด้วยแล้ว ผู้หญิงที่ผมพูดด้วยบ่อยๆ ก็เป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับจูนิเบียวทั้งนั้นเลยนี่นะ
แต่ยังไงผมก็คิดอยู่ดีว่าที่พูดนั่นมันเกินไปหน่อยจริงๆ
มันน่าจะเพราะบังเอิญมากกว่า เพราะผมเคยเป็นจูนิเบียวมาก่อน ก็เลยเข้ากันได้ง่ายกับคนที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกันล่ะมั้ง นั่นน่าจะเป็นเหตุผลน่ะนะ
“เอาเถอะ ยังไงก็ตาม นายก็ให้ความสำคัญกับทาคานาชิซังที่สุดอยู่ดีสินะ พวกที่ไม่ให้ความสำคัญกับแฟนสาวน่ะจะต้องโดนบทลงโทษให้สาสมเลย”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ถึงไม่ต้องให้บอกชั้นก็ให้ความสำคัญกับเธอที่สุดอยู่แล้วล่ะ”
“นั่นล่ะ แบบนั้นแหละดีมาก แล้วก็ จำไว้ให้ขึ้นใจ อย่าลืมซะล่ะ”
“โอ้ว!”
ผมพยักหน้ารับ นั่นมันแน่อยู่แล้วล่ะ จะไม่ลืมเด็ดขาด!
“ตอบได้ดีมาก เอ้า ถ้าได้ข้อมูลอะไรดีๆ เกี่ยวกับชิชิมิยะซังก็ช่วยหน่อยนะ แล้วเพื่อเป็นการขอบคุณในครั้งนี้ ชั้นจะพานายไปเมดคาเฟ่กัน ถึงชั้นเองจะไม่เคยไปซักครั้งก็เถอะนะ”
…..ก็กะไว้แล้วล่ะ
ผมยังไม่ทันได้ตอบตกลงอะไร ออดเตือนว่าหมดช่วงพักระหว่างคาบก็ดังขึ้นมาพอดี
พอได้ยินอิชชิกิก็ ‘หืม’ ออกมา เป็นท่าทางเหมือนทุกครั้งราวกับจะเป็นการบอกว่าได้เวลาเรียนต่อแล้ว แล้วก็กลับไปที่นั่งของตัวเอง
ส่วนริกกะ–––ยังไม่กลับมาอีกเหรอเนี่ย…..ขณะที่กำลังคิดแบบนั้น เธอก็กลับเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกับนานะจังเลย
ไปที่ไหนมากันล่ะเนี่ย มีแต่เรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมดเลยแฮะ
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ยังไม่ได้คุยกับริกกะซักนิด แล้วก็ต้องเริ่มเรียนวิชาเลขไปทั้งอย่างนั้น
-------------------------------------------
(Chunibyou LN Vol 2) บทที่ 6 ที่ชั้นรักคือริกกะเท่านั้น
เล่ม 2
บทนำ
บทที่ 1 2 3 4 5
อิชชิกิในอนิเม ≠ อิชชิกิในนิยาย
ในนิยายดูดีกว่ากันเยอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้