US BOX OFFICE 22-24th January 2016
(แปลเรียบเรียงจาก Variety)
แม้จะมีพายุหิมะที่กระหน่ำทางชายฝั่งด้านตะวันออกของอเมริกา แต่หนัง The Revenant ก็สามารถฝันฝ่าจนครองอันดับหนึ่งหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์นี้ด้วยตัวเลข 16 ล้านเหรียญจากการฉาย 3,711 โรง
พายุหิมะโจนาสทำเอาโรงภาพยนตร์ในนิว ยอร์ค, วอชิงตัน ดีซี, บัลติมอร์ และ ฟิลาเดลเฟียถึงต้องปิดฉายในวันเสาร์ส่งผลให้ผู้ชมโดยรวมสำหรับสุดสัปดาห์นี้หายไปราวๆ 12% เมื่อมีโรงภาพยนตร์ถึง 400 โรงที่ได้รับผลกระทบ โดยโรงหนังในนิว ยอร์คบางโรงสามารถเปิดฉายได้ตามปกติในวันอาทิตย์ แต่สภาพซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ ก็ทำเอาบ็อกซ์ ออฟฟิศในแถวตะวันออกเฉียงเหนือถึงกับแน่นิ่ง ทำให้รายได้ลดลง 32% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทำเงินไป 113 ล้านเหรียญ และตกจากสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว 29%
หลังครองอันดับสองมาสองสัปดาห์ หลังการเปิดตัวฉายในวงกว้างมาตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ในที่สุด The Revenant ก็ครองอันดับ 1 สำเร็จ หนังเรื่องนี้ของอเลฮานโดร กอนซาเลซ อีญาร์ริตู เข้าชิงออสการ์ถึง 12 สาขา และทำเงินในอเมริกาไปแล้ว 119 ล้านเหรียญ
สำหรับการฉายในสัปดาห์ที่ 6 Star Wars: The Force Awakens ทำเงินมาอีก 14.3 ล้านเหรียญจาก 3,365 โรง ตอนนี้หนังทำสถิติรายได้สูงสุดในอเมริกาเพิ่มเป็น 880 ล้านเหรียญแล้วจากการฉาย 38 วัน ซึ่งมากกว่าที่ Avatar ทำได้ถึง 120 ล้านเหรียญ
Ride Along 2 ที่ฉายมาเป็นสัปดาห์ที่สอง เข้าวินเป็นที่สามในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 13 ล้านเหรียญ จาก 3,192 โรง โดยความหนาวเย็นมีผลกระทบอย่างมากกับหนังเรื่องนี้ เมื่อพื้นที่ทำเงินของหนังในช่วงเปิดตัวต้องปิดดำเนินการ
แต่ถึงจะมีพายุก็ยังมีหนังใหม่เปิดตัวถึง 3 เรื่อง และทำรายได้ราวๆ จุดสูงสุดของการประเมินรายได้แบบพออุ่นๆ ตัว โดยเรื่องที่ทำเงินได้มากที่สุดคือ หนังเบาสมอง Dirty Grandpa เปิดตัว 11.5 ล้านเหรียญจาก 2,912 โรง ตามด้วยหนังสยองขวัญ The Boy ที่ทำรายได้ 11.3 ล้านเหรียญจาก 2,671 โรง หนังที่นำแสดงโดยโรเบิร์ท เดอ นีโร และแซ็ค แอฟรอน ที่รับบทเป็นตา-หลาน ที่ออกเดินทางไปฟลอริดา ถูกกระหน่ำจากพายุนักวิจารณ์เล และได้คะแนนซีนีมาสกอร์แค่ B
เรื่องต่อมาเป็น The Boy ที่ควักกระเป๋าสาวๆ และผู้ชมอายุต่ำกว่า 25 อย่างเป็นล่ำเป็นสัน แล้วก็เป็นหยังไซ-ไฟ ระทึกขวัญ The 5th Wave ที่เปิดตัวในอันดับที่ 6 ทำเงินได้ 10.7 ล้านเหรียญจาก 2,908 โรง โดยหนังทำรายได้ราวๆ 3.5 ล้านเหรียญในวันศุกร์ ก่อนจะเพิ่มขึ้น 30% ในวันเสาร์ ซึ่งทำเงินไป 4.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นวันที่ทำรายได้มากที่สุด หนังยังเปิดตัวไปแล้วที่รัสเซีย, บราซิล, อังกฤษ และสเปน ซึ่งช่วยให้หนังทำเงินในตลาดต่างประเทศมากถึง 27 ล้านเหรียญ โดยที่ยังเหลือพื้นที่ให้เล่นอีกถึง 30%
สัปดาห์ที่สองของ 13 Hours: the Secret Soldiers of Benghazi หนังทำเงินเป็นอันดับที่ 7 ด้วยรายได้ 9.8 ล้านเหรียญ จากโรงฉาย 2,917 โรง ซึ่งรายได้ตกจากสัปดาห์ก่อนราวๆ 40% หนังของไมเคิล เบย์เรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 33.5 ล้านเหรียญจากการฉาย 10 วัน
หันมาดูตลาดนอกอเมริกากันบ้าง กับประกายแห่งความสำเร็จจากการเข้าชิงออสการ์ ส่งให้ The Revenant นำเป็นอันดับ 1 ในตลาดต่างประเทศ ด้วยรายได้ 33.8 ล้านเหรียญจาก 8,388 โรงฉายใน 48 ตลาด ตอนนี้หนังทำเงินผ่าน 104 ล้านเหรียญไปแล้ว โดยสัปดาห์นี้ที่อังกฤษทำได้มากที่สุด 6 ล้านเหรียญจากการฉายในสัปดาห์ที่สอง ตกจากสัปดาห์ก่อนแค่ 20% ตามมาด้วยเม็กซิโก ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 5.3 ล้านเหรียญ จาก 2,033 จอ ทำได้ดีกว่า Mad Max: Fury Road ถึง 200%
The Revenant ที่ใช้ทุนสร้างไปราวๆ 135 ล้านเหรียญ ทำรายได้มากกว่ารายได้สัปดาห์ที่หกของ Star Wars: The Force Awakens ราวๆ 10 ล้านเหรียญ โดยหนังเรื่องที่ 7 ของ Star Wars เรื่องนี้ ทำเงินไปในสัปดาห์นี้ 23.3 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมในตลาดต่างประเทศยกไปถึง 1.06 พันล้านเหรียญ โดยหนังทำเงินได้มากสุดที่อังกฤษ 173.3 ล้านเหรียญ, จีนตามมาที่สอง 112.7 ล้านเหรียญ ตามด้วยเยอรมันนี 103.5 ล้านเหรียญ
ตอนนี้ The Force Awakens กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดในอเมริกาแล้ว ด้วยรายได้ 880 ล้านเหรียญ เมื่อรวมรายได้จากนอกอเมริกาด้วยแล้ว หนังทำเงินไปทั้งหมด 1.94 พันล้านเหรียญ กำลังไล่ตาม Avatar และ Titanic ที่ทำไว้ 2.87 และ 2.19 พันล้านเหรียญตามลำดับ
หนังไซ-ไฟ The 5th Wave เปิดตัวไปในหลายๆ ประเทศเช่นกัน โดยสัปดาห์นี้ทำเงินมาอีก 15.9 ล้านเหรียญใน 33 ตลาด เข้าวินเป็นที่สามสำหรับรายได้นอกอเมริกา สำหรับรายได้รวมของหนังตอนนี้อยู่ที่ 38 ล้านเหรียญ ซึ่งพอดีกับทุนส้าง 38 ล้านพอดี
The Big Short มาที่สี่ด้วยรายได้ 10.1 ล้านเหรียญจาก 52 ตลาด ส่งให้รายได้รวมนอกอเมริกาเพิ่มเป็น 30.7 ล้านเหรียญ รายได้ทั่วโลกเป็น 87.4 ล้านเหรียญ ขณะที่ Creed ตามมาเป็นที่ห้า ด้วยรายได้ 9.5 ล่นเหรียญจาก 38 ตลาด ทำให้รายได้ในตลาดต่างประเทศเท่ากับ 42 ล้านเหรียญ แต่ถ้ารวมรายได้ทั่วโลกหนังทำเงินไปถึง 150 ล้านเหรียญแล้ว
อ่านแล้วถูกใจ คลิกไลค์ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos
อันดับหนังทำเงินสัปดาห์นี้ The Revenant สู้พายุคว้าอันดับ 1 ในอเมริกา และในตลาดต่างประเทศ
(แปลเรียบเรียงจาก Variety)
แม้จะมีพายุหิมะที่กระหน่ำทางชายฝั่งด้านตะวันออกของอเมริกา แต่หนัง The Revenant ก็สามารถฝันฝ่าจนครองอันดับหนึ่งหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์นี้ด้วยตัวเลข 16 ล้านเหรียญจากการฉาย 3,711 โรง
พายุหิมะโจนาสทำเอาโรงภาพยนตร์ในนิว ยอร์ค, วอชิงตัน ดีซี, บัลติมอร์ และ ฟิลาเดลเฟียถึงต้องปิดฉายในวันเสาร์ส่งผลให้ผู้ชมโดยรวมสำหรับสุดสัปดาห์นี้หายไปราวๆ 12% เมื่อมีโรงภาพยนตร์ถึง 400 โรงที่ได้รับผลกระทบ โดยโรงหนังในนิว ยอร์คบางโรงสามารถเปิดฉายได้ตามปกติในวันอาทิตย์ แต่สภาพซึ่งเต็มไปด้วยหิมะ ก็ทำเอาบ็อกซ์ ออฟฟิศในแถวตะวันออกเฉียงเหนือถึงกับแน่นิ่ง ทำให้รายได้ลดลง 32% จากสัปดาห์ที่แล้ว ทำเงินไป 113 ล้านเหรียญ และตกจากสัปดาห์เดียวกันของปีที่แล้ว 29%
หลังครองอันดับสองมาสองสัปดาห์ หลังการเปิดตัวฉายในวงกว้างมาตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม ในที่สุด The Revenant ก็ครองอันดับ 1 สำเร็จ หนังเรื่องนี้ของอเลฮานโดร กอนซาเลซ อีญาร์ริตู เข้าชิงออสการ์ถึง 12 สาขา และทำเงินในอเมริกาไปแล้ว 119 ล้านเหรียญ
สำหรับการฉายในสัปดาห์ที่ 6 Star Wars: The Force Awakens ทำเงินมาอีก 14.3 ล้านเหรียญจาก 3,365 โรง ตอนนี้หนังทำสถิติรายได้สูงสุดในอเมริกาเพิ่มเป็น 880 ล้านเหรียญแล้วจากการฉาย 38 วัน ซึ่งมากกว่าที่ Avatar ทำได้ถึง 120 ล้านเหรียญ
Ride Along 2 ที่ฉายมาเป็นสัปดาห์ที่สอง เข้าวินเป็นที่สามในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 13 ล้านเหรียญ จาก 3,192 โรง โดยความหนาวเย็นมีผลกระทบอย่างมากกับหนังเรื่องนี้ เมื่อพื้นที่ทำเงินของหนังในช่วงเปิดตัวต้องปิดดำเนินการ
แต่ถึงจะมีพายุก็ยังมีหนังใหม่เปิดตัวถึง 3 เรื่อง และทำรายได้ราวๆ จุดสูงสุดของการประเมินรายได้แบบพออุ่นๆ ตัว โดยเรื่องที่ทำเงินได้มากที่สุดคือ หนังเบาสมอง Dirty Grandpa เปิดตัว 11.5 ล้านเหรียญจาก 2,912 โรง ตามด้วยหนังสยองขวัญ The Boy ที่ทำรายได้ 11.3 ล้านเหรียญจาก 2,671 โรง หนังที่นำแสดงโดยโรเบิร์ท เดอ นีโร และแซ็ค แอฟรอน ที่รับบทเป็นตา-หลาน ที่ออกเดินทางไปฟลอริดา ถูกกระหน่ำจากพายุนักวิจารณ์เล และได้คะแนนซีนีมาสกอร์แค่ B
เรื่องต่อมาเป็น The Boy ที่ควักกระเป๋าสาวๆ และผู้ชมอายุต่ำกว่า 25 อย่างเป็นล่ำเป็นสัน แล้วก็เป็นหยังไซ-ไฟ ระทึกขวัญ The 5th Wave ที่เปิดตัวในอันดับที่ 6 ทำเงินได้ 10.7 ล้านเหรียญจาก 2,908 โรง โดยหนังทำรายได้ราวๆ 3.5 ล้านเหรียญในวันศุกร์ ก่อนจะเพิ่มขึ้น 30% ในวันเสาร์ ซึ่งทำเงินไป 4.5 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นวันที่ทำรายได้มากที่สุด หนังยังเปิดตัวไปแล้วที่รัสเซีย, บราซิล, อังกฤษ และสเปน ซึ่งช่วยให้หนังทำเงินในตลาดต่างประเทศมากถึง 27 ล้านเหรียญ โดยที่ยังเหลือพื้นที่ให้เล่นอีกถึง 30%
สัปดาห์ที่สองของ 13 Hours: the Secret Soldiers of Benghazi หนังทำเงินเป็นอันดับที่ 7 ด้วยรายได้ 9.8 ล้านเหรียญ จากโรงฉาย 2,917 โรง ซึ่งรายได้ตกจากสัปดาห์ก่อนราวๆ 40% หนังของไมเคิล เบย์เรื่องนี้ ทำเงินไปแล้ว 33.5 ล้านเหรียญจากการฉาย 10 วัน
หันมาดูตลาดนอกอเมริกากันบ้าง กับประกายแห่งความสำเร็จจากการเข้าชิงออสการ์ ส่งให้ The Revenant นำเป็นอันดับ 1 ในตลาดต่างประเทศ ด้วยรายได้ 33.8 ล้านเหรียญจาก 8,388 โรงฉายใน 48 ตลาด ตอนนี้หนังทำเงินผ่าน 104 ล้านเหรียญไปแล้ว โดยสัปดาห์นี้ที่อังกฤษทำได้มากที่สุด 6 ล้านเหรียญจากการฉายในสัปดาห์ที่สอง ตกจากสัปดาห์ก่อนแค่ 20% ตามมาด้วยเม็กซิโก ที่เปิดตัวด้วยรายได้ 5.3 ล้านเหรียญ จาก 2,033 จอ ทำได้ดีกว่า Mad Max: Fury Road ถึง 200%
The Revenant ที่ใช้ทุนสร้างไปราวๆ 135 ล้านเหรียญ ทำรายได้มากกว่ารายได้สัปดาห์ที่หกของ Star Wars: The Force Awakens ราวๆ 10 ล้านเหรียญ โดยหนังเรื่องที่ 7 ของ Star Wars เรื่องนี้ ทำเงินไปในสัปดาห์นี้ 23.3 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมในตลาดต่างประเทศยกไปถึง 1.06 พันล้านเหรียญ โดยหนังทำเงินได้มากสุดที่อังกฤษ 173.3 ล้านเหรียญ, จีนตามมาที่สอง 112.7 ล้านเหรียญ ตามด้วยเยอรมันนี 103.5 ล้านเหรียญ
ตอนนี้ The Force Awakens กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดในอเมริกาแล้ว ด้วยรายได้ 880 ล้านเหรียญ เมื่อรวมรายได้จากนอกอเมริกาด้วยแล้ว หนังทำเงินไปทั้งหมด 1.94 พันล้านเหรียญ กำลังไล่ตาม Avatar และ Titanic ที่ทำไว้ 2.87 และ 2.19 พันล้านเหรียญตามลำดับ
หนังไซ-ไฟ The 5th Wave เปิดตัวไปในหลายๆ ประเทศเช่นกัน โดยสัปดาห์นี้ทำเงินมาอีก 15.9 ล้านเหรียญใน 33 ตลาด เข้าวินเป็นที่สามสำหรับรายได้นอกอเมริกา สำหรับรายได้รวมของหนังตอนนี้อยู่ที่ 38 ล้านเหรียญ ซึ่งพอดีกับทุนส้าง 38 ล้านพอดี
The Big Short มาที่สี่ด้วยรายได้ 10.1 ล้านเหรียญจาก 52 ตลาด ส่งให้รายได้รวมนอกอเมริกาเพิ่มเป็น 30.7 ล้านเหรียญ รายได้ทั่วโลกเป็น 87.4 ล้านเหรียญ ขณะที่ Creed ตามมาเป็นที่ห้า ด้วยรายได้ 9.5 ล่นเหรียญจาก 38 ตลาด ทำให้รายได้ในตลาดต่างประเทศเท่ากับ 42 ล้านเหรียญ แต่ถ้ารวมรายได้ทั่วโลกหนังทำเงินไปถึง 150 ล้านเหรียญแล้ว
อ่านแล้วถูกใจ คลิกไลค์ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos