ขอคำชี้แนะจากพี่ๆนักปฏิบัติหน่อยครับ เพิ่งกลับมานั่งสมาธิชิลๆได้สองวัน
Information: นั่งด้วยตนเองอยู่ที่บ้าน
ก่อนหน้านี้เคยนั่งสมาธิฟลุ๊คๆไปสัมพัสถึงจุดหนึ่งที่ amazing มากๆสำหรับตัวเอง แต่ดันไปคาดหวังพยายามจะไปที่จุดนั้นอีกให้ได้เลยหลงทางและฟาลว์ไปเลย ก็หยุดไปเป็นปีเลย
สองวันก่อนนอนไม่หลับ ตอนตี 4 เลยมานั่งสมาธิแบบไม่คิดไร ผมเหมือนจับทางได้ว่าตัวเองนั้นเมื่อนั่งสมาธิโดยกำหนดไปตามลมหายใจ (ไม่ท่องพุทโธหรือยุบหนอพองหนอ) กลับนิ่งได้เร็วและไม่ฟุ้งซ่านเลย ผมไม่ได้สวดมนต์อะไรใดๆก่อนนั่งสมาธิ ก็เอาฟิลสบายๆแล้วก็นั่งมันเลย โดยกำหนดตามลมหายใจเข้าสุดออกสุด อยู่กับมันยังงี้ พอนิ่งก็มากำหนดเป็นตามความเป็นจริง ผมกันเอาความคิดรวบไว้เป็นหนึ่งกองแยกออกไปต่างหาก ไอ้กองความคิดมันจะแว๊บๆเข้ามา (ตามความเข้าใจของผม เหมือนความคิดมันจะเข้าไปปรุงแต่งสภาวะนั้นๆที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่) ผมก็ต้องรีบดักมัน รู้ให้ทันก่อนจะเกิดการปรุงแต่งขึ้น
พอกันความคิดกลับไปที่กองได้ ก็กลับมากำหนดรู้อยู่กับลมหายใจแล้วไปที่สภาพสภาวะความเป็นจริงต่อ บางจังหวะมันกำหนดได้ชัดเจนทั้งลมหายใจและภาพสภาวะที่เห็นได้อย่างเป๊ะๆ แบบไม่เคย focus อะไรได้ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียวได้แบบนั้นมาก่อน แต่เจ้ากองความคิดก็จะมาแว๊บๆ เข้ามาตอดๆ ก็ต้องดึงออกมารู้มันให้ทัน (ยังไม่เนียนและนิ่งพอแน่ๆเยย)
ผมไม่ได้คิดถึงลี้ลับหรือแม้แต่เรื่องญาณ บุญ กรรม อะไรใดๆเลย แค่อยู่กับลมหายใจและสภาพตามที่เกิดขึ้น มันไม่มีความเจ็บ ทุกข์ สุข ร้อน หนาว อะไรเลย เป็นแค่สภาวะที่เกิดขึ้น (ผมนิยามมันว่าอย่างนั้นนะ)
เป็นไปได้ไหมเพราะผมกำหนดมันตามสภาวะที่เกิดขึ้นจริง โดยแยกกองความคิดเอาไว้ต่างหาก รู้ทันความคิดก่อนที่มันจะมาจับที่ตัวสภาวะแล้วกลายเป็นการปรุงแต่งเป็นนิยามต่างๆ?
Theory หรือ Concept ที่ผมใช้นี้ พอได้ไหมครับ?
เดือนหน้านี้กำลังจะไปเข้าคอรส์ โกเอนก้าที่ลำพูน ครับ
thank you มากๆครับผม
ผมนั่งสมาธิโดยกำหนดจิตอยู่ที่ลมหายใจ พอนิ่งก็กำหนดตามความเป็นจริง แยกความคิดออกไปเป็นหนึ่งกองวางไว้ห่างๆ พอได้ไหม?
Information: นั่งด้วยตนเองอยู่ที่บ้าน
ก่อนหน้านี้เคยนั่งสมาธิฟลุ๊คๆไปสัมพัสถึงจุดหนึ่งที่ amazing มากๆสำหรับตัวเอง แต่ดันไปคาดหวังพยายามจะไปที่จุดนั้นอีกให้ได้เลยหลงทางและฟาลว์ไปเลย ก็หยุดไปเป็นปีเลย
สองวันก่อนนอนไม่หลับ ตอนตี 4 เลยมานั่งสมาธิแบบไม่คิดไร ผมเหมือนจับทางได้ว่าตัวเองนั้นเมื่อนั่งสมาธิโดยกำหนดไปตามลมหายใจ (ไม่ท่องพุทโธหรือยุบหนอพองหนอ) กลับนิ่งได้เร็วและไม่ฟุ้งซ่านเลย ผมไม่ได้สวดมนต์อะไรใดๆก่อนนั่งสมาธิ ก็เอาฟิลสบายๆแล้วก็นั่งมันเลย โดยกำหนดตามลมหายใจเข้าสุดออกสุด อยู่กับมันยังงี้ พอนิ่งก็มากำหนดเป็นตามความเป็นจริง ผมกันเอาความคิดรวบไว้เป็นหนึ่งกองแยกออกไปต่างหาก ไอ้กองความคิดมันจะแว๊บๆเข้ามา (ตามความเข้าใจของผม เหมือนความคิดมันจะเข้าไปปรุงแต่งสภาวะนั้นๆที่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่) ผมก็ต้องรีบดักมัน รู้ให้ทันก่อนจะเกิดการปรุงแต่งขึ้น
พอกันความคิดกลับไปที่กองได้ ก็กลับมากำหนดรู้อยู่กับลมหายใจแล้วไปที่สภาพสภาวะความเป็นจริงต่อ บางจังหวะมันกำหนดได้ชัดเจนทั้งลมหายใจและภาพสภาวะที่เห็นได้อย่างเป๊ะๆ แบบไม่เคย focus อะไรได้ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียวได้แบบนั้นมาก่อน แต่เจ้ากองความคิดก็จะมาแว๊บๆ เข้ามาตอดๆ ก็ต้องดึงออกมารู้มันให้ทัน (ยังไม่เนียนและนิ่งพอแน่ๆเยย)
ผมไม่ได้คิดถึงลี้ลับหรือแม้แต่เรื่องญาณ บุญ กรรม อะไรใดๆเลย แค่อยู่กับลมหายใจและสภาพตามที่เกิดขึ้น มันไม่มีความเจ็บ ทุกข์ สุข ร้อน หนาว อะไรเลย เป็นแค่สภาวะที่เกิดขึ้น (ผมนิยามมันว่าอย่างนั้นนะ)
เป็นไปได้ไหมเพราะผมกำหนดมันตามสภาวะที่เกิดขึ้นจริง โดยแยกกองความคิดเอาไว้ต่างหาก รู้ทันความคิดก่อนที่มันจะมาจับที่ตัวสภาวะแล้วกลายเป็นการปรุงแต่งเป็นนิยามต่างๆ?
Theory หรือ Concept ที่ผมใช้นี้ พอได้ไหมครับ?
เดือนหน้านี้กำลังจะไปเข้าคอรส์ โกเอนก้าที่ลำพูน ครับ
thank you มากๆครับผม