Kung Fu Panda 3 เปิดตัวอันดับ 1 สัปดาห์นี้ ขณะที่หนังเก่าฟื้นรายได้จากโดนพายุหิมะถล่มกันถ้วนหน้า

US Box Office January 29-31, 2016

(แปลและเรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com และ www.boxoffice.com)

Kung Fu Panda 3 ผงาดครองอันดับ 1 หนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์นี้ และทำเงินมากพอที่จะกลายเป็นหนังแอนิเมชันเปิดตัวมากสุดในเดือนมกราคม แต่หนังเปิดตัวใหม่เรื่องอื่นๆ อย่าง The Finest Hours, Fifty Shades of Black และ Jane Got a Gun ไปไม่ได้สวยเท่าแอนิเมชันภาคต่อเรื่องนี้ ขณะที่หนังจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเปิดตัวไม่สวยเพราะพายุหิมะถล่ม ก็พอลืมตาอ้าปากได้ในสัปดาห์นี้ โดยไม่มีหนังเรื่องไหนในท็อป 10 ที่รายได้ตกต่ำกว่า 34% เลย และรายได้ของหนัง 12 อันดับแรกเพิ่มขึ้นเกือบๆ 25% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่สนมา และมากกว่าสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนถึง 46%

ด้วยรายได้ 41 ล้านเหรียญ Kung Fu Panda 3 สามารถเขี่ยแชมป์เก่าหนังแอนิเมชันเปิดตัวสูงสุดในเดือนมกราคม The Nut Job ที่ทำไว้ 19.4 ล้านเหรียญเมื่อปี 2014 ไปได้สบายๆ รวมทั้งยังกลายเป็นหนังเปิดตัวเดือนมกราคมมากที่สุดอันดับสอง แพ้ Ride Along ที่ทำไว้ในปี 2014 41.5 ล้านเหรียญฉิวเฉียด แต่หากเทียบกับหนังสองภาคก่อน หนังเปิดตัวลดลง โดยภาคแรกเปิดตัว 60.2 ล้านเหรียญ ส่วนภาคสองเปิดตัวที่ 47.6 ล้านเหรียญ แต่คะแนน A จากซีนีมาสกอร์ และการที่ไม่มีหนังแอนิเมชันออกมาประกบ จนกว่า Zootopia จะเข้าฉายในวันที่ 4 มีนาคม หนังมีโอกาสเก็บเงินได้ยาวๆ  

ในตลาดต่างประเทศหนังก็ทำได้ดี เมื่อเปิดตัวในจีนด้วยรายได้มหึมาถึง 58.3 ล้านเหรียญ ทำให้รายได้รวมนอกอเมริกาเก็บไปแล้ว 75.7 ล้านเหรียญ ทั้งๆ ที่เปิดฉายแค่ 6 ตลาดเท่านั้น แม้จะเป็นตัวเลขที่ดูดี แต่ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าหนังจะเปิดตัวได้มากกว่านี้ ขณะที่ทางดรีมเวิร์คส์ ก็ถูกตำหนิไม่น้อยกับการเปิดตัวในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีน จะเดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องในวันตรุษจีน และผู้ใหญ่ดูจะวุ่นวายกับการจัดงานตามประเพณีมากกว่าจะพาเด็กๆ ไปดูหนัง ที่แย่ยิ่งกว่าก็คือ ในสัปดาห์หน้าหนังบล็อคบัสเตอร์ของจีนเอง จะเข้าฉายถึง 3 เรื่อง ทำให้ Panda มีเวลาไม่มากนักในการทำเงิน  

อันดับ 2 และ 3 เป็น The Revenant กับ Star Wars: The Force Awakens ที่ต่างยืนระยะได้อย่างน่าทึ่ง โดยรายได้ตกกันเรื่องละไม่ถึง 25% หลังสัปดาห์ที่แล้วโดยพายุหิมะกระหน่ำ The Revenant ทำเงินอีก 12.4 ล้านเหรียญ ส่วน Star Wars ทำได้ 10.7 ล้านเหรียญ ตอนนี้รายได้รวมขาดอีกแค่ 5 ล้านก็จะทำเงินแต่ 900 ล้านเหรียญ สำหรับตลาดต่างประเทศ หนังได้เงินมาอีก 12.6 ล้านเหรียญ รายได้ทั่วโลกของหนังตอนนี้เท่ากับ 1.983 พันล้านเหรียญ โดยในญี่ปุ่นหนังทำเงินไปแล้วถึง 83.3 ล้านเหรียญ กับ the Revenant หนังได้เงินนอกอเมริกามาอีก 24.3 ล้านเหรียญ จาก 7,363 จอใน 61 ตลาด รายได้รวมตอนนี้เป็น 136.5 ล้านเหรียญ ส่งให้รายได้รวมทั่วโลกเพิ่มเป็น 274.8 ล้านเหรียญ โดยหนังทำเงินได้ดีในอังกฤษ/ ไอร์แลนด์

อันดับ 4 เป็นหนังเข้าใหม่ The Finest Hours ที่ทำได้ตามที่หลายๆ ฝ่ายคาดกัน หนังได้เงิน 10.3 ล้านเหรียญ และได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ แต่รายได้ตามคาดของหนัง ไม่ได้หมายความว่าหนังจะไปได้ดี เมื่อมองดูที่ทุนสร้างในระดับ 70-80 ล้านเหรียญ โดยหนังเปิดตัวน้อยกว่า 11 ล้านเหรียญที่ In the Heart of the Sea ทำเอาไว้เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ฉายมากกว่าราวๆ 40 โรง

หนังเข้าใหม่อีกเรื่องเจอสถานการณ์ที่หนักกว่า เมื่อเปิดตัวในอันดับ 10 Fifty Shades of Black แพ้ 13 Hours: The Secret Soldiers of Benghazi เล็กน้อย แต่ทำรายแค่ 5.9 ล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดเอาไว้  6-12 ล้านเหรียญนิดเดียว แต่ด้วยความที่เป็นหนังทุนต่ำ ใช้ทุนสร้างแถวๆ 5 ล้านเหรียญ ยากมากที่หนังเรื่องนี้จะคว่ำ แต่หากเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ของพี่น้องเวแยนส์ อย่าง A Haunted House ถือว่าทำได้ไม่ดีเลย เมื่อหนังเรื่องที่ว่าเปิดตัวถึง 18.1 ล้านเหรียญในเดือนมกราคมปี 2013 ขณะที่ภาคต่อในปีต่อมาก็ยังเปิดตัวได้ในระดับ 8.8 ล้านเหรียญ การที่หนังได้แค่ C จากซีนีมาสกอร์ หมายความว่าไม่น่าจะยืนระยะได้ดีในสัปดาห์ต่อไป

แต่ที่น่าผิดหวังที่สุด ก็คือ หนังใหม่ของนาทาลี พอร์ทแมน หนังตะวันตก Jane Got a Gun ที่ทำเงินแค่ 803,000 เหรียญจาก 1,210 โรง คิดเป็นรายได้เฉลี่ยที่สยองมากๆ 664 เหรียญต่อโรง และถือว่าเป็นหนังเปิดตัววงกว้างองพอร์ทแมน ที่ทำรายได้แย่ที่สุด เพราะกับ Hesher ในปี 2011 หนังเปิดตัวแค่ 42 โรง และทำรายได้ 126,046 เหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรง 3,001 เหรียญ  

หนัง Ride Along 2 กลับมาติดท็อปเทนอีกครั้ง เมื่อทำเงินไป 8.3 ล้านเหรียญ ตกจากสัปดาห์ก่อน 33% ขณะที่หนังเปิดตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา The Boy รายได้ตกแค่ 26.8% ทำเงินมาอีก 7.8 ล้านเหรียญ ส่วน Dirty Grandpa และ The 5th Wave ที่เปิดตัวพร้อมๆ กัน รายได้ตกไม่เกิน 33% ทั้งหมด ทำรายได้ 7.5 และ 7 ล้านเหรียญตามลำดับ

ในกลุ่มหนังรางวัล The Big Short, Room และ Spotlight ที่คว้ารางวัล SAG Awards มาครอง รวมไปถึง Brooklyn ต่างทำได้ดี ครองอันดับ 12-15 เอาไว้ และมีแค่ Spotlight เท่านั้นที่รายได้ตกกว่า 10% แต่อย่าลืมว่า โรงก็ถูกถอดออกไปถึง 315 โรงเลยทีเดียว

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่ www.facebook.com/Sadaos
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่