US BOX OFFICE January 17-19, 2014
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
สุดสัปดาห์มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หนังเบาสมอง เควิน ฮาร์ท/ ไอซ์ คูบ Ride Along ดึงคนดูเข้าโรงได้ตรึม ระดับสร้างสถิติใหม่เดือนมกราคม ขณะที่ Jack Ryan: Shadow Recruit เปิดตัวต่ำกว่าเปิด ส่วน Devil's Due เน่าสนิท
เปิดตัวด้วยโรงฉาย 2,663 โรง Ride Along ทำรายได้สุดมหัศจรรย์ 41.6 ล้านเหรียญ จากการฉาย 3 วัน ซึ่งมากกว่าที่ Cloverfield แชมป์เก่าหนังเดือนมกราคมเปิดตัวสูงสุดทำเอาไว้ 40.1 ล้านเหรียญ และในกลุ่มหนังเบาสมองด้วยกัน Ride Along ทำสถิติเปิดตัวสูงสุด นับตั้งแต่ Ted ทำไว้ 54.4 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนมิถุนายน 2012 และสำหรับการฉายใน 4 วัน หนังเก็บเงินไปแล้ว 48.1 ล้านเหรียญ
การเปิดตัวแบบน่าทึ่งของ Ride Along มีองค์ประกอบสนับสนุนมากมาย อย่างแรกและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด หนังมีแรงดึงดูดที่แข็งแรง และเรียกคนดูได้ในวงกว้าง ซึ่งถูกใช้เป็นทั้งหน้าหนัง และศูนย์กลางในวัตถุที่ใช้ทำการตลาดทุกตัว แถมยังเป็นสิ่ง ถ้าหนังเกิดแป๊กขึ้นมาก็ไม่เสียหาญอะไร นั่นก็คือความโชคดีที่ในรอบพรีวิวนั้น หนังเรียกเสียงหัวเราะกระจาย และหนังก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากการแสดงของฮาร์ทและคูบ ชื่อที่แข็งแรงแล้วก็ไปในแนวทางเดียวกับวัตถุดิบทางการตลาดที่เอามาปั้นหนัง คนดูของ Ride Along 57% เป็นหญิง และ 54% อายุมากกว่า 25 ปี แล้วกับเรื่องเชื้อชาติ 50% เป็นคนแอฟริกัน/ อเมริกัน, 30% เป็นพวกฮิสปานิค (คนที่พูดภาษาสแปนิช) และ 12% คือคนผิวขาว คะแนนซีนีมาสกอร์ของหนังอยู่ที่ A ไม่น่าแปลกใจถ้าหนังจะทำรายได้เกิน 100 ล้านเหรียญ
Lone Survivor ตามมาเป็นที่สอง รายได้ 22.1 ล้านเหรียญ รายได้ตกแค่ 42% หนังยังไปได้ดีจากเสียงบอกปากต่อปาก (ได้คะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ รวมไปถึงแรงผลักทางการตลาดที่ได้ผล ตอนนี้หนังทำงานไปแล้ว 77.2 ล้านเหรียญ
The Nut Job แอนิเมชัน เบาสมอง เข้าที่ 3 ด้วยรายได้เปิดตัวที่แรงเกินคาด 19.4 ล้านเหรียญ เป็นหนังเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 ของค่ายโอเพน โรดกันเลยทีเดียว เป็นรองแค่หนังปี 2012 The Grey เรื่องเดียว แถมยังเป็นรายได้ที่มากกว่าที่หนังแอนิเมมชันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Free Birds ทำไว้ 15.8 ล้านเหรียญ ความสำเร็จของหนังส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการเลือกจังหวะการฉายที่ดี โดย Frozen ถือเป็นหนังครอบครัวเรื่องสุดท้ายที่ออกมาให้ได้ชมกัน ซึ่งเปิดตัวไปตั้งแต่ 2 เดือนก่อน ขณะที่การทำการตลาดของโอเพน โรด ก็เน้นไปที่อารมณ์ขันซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในความสำเร็จของหนังแอนิเมชัน แม้ The Nut Job ต้องผิดหวังกับคะแนน B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งถือว่าแย่สำหรับหนังแอนิเมชัน แต่การที่กว่า The Lego Movie จะออกฉายก็โน่น 7 กุมภาฯ ทำให้หนังมีเวลาเก็บเงินได้อีก 2 สัปดาห์ และน่าจะทำเงินได้อย่างน้อย 60 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับโอเพน โรด
Jack Ryan: Shadow Recruit เปิดตัวแค่ 15.6 ล้านเหรียญ ทำได้แค่ที่ 4 หนังแจ็ค ไรอันเรื่องที่ 5 ที่ได้คริส ไพน์มาเล่นเป็นเรื่องแรก เปิดตัวด้วยรายได้น้อยกว่า The Hunt for Red October เมื่อ 24 ปีก่อนซะอีก ทั้งๆ คาตั๋วแพงกว่าเดิมถึงครึ่งๆ คนดูหนัง 52% เป็นผู้ชาย และ 85% อายุมากกว่า 25 หนังได้คะแนน B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งน่าจะผ่าน 60 ล้านเหรียญไปได้ยาก
ถึงจะมี The Nut Job เป็นคู่แข่งโดยตรง แต่ Frozen ก็ยังเดินหน้าไปอย่างมั่นคง ด้วยรายได้ที่ตกลงเพียงแค่ 20% ทำเงินมาอีก 11.9 ล้านเหรียญ เป็นรายได้สัปดาห์ที่ 8 สูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 รายได้รวมของหนังถ้านับถึงวันจันทร์ จะอยู่ที่ 336.9 ล้านเหรียญ ซึ่งไล่จี้ 368 ล้านเหรียญของ Despicable Me 2 เข้ามาแล้ว
อันดับ 7 เป็น Devil's Due ที่คว่ำเรียบร้อยด้วยรายได้แค่ 8.4 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังสยองเหนือธรรมชาติเปิดตัวเดือนนี้ ที่ทำสถิติเอาไว้ก็คือ Mama 28.4 ล้านเหรียญ และ The Devil Inside 33.7 ล้านเหรียญ หนังยังเปิดตัวต่ำกว่า 14.8 ล้านเหรียญของ The Rite ด้วยซ้ำ แม้หนังสยองจะไปได้ดี แต่รายได้ของหนังเรื่องนี้ และ Paranormal Activity: The Marked Ones แสดงให้เห็นว่าคนดูกำลังเบื่อหนังสยองเจอฟิล์ม ที่น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ Percy Jackson: Sea of Monsters เป็นต้นมาหนังของฟ็อกซ์เปิดตัวไม่ถึง 15 ล้านเหรียญติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 7 แล้ว และน่าจะจบที่หนังเรื่อง Son of God ที่จะเปิดตัว 28 กุมภาฯ หรือว่า Mr. Peabody & Sherman วันที่ 7 มีนาฯ
ในกลุ่มหนังเข้าชิงออสการ์ American Hustle ทำรายได้นำมาด้วย 9.9 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 19% ตอนนี้หนังทำรายได้ไปแล้ว 115.7 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินถึง 150 ล้านเหรียญ เมื่อปิดโปรแกรม ขณะที่ August: Osage County ซึ่งเพิ่มโรงเป็น 2,051 โรง ได้เงิน 7.4 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้หนังดรามา ครอบครัวที่มีเมอรีล สตรีพ และจูเลีย โรเบิร์ทส์ เข้าชิงออสการ์ทำเงินไปแล้ว 18 ล้านเหรียญ
The Wolf of Wall Street รายได้ตกลงแค่ 20% ทำเงินไป 7.1 ล้านเหรียญ และรายได้รวมผ่าน 90 ล้านเหรียญไปแล้วในวันจันทร์ ส่วน Her รายได้ลดลง 25% ทำเงินอีก 4.02 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 15 ล้านเหรียญ
อาศัยการได้ชิงออสการ์ 10 รางวัล Gravity กลับมาลงโรงอีกครั้ง 944 โรง และได้เงินมา 1.87 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 258.3 ล้านเหรียญ หนังจะเข้าฉายในไอแมกซ์อีกรอบ 31 มกราคมนี้ โดยมีเวลาทำเงินเพิ่มอีกเดือนหนึ่ง ส่วน 12 Years a Slave ที่กลับมาฉายในวงกว้างอีกครั้ง และรายได้ก็น่าจะขยับผ่าน 40 ล้านเหรียญ
ในตลาดนอกอเมริกา Frozen เดินหน้าไปอย่างน่าประทับใจ หนังเปิดตัว 8.9 ล้านที่เกาหลีใต้ ทำสถิติหนังแอนิเมชันเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 ของที่นี่ เป็นรองแค่ Kung Fu Panda 2 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเปิดตัวที่จีน (5 กุมภาฯ) และญี่ปุ่น (15 มีนาฯ) สำหรับรายได้โดยรวม Frozen ได้เงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา 24.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมในตลาดต่างประเทศขยับเป็น 426.5 ล้านเหรียญ ส่งให้รายได้รวมทั่วโลกเป็น 759 ล้านเหรียญ
ในประเทศที่เปิดตัวพร้อมกับอเมริกา Jack Ryan: Shadow Recruit ทำรายได้รวม 22.2 ล้านเหรียญ จาก 29 ตลาด หนังทำได้พอๆ กับ Jack Reacher ซึ่งปิดโปรแกรมด้วยรายได้ราวๆ 138 ล้านเหรียญ โดยหนังทำเงินได้มากสุดที่จีน 9.5 ล้านเหรียญ แต่ขึ้นอันดับ 1 ที่รัสเซีย 2 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง เมื่อมองดูว่าหนังถ่ายทำที่รัสเซียเกือบทั้งเรื่อง ตลาดหลักอื่นๆ ที่หนังเปิดตัวก็มี ออสเตรเลีย 2 ล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ 1.8 ล้านเหรียญ และเม็กซิโก 1.2 ล้านเหรียญ สัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่อังกฤษ และตลาดเล็กๆ อีกหลายประเทศ
สิทธิ์ในการฉายต่างประเทศของ The Wolf of Wall Street กระจัดกระจายไปตามบริษัทต่างๆ รายได้จึงไม่สามารถรวบรวมมาได้ แต่หนังทำได้ดีที่ยุโรปซึ่งยูนิเวอร์แซลจัดจำหน่ายทำรายได้ไป 20.6 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังมาร์ติน สกอร์เซซีเปิดตัวดีที่สุดในอังกฤษ (7.6 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (6.4 ล้านเหรียญ) และ สเปน (3.4 ล้านเหรียญ)
The Hobbit: The Desolation of Smaug ได้เงินมาอีก 10.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมนอกอเมริกาเป็น 585 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 833.7 ล้านเหรียญ แม้ยังเหลือตลาดจีน และญี่ปุ่นให้เล่น แต่หนังไม่น่าทำเงินถึง 1 พันล้าน เหมือนที่หนังภาคแรกทำได้
อ่านวิจารณ์หนัง Jack Ryan: Shadow Recruit ของประวิทย์ แต่งอักษรได้ที่
http://bit.ly/1ac5aRW ของนพปฎล พลศิลป์ ได้ที่
http://bit.ly/1j8EC6R
12 Years A Slave ของประวิทย์ แต่งอักษร ได้ที่
http://bit.ly/1dAKROC ของนพปฎล พลศิลป์ ได้ที่
http://bit.ly/1m9PiSB
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่
www.sadaos.com
หนังทำเงินเมืองมะกัน Ride Along ล่องฉลุยสุดสัปดาห์มาร์ติน ลูเธอร์ คิง หนังผี เจอฟิล์มคว่ำสนิท
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
สุดสัปดาห์มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ หนังเบาสมอง เควิน ฮาร์ท/ ไอซ์ คูบ Ride Along ดึงคนดูเข้าโรงได้ตรึม ระดับสร้างสถิติใหม่เดือนมกราคม ขณะที่ Jack Ryan: Shadow Recruit เปิดตัวต่ำกว่าเปิด ส่วน Devil's Due เน่าสนิท
เปิดตัวด้วยโรงฉาย 2,663 โรง Ride Along ทำรายได้สุดมหัศจรรย์ 41.6 ล้านเหรียญ จากการฉาย 3 วัน ซึ่งมากกว่าที่ Cloverfield แชมป์เก่าหนังเดือนมกราคมเปิดตัวสูงสุดทำเอาไว้ 40.1 ล้านเหรียญ และในกลุ่มหนังเบาสมองด้วยกัน Ride Along ทำสถิติเปิดตัวสูงสุด นับตั้งแต่ Ted ทำไว้ 54.4 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนมิถุนายน 2012 และสำหรับการฉายใน 4 วัน หนังเก็บเงินไปแล้ว 48.1 ล้านเหรียญ
การเปิดตัวแบบน่าทึ่งของ Ride Along มีองค์ประกอบสนับสนุนมากมาย อย่างแรกและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด หนังมีแรงดึงดูดที่แข็งแรง และเรียกคนดูได้ในวงกว้าง ซึ่งถูกใช้เป็นทั้งหน้าหนัง และศูนย์กลางในวัตถุที่ใช้ทำการตลาดทุกตัว แถมยังเป็นสิ่ง ถ้าหนังเกิดแป๊กขึ้นมาก็ไม่เสียหาญอะไร นั่นก็คือความโชคดีที่ในรอบพรีวิวนั้น หนังเรียกเสียงหัวเราะกระจาย และหนังก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากการแสดงของฮาร์ทและคูบ ชื่อที่แข็งแรงแล้วก็ไปในแนวทางเดียวกับวัตถุดิบทางการตลาดที่เอามาปั้นหนัง คนดูของ Ride Along 57% เป็นหญิง และ 54% อายุมากกว่า 25 ปี แล้วกับเรื่องเชื้อชาติ 50% เป็นคนแอฟริกัน/ อเมริกัน, 30% เป็นพวกฮิสปานิค (คนที่พูดภาษาสแปนิช) และ 12% คือคนผิวขาว คะแนนซีนีมาสกอร์ของหนังอยู่ที่ A ไม่น่าแปลกใจถ้าหนังจะทำรายได้เกิน 100 ล้านเหรียญ
Lone Survivor ตามมาเป็นที่สอง รายได้ 22.1 ล้านเหรียญ รายได้ตกแค่ 42% หนังยังไปได้ดีจากเสียงบอกปากต่อปาก (ได้คะแนน A+ จากซีนีมาสกอร์ รวมไปถึงแรงผลักทางการตลาดที่ได้ผล ตอนนี้หนังทำงานไปแล้ว 77.2 ล้านเหรียญ
The Nut Job แอนิเมชัน เบาสมอง เข้าที่ 3 ด้วยรายได้เปิดตัวที่แรงเกินคาด 19.4 ล้านเหรียญ เป็นหนังเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 ของค่ายโอเพน โรดกันเลยทีเดียว เป็นรองแค่หนังปี 2012 The Grey เรื่องเดียว แถมยังเป็นรายได้ที่มากกว่าที่หนังแอนิเมมชันเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Free Birds ทำไว้ 15.8 ล้านเหรียญ ความสำเร็จของหนังส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการเลือกจังหวะการฉายที่ดี โดย Frozen ถือเป็นหนังครอบครัวเรื่องสุดท้ายที่ออกมาให้ได้ชมกัน ซึ่งเปิดตัวไปตั้งแต่ 2 เดือนก่อน ขณะที่การทำการตลาดของโอเพน โรด ก็เน้นไปที่อารมณ์ขันซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในความสำเร็จของหนังแอนิเมชัน แม้ The Nut Job ต้องผิดหวังกับคะแนน B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งถือว่าแย่สำหรับหนังแอนิเมชัน แต่การที่กว่า The Lego Movie จะออกฉายก็โน่น 7 กุมภาฯ ทำให้หนังมีเวลาเก็บเงินได้อีก 2 สัปดาห์ และน่าจะทำเงินได้อย่างน้อย 60 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับโอเพน โรด
Jack Ryan: Shadow Recruit เปิดตัวแค่ 15.6 ล้านเหรียญ ทำได้แค่ที่ 4 หนังแจ็ค ไรอันเรื่องที่ 5 ที่ได้คริส ไพน์มาเล่นเป็นเรื่องแรก เปิดตัวด้วยรายได้น้อยกว่า The Hunt for Red October เมื่อ 24 ปีก่อนซะอีก ทั้งๆ คาตั๋วแพงกว่าเดิมถึงครึ่งๆ คนดูหนัง 52% เป็นผู้ชาย และ 85% อายุมากกว่า 25 หนังได้คะแนน B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งน่าจะผ่าน 60 ล้านเหรียญไปได้ยาก
ถึงจะมี The Nut Job เป็นคู่แข่งโดยตรง แต่ Frozen ก็ยังเดินหน้าไปอย่างมั่นคง ด้วยรายได้ที่ตกลงเพียงแค่ 20% ทำเงินมาอีก 11.9 ล้านเหรียญ เป็นรายได้สัปดาห์ที่ 8 สูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 รายได้รวมของหนังถ้านับถึงวันจันทร์ จะอยู่ที่ 336.9 ล้านเหรียญ ซึ่งไล่จี้ 368 ล้านเหรียญของ Despicable Me 2 เข้ามาแล้ว
อันดับ 7 เป็น Devil's Due ที่คว่ำเรียบร้อยด้วยรายได้แค่ 8.4 ล้านเหรียญ ในกลุ่มหนังสยองเหนือธรรมชาติเปิดตัวเดือนนี้ ที่ทำสถิติเอาไว้ก็คือ Mama 28.4 ล้านเหรียญ และ The Devil Inside 33.7 ล้านเหรียญ หนังยังเปิดตัวต่ำกว่า 14.8 ล้านเหรียญของ The Rite ด้วยซ้ำ แม้หนังสยองจะไปได้ดี แต่รายได้ของหนังเรื่องนี้ และ Paranormal Activity: The Marked Ones แสดงให้เห็นว่าคนดูกำลังเบื่อหนังสยองเจอฟิล์ม ที่น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ Percy Jackson: Sea of Monsters เป็นต้นมาหนังของฟ็อกซ์เปิดตัวไม่ถึง 15 ล้านเหรียญติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 7 แล้ว และน่าจะจบที่หนังเรื่อง Son of God ที่จะเปิดตัว 28 กุมภาฯ หรือว่า Mr. Peabody & Sherman วันที่ 7 มีนาฯ
ในกลุ่มหนังเข้าชิงออสการ์ American Hustle ทำรายได้นำมาด้วย 9.9 ล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 19% ตอนนี้หนังทำรายได้ไปแล้ว 115.7 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินถึง 150 ล้านเหรียญ เมื่อปิดโปรแกรม ขณะที่ August: Osage County ซึ่งเพิ่มโรงเป็น 2,051 โรง ได้เงิน 7.4 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้หนังดรามา ครอบครัวที่มีเมอรีล สตรีพ และจูเลีย โรเบิร์ทส์ เข้าชิงออสการ์ทำเงินไปแล้ว 18 ล้านเหรียญ
The Wolf of Wall Street รายได้ตกลงแค่ 20% ทำเงินไป 7.1 ล้านเหรียญ และรายได้รวมผ่าน 90 ล้านเหรียญไปแล้วในวันจันทร์ ส่วน Her รายได้ลดลง 25% ทำเงินอีก 4.02 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 15 ล้านเหรียญ
อาศัยการได้ชิงออสการ์ 10 รางวัล Gravity กลับมาลงโรงอีกครั้ง 944 โรง และได้เงินมา 1.87 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 258.3 ล้านเหรียญ หนังจะเข้าฉายในไอแมกซ์อีกรอบ 31 มกราคมนี้ โดยมีเวลาทำเงินเพิ่มอีกเดือนหนึ่ง ส่วน 12 Years a Slave ที่กลับมาฉายในวงกว้างอีกครั้ง และรายได้ก็น่าจะขยับผ่าน 40 ล้านเหรียญ
ในตลาดนอกอเมริกา Frozen เดินหน้าไปอย่างน่าประทับใจ หนังเปิดตัว 8.9 ล้านที่เกาหลีใต้ ทำสถิติหนังแอนิเมชันเปิดตัวสูงสุดอันดับ 2 ของที่นี่ เป็นรองแค่ Kung Fu Panda 2 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเปิดตัวที่จีน (5 กุมภาฯ) และญี่ปุ่น (15 มีนาฯ) สำหรับรายได้โดยรวม Frozen ได้เงินในสัปดาห์ที่ผ่านมา 24.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมในตลาดต่างประเทศขยับเป็น 426.5 ล้านเหรียญ ส่งให้รายได้รวมทั่วโลกเป็น 759 ล้านเหรียญ
ในประเทศที่เปิดตัวพร้อมกับอเมริกา Jack Ryan: Shadow Recruit ทำรายได้รวม 22.2 ล้านเหรียญ จาก 29 ตลาด หนังทำได้พอๆ กับ Jack Reacher ซึ่งปิดโปรแกรมด้วยรายได้ราวๆ 138 ล้านเหรียญ โดยหนังทำเงินได้มากสุดที่จีน 9.5 ล้านเหรียญ แต่ขึ้นอันดับ 1 ที่รัสเซีย 2 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง เมื่อมองดูว่าหนังถ่ายทำที่รัสเซียเกือบทั้งเรื่อง ตลาดหลักอื่นๆ ที่หนังเปิดตัวก็มี ออสเตรเลีย 2 ล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ 1.8 ล้านเหรียญ และเม็กซิโก 1.2 ล้านเหรียญ สัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่อังกฤษ และตลาดเล็กๆ อีกหลายประเทศ
สิทธิ์ในการฉายต่างประเทศของ The Wolf of Wall Street กระจัดกระจายไปตามบริษัทต่างๆ รายได้จึงไม่สามารถรวบรวมมาได้ แต่หนังทำได้ดีที่ยุโรปซึ่งยูนิเวอร์แซลจัดจำหน่ายทำรายได้ไป 20.6 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังมาร์ติน สกอร์เซซีเปิดตัวดีที่สุดในอังกฤษ (7.6 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (6.4 ล้านเหรียญ) และ สเปน (3.4 ล้านเหรียญ)
The Hobbit: The Desolation of Smaug ได้เงินมาอีก 10.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมนอกอเมริกาเป็น 585 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 833.7 ล้านเหรียญ แม้ยังเหลือตลาดจีน และญี่ปุ่นให้เล่น แต่หนังไม่น่าทำเงินถึง 1 พันล้าน เหมือนที่หนังภาคแรกทำได้
อ่านวิจารณ์หนัง Jack Ryan: Shadow Recruit ของประวิทย์ แต่งอักษรได้ที่ http://bit.ly/1ac5aRW ของนพปฎล พลศิลป์ ได้ที่ http://bit.ly/1j8EC6R
12 Years A Slave ของประวิทย์ แต่งอักษร ได้ที่ http://bit.ly/1dAKROC ของนพปฎล พลศิลป์ ได้ที่ http://bit.ly/1m9PiSB
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่ www.sadaos.com