(Chuunibyou LN) บทที่ 10.....อย่ามาเรียกว่าโมริซะมะนะ!
บทนำ
บทที่
1 2 3 4 5 6 7 8 9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บทที่ 10 อย่ามาเรียกว่าโมริซะมะนะ!
วันต่อมา วันนี้นานะจังก็ยังขอช่วยติวให้เป็นพิเศษอีกวัน เพราะงั้นหลังเลิกเรียนผมเลยว่าง ผมเองก็ไม่ได้เข้าชมรมอะไรอยู่แล้วด้วย มาตอนนี้พอไม่ต้องช่วยติวตอนเย็นเลยรู้สึกแปลกๆแฮะ แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีความรู้สึกอยากจะกลับบ้านเลยด้วย
เมื่อวานผมก็อยู่รอจนริกกะเลิก มาวันนี้เธอบอกว่าให้ผมกลับไปก่อนก็ได้ ท่าทางจะตั้งใจเรียนอยู่ที่ห้องข้างๆนี่จริงๆแฮะ พอคิดแบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกว่ายังไม่ควรกลับเข้าไปใหญ่เลย
เพราะงั้นตอนนี้ผมเลยนั่งทวนหนังสืออยู่คนเดียวอย่างเซ็งๆรอริกกะไปพลางๆ สาเหตุที่รอก็เพราะมีอย่างนึงที่ผมจะต้องทำอยู่ นั่นก็คือกลับจากโรงเรียนพร้อมกับริกกะ ถึงจะได้กลับด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็เถอะ แน่นอนว่าไม่อยากจะบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ด้วย
“อื้อ เสร็จซะที”
ประตูเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงนั่น เจ้าของเสียงไม่ใช่ริกกะที่ผมรออยู่ แต่เป็นนิบุทานิ
“โอ๊ะ นิบุทานิ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เธอมีชมรมไม่ใช่รึไง?”
และคงเพราะเธอไม่รู้ว่าผมยังอยู่ในห้อง เธอเลยตกใจร้อง ‘หวา หวา’ เหมือนกับเจอคนท่าทางน่าสงสัย นั่นมันดูโอเวอร์ไปหน่อยนะ พอเธอทำยังงั้นแล้วผมรู้สึกปวดใจเลยจริงๆ
“ตกใจหมดเลย! ถ้ายังอยู่ละก็ช่วยทำตัวให้มีความรู้สึกว่ามีคนอยู่หน่อยไม่ได้รึไงเนี่ย?”
“จืดจางขนาดนั้นเลยรึไงเนี่ย!? ตัวตนของชั้นน่ะ!?”
“ไม่คิดว่าจะคิดไปถึงขนาดนั้นน่ะ ชั้นไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อยน่า อื้อ ใช่ๆ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า อืม? หรือว่าจะใช่นะ? เอาเถอะ อย่าคิดมากเลยน่า นะ”
คิดมากสิ! กังวลมากๆเลยด้วย ก็เล่นเคยโดนเพื่อนร่วมชั้นเรียกว่า ใคร แบบนั้นมันปวดใจสุดๆเลยนะ [Note : ท้ายบทที่ 4]
“อือ เอาเถอะ…..แล้ว นิบุทานิมาทำอะไรที่ห้องเรียนเอาป่านนี้ล่ะ แปลกนะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“….ก็ชั้นมีต้องสอบซ่อมเหมือนกันน่ะสิ”
โว้ว รู้สึกถึงออร่า S ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาได้เลย แย่ละสิ ดันลืมไปซะสนิทเลย
“อะ คือ สอนพิเศษรายบุคคลของนานะจังสินะ ชั้นลืมไปเลยน่ะ เอ่อ…..แล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดูเหมือนว่า นอกจากชั้นกับทาคานาชิซังแล้ว ไม่มีใครคนอื่นที่ตกอีกเลยน่ะสิ”
ไม่มีเลย แค่สองคนงั้นสิ
แต่แบบนั้นมันดูน่าสนใจแปลกๆดีแฮะ ริกกะกับนิบุทานิแค่สองคน แล้วมีคุยกันบ้างรึเปล่าเนี่ย
ริกกะเคยคุยกับนิบุทานิมาก่อนหน้านั้นก็จริง แต่คงไม่แปลกที่จะคิดว่าสองคนนี่คงไม่ได้คุยอะไรสนุกๆ กันแน่นอน ถึงจะรู้สึกว่าการได้คุยกับสาวอันดับ 1 อย่างนิบุทานิคงมีเรื่องอะไรให้คุยได้เยอะก็จริงน่ะนะ น่าสนใจดีแฮะว่าเป็นยังไงกันแน่
“ยังงั้นเองเหรอ แค่สองคนเองสินะ……แล้วได้มีคุยอะไรกับริกกะบ้างรึเปล่าล่ะ?”
