US BOX OFFICE December 13-15, 2013
(แปลและเรียบเรียงจาก
www.boxofficemojo.com)
The Hobbit: The Desolation of Smaug เปิดตัวแรงตามคาดในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็น้อยกว่าที่หนังภาคแรกทำเอาไว้เล็กน้อย ส่วน A Madea Christmas ทำสถิติเปิดตัวต่ำสุดครั้งใหม่ในกลุ่มหนังชุด Tyler Perry's Madea
Smaug ทำเงินไป 73.65 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 4 หนังเปิดตัวสูงสุดตลอดกาลเดือนธันวาคม โดยทำเงินน้อยกว่าที่ The Hobbit: An Unexpected Journey ทำไว้ 13% และสร้างสถิติหนังทำเงินเดือนธันวาฯ สูงสุด 84.6 ล้านเหรียญ โดยอีก 2 เรื่องที่ทำได้ดีกว่า Smaug ก็คือ I Am Legend (77.2 ล้านเหรียญ) และAvatar (77 ล้านเหรียญ)
ตอนที่ An Unexpected Journey เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว หนังได้ประโยชน์จากการรอคอยถึงกับ 9 ปี สำหรับหนังในชุด The Lord of the Rings ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังภาคต่อที่คนดูรักตลอดกาล แต่คนดูกลับไม่รู้สึกแบบนั้นกับ An Unexpected Journey ดังนั้นรายได้ที่ตกลงมาของ Smaug จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยหนังก็ยังรักษาแฟนๆ ที่จงรักภักดีกับหนังชุดนี้ เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากโขอยู่จากฐานแฟนหนังกลุ่มใหญ่ แล้วการทำการตลาดเอง ก็ทำให้ Smaug ดูมีความน่าตื่นเต้นมากกว่าหนังภาคแรก นอกเหนือไปจากการตอบสนองพอประมาณ เมื่อเทียบกับภาคแรก Smaug ยังมีคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น มาดึงรายได้อย่าง Frozen, Catching Fire และหนังเข้าใหม่อีกเรื่อง A Madea Christmas ตามด้วยหนังที่คนรอดูอย่าง Anchorman 2 ก็จะเข้าฉายในอีกไม่กี่วัน แถมยังมีเรื่องของพายุหิมะทางตะวันออกเฉียงเหนือมาส่งผลกระทบซ้ำ แต่การเอาเรื่องดินฟ้าอากาศมาเป็นข้ออ้าง ก็ดูจะประเมินค่าเรื่องแบบนี้สูงเกินไป เพราะรายได้ในวันเสาร์ตกจากวันศุกร์เพียง 22% ขณะที่หนังภาคแรกตกถึง 25%
คนดูของหนัง 60% เป็นผู้ชาย และ 64% อายุมากกว่า 25 ปี เปรียบเทียบกันAn Unexpected Journey มี 57% เป็นชาย และ 58% อายุเกิน 25 ยอดขายตั๋วสามมิติคิดเป็น 49% ของทั้งหมด ซึ่งเท่าๆ กับภาคแรก ส่วนหนังสามมิติในโรงไอแมกซ์ทำรายได้มากถึง 9.2 ล้านเหรียญ ซึ่งเท่ากับ 12.5% ของรายได้เปิดตัว ขณะที่นักวิจารณ์ให้ Smaug เหนือกว่า An Unexpected Journey แต่คนดูกลับให้คะแนนแค่ A- น้อยกว่าภาคแรกที่ได้ได้ A ถ้ารายได้ของหนังเป็นไปตามอัตราที่หนังภาคแรกทำได้ Smaug น่าจะปิดตัวที่รายได้ 260 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็น Frozen ที่ทำรายได้ตกลงมา 29% ทำเงินไป 22.6 ล้านเหรียญ ตอนนี้รายได้รวมเป็น 164.8 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมที่รายได้มากกว่า 250 ล้านเหรียญ
ด้วยโรงฉาย 2,194 โรง Tyler Perry's A Madea Christmas เปิดตัวแค่ 16 ล้านเหรียญ ต่ำสุดเป็นอันดับ 3 สำหรับหนังของไทเลอร์ เพอร์รี และต่ำสุดในหนังชุด Madea โดยหนัง Madea's Witness Protection เปิดตัวได้ 25.4 ล้านเหรียญเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ถึงกระนั้น หนังที่เปิดตัวในเดือนธันวาคมมีน้อยกว่า ทำให้รายได้สัปดาห์ต่อมาจะทรงตัวเหนือกว่าระดับเฉลี่ย ทำให้ A Madea Christmas น่าจะทำเงินได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญ หนังได้คนดู 67% เป็นผู้หญิง และ 63% อายุมากกว่า 25 ปี คนดูให้คะแนน A- ซึ่งเป็นค่าปกติของหนังชุดนี้
อันดับ 4 เป็น The Hunger Games: Catching Fire รายได้ตกจากสัปดาห์ก่อน 48% ทำเงินไป 13.7 ล้านเหรียญ และรายได้รวมอยู่ที่ 357.5 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะผ่าน 400 ล้านเหรียญไปได้
หลังเปิดตัวได้เละเทะ Out of the Furnace รายได้ตกอีก 2.4 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังทำเงินไป 9.6 ล้านเหรียญเท่านั้น
กับหนังที่กำลังจะเปิดฉายในวงกว้าง 20 ธันวาคมนี้ American Hustle ชิมลางด้วยการเปิดฉาย 6 โรงในนิว ยอร์ค และแอลเอ ซึ่งทำรายได้ดีมากๆ กับตัวเลข 740,455 เหรียญ หรือ 123,409 เหรียญต่อโรง รั้งอันดับ 14 หนังรายได้เปิดตัวเฉลี่ยต่อโรงสูงสุดตลอดกาล และอันดับ 4 ถ้านับเฉพาะหนังคนแสดง คนดูหนังแบ่งออกพอๆ กันระหว่าอายุมากกว่า และต่ำกว่า 35 แต่เป็นชาย 49% และหญิง 51% บวกกับคำวิจารณ์ที่ดี โดยไม่ต้องไปมองถึงคนแสดงและผู้กำกับ American Hustle อยู่ในสถานภาพที่ดีมากกับการเปิดตัวด้วย 2,500 โรงในสุดสัปดาห์นี้
แต่ Saving Mr. Banks กลับทำได้ไม่ดีเท่ากับ American Hustle หนังเรื่องจริงในฮอลลีวู้ด ทำเงินไป 413,373 เหรียญจาก 15 โรง เท่ากับ 27,558 เหรียญต่อโรง แต่นี่ไม่ใช่หนังที่หวังกลุ่มคนดูโรงอาร์ตเฮาส์ แต่กับการเปิดตัวในวงกว้างสุดสัปดาห์นี้ หนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้
ในตลาดนอกอเมริกา The Hobbit: The Desolation of Smaug เปิดตัวใน 49 ตลาด และทำรายได้เป๋นกอบเป็นกำ 135.5 ล้านเหรียญ มากกว่าภาคแรก 3% จากตลาดเดียวกัน โดยหนังขึ้นอันดับ 1 ที่ เยอรมันนี 18.1 ล้านเหรียญ ทำได้ดีที่อังกฤษ 15.6 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส 14.6 ล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ 7.2 ล้านเหรียญ) สเปน 7.1 ล้านเหรียญ, เม็กซิโก 5.9 ล้านเหรียญ, อิตาลี 5.2 ล้านเหรียญ และบราซิล 5 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวในรัสเซียวันพุธนี้ (18 ธันวาฯ) จากนั้นเป็นออสเตรเลียในช่วงคริสต์มาส ก่อนจะเป็นญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตามด้วยจีน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 หนังภาคแรกทำรายได้นอกอเมริกา 714 ล้านเหรียญ ถ้า Smaug จะทำรายได้น้อยกว่า ก็ไม่น่าจะมากนัก
เปิดฉายอีก 25 ตลาด Frozen ได้เงินมาอีก 31.5 ล้านเหรียญ ตลาดที่เพิ่งเปิดตัวก็ได้แก่ รัสเซียซึ่งทำเงินเป็นอันดับ 1 ด้วยรายได้ 11.1 ล้านเหรียญ Frozen ทำรายได้รวมอยู่ที่ 101.6 ล้านเหรียญ และจะเปิดตัวที่อิตาลี และเม็กซิโกในสุดสัปดาห์นี้
Catching Fire รายได้หล่น50% ทำเงินมาอีก 19.5 ล้านเหรียญ รายได้นอกอเมริกาขยับเป็น 372.9 ล้านเหรียญ สัปดาห์นี้น่าจะทำรายได้รวมทั่วโลกชนะหนังภาคแรกที่ทำไว้ 691 ล้านเหรียญ และเป็นหนังทำเงินมากสุดของปีนี้อันดับ 5 ด้วยตัวเลข 730 ล้านเหรียญ และน่าจะมากกว่านี้อีก เมื่อหนังเปิดตัวในญี่ปุ่นสิ้นเดือนนี้ โดยรายได้ทั่วโลกน่าจะอยู่ราวๆ 825 - 850 ล้านเหรียญ
Gravity เปิดตัว 3.7 ล้านเหรียญในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ตลาดสุดท้ายของหนัง ตอนนี้หนังทำรายได้รวมนอกอเมริกาไปแล้ว 389.4 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน 400 ล้านเหรียญในช่วงคริสต์มาส
อ่านคำวิจารณ์ของ The Hobbit: The Desolation of Smaug ได้ที่
http://bit.ly/1cCE0ls อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่
www.facebook.com/Sadaosและติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่
www.sadaos.com
หนังทำเงินอเมริกา กลางเดือนธันวาฯ มังกรร้อนแรง แต่ไม่ดีกว่า The Hobbit ภาคแรก
(แปลและเรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
The Hobbit: The Desolation of Smaug เปิดตัวแรงตามคาดในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็น้อยกว่าที่หนังภาคแรกทำเอาไว้เล็กน้อย ส่วน A Madea Christmas ทำสถิติเปิดตัวต่ำสุดครั้งใหม่ในกลุ่มหนังชุด Tyler Perry's Madea
Smaug ทำเงินไป 73.65 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 4 หนังเปิดตัวสูงสุดตลอดกาลเดือนธันวาคม โดยทำเงินน้อยกว่าที่ The Hobbit: An Unexpected Journey ทำไว้ 13% และสร้างสถิติหนังทำเงินเดือนธันวาฯ สูงสุด 84.6 ล้านเหรียญ โดยอีก 2 เรื่องที่ทำได้ดีกว่า Smaug ก็คือ I Am Legend (77.2 ล้านเหรียญ) และAvatar (77 ล้านเหรียญ)
ตอนที่ An Unexpected Journey เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว หนังได้ประโยชน์จากการรอคอยถึงกับ 9 ปี สำหรับหนังในชุด The Lord of the Rings ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังภาคต่อที่คนดูรักตลอดกาล แต่คนดูกลับไม่รู้สึกแบบนั้นกับ An Unexpected Journey ดังนั้นรายได้ที่ตกลงมาของ Smaug จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยหนังก็ยังรักษาแฟนๆ ที่จงรักภักดีกับหนังชุดนี้ เป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากโขอยู่จากฐานแฟนหนังกลุ่มใหญ่ แล้วการทำการตลาดเอง ก็ทำให้ Smaug ดูมีความน่าตื่นเต้นมากกว่าหนังภาคแรก นอกเหนือไปจากการตอบสนองพอประมาณ เมื่อเทียบกับภาคแรก Smaug ยังมีคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น มาดึงรายได้อย่าง Frozen, Catching Fire และหนังเข้าใหม่อีกเรื่อง A Madea Christmas ตามด้วยหนังที่คนรอดูอย่าง Anchorman 2 ก็จะเข้าฉายในอีกไม่กี่วัน แถมยังมีเรื่องของพายุหิมะทางตะวันออกเฉียงเหนือมาส่งผลกระทบซ้ำ แต่การเอาเรื่องดินฟ้าอากาศมาเป็นข้ออ้าง ก็ดูจะประเมินค่าเรื่องแบบนี้สูงเกินไป เพราะรายได้ในวันเสาร์ตกจากวันศุกร์เพียง 22% ขณะที่หนังภาคแรกