(แปลและเรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
กับการเป็นงานแอ็คชัน แฟนตาซี ที่ดูแปลกๆ ดูเหมือนกับจะเป็นหนังเลียนแบบ ไม่แปลกที่ I, Frankenstein จะตายสนิทตั้งแต่วันเปิดตัว และทำให้หนังตลกไอซ์ คูบ/เควิน ฮาร์ท Ride Along ยังครองอันดับ 1 ไปได้อีกหนึ่งสัปดาห์ โดยหลังสร้างสถิติใหม่สำหรับหรังเปิดตัวเดือนมกราคมเมื่อสัปดาห์ก่อน Ride Along รายได้ตกสิวๆ 49% ทำเงินได้อีก 21.3 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังคู่หูเรื่องนี้ เก็บไปได้ทั้งหมด 75.5 ล้านเหรียญ และอยู่บนเส้นทางสู่หนังร้อยล้านในอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ข้างหน้า และอย่างแปลกใจที่จะมีข่าวสร้าง Ride Along 2 ออกมาในเร็ววันนี้
กับการฉายสัปดาห์ที่ 3 Lone Survivor รายได้ตกเพียง 42% ทำเงินได้อีก 12.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 93.9 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน 95.7 ล้านเหรียญของ Zero Dark Thirty ได้ในสัปดาห์นี้ ทำให้ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ ทำสถิติมีหนังติดอันดับหนังทำเงิน 2 เรื่องแรก 2 สัปดาห์ซ้อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการ์แบบนี้ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1994 ซึ่งในตอนนั้น วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ทำได้จากหนังเรื่อง On Deadly Ground และ Ace Venture: Pet Detective นอกจากนี้ยังทำให้ยูนิเวอร์แซลเป็นสตูดิโอทำเงินมากสุดของปีนี้ ด้วยรายได้กว่า 170 ล้านเหรียญ
ในอันดับ 3 The Nut Job รายได้ลดเพียงแค่ 38% ทำรายได้ไป 12.1 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ทรงตัวที่ดีสำหรับหนังแอนิเมชัน ถึงแม้จะแย่กว่าที่ Free Birds ทำเอาไว้ 30% เมื่อเดือนพฤศจิกายนก็ตาม The Nut Job ทำรายได้ไปแล้ว 40.1 ล้านเหรียญ
Frozen ขยับมาอยู่ในอันดับที่ 4 ทำรายได้อีก 9.1 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 6 หนังทำเงินสัปดาห์ที่เก้าสูงสุด และทำเขี่ย Finding Nemo กลายเป็นแอนิเมชันที่ไม่ใช่ภาคต่อทำเงินสูงสุด ไม่รวมรายได้ตอนนำกลับมาฉายใหม่ ด้วยรายได้รวมเกือบๆ 348 ล้านเหรียญ และการจะมีฉบับดูไปร้องไปออกมาอีก Frozen ไม่น่ามีปัญหากับการทำรายได้แซง Despicable Me 2 ที่ทำไว้ 368.1 ล้านเหรียญ
Jack Ryan: Shadow Recruit ยังไม่หลุดจากห้าอันดับแรก หนังได้เงินมาอีก 9.1 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อนที่เป็นการเปิดตัว 41% หนังทำรายได้ไปแล้ว 30.5 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าที่ The Sum of All Fears ทำได้ในสัปดาห์แรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว
เปิดตัวด้วย 2,753 โรง I, Frankenstein เละเทะ เมื่อทำเงินแค่ 8.6 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ Hansel & Gretel: Witch Hunters ทำได้เมื่อปีก่อน และห่างไกลจากรายได้เปิดตัวของหนัง Underworld ทั้งสี่ภาคที่ทำเงิน 20 ล้านขึ้นทั้งหมด และถ้านี่ยังดูเลวร้ายไม่พอ หนังเปิดตัวแย่กว่า The Legend of Hercules ซึ่งทำการตลาดน้อยกว่า แต่เปิดตัวด้วยรายได้ 8.9 ล้านเหรียญ