“อืม ก็นิดหน่อยน่ะ เรียกว่าคุยได้มั้ยนะ?”
นิบุทานิตอบไปพลางก็เก็บข้าวของไปพลาง ดูเหมือนจะไปชมรมต่อสินะ
“ไม่รู้ว่าชั้นฟังผิดไปรึเปล่า แต่แบบนั้นก็ดีนี่นา คาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย!”
ผมพูดออกไปอย่างที่คิดไว้ เพราะมันเกินกว่าที่ผมคาดจริงๆ
“คงงั้นล่ะมั้ง? จริงๆแล้วชั้นก็อยากคุยกับทาคานาชิซังมากกว่านี้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนนอกจากนายแล้วเธอไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครซักเท่าไรเลยน่ะนะ”
“นั่นก็เกินคาดนะเนี่ย! อยากจะคุยกับเธอจริงๆสินะ!?”
“ก็นะ ถ้าเป็นคุยกันเรื่องธรรมดาทั่วไปน่ะนะ เพราะชั้นไม่อยากมาฟังเรื่องเพ้อเจ้อเติมแต่งของเธอนักหรอก”
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว นิบุทานิก็นั่งบนโต๊ะ เผยให้เห็นขาเรียวงามนั่น แล้วเธอก็ถอนหายใจออกมา
“แต่ว่านะ อยู่กับเธอแค่สองคนน่ะมันก็น่าปวดหัวอยู่นิดหน่อยน่ะนะ ไม่รู้หรอกนะว่ามันมีอะไรดีถึงได้ยังเป็นจูนิเบียวเนตรมารอยู่แบบนี้ แถมดูเหมือนครูนานะจังเองก็จะมีปัญหาในการสื่อสารพูดคุยกับเธอด้วยนี่สิ?”
แหงล่ะ เพราะริกกะคงจะพูดโดยใช้พวกคำที่คิดขึ้นมาเองนั่นแหละ แล้วนานะจังก็คงจะตามไม่ทันแน่ๆ แล้วก็คงไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรด้วยเพราะคำที่ริกกะคิดขึ้นมาเองส่วนใหญ่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรด้วยนี่นะ
“สงสัยนิดหน่อยน่ะ ว่าเธอพูดอะไรออกมางั้นเหรอ?”
“ปลดปล่อยจาโอชินกัง จงส่งโลกเข้าสู่การหลับใหล และจงปลดปล่อยพลังของชั้นซะ เหล่าวิญญาณแห่งโลกสาบสูญ เทพธิดาแห่งการคำนวณทั้ง 4 เอ๋ย! จงมา ณ ที่แห่งนี้ซะ! คิดว่าคงพูดประมาณนี้ล่ะมั้ง? ทำเอาครูนานะจังไม่รู้จะพูดอะไรดีเลยล่ะ”
ร่ายบทคาถาเลยเรอะ! ถ้าเจอแบบนั้นเป็นผมก็คงพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน…..
“เอาน่า ชั้นว่าเดี๋ยวนานะจังก็คงหาวิธีสอนเธอให้เข้าใจจนได้แหละ…..ว่าแต่นิบุทานิ เธอเก็บของเสร็จแล้วงั้นเหรอ?”
“นายยังเรียกชั้นว่านิบุทานิอยู่งั้นสินะ”
นิบุทานิหน้าตาดูดีใจแปลกๆ
“หือ? นิบุทานิก็คือนิบุทานิไม่ใช่เหรอ?”
“นี่ ไม่เรียก….โม..โม..โมริซะมะ รึไง…..”
หือ? อะไรล่ะเนี่ย ดูสำรวมกว่าปกติแฮะ แทบไม่รู้สึกถึงออร่าความ S เลย
“ไม่หรอกน่า จะให้เรียกชื่อที่เธอบอกไม่ให้เรียกออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาได้ยังไงล่ะ….”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะหลังจากตอนนั้นทุกคนก็เรียกชั้นแบบนี้แหละ ถึงจะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีก็จริง แต่ชั้นก็อดรู้สึกไม่ได้ที่อยากจะพูดออกไปว่า ‘อย่ามาเรียกโมริซะมะนะ!’ น่ะนะ”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่บอกว่าอยากพูดแบบนั้นออกไปน่ะนะ เพราะชั้นเองก็ไม่อยากให้ใครมาเรียกชั้นว่า Gerzoniansas เหมือนกัน”
“Gerzoniansas”
เธอยิ้มเยาะออกมาอย่างใบหน้าของผู้ชนะ นี่สิถึงจะเป็นนิบุทานิ นิบุทานิที่ทำตัวสำรวมน่ะไม่ใช่นิบุทานิหรอกนะ
“.....เอาเถอะ ถึงจะเรียกว่าโมริซะมะ แต่ก็เป็นนิบุทานิอยู่ดี ก่อนหน้านี้ชั้นก็บอกไปแล้วนี่ ว่าเธอน่ะให้ความรู้สึกแบบนิบุทานิมากที่สุดน่ะ เพราะงั้นเรียกเธอแบบนั้นมันเลยดูง่ายกว่าน่ะ แล้วชั้นว่าให้เรียกเธออย่างอื่นอย่างหัวหน้าห้องหรือราชาประจำชั้นยังดีกว่าอีกนะ”
“ชั้นน่ะชินกับการโดนเรียกด้วยชื่อต่างๆแล้วล่ะ เพราะงั้นจะเรียกแบบไหนก็ได้ ที่นายยังเรียกชั้นแบบเดิมจนตอนนี้ชั้นรู้สึกขอบคุณจริงๆ แต่ถ้าเลือกได้ ชั้นก็อยากให้เรียกว่า ราชาประจำชั้น นะ เพราะชั้นรู้สึกชอบชื่อเล่นนี้น่ะ”
ทำไมถึงได้ติดใจชอบชื่อเล่นนั่นได้ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ผมก็ไม่ได้ตบมุกถามเรื่องนั้นออกไป ผมเปลี่ยนเป็นถามเรื่องที่ผมสงสัยอยู่แทน
“นี่ ขอเปลี่ยนเรื่องนิดหน่อยละกันนะ เกี่ยวกับที่ว่าทำไมเธอเคยบอกคนอื่นว่า ‘จงเรียกชั้นว่าโมริซะมะซะ!’ นั่นน่ะ? ชั้นแค่เดานะ แต่ว่านั่นมันเกี่ยวข้องกับชิชิมิยะด้วยใช่มั้ย…..?”
“ชั้นไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย! …..เอาเถอะ เรื่องนั้นน่ะชั้นก็ไม่อยากจะโทษคนอื่นหรอกนะ แต่คนคนนั้นก็คงมีส่วนผิดอยู่นิดหน่อยล่ะมั้ง? ช่างเป็นความหลังที่มืดมนจริงๆ”
นิบุทานิพูดที่เสร็จก็ถอนหายใจออกมา
ผมก็เข้าใจที่นิบุทานิอยากจะบอกนะ มาคิดดูแล้วก็เพราะชิชิมิยะเป็นคนแบบนั้นน่ะแหละ…..สนุกสนานกับความเป็นจูนิเบียวของตัวเองอย่างเต็มที่ เป็นคนที่น่าทึ่ง สามารถจินตนาการเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีจุดบอด แถมดูเจ๋งสุดๆเลยด้วย เธอสามารถทำสิ่งที่ปลุกจิตวิญญาณความเป็นจูนิเบียวออกมาได้ราวกับเป็นเรื่องปกติ แถมยังสามารถมองเห็นจุดอ่อนของพลังของผมได้แทบจะทันทีอีกด้วย ตอนแรกผมนึกว่าเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาๆที่รับอิทธิพลความเป็นจูนิเบียวของผมนะ แต่จริงๆแล้วอาจจะเพราะชิชิมิยะเธอเป็นแบบนั้นแต่แรกแล้วก็ได้
“ก็นะ แต่ก็เป็นเพราะชิชิมิยะนี่แหละถึงทำให้ชั้นรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรไม่ควรทำ จะบอกว่าเธอเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องที่ไม่ควรทำก็คงได้น่ะนะ”
“ตัวอย่างที่ไม่ควรทำตามงั้นเหรอ เพราะงั้นที่เธอเคยบอกว่าจะช่วยรักษาให้หายนั่นก็ไม่ใช่แค่พูดสินะ”
“ก็อย่างนั้นแหละ และชั้นก็เชื่อมั่นในสิ่งที่ชั้นทำอยู่นี้ด้วย”
นิบุทานิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความเชื่อของเธอเท่าไรนัก และคงเป็นเพราะผมเป็นคนที่คิดอะไรก็มักจะออกมาทางหน้าตาเสมอ และนิบุทานิก็ดูเหมือนจะอ่านความคิดผมออกเพราะแบบนี้นี่แหละ
“ใครก็ตามที่มีความหลังมืดมนแบบนั้นก็ย่อมหวังอยากจะได้แต่เพียงความทรงจำอันขาวสะอาดเท่านั้นมากกว่าล่ะ ชั้นเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเพราะเรื่องโมริซะมะนี่แหละ”
พอเข้าใจล่ะนะ เพราะจะให้จินตนาการว่านิบุทานิในตอนนี้ไปเที่ยวบอกคนอื่นให้เรียกตัวเองว่าโมริซะมะแทนที่ชื่อนิบุทานินี่ก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ถึงเมื่อก่อนอาจจะเป็นแบบนั้นก็จริงเถอะ เพราะงั้นนี่เลยเป็นความหลังอันมืดมนของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
“ก็เหมือนที่นายเคยพูดน่ะนะ ที่ว่าอยากให้ตัวเองเมื่อก่อนน่ะตายๆไปซะก็ดี ชั้นเองก็คิดเหมือนกันแหละ เพราะแบบนั้นชั้นเลยพยายามที่จะบอกให้นายได้เข้าใจชั้นซักนิดถึงเหตุผลในการช่วยให้พวกจูนิเบียวหายจากอาการน่ะ ชั้นพยายามบอกนายทุกอย่างแล้ว แล้วทำไมกลายเป็นนายมาชอบทาคานาชิซังได้ล่ะเนี่ย?”
“มันเกี่ยวกันรึเปล่าเนี่ย! แล้วชั้นก็ไม่บอกหรอกนะว่าทำไมถึงชอบ….”
พอพูดออกไปผมถึงรู้ตัวว่าติดกับเธอเข้าแล้ว ต้องโทษชะตากรรมที่มีนิสัยชอบตบมุกเป็นกิจวัตรนี่ล่ะนะ คราวนี้เลยตบมุกจนเผลอเผยเรื่องที่ไม่อยากบอกไปซะแล้ว
“ชอบจริงๆด้วยสินะเนี่ย~ แต่ก็รู้อยู่แล้วน่ะนะ”
“…..รู้แล้วเหยียบไว้ด้วยนะครับ ได้โปรดเถอะ”
ผมได้แต่ขอร้องแบบหมดฟอร์มจริงๆ
“ชั้นว่าคนในห้องกว่า 10% ก็รู้กันแล้วแหละ ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า”
“ไม่รู้กันทั้งห้องแล้วเรอะ!?”
“ข่าวมันกระจายเร็ว อาจจะทั้งโรงเรียนแล้วก็ได้นะ!”
เธอยิ้มเยาะออกมาอย่างไม่เกรงใจ น่ากลัวสุดๆ ผมเชื่อเลยว่านอกจากเธอแล้วเธอไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครเห็นนะ แม้แต่ตอนเรียนยังไม่เคยเห็นใบหน้าเธอแบบนี้เลย
“เอาน่า หวังว่าเรื่องที่นายพูดออกมาเองว่าชอบทาคานาชิซังเนี่ยคงไม่แพร่ออกไปหรอกนะ”
“ยักษ์มาร! ป่าเถื่อน! ปีศาจร้าย! โม โมริซะมะ!”
ถึงคำสุดท้ายผมจะพูดเหมือนกับให้เกียรติเธอก็จริง แต่นั่นก็เป็นการด่าทอเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว [Note : ซะมะ =さま = 様 ต่อท้ายชื่อเหมือนเรียกให้เกียรติกัน]
“อย่ามาเรียกว่าโมริซะมะนะ! ไหน ไหนบอกจะไม่เรียกไง? อยากจะตายอย่างทรมานงั้นสินะ?”
คืออยากจะถามมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าทำไม เธอถึงดูจะชอบวิธีการฆ่าคนรูปแบบใหม่นี่ซะเหลือเกิน การตายเพราะความอับอายนั่นมันคงทรมานสุดๆ เพราะงั้นต้องขอโทษด้วยครับ!
“อะ ชั้นยอมแล้ว เข้าใจแล้ว ยอมทุกอย่างแล้ว”
“หวา เล่นเอาอึ้งไปเหมือนกันนะเนี่ย ที่บอกว่ายอมทุกอย่างเลยนั่นน่ะ แต่ก็เอาเถอะนะ ฮ้า~สนุกดีเหมือนกันนะเนี่ย นายเองก็ท่าทางหัวปั่นน่าดูเลยนะ”
รู้สึกอย่างกับว่าไม่มีจุดอ่อนไหนของผมที่เธอไม่รู้เลย ทั้งเรื่องในอดีต ทั้งเรื่องปัจจุบันนี้ ผมโดนเธอใช้ข้อมูลที่เธอมีอยู่ทั้งหมดนั่นเล่นงานผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเป็นปีศาจใช่มั้ย? โมริซะมะเป็นปิศาจร้ายจริงๆสินะ? เธอไม่ใช่สิ่งมีชีวิตโลกสว่างงั้นสิ? ถึงกับทำให้ชั้นที่ได้รับขนานนามว่าราชาปิศาจ(โดยริกกะ)หวาดกลัวได้ขนาดนี้เลยงั้นรึเนี่ย?
“เอาล่ะ ป่านนี้แล้วคงไม่ต้องไปชมรมแล้ว ชั้นว่าทาคานาชิซังอีกเดี๋ยวก็คงจะเสร็จแล้วล่ะ นายคงจะรออยู่สินะ?”
“ไม่บอกชั้นก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้วน่า……”
“งั้น ไว้เจอกันนะ บ๊ายบาย”
“โอ้”
หลังจากนั้น….
หลังจากที่นิบุทานิไปได้ 30 นาที ริกกะก็กลับมาที่ห้องเรียนด้วยสภาพสะโหลสะเหล
บางทีอาจจะยิ่งกว่าที่นิบุทานิคิดไว้แฮะ ท่าทางจะโดนติวเข้มอย่างหนักเลยนะเนี่ย
------------------------------------------------------------------------------------
(Chuunibyou LN) บทที่ 10.....อย่ามาเรียกว่าโมริซะมะนะ!
บทที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้