US BOX OFFICE July 12-14, 2013

(ข้อมูล-แปล/เรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com อย่าลืมแวะไปคลิก Like ให้กำลังใจได้ที่
www.facebook.com/Sadaos ด้วยนะครับ)
หากวัดจากกระแสในอินเตอร์เน็ท Pacific Rim น่าจะเป็นหนังเปิดตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุด แต่เพราะคนดูหนังโดยทั่วๆ ไป ไม่ได้มีให้ความสนใจกับหนังมากเท่าคนในอินเตอร์เน็ท หนังสัตว์ประหลาดปะทะหุ่นยนต์ เลยเอาชนะหนังครอบครัวภาคต่อของอดัม แซนด์เลอร์ Grown Ups 2 ไม่ได้ แถมหนัง แอนิเมชั่น Despicable Me 2 ก็ยังเหนียวเกาะอันดับ 1 แน่น โดยหนัง 12 อันดับแรกในสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกัน 191 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 24% สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่
http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/
ในอันดับ 1 Despicable Me 2 รายได้ลดลง 46% ทำเงินไปอีก 44.8 ล้านเหรียญ ซึ่งพอๆ กับที่ Monsters University ทำได้เมื่อเดือนที่แล้ว แม้รายได้จะลดลงกว่าที่หนังภาคแรกทำเอาไว้ 42% ในสัปดาห์เดียวกันก็ตาม ผ่านการฉาย 12 วันรายได้ของ Despicable Me 2 อยู่ที่ 229.2 ล้านเหรียญ และน่าจะแซงหนังภาคแรก ที่ทำรายได้ไว้ 251.5 ล้านเหรียญ ในสุดสัปดาห์นี้ และถ้าหากรายได้เป็นไปตามนี้ น่าจะกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 2 ของซัมเมอร์นี้ ด้วยรายได้ปิดตัวราวๆ 350 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็นหนังเบาสมอง เข้าใหม่ ภาคต่อ Grown Ups 2 เปิดตัวที่ 42.5 ล้านเหรียญ จาก 3,491 โรง ซึ่งดีกว่าที่ภาคแรกทำไว้ 40.5 ล้านเหรียญในสัปดาห์เปิดตัวเมื่อปี 2010 และเป็นหนังคนแสดงของอดัม แซนด์เลอร์ที่เปิดตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดการทำงาน 20 ปี รองจาก The Longest Yard (47.6 ล้านเหรียญ) รวมทั้งเป็นหนังเบาสมองทำเงินประจำสัปดาห์สูงสุดของปีนี้ เอาชนะแชมป์เก่า The Hangover Part III (41.7 ล้านเหรียญ) ไปนิ่มๆ
หลังจากรายได้เหี่ยวๆ ของ Jack and Jill (74.1 ล้านเหรียญ) และ That’s My Boy (36.9 ล้านเหรียญ) ดูเหมือนว่าคนดูน่าจะเอียนกับหนังของอดัม แซนด์เลอร์กันเต็มที่ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่ารายได้เปิดตัวของ Grown Ups 2 แสดงให้เห็นว่า คนดูพร้อมจะปฏิเสธหนังที่ดูไม่มีคุณภาพ หรือที่เป็นความพยายามที่ผิดที่ผิดทางของแซนด์เลอร์ ไม่ใช่ตัวแซนด์เลอร์ และการทำการตลาดก็ไม่ได้พึ่งพาแซนด์เลอร์เพียงคนเดียว เน้นไปที่แก๊งผู้ใหญ่ไม่ยอมโตกลุ่มนี้กลับมากันยกก๊วน พร้อมนำเสนอมุขเด็ดๆ ให้คนดูได้เห็น คนดูของหนังเป็นหญิง 53% และ54% อายุต่ำกว่า 25 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนังได้คนดูกลุ่มหนังครอบครัว
กับการที่เปิดตัวได้ดีกว่าหนังภาคแรก Grown Ups 2 ก็ไม่ได้หมายความว่า หนังน่าจะทำเงินได้เท่าที่ภาคแรกทำไว้ 162 ล้านเหรียญ เพราะหนังได้คะแนนแค่ B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งพอๆ กับ Jack and Jill และไม่มีแรงส่งจากการฉายในสุดสัปดาห์ยาวๆ เหมือนที่หนังภาคแรกได้ในช่วงหยุดวันชาติอเมริกา แต่งก็น่าจะไปได้ดี โดยรายได้ปิดตัวมองกันไว้ที่ 120 ล้านเหรียญ
Pacific Rim เปิดตัวด้วยโรงฉาย 3,275 โรง รายได้ 38.3 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดสำหรับหนังของกิลแลร์โม เดล โทโร ชนะ Hellboy II: The Golden Army ที่ทำไว้ 34.5 ล้านเหรียญในสัปดาห์เดียวกันเมื่อปี 2008 แต่ก็ไม่ใช่การเปิดตัวที่แข็งแรงนัก โดยในกลุ่มหนังไซ-ไฟด้วยกัน หนังทำได้พอๆ กับ Oblivion (37 ล้านเหรียญ) และห่างจาก World War Z (66.4 ล้านเหรียญ) อยู่เยอะ หนังทำรายได้ดีในโรงไอแมกซ์ โดยเก็บมาได้ถึง 7.9 ล้านเหรียญ (19% ของรายได้เปิดตัว) และรายได้ของโรงสามมิตินั้น สูงถึง 50% ซึ่งทำได้มากที่สุดในกลุ่มหนังซัมเมอร์ปีนี้ ซึ่งหนัง 3 มิติทำรายได้ไม่เป็นกอบเป็นกำสักเท่าไหร่
โดยรายได้ก่อนจะถึงสุดสัปดาห์นั้น แสดงให้เห็นว่า Pacific Rim น่าจะเปิดตัวด้วยรายได้ที่เลวร้ายมากๆ ไม่น่าเกิน 30 ล้านเหรียญ แต่ก็สามารถตีตื้นขึ้นมา และทำได้ดีกว่าที่ถูกคาดการณ์เอาไว้ หากรายได้ 38.3 ล้านเหรียญก็ถือว่าเป็นรายได้ที่น่าผิดหวัง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ ผู้กำกับกิลแลร์โม เดล โทโรไม่ใช่จุดขายหลัก และตัวหนังไม่มีดาราดึงดูด การตลาดของหนังเน้นไปที่การเป็นหนังแอ็คชั่น สัตว์ประหลาดปะทะหุ่นยนต์ ซึ่งดึงดูดได้แค่คอหนังที่เป็นแฟนบอยของหนังทำนองนี้ แต่เข้าไม่ถึงกลุ่มคนดูทั่วๆ ไป และเมื่อไม่มีคนดูกลุ่มที่ว่า นี่ก็คือรายได้ที่สูงที่สุดที่หนังพอจะทำได้ในสัปดาห์เปิดตัว
เป็นไปตามที่คาดกันไว้ เมื่อคนดู 67% อายุต่ำกว่า 35 ปี และเป็นผู้ชายถึง 61% การที่ได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ ผสมกับคำวิจารณ์ที่ดี Pacific Rim น่าจะยืนระยะได้ดี แต่ก็คงทำรายได้ไม่น่าจะเกิน 120 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่า ความสำเร็จของหนังต้องพึ่งตลาดต่างประเทศเป็นหลักแล้ว
กับการฉายในสัปดาห์ที่ 3 The Heat รายได้ตกแค่ 44% ทำรายได้เพิ่มมา 14 ล้านเหรียญ มาถึงวันนี้หนังซานดรา บูลล็อค-เมลิสสา แม็คคาร์ธีย์ ทำเงินไปแล้ว 112.4 ล้านเหรียญ และกำลังจะกลายเป็นหนังเบาสมองทำรายได้สูงสุดของซัมเมอร์นี้ ด้วยตัวเลขจบโปรแกรมที่ราวๆ 150 ล้านเหรียญ
หลังเปิดตัวไปอย่างโลกถล่มในสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกา The Lone Ranger รายได่้รูดอีก 62% ทำเงินมาอีก 11.1 ล้านเหรียญ เปรียบเทียบกับ Public Enemy หนังอีกเรื่องของเจอห์นนี่ เด็ปป์ ที่เปิดตัวสุดสัปดาห์วันชาติ และ ได้รับการต้อนรับที่น่าผิดหวัง ปรากฏว่า Public Enemy รายได้ตกเพียง 45% ในระยะเวลาเท่ากัน ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 71.1 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่น่าไต่ไปถึง 100 ล้านได้สำเร็จ
Monsters University ได้เงินมาอีก 10.6 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมถึง 237.8 ล้านเหรียญ มากกว่าแอนิเมชั่นเรื่องก่อนของพิกซาร์ Brave (237.3 ล้านเหรียญ) และน่าจะครองอันดับ 3 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้สัก 2-3 สัปดาห์ ก่อนจะโดน Despicable Me 2 เขี่ยลงมา
หนังฮิตเซอร์ไพรส์ World War Z รายได้ตกลงแค่ 49% ทำเงินเพิ่มมา 9.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 177.1 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า Rise of the Planet of the Apes (176.8 ล้านเหรียญ)
The Way, Way Back เพิ่มโรงเป็น 79 โรงในการฉายสัปดาห์ที่สอง และได้เงินมาอีก 1.11 ล้านเหรียญ หนังเบาสมอง-ดราม่าของฟ็อกซ์ เซิร์ชไลท์เรื่องนี้ จะขยายโรงเป็นกว่า 250 โรง ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก่อนจะเปิดตัวในวงกว้าง 26 กรกฎาคม ส่วน Fruitvale Station เปิดตัวแค่ 7 โรงและทำรายได้น่าประทับใจมากๆ 377,000 เหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงถึง 53,000 เหรียญ แต่หนังยังไม่มีแผนขยายโรง ทั้งๆ ที่รายได้ก็เยี่ยม คำวิจารณ์ก็ออกมาดี ซึ่งน่าจะส่งให้หนังเปิดตัวได้สมน้ำสมเนื้อหน่อยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
ในตลาดนอกอเมริกา Despicable Me 2 ก็ไปได้ดี ด้วยรายได้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 55.5 ล้านเหรียญ ถึงวันนี้หนังเก็บเงินไปถึง 243.2 ล้านเหรียญ มากกว่าภาคแรกถึง 2 เท่า ในตลาดเดียวกัน ในสุดสัปดาห์ที่จะถึง หนังน่าจะผ่าน 293 ล้านเหรียญ และคงปิดตัวที่รายได้ 400 ล้านเหรียญ นอกอเมริกา
ขณะที่ Pacific Rim เปิดตัวใน 38 ตลาด และทำรายได้ไป 53 ล้านเหรียญ หนังยังมีตลาดอีก 50% ที่ยังไม่เปิดตัว โดยหนังทำได้ดีที่เกาหลีใต้ (9.6 ล้านเหรียญ), รัสเซีย (9.3 ล้านเหรียญ) และเม็กซิโก (5.3 ล้านเหรียญ) แต่ไม่น่าประทับใจนักที่อังกฤษ (3.2 ล้านเหรียญ) และออสเตรเลีย (2.6 ล้านเหรียญ) ตลาดใหญ่ที่เหลือของหนังคือที่ จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมันนี, สเปน และบราซิล โดยหนังน่าจะทำได้ดีมากๆ ที่จีนกับญี่ปุ่น ในตลาดนอกอเมริกาหนังน่าจะคาดหวังรายได้ที่ 300 ล้านเหรียญได้
ลงโรงฉายไปแล้ว 86% ในตลาดนอกอเมริกา Monsters University ทำเงินมาในสัปดาห์ที่ผ่านมาอีก 30.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 236.4 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวได้เยี่ยมที่อังกฤษ (5.3 ล้านเหรียญ) และฝรั่งเศส (3.7 ล้านเหรียญ) แต่ก็ไม่ใช่รายได้ที่โดดเด่นนัก
World War Z ยังยืนระยะได้เยี่ยม กับรายได้ 22.4 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รายได้รวมของหนังอยู่ที่ 246 ล้านเหรียญ หากรวมกับรายได้ในอเมริกาหนังจะเก็บเงินทะลุ 400 ล้านเหรียญเรียบร้อย
After Earth เปิดตัวที่จีนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยรายได้ 11.6 ล้านเหรียญ (แต่ถ้ารวมรายได้ทั้งหมดในจีนจะเท่ากับ 13.7 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำรายได้ผ่าน 200 ล้านเหรียญไปแล้ว แบบน่าผิดหวัง
Man of Steel เติมเงินมาได้ 13.3 ล้านเหรียญโดยเกือบครึ่งหนึ่ง 5.65 ล้านเหรียญ มาจากบราซิล รายได้รวมนอกอเมริกาอยู่ที่ 338.2 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวในญี่ปุ่นสิ้นเดือนสิงหาคม และน่าจะทำให้รายได้ขยับไปถึง 400 ล้านเหรียญ
เปิดตัวไปแล้ว 35% ของตลาด The Lone Ranger ได้เงินมา 12.7 ล้านเหรียญ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักๆ ที่เปิดตัวก็คือ บราซิล ทำรายได้มาแค่ 1.7 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้ 48 ล้านเหรียญ และมีตลาดใหญ่อีก 6 แห่งที่ยังไม่เปิดตัว
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่
www.sadaos.com
อันดับหนังทำเงินในบ้านเรา คลิกชมได้ที่
http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/
อันดับหนังทำเงินอเมริกา หุ่นเหล็กโดนสองหนังครอบครัวภาคต่อ “ทุบ” ซะ
(ข้อมูล-แปล/เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com อย่าลืมแวะไปคลิก Like ให้กำลังใจได้ที่ www.facebook.com/Sadaos ด้วยนะครับ)
หากวัดจากกระแสในอินเตอร์เน็ท Pacific Rim น่าจะเป็นหนังเปิดตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุด แต่เพราะคนดูหนังโดยทั่วๆ ไป ไม่ได้มีให้ความสนใจกับหนังมากเท่าคนในอินเตอร์เน็ท หนังสัตว์ประหลาดปะทะหุ่นยนต์ เลยเอาชนะหนังครอบครัวภาคต่อของอดัม แซนด์เลอร์ Grown Ups 2 ไม่ได้ แถมหนัง แอนิเมชั่น Despicable Me 2 ก็ยังเหนียวเกาะอันดับ 1 แน่น โดยหนัง 12 อันดับแรกในสัปดาห์นี้ ทำเงินรวมกัน 191 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 24% สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/
ในอันดับ 1 Despicable Me 2 รายได้ลดลง 46% ทำเงินไปอีก 44.8 ล้านเหรียญ ซึ่งพอๆ กับที่ Monsters University ทำได้เมื่อเดือนที่แล้ว แม้รายได้จะลดลงกว่าที่หนังภาคแรกทำเอาไว้ 42% ในสัปดาห์เดียวกันก็ตาม ผ่านการฉาย 12 วันรายได้ของ Despicable Me 2 อยู่ที่ 229.2 ล้านเหรียญ และน่าจะแซงหนังภาคแรก ที่ทำรายได้ไว้ 251.5 ล้านเหรียญ ในสุดสัปดาห์นี้ และถ้าหากรายได้เป็นไปตามนี้ น่าจะกลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 2 ของซัมเมอร์นี้ ด้วยรายได้ปิดตัวราวๆ 350 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็นหนังเบาสมอง เข้าใหม่ ภาคต่อ Grown Ups 2 เปิดตัวที่ 42.5 ล้านเหรียญ จาก 3,491 โรง ซึ่งดีกว่าที่ภาคแรกทำไว้ 40.5 ล้านเหรียญในสัปดาห์เปิดตัวเมื่อปี 2010 และเป็นหนังคนแสดงของอดัม แซนด์เลอร์ที่เปิดตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ตลอดการทำงาน 20 ปี รองจาก The Longest Yard (47.6 ล้านเหรียญ) รวมทั้งเป็นหนังเบาสมองทำเงินประจำสัปดาห์สูงสุดของปีนี้ เอาชนะแชมป์เก่า The Hangover Part III (41.7 ล้านเหรียญ) ไปนิ่มๆ
หลังจากรายได้เหี่ยวๆ ของ Jack and Jill (74.1 ล้านเหรียญ) และ That’s My Boy (36.9 ล้านเหรียญ) ดูเหมือนว่าคนดูน่าจะเอียนกับหนังของอดัม แซนด์เลอร์กันเต็มที่ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่ารายได้เปิดตัวของ Grown Ups 2 แสดงให้เห็นว่า คนดูพร้อมจะปฏิเสธหนังที่ดูไม่มีคุณภาพ หรือที่เป็นความพยายามที่ผิดที่ผิดทางของแซนด์เลอร์ ไม่ใช่ตัวแซนด์เลอร์ และการทำการตลาดก็ไม่ได้พึ่งพาแซนด์เลอร์เพียงคนเดียว เน้นไปที่แก๊งผู้ใหญ่ไม่ยอมโตกลุ่มนี้กลับมากันยกก๊วน พร้อมนำเสนอมุขเด็ดๆ ให้คนดูได้เห็น คนดูของหนังเป็นหญิง 53% และ54% อายุต่ำกว่า 25 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนังได้คนดูกลุ่มหนังครอบครัว
กับการที่เปิดตัวได้ดีกว่าหนังภาคแรก Grown Ups 2 ก็ไม่ได้หมายความว่า หนังน่าจะทำเงินได้เท่าที่ภาคแรกทำไว้ 162 ล้านเหรียญ เพราะหนังได้คะแนนแค่ B จากซีนีมาสกอร์ ซึ่งพอๆ กับ Jack and Jill และไม่มีแรงส่งจากการฉายในสุดสัปดาห์ยาวๆ เหมือนที่หนังภาคแรกได้ในช่วงหยุดวันชาติอเมริกา แต่งก็น่าจะไปได้ดี โดยรายได้ปิดตัวมองกันไว้ที่ 120 ล้านเหรียญ
Pacific Rim เปิดตัวด้วยโรงฉาย 3,275 โรง รายได้ 38.3 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดสำหรับหนังของกิลแลร์โม เดล โทโร ชนะ Hellboy II: The Golden Army ที่ทำไว้ 34.5 ล้านเหรียญในสัปดาห์เดียวกันเมื่อปี 2008 แต่ก็ไม่ใช่การเปิดตัวที่แข็งแรงนัก โดยในกลุ่มหนังไซ-ไฟด้วยกัน หนังทำได้พอๆ กับ Oblivion (37 ล้านเหรียญ) และห่างจาก World War Z (66.4 ล้านเหรียญ) อยู่เยอะ หนังทำรายได้ดีในโรงไอแมกซ์ โดยเก็บมาได้ถึง 7.9 ล้านเหรียญ (19% ของรายได้เปิดตัว) และรายได้ของโรงสามมิตินั้น สูงถึง 50% ซึ่งทำได้มากที่สุดในกลุ่มหนังซัมเมอร์ปีนี้ ซึ่งหนัง 3 มิติทำรายได้ไม่เป็นกอบเป็นกำสักเท่าไหร่
โดยรายได้ก่อนจะถึงสุดสัปดาห์นั้น แสดงให้เห็นว่า Pacific Rim น่าจะเปิดตัวด้วยรายได้ที่เลวร้ายมากๆ ไม่น่าเกิน 30 ล้านเหรียญ แต่ก็สามารถตีตื้นขึ้นมา และทำได้ดีกว่าที่ถูกคาดการณ์เอาไว้ หากรายได้ 38.3 ล้านเหรียญก็ถือว่าเป็นรายได้ที่น่าผิดหวัง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ ผู้กำกับกิลแลร์โม เดล โทโรไม่ใช่จุดขายหลัก และตัวหนังไม่มีดาราดึงดูด การตลาดของหนังเน้นไปที่การเป็นหนังแอ็คชั่น สัตว์ประหลาดปะทะหุ่นยนต์ ซึ่งดึงดูดได้แค่คอหนังที่เป็นแฟนบอยของหนังทำนองนี้ แต่เข้าไม่ถึงกลุ่มคนดูทั่วๆ ไป และเมื่อไม่มีคนดูกลุ่มที่ว่า นี่ก็คือรายได้ที่สูงที่สุดที่หนังพอจะทำได้ในสัปดาห์เปิดตัว
เป็นไปตามที่คาดกันไว้ เมื่อคนดู 67% อายุต่ำกว่า 35 ปี และเป็นผู้ชายถึง 61% การที่ได้คะแนน A- จากซีนีมาสกอร์ ผสมกับคำวิจารณ์ที่ดี Pacific Rim น่าจะยืนระยะได้ดี แต่ก็คงทำรายได้ไม่น่าจะเกิน 120 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่า ความสำเร็จของหนังต้องพึ่งตลาดต่างประเทศเป็นหลักแล้ว
กับการฉายในสัปดาห์ที่ 3 The Heat รายได้ตกแค่ 44% ทำรายได้เพิ่มมา 14 ล้านเหรียญ มาถึงวันนี้หนังซานดรา บูลล็อค-เมลิสสา แม็คคาร์ธีย์ ทำเงินไปแล้ว 112.4 ล้านเหรียญ และกำลังจะกลายเป็นหนังเบาสมองทำรายได้สูงสุดของซัมเมอร์นี้ ด้วยตัวเลขจบโปรแกรมที่ราวๆ 150 ล้านเหรียญ
หลังเปิดตัวไปอย่างโลกถล่มในสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกา The Lone Ranger รายได่้รูดอีก 62% ทำเงินมาอีก 11.1 ล้านเหรียญ เปรียบเทียบกับ Public Enemy หนังอีกเรื่องของเจอห์นนี่ เด็ปป์ ที่เปิดตัวสุดสัปดาห์วันชาติ และ ได้รับการต้อนรับที่น่าผิดหวัง ปรากฏว่า Public Enemy รายได้ตกเพียง 45% ในระยะเวลาเท่ากัน ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 71.1 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่น่าไต่ไปถึง 100 ล้านได้สำเร็จ
Monsters University ได้เงินมาอีก 10.6 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมถึง 237.8 ล้านเหรียญ มากกว่าแอนิเมชั่นเรื่องก่อนของพิกซาร์ Brave (237.3 ล้านเหรียญ) และน่าจะครองอันดับ 3 หนังทำเงินสูงสุดของปีนี้ได้สัก 2-3 สัปดาห์ ก่อนจะโดน Despicable Me 2 เขี่ยลงมา
หนังฮิตเซอร์ไพรส์ World War Z รายได้ตกลงแค่ 49% ทำเงินเพิ่มมา 9.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 177.1 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่า Rise of the Planet of the Apes (176.8 ล้านเหรียญ)
The Way, Way Back เพิ่มโรงเป็น 79 โรงในการฉายสัปดาห์ที่สอง และได้เงินมาอีก 1.11 ล้านเหรียญ หนังเบาสมอง-ดราม่าของฟ็อกซ์ เซิร์ชไลท์เรื่องนี้ จะขยายโรงเป็นกว่า 250 โรง ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ก่อนจะเปิดตัวในวงกว้าง 26 กรกฎาคม ส่วน Fruitvale Station เปิดตัวแค่ 7 โรงและทำรายได้น่าประทับใจมากๆ 377,000 เหรียญ คิดเป็นรายได้เฉลี่ยต่อโรงสูงถึง 53,000 เหรียญ แต่หนังยังไม่มีแผนขยายโรง ทั้งๆ ที่รายได้ก็เยี่ยม คำวิจารณ์ก็ออกมาดี ซึ่งน่าจะส่งให้หนังเปิดตัวได้สมน้ำสมเนื้อหน่อยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
ในตลาดนอกอเมริกา Despicable Me 2 ก็ไปได้ดี ด้วยรายได้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 55.5 ล้านเหรียญ ถึงวันนี้หนังเก็บเงินไปถึง 243.2 ล้านเหรียญ มากกว่าภาคแรกถึง 2 เท่า ในตลาดเดียวกัน ในสุดสัปดาห์ที่จะถึง หนังน่าจะผ่าน 293 ล้านเหรียญ และคงปิดตัวที่รายได้ 400 ล้านเหรียญ นอกอเมริกา
ขณะที่ Pacific Rim เปิดตัวใน 38 ตลาด และทำรายได้ไป 53 ล้านเหรียญ หนังยังมีตลาดอีก 50% ที่ยังไม่เปิดตัว โดยหนังทำได้ดีที่เกาหลีใต้ (9.6 ล้านเหรียญ), รัสเซีย (9.3 ล้านเหรียญ) และเม็กซิโก (5.3 ล้านเหรียญ) แต่ไม่น่าประทับใจนักที่อังกฤษ (3.2 ล้านเหรียญ) และออสเตรเลีย (2.6 ล้านเหรียญ) ตลาดใหญ่ที่เหลือของหนังคือที่ จีน, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมันนี, สเปน และบราซิล โดยหนังน่าจะทำได้ดีมากๆ ที่จีนกับญี่ปุ่น ในตลาดนอกอเมริกาหนังน่าจะคาดหวังรายได้ที่ 300 ล้านเหรียญได้
ลงโรงฉายไปแล้ว 86% ในตลาดนอกอเมริกา Monsters University ทำเงินมาในสัปดาห์ที่ผ่านมาอีก 30.2 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 236.4 ล้านเหรียญ หนังเปิดตัวได้เยี่ยมที่อังกฤษ (5.3 ล้านเหรียญ) และฝรั่งเศส (3.7 ล้านเหรียญ) แต่ก็ไม่ใช่รายได้ที่โดดเด่นนัก
World War Z ยังยืนระยะได้เยี่ยม กับรายได้ 22.4 ล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้รายได้รวมของหนังอยู่ที่ 246 ล้านเหรียญ หากรวมกับรายได้ในอเมริกาหนังจะเก็บเงินทะลุ 400 ล้านเหรียญเรียบร้อย
After Earth เปิดตัวที่จีนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยรายได้ 11.6 ล้านเหรียญ (แต่ถ้ารวมรายได้ทั้งหมดในจีนจะเท่ากับ 13.7 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำรายได้ผ่าน 200 ล้านเหรียญไปแล้ว แบบน่าผิดหวัง
Man of Steel เติมเงินมาได้ 13.3 ล้านเหรียญโดยเกือบครึ่งหนึ่ง 5.65 ล้านเหรียญ มาจากบราซิล รายได้รวมนอกอเมริกาอยู่ที่ 338.2 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวในญี่ปุ่นสิ้นเดือนสิงหาคม และน่าจะทำให้รายได้ขยับไปถึง 400 ล้านเหรียญ
เปิดตัวไปแล้ว 35% ของตลาด The Lone Ranger ได้เงินมา 12.7 ล้านเหรียญ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักๆ ที่เปิดตัวก็คือ บราซิล ทำรายได้มาแค่ 1.7 ล้านเหรียญ รายได้รวมตอนนี้ 48 ล้านเหรียญ และมีตลาดใหญ่อีก 6 แห่งที่ยังไม่เปิดตัว
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
อันดับหนังทำเงินในบ้านเรา คลิกชมได้ที่ http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/