หนังแย่ๆ จำนวนมากมายที่ทำเงินได้แบบพอถูไถในแต่ละปี เป็นเพราะทางฝ่ายการตลาดของสตูดิโอ ใช้เงินจำนวนมากเพื่อดึงส่วนที่ดีที่สุดของหนังออกมา แล้วใส่การตลาดลงไป ซึ่งทำให้หนังเสน่ห์ของหนังมีความน่าสนใจพอพอประมาณ แต่โชคร้ายกับ I, Frankenstein เป็นกรณีที่หายาก ที่ดูเหมือนว่าหนังไม่มีของมากพอที่จะสร้างความโดดเด่นให้เกิดขึ้นได้จากตัวอย่างความยาว 2 นาทีครึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนดูสังเกตเห็น และส่วนใหญ่เลือกจะพาตัวไปห่างๆ จากหนัง และทำให้คนดูของ I, Frankenstein เป็นผู้ใหญ่ เมื่อมีถึง 60% และเป็นผู้ชาย 62% โดยคร่าวๆ รายได้ของหนังมาจากโรงสามมิติถึง 60% ซึ่งสูงแบบผิดปกติ หนังได้คะแนน B จากซีนีมาสกอร์ และได้แค่ 5% จากมะเขือเน่า ซึ่งน่ากลัวมากกก เชื่อขนมกินได้ว่าหนังจะหายไปจากโรงอย่างรวดเร็ว และรายได้น่าจะต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญ
Dallas Buyers Club เพิ่มโรงเป็น 1,110 โรง ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยฉาย และทำรายได้ไปอีก 2.03 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 20.4 ล้านเหรียญ
หลังฉายวงจำกัดมานาน 2 เดือน Nebraska ของอเล็กซานเดอร์ เพย์นเพิ่มโรงเป็น 968 โรง ทำเงินอีก 1.55 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ Nebraska จะคว้าตำแหน่งหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ ที่ทำรายได้น้อยที่สุด
หันไปดูตลาดนอกอเมริกาบ้าง แม้จะไม่ทำสถิติใหม่ แต่ Frozen ก็ยังไปได้สวยอีกสัปดาห์ โดยทำเงินอีก 20.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 462.5 ล้านเหรียญ ในเกาหลีใต้ รายได้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์เปิดตัวถึง 20% และกลายเป็นหนังแอนิเ้มชันดิสนีย์ และพิกซาร์ ที่ทำเงินสูงสุดที่นี่ไปแล้ว ด้วยรายได้ 22.6 ล้านเหรียญ แล้วถ้ารวมรายได้ในอเมริกาด้วย หนังทำเงินผ่าน 810 ล้านเหรียญเรียบร้อย และยังมีแววสูงขึ้นอีก เมื่อเปิดตัวที่จีน ในวันที่ 5 กุมภาฯ และญี่ปุ่น 15 มีนาฯ ตอนนี้มองกันแล้วว่า หนังมีสิทธิ์ไปถึง 1 พันล้านเหรียญ
แต่ถ้ามองกันที่บริษัท ยูนิเวอร์แซลครองตลาดต่างประเทศอยู่ The Wolf of Wall Street ได้เงินมาอีก 16.6 ล้านเหรียญ โดยหนังขึ้นอันดับ 1 ซ้ำในเยอรมันนี (5.7 ล้านเหรียญ), อังกฤษ (5.5 ล้านเหรียญ) และสเปน (3.2 ล้านเหรียญ) และสุดสัปดาห์นี้น่าจะผ่านร้อยล้านได้ในตลาดนอกอเมริกา
หนัง Jack Ryan: Shadow Recruit ทำได้ดีกว่าในอเมริกาเล็กน้อย ในสัปดาห์ที่สองของการฉาย หนังได้เงินมา 14.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 46.5 ล้านเหรียญ โดยได้มาจากจีนอีก 5.5 ล้านเหรียญ (รายได้รวมที่นี่เท่ากับ 20.9 ล้านเหรียญ) กับรายได้เปิดตัวแบบเบาะที่อังกฤษ 2.1 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้ หนังจะเปิดตัวที่ฝรั่งเศส และสเปน ส่วนหนังชิงออสการ์ 12 Years a Slave เริ่มต้นก้าวเดินอย่างมั่นคงแบบเงียบๆ หนังได้เงินสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 35 ล้านเหรียญเข้าไปแล้ว และยังไม่เปิดตัวในอีกหลายแห่ง สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังเปิดตัวอันดับ 1 ที่ฝรั่งเศส 2.3 ล้าน
อ่านวิจารณ์หนัง Jackass Presents Bad Grandpa หนังขายฮา แบบมาเป็นเรื่องของทีมแจ็คแอสส์ได้ที่
http://bit.ly/1hNkSTe
อ่านคำวิจารณ์ I, Frankenstein หนังจากทีมผู้สร้างสรรค์ Underworld ได้ที่
http://bit.ly/KSODXs
อ่านคำวิจารณ์ Dallas Buyers Club ว่าที่เจ้าของรางวัลออสการ์ดารานำชาย-สมทบชายปีนี้ ได้ที่
http://bit.ly/19RLOB8
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่
www.sadaos.com
หนังทำเงินอเมริกา 26 มกราฯ Ride Along แล่นฉิว แฟรงเกนสไตน์ดับสนิท
(แปลและเรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
กับการเป็นงานแอ็คชัน แฟนตาซี ที่ดูแปลกๆ ดูเหมือนกับจะเป็นหนังเลียนแบบ ไม่แปลกที่ I, Frankenstein จะตายสนิทตั้งแต่วันเปิดตัว และทำให้หนังตลกไอซ์ คูบ/เควิน ฮาร์ท Ride Along ยังครองอันดับ 1 ไปได้อีกหนึ่งสัปดาห์ โดยหลังสร้างสถิติใหม่สำหรับหรังเปิดตัวเดือนมกราคมเมื่อสัปดาห์ก่อน Ride Along รายได้ตกสิวๆ 49% ทำเงินได้อีก 21.3 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังคู่หูเรื่องนี้ เก็บไปได้ทั้งหมด 75.5 ล้านเหรียญ และอยู่บนเส้นทางสู่หนังร้อยล้านในอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ข้างหน้า และอย่างแปลกใจที่จะมีข่าวสร้าง Ride Along 2 ออกมาในเร็ววันนี้
กับการฉายสัปดาห์ที่ 3 Lone Survivor รายได้ตกเพียง 42% ทำเงินได้อีก 12.9 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 93.9 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน 95.7 ล้านเหรียญของ Zero Dark Thirty ได้ในสัปดาห์นี้ ทำให้ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ ทำสถิติมีหนังติดอันดับหนังทำเงิน 2 เรื่องแรก 2 สัปดาห์ซ้อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการ์แบบนี้ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1994 ซึ่งในตอนนั้น วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ทำได้จากหนังเรื่อง On Deadly Ground และ Ace Venture: Pet Detective นอกจากนี้ยังทำให้ยูนิเวอร์แซลเป็นสตูดิโอทำเงินมากสุดของปีนี้ ด้วยรายได้กว่า 170 ล้านเหรียญ
ในอันดับ 3 The Nut Job รายได้ลดเพียงแค่ 38% ทำรายได้ไป 12.1 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ทรงตัวที่ดีสำหรับหนังแอนิเมชัน ถึงแม้จะแย่กว่าที่ Free Birds ทำเอาไว้ 30% เมื่อเดือนพฤศจิกายนก็ตาม The Nut Job ทำรายได้ไปแล้ว 40.1 ล้านเหรียญ
Frozen ขยับมาอยู่ในอันดับที่ 4 ทำรายได้อีก 9.1 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 6 หนังทำเงินสัปดาห์ที่เก้าสูงสุด และทำเขี่ย Finding Nemo กลายเป็นแอนิเมชันที่ไม่ใช่ภาคต่อทำเงินสูงสุด ไม่รวมรายได้ตอนนำกลับมาฉายใหม่ ด้วยรายได้รวมเกือบๆ 348 ล้านเหรียญ และการจะมีฉบับดูไปร้องไปออกมาอีก Frozen ไม่น่ามีปัญหากับการทำรายได้แซง Despicable Me 2 ที่ทำไว้ 368.1 ล้านเหรียญ
Jack Ryan: Shadow Recruit ยังไม่หลุดจากห้าอันดับแรก หนังได้เงินมาอีก 9.1 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อนที่เป็นการเปิดตัว 41% หนังทำรายได้ไปแล้ว 30.5 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าที่ The Sum of All Fears ทำได้ในสัปดาห์แรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว
เปิดตัวด้วย 2,753 โรง I, Frankenstein เละเทะ เมื่อทำเงินแค่ 8.6 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ Hansel & Gretel: Witch Hunters ทำได้เมื่อปีก่อน และห่างไกลจากรายได้เปิดตัวของหนัง Underworld ทั้งสี่ภาคที่ทำเงิน 20 ล้านขึ้นทั้งหมด และถ้านี่ยังดูเลวร้ายไม่พอ หนังเปิดตัวแย่กว่า The Legend of Hercules ซึ่งทำการตลาดน้อยกว่า แต่เปิดตัวด้วยรายได้ 8.9 ล้านเหรียญ
หนังแย่ๆ จำนวนมากมายที่ทำเงินได้แบบพอถูไถในแต่ละปี เป็นเพราะทางฝ่ายการตลาดของสตูดิโอ ใช้เงินจำนวนมากเพื่อดึงส่วนที่ดีที่สุดของหนังออกมา แล้วใส่การตลาดลงไป ซึ่งทำให้หนังเสน่ห์ของหนังมีความน่าสนใจพอพอประมาณ แต่โชคร้ายกับ I, Frankenstein เป็นกรณีที่หายาก ที่ดูเหมือนว่าหนังไม่มีของมากพอที่จะสร้างความโดดเด่นให้เกิดขึ้นได้จากตัวอย่างความยาว 2 นาทีครึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนดูสังเกตเห็น และส่วนใหญ่เลือกจะพาตัวไปห่างๆ จากหนัง และทำให้คนดูของ I, Frankenstein เป็นผู้ใหญ่ เมื่อมีถึง 60% และเป็นผู้ชาย 62% โดยคร่าวๆ รายได้ของหนังมาจากโรงสามมิติถึง 60% ซึ่งสูงแบบผิดปกติ หนังได้คะแนน B จากซีนีมาสกอร์ และได้แค่ 5% จากมะเขือเน่า ซึ่งน่ากลัวมากกก เชื่อขนมกินได้ว่าหนังจะหายไปจากโรงอย่างรวดเร็ว และรายได้น่าจะต่ำกว่า 20 ล้านเหรียญ
Dallas Buyers Club เพิ่มโรงเป็น 1,110 โรง ซึ่งมากที่สุดเท่าที่เคยฉาย และทำรายได้ไปอีก 2.03 ล้านเหรียญ มาถึงตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 20.4 ล้านเหรียญ
หลังฉายวงจำกัดมานาน 2 เดือน Nebraska ของอเล็กซานเดอร์ เพย์นเพิ่มโรงเป็น 968 โรง ทำเงินอีก 1.55 ล้านเหรียญ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ Nebraska จะคว้าตำแหน่งหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ ที่ทำรายได้น้อยที่สุด
หันไปดูตลาดนอกอเมริกาบ้าง แม้จะไม่ทำสถิติใหม่ แต่ Frozen ก็ยังไปได้สวยอีกสัปดาห์ โดยทำเงินอีก 20.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมขยับเป็น 462.5 ล้านเหรียญ ในเกาหลีใต้ รายได้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์เปิดตัวถึง 20% และกลายเป็นหนังแอนิเ้มชันดิสนีย์ และพิกซาร์ ที่ทำเงินสูงสุดที่นี่ไปแล้ว ด้วยรายได้ 22.6 ล้านเหรียญ แล้วถ้ารวมรายได้ในอเมริกาด้วย หนังทำเงินผ่าน 810 ล้านเหรียญเรียบร้อย และยังมีแววสูงขึ้นอีก เมื่อเปิดตัวที่จีน ในวันที่ 5 กุมภาฯ และญี่ปุ่น 15 มีนาฯ ตอนนี้มองกันแล้วว่า หนังมีสิทธิ์ไปถึง 1 พันล้านเหรียญ
แต่ถ้ามองกันที่บริษัท ยูนิเวอร์แซลครองตลาดต่างประเทศอยู่ The Wolf of Wall Street ได้เงินมาอีก 16.6 ล้านเหรียญ โดยหนังขึ้นอันดับ 1 ซ้ำในเยอรมันนี (5.7 ล้านเหรียญ), อังกฤษ (5.5 ล้านเหรียญ) และสเปน (3.2 ล้านเหรียญ) และสุดสัปดาห์นี้น่าจะผ่านร้อยล้านได้ในตลาดนอกอเมริกา
หนัง Jack Ryan: Shadow Recruit ทำได้ดีกว่าในอเมริกาเล็กน้อย ในสัปดาห์ที่สองของการฉาย หนังได้เงินมา 14.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 46.5 ล้านเหรียญ โดยได้มาจากจีนอีก 5.5 ล้านเหรียญ (รายได้รวมที่นี่เท่ากับ 20.9 ล้านเหรียญ) กับรายได้เปิดตัวแบบเบาะที่อังกฤษ 2.1 ล้านเหรียญ สุดสัปดาห์นี้ หนังจะเปิดตัวที่ฝรั่งเศส และสเปน ส่วนหนังชิงออสการ์ 12 Years a Slave เริ่มต้นก้าวเดินอย่างมั่นคงแบบเงียบๆ หนังได้เงินสัปดาห์ที่ผ่านมา 8.3 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 35 ล้านเหรียญเข้าไปแล้ว และยังไม่เปิดตัวในอีกหลายแห่ง สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังเปิดตัวอันดับ 1 ที่ฝรั่งเศส 2.3 ล้าน
อ่านวิจารณ์หนัง Jackass Presents Bad Grandpa หนังขายฮา แบบมาเป็นเรื่องของทีมแจ็คแอสส์ได้ที่ http://bit.ly/1hNkSTe
อ่านคำวิจารณ์ I, Frankenstein หนังจากทีมผู้สร้างสรรค์ Underworld ได้ที่ http://bit.ly/KSODXs
อ่านคำวิจารณ์ Dallas Buyers Club ว่าที่เจ้าของรางวัลออสการ์ดารานำชาย-สมทบชายปีนี้ ได้ที่ http://bit.ly/19RLOB8
คลิกไลค์ให้กำลังใจ และติดตามข่าวคราว-บทวิจารณ์ หนังและเพลง ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos หรือคลิกไปที่ www.sadaos.com