US Box Office 2013 December 27-29, 2013
(แปล/ เรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com)
ในสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ แม้ซานต้าส่งหนังฉายวงกว้างมาให้แฟนๆ ดูกันถึง 5 เรื่อง ตั้งแต่วันคริสต์มาส แต่คนดูก็ยังให้ความสนใจกับหนังหน้าเก่าอย่าง The Hobbit: The Desolation of Smaug และ Frozen เหมือนเดิม แล้วการมีตัวเลือกที่หลากหลาย ก็ทำให้ตลาดโดยรวมแข็งตัวไปด้วย สำหรับสัปดาห์สุดท้ายของปี หนังใน 12 อันดับแรกทำเงินรวมกัน 185.8 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
หนังภาค 2 ของ Hobbit ยึดอันดับ 1 ไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งในปีนี้หนังที่ทำได้ก็มีเพียง Gravity เรื่องเดียวเท่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังได้เงินมาอีก 29.9 ล้านเหรียญ ตกลงจากหนังภาคแรก 7% จากการฉายในระยะวลาเท่าๅ กัน รายได้รวมทั่วโลกของ The Desolation of Smaug อยู่ที่ 190 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท
แอนิเมชันดิสนีย์ Frozen ยังแรงดี และทำได้ดีเหนือความคาดหมายรายได้เพิ่มขึ้นอีก 47% สัปดาห์นี้ทำเงินไป 28.8 ล้านเหรียญกับการฉายในสัปดาห์ที่ห้า หนังทำสถิติทำเงินในสัปดาห์ที่ห้ามากที่สุดอันดับ 3 เป็นรองแค่ Avatar (42.8 ล้านเหรีย) และ Titanic (30 ล้านเหรียญ) หนังได้แรงส่งทั้งจากการบอกปากต่อปาก และการที่หนังซึ่งมีเป้าหมายกลุ่มผู้ชมครอบครัวเหมือนกันอย่าง Saving Mr. Banks ดูเป็นหนังผู้ใหญ่เกินไป ส่วนคู่แข่งอย่าง Walking with Dinosaurs ก็ไม่โดนใจคนดู
ในกลุ่มหนังที่ออกฉายในปี 2013 Frozen ทำเงินเป็นอันดับ 7 ด้วยรายได้ 248.4 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังมองถึงรายได้ระดับ 300 ล้านเหรียญได้สบายๆ
Anchorman 2: The Legend Continues อยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้ 20.2 ล้านเหรียญ ผ่าน 12 วัน หนังเบาสมองภาคต่อเรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 83.7 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินผ่าน 85.3 ล้านของหนังภาคแรกได้ก่อนปีใหม่แน่ๆ
American Hustle ของเดวิด โอรัสเซลล์ อยู่ในอันดับ 4 ทำเงินได้ 19.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมผ่าน 60 ล้านเหรียญแล้ว เมื่อรวมกับแรงส่งจากการประกาศรางวัล ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการทำรายได้ผ่าน 100 ล้านเหรียญ
ในกลุ่มหนังที่เปิดตัวในวันคริสต์มาส The Wolf of Wall Street นำมาด้วยรายได้ 18.5 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 34.3 ล้านเหรียญ) ซึ่งน้อยกว่าหนังเปิดตัววันนี้ ทำเงินสูงสุดของปีที่แล้ว Django Unchained ที่ทำไว้ 30.1 ล้านเหรียญ แม้จะมีลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอเล่นเหมือนกัน แต่หนังมีปัญหากับความยาว และเรื่องราวที่สร้างข้อถกเถียง แถมดูๆ แล้ว Django มีตัวเรื่องที่น่าสนใจกว่า ทำให้ยากที่จะเปิดตัวด้วยรายได้สูงๆ อย่างที่เห็น คนดูของ Wolf 54% เป็นชาย และมีถึง 90% ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป หนังได้คะแนนแค่ C จากซีนีมาสกอร์ ดูกันตรงนี้ หนังน่าจะเละเป็นโจ็กแน่ๆ ถึงเรื่องโป๊ๆ เรื่องเพศในหนังพอจะกระตุ้นความน่าสนใจได้บ้างก็ตาม ถ้าหนังได้ชิงรางวัลออสการ์ ตามทฤษฎีแล้ว ก็พอเป็นไปได้ที่หนังจะทำเงินได้ถึงร้อยล้านก่อนออกจากโปรแกรม
หลังเปิดตัวแบบแผ่วๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น Saving Mr. Banks เริ่มเก็บเงินได้บ้างเมื่อทำรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 50% ได้เงินมา 14 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมของหนังเท่ากับ 37.8 ล้านเหรียญ
The Secret Life of Walter Mitty เปิดตัวในอันดับ 7 ด้วยรายได้ 13 ล้านเหรียญ (รายได้ 5 วันเป็น 25.6 ล้านเหรียญ) สำหรับหนังของเบน สติลเลอร์ นี่เป็นรายได้ที่ห่างไกลจากหนังชุด Night at the Museum และ Meet the Parents ทั้งสามภาค รวมทั้งพูดได้ว่าแย่กว่าหนังเบาสมองเรื่องล่าสุดของเขา Tower Heist (24 ล้านเหรียญ) คนดูของ Mitty เป็นผู้หญิงถึง 52% และ 64% อายุมากกว่า 25 การได้ B+ จากซีนีมาสกอร์ น่าจะทำให้หนังยืนระยะได้พอสมควรในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
The Hunger Games: Catching Fire ทำเงินไปแล้ว 391.1 ล้านเหรียญ และกับอีกสุดสัปดาห์วันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง หนังน่าจะแซงIron Man 3 (409 ล้านเหรียญ) และหนังภาคแรก (408 ล้านเหรียญ) ได้สำเร็จ
หนังเปิดตัวในสัปดาห์นี้บางเรื่อง ชะตากรรมไม่ดีนัก เรื่องแรกคือหนังทุนสูง ที่เลื่อนฉายมาหลายรอบ หลายปีของยูนิเวอร์แซล 47 Ronin ที่เปิดตัวแค่ 9.9 ล้านเหรียญ(รายได้ห้าวัน20.6 ล้านเหรียญ) แม้จะมีคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ด้วยทรงที่มาประมาณนี้ และรายได้ในวันแรกดีก่อนจะลดฮวบฮาบลงมา คงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์รับปีใหม่แน่ๆ ถ้าหนังทำเงินได้เกิน 50 ล้านเหรียญ ที่สำคัญในตลาดต่างประเทศหนังก็ไปได้ไม่สวย งานนี้ยูนิเวอร์แซลมีสิทธิ์สูญเงินก้อนใหญ่แน่ๆ (ข่าววงในบอกว่าหนังมีทุนสร้างราวๆ 175 ล้านเหรียญ) แต่ไม่ต้องเสียใจ เพราะปีนี้ยูนิเวอร์แซล ตกถังข้าวสารไปแล้วจาก Despicable Me 2 และ Fast & Furious 6.
Grudge Match เป็นความประหลาดใจอีกเรื่องในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ว่าเป็นไปในทางลบ หนังชกมวยเบาสมองที่เอาโรเบิร์ท เดอ นีโร ปะทะ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เปิดตัวแค่ 7.3 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 13.4 ล้านเหรียญ) ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีสาหัสสำหรับสองนักแสดงสว. เห็นได้ชัดว่าคนดูไม่อยากดูการชกระหว่าง Rocky กับ Raging Bull โดยคนดูหนังเรื่องนี้เป็นชาย 55% และ 68% อายุ 25 ปีขึ้นไป หนังได้คะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์
ป็อปสตาร์ จัสติน บีเบอร์ มีหนังเปิดตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมากับเขาด้วย เป็นหนังที่ออกฉายต่อจากหนังสารคดีในปี 2011 Never Say Never ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ Believe ดูจะไม่ได้ใจเหล่าบีลีฟเบอร์นัก เมื่อเปิดตัวในอันดับที่ 14 ทำรายได้เท่าขี้เล็บ 2 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 4.3 ล้านเหรียญ) ขณะที่ Never Say Never เปิดตัวด้วยรายได้ 28.8 ล้านเหรียญ การเปิดตัวในระดับนี้ แสดงให้เห็นว่า แฟนๆ ผูกพันกับบีเบอร์น้อยลงหลังจากเวลาผ่านไป 3 ปี รวมไปถึงการทำการตลาดของหนัง และจำนวนโรงฉายก็ไม่มากเมื่อเปิดตัวแค่ 1,037 โรง
หนังอัตชีวประวัติ Mandela: Long Walk to Freedom เพิ่มโรงฉายเป็น 975 โรง ครองอันดับ 13 ด้วยรายได้ 2.4 ล้านเหรียญ เมื่อมองถึงจังหวะเวลาในการฉายของหนัง และการทำการตลาดของ เดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี ที่ดุเดือดไม่ใช่เล่น รายได้เปิดตัวเท่านี้ ไม่ใช่ตัวเลขที่ดี แม้หนังอาจจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหลักๆ ได้แบบเซอร์ไพรส์ ก็ยังไม่น่าจะได้ใจคอหนังอเมริกันสักเท่าไหร่
ส่วนการเปิดตัวแค่ 5 โรงฉาย August: Osage County ทำเงินไป 179,500 เหรียญ เฉลี่ยโรงละ 35,900 เหรียญ ส่วน Lone Survivor เปิดตัว 92,500 เหรียญ จาก 2 โรง (155,400 เหรียญจาก 5 วัน) หนังทั้งสองเรื่องจะเปิดตัววงกว้างเดือนมกราคมนี้
ในตลาดโลก The Hobbit: The Desolation of Smaug เป็นที่หนึ่งสัปดาห์ที่สาม เมื่อได้เงินมาอีก 98.3 ล้านเหรียญ ตลาดใหม่มีเพียงที่ออสเตรเลีย ซึ่งเปิดตัวได้แข็งแรงมาก 12.8 ล้านเหรียญ แต่ตกจากภาคแรก 6% มาถึงวันนั้นรายได้นอกอเมริกาของหนังเป็น 423.8 ล้านเหรียญ ซึ่งพอๆ กับหนังภาคแรกในตลาดเดียวกัน และระยะเวลาฉายเท่าๆ กัน และหนังยังมีตลาดจีน กับญี่ปุ่นให้เล่นอีก โดยกหนดเปิดตัวอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์
Frozen ได้เงินมาอีก 50.5 ล้านเหรียญ กลายเป็นสัปดาห์ที่ทำเงินได้มากที่สุด สำหรับตลาดนอกอเมริกา หนังเปิดตัวได้เป็นกอบเป็นกำที่ออสเตรเลีย 5.8 ล้านเหรียญ, และยังมีตลาดใหญ่อย่าง บราซิล, ญี่ปุ่น และจีนให้เล่น ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 243.5 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกทะลุ 500 ปแล้ว
ในตลาดที่เข้าฉายพร้อมอเมริกา The Secret Life of Walter Mitty เปิดตัวด้วย 27.2 ล้านเหรีญใน 39 ล้านเหรียญ โดยขึ้นอันดับ 1 ในอิตาลี 5 ล้านเหรียญ และเปิดได้สวยที่อังกฤษ 3.8 ล้านเหรียญ, ออสเตรเลีย 3.1 ล้านเหรียญ, สเปน 3.1 ล้านเหรียญ, เม็กซิโก 2.5 ล้านเหรียญ และบราซิล 2.2 ล้านเหรียญ
47 Ronin ได้เงินมาอีก 13.8 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา พารายได้รวมขยับเป็น 22.3 ล้านเหรียญ โดยเปิดตัวอันดับ 1 ในตลาดเล็กๆ แถบเอเชียไม่กี่แห่ง และเปิดตัวด้วยอันดับ 5 ในอังกฤษ 2.3 ล้านเหรียญ ปิดท้ายด้วย Walking with Dinosaurs ที่คงไม่มีใครยอมเดินด้วย หนังทำรายได้ 12.3 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์นี้ และรายได้รวมเท่ากับ 33.4 ล้านเหรียญ
อ่านวิจารณ์หนังเข้าใหม่ได้ที่นี่
47 Ronin โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่
http://bit.ly/1g4Ibr3 / โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่
http://bit.ly/19qrHtY
The Secret Life of Walter Mitty โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่
http://bit.ly/19WobBM โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่
http://bit.ly/1beyroK
Walking with the Dinosaurs ได้ที่
http://bit.ly/19h27lw
ฟัดจังโตะ ได้ที่
http://bit.ly/1hHAxmV
Blue is the Warmest Color โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่
http://bit.ly/1dJNZDT / โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่
http://bit.ly/JuIZcD
คลิกไลค์ติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่
www.sadaos.com
ส่งท้ายปี 2013 หนังทำเงินอเมริกา Hobbit, Frozen เกาะอันดับแน่น Wolf, Mitty แซงไม่สำเร็จ
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ในสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ แม้ซานต้าส่งหนังฉายวงกว้างมาให้แฟนๆ ดูกันถึง 5 เรื่อง ตั้งแต่วันคริสต์มาส แต่คนดูก็ยังให้ความสนใจกับหนังหน้าเก่าอย่าง The Hobbit: The Desolation of Smaug และ Frozen เหมือนเดิม แล้วการมีตัวเลือกที่หลากหลาย ก็ทำให้ตลาดโดยรวมแข็งตัวไปด้วย สำหรับสัปดาห์สุดท้ายของปี หนังใน 12 อันดับแรกทำเงินรวมกัน 185.8 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
หนังภาค 2 ของ Hobbit ยึดอันดับ 1 ไว้ได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งในปีนี้หนังที่ทำได้ก็มีเพียง Gravity เรื่องเดียวเท่านั้น สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังได้เงินมาอีก 29.9 ล้านเหรียญ ตกลงจากหนังภาคแรก 7% จากการฉายในระยะวลาเท่าๅ กัน รายได้รวมทั่วโลกของ The Desolation of Smaug อยู่ที่ 190 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมด้วยรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท
แอนิเมชันดิสนีย์ Frozen ยังแรงดี และทำได้ดีเหนือความคาดหมายรายได้เพิ่มขึ้นอีก 47% สัปดาห์นี้ทำเงินไป 28.8 ล้านเหรียญกับการฉายในสัปดาห์ที่ห้า หนังทำสถิติทำเงินในสัปดาห์ที่ห้ามากที่สุดอันดับ 3 เป็นรองแค่ Avatar (42.8 ล้านเหรีย) และ Titanic (30 ล้านเหรียญ) หนังได้แรงส่งทั้งจากการบอกปากต่อปาก และการที่หนังซึ่งมีเป้าหมายกลุ่มผู้ชมครอบครัวเหมือนกันอย่าง Saving Mr. Banks ดูเป็นหนังผู้ใหญ่เกินไป ส่วนคู่แข่งอย่าง Walking with Dinosaurs ก็ไม่โดนใจคนดู
ในกลุ่มหนังที่ออกฉายในปี 2013 Frozen ทำเงินเป็นอันดับ 7 ด้วยรายได้ 248.4 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังมองถึงรายได้ระดับ 300 ล้านเหรียญได้สบายๆ
Anchorman 2: The Legend Continues อยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้ 20.2 ล้านเหรียญ ผ่าน 12 วัน หนังเบาสมองภาคต่อเรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 83.7 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินผ่าน 85.3 ล้านของหนังภาคแรกได้ก่อนปีใหม่แน่ๆ
American Hustle ของเดวิด โอรัสเซลล์ อยู่ในอันดับ 4 ทำเงินได้ 19.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมผ่าน 60 ล้านเหรียญแล้ว เมื่อรวมกับแรงส่งจากการประกาศรางวัล ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการทำรายได้ผ่าน 100 ล้านเหรียญ
ในกลุ่มหนังที่เปิดตัวในวันคริสต์มาส The Wolf of Wall Street นำมาด้วยรายได้ 18.5 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 34.3 ล้านเหรียญ) ซึ่งน้อยกว่าหนังเปิดตัววันนี้ ทำเงินสูงสุดของปีที่แล้ว Django Unchained ที่ทำไว้ 30.1 ล้านเหรียญ แม้จะมีลีโอนาร์โด ดิคาพรีโอเล่นเหมือนกัน แต่หนังมีปัญหากับความยาว และเรื่องราวที่สร้างข้อถกเถียง แถมดูๆ แล้ว Django มีตัวเรื่องที่น่าสนใจกว่า ทำให้ยากที่จะเปิดตัวด้วยรายได้สูงๆ อย่างที่เห็น คนดูของ Wolf 54% เป็นชาย และมีถึง 90% ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป หนังได้คะแนนแค่ C จากซีนีมาสกอร์ ดูกันตรงนี้ หนังน่าจะเละเป็นโจ็กแน่ๆ ถึงเรื่องโป๊ๆ เรื่องเพศในหนังพอจะกระตุ้นความน่าสนใจได้บ้างก็ตาม ถ้าหนังได้ชิงรางวัลออสการ์ ตามทฤษฎีแล้ว ก็พอเป็นไปได้ที่หนังจะทำเงินได้ถึงร้อยล้านก่อนออกจากโปรแกรม
หลังเปิดตัวแบบแผ่วๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนโน้น Saving Mr. Banks เริ่มเก็บเงินได้บ้างเมื่อทำรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 50% ได้เงินมา 14 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันรายได้รวมของหนังเท่ากับ 37.8 ล้านเหรียญ
The Secret Life of Walter Mitty เปิดตัวในอันดับ 7 ด้วยรายได้ 13 ล้านเหรียญ (รายได้ 5 วันเป็น 25.6 ล้านเหรียญ) สำหรับหนังของเบน สติลเลอร์ นี่เป็นรายได้ที่ห่างไกลจากหนังชุด Night at the Museum และ Meet the Parents ทั้งสามภาค รวมทั้งพูดได้ว่าแย่กว่าหนังเบาสมองเรื่องล่าสุดของเขา Tower Heist (24 ล้านเหรียญ) คนดูของ Mitty เป็นผู้หญิงถึง 52% และ 64% อายุมากกว่า 25 การได้ B+ จากซีนีมาสกอร์ น่าจะทำให้หนังยืนระยะได้พอสมควรในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า
The Hunger Games: Catching Fire ทำเงินไปแล้ว 391.1 ล้านเหรียญ และกับอีกสุดสัปดาห์วันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง หนังน่าจะแซงIron Man 3 (409 ล้านเหรียญ) และหนังภาคแรก (408 ล้านเหรียญ) ได้สำเร็จ
หนังเปิดตัวในสัปดาห์นี้บางเรื่อง ชะตากรรมไม่ดีนัก เรื่องแรกคือหนังทุนสูง ที่เลื่อนฉายมาหลายรอบ หลายปีของยูนิเวอร์แซล 47 Ronin ที่เปิดตัวแค่ 9.9 ล้านเหรียญ(รายได้ห้าวัน20.6 ล้านเหรียญ) แม้จะมีคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ด้วยทรงที่มาประมาณนี้ และรายได้ในวันแรกดีก่อนจะลดฮวบฮาบลงมา คงเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์รับปีใหม่แน่ๆ ถ้าหนังทำเงินได้เกิน 50 ล้านเหรียญ ที่สำคัญในตลาดต่างประเทศหนังก็ไปได้ไม่สวย งานนี้ยูนิเวอร์แซลมีสิทธิ์สูญเงินก้อนใหญ่แน่ๆ (ข่าววงในบอกว่าหนังมีทุนสร้างราวๆ 175 ล้านเหรียญ) แต่ไม่ต้องเสียใจ เพราะปีนี้ยูนิเวอร์แซล ตกถังข้าวสารไปแล้วจาก Despicable Me 2 และ Fast & Furious 6.
Grudge Match เป็นความประหลาดใจอีกเรื่องในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ว่าเป็นไปในทางลบ หนังชกมวยเบาสมองที่เอาโรเบิร์ท เดอ นีโร ปะทะ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน เปิดตัวแค่ 7.3 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 13.4 ล้านเหรียญ) ทำให้ปีนี้กลายเป็นปีสาหัสสำหรับสองนักแสดงสว. เห็นได้ชัดว่าคนดูไม่อยากดูการชกระหว่าง Rocky กับ Raging Bull โดยคนดูหนังเรื่องนี้เป็นชาย 55% และ 68% อายุ 25 ปีขึ้นไป หนังได้คะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์
ป็อปสตาร์ จัสติน บีเบอร์ มีหนังเปิดตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมากับเขาด้วย เป็นหนังที่ออกฉายต่อจากหนังสารคดีในปี 2011 Never Say Never ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี แต่ Believe ดูจะไม่ได้ใจเหล่าบีลีฟเบอร์นัก เมื่อเปิดตัวในอันดับที่ 14 ทำรายได้เท่าขี้เล็บ 2 ล้านเหรียญ (รายได้ห้าวัน 4.3 ล้านเหรียญ) ขณะที่ Never Say Never เปิดตัวด้วยรายได้ 28.8 ล้านเหรียญ การเปิดตัวในระดับนี้ แสดงให้เห็นว่า แฟนๆ ผูกพันกับบีเบอร์น้อยลงหลังจากเวลาผ่านไป 3 ปี รวมไปถึงการทำการตลาดของหนัง และจำนวนโรงฉายก็ไม่มากเมื่อเปิดตัวแค่ 1,037 โรง
หนังอัตชีวประวัติ Mandela: Long Walk to Freedom เพิ่มโรงฉายเป็น 975 โรง ครองอันดับ 13 ด้วยรายได้ 2.4 ล้านเหรียญ เมื่อมองถึงจังหวะเวลาในการฉายของหนัง และการทำการตลาดของ เดอะ ไวน์สไตน์ คอมพานี ที่ดุเดือดไม่ใช่เล่น รายได้เปิดตัวเท่านี้ ไม่ใช่ตัวเลขที่ดี แม้หนังอาจจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหลักๆ ได้แบบเซอร์ไพรส์ ก็ยังไม่น่าจะได้ใจคอหนังอเมริกันสักเท่าไหร่
ส่วนการเปิดตัวแค่ 5 โรงฉาย August: Osage County ทำเงินไป 179,500 เหรียญ เฉลี่ยโรงละ 35,900 เหรียญ ส่วน Lone Survivor เปิดตัว 92,500 เหรียญ จาก 2 โรง (155,400 เหรียญจาก 5 วัน) หนังทั้งสองเรื่องจะเปิดตัววงกว้างเดือนมกราคมนี้
ในตลาดโลก The Hobbit: The Desolation of Smaug เป็นที่หนึ่งสัปดาห์ที่สาม เมื่อได้เงินมาอีก 98.3 ล้านเหรียญ ตลาดใหม่มีเพียงที่ออสเตรเลีย ซึ่งเปิดตัวได้แข็งแรงมาก 12.8 ล้านเหรียญ แต่ตกจากภาคแรก 6% มาถึงวันนั้นรายได้นอกอเมริกาของหนังเป็น 423.8 ล้านเหรียญ ซึ่งพอๆ กับหนังภาคแรกในตลาดเดียวกัน และระยะเวลาฉายเท่าๆ กัน และหนังยังมีตลาดจีน กับญี่ปุ่นให้เล่นอีก โดยกหนดเปิดตัวอยู่ในเดือนกุมภาพันธ์
Frozen ได้เงินมาอีก 50.5 ล้านเหรียญ กลายเป็นสัปดาห์ที่ทำเงินได้มากที่สุด สำหรับตลาดนอกอเมริกา หนังเปิดตัวได้เป็นกอบเป็นกำที่ออสเตรเลีย 5.8 ล้านเหรียญ, และยังมีตลาดใหญ่อย่าง บราซิล, ญี่ปุ่น และจีนให้เล่น ตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 243.5 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกทะลุ 500 ปแล้ว
ในตลาดที่เข้าฉายพร้อมอเมริกา The Secret Life of Walter Mitty เปิดตัวด้วย 27.2 ล้านเหรีญใน 39 ล้านเหรียญ โดยขึ้นอันดับ 1 ในอิตาลี 5 ล้านเหรียญ และเปิดได้สวยที่อังกฤษ 3.8 ล้านเหรียญ, ออสเตรเลีย 3.1 ล้านเหรียญ, สเปน 3.1 ล้านเหรียญ, เม็กซิโก 2.5 ล้านเหรียญ และบราซิล 2.2 ล้านเหรียญ
47 Ronin ได้เงินมาอีก 13.8 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา พารายได้รวมขยับเป็น 22.3 ล้านเหรียญ โดยเปิดตัวอันดับ 1 ในตลาดเล็กๆ แถบเอเชียไม่กี่แห่ง และเปิดตัวด้วยอันดับ 5 ในอังกฤษ 2.3 ล้านเหรียญ ปิดท้ายด้วย Walking with Dinosaurs ที่คงไม่มีใครยอมเดินด้วย หนังทำรายได้ 12.3 ล้านเหรียญในสุดสัปดาห์นี้ และรายได้รวมเท่ากับ 33.4 ล้านเหรียญ
อ่านวิจารณ์หนังเข้าใหม่ได้ที่นี่
47 Ronin โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่ http://bit.ly/1g4Ibr3 / โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่ http://bit.ly/19qrHtY
The Secret Life of Walter Mitty โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่ http://bit.ly/19WobBM โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่ http://bit.ly/1beyroK
Walking with the Dinosaurs ได้ที่ http://bit.ly/19h27lw
ฟัดจังโตะ ได้ที่ http://bit.ly/1hHAxmV
Blue is the Warmest Color โดย ประวิทย์ แต่งอักษร ที่ http://bit.ly/1dJNZDT / โดย นพปฎล พลศิลป์ ที่ http://bit.ly/JuIZcD
คลิกไลค์ติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่ www.sadaos.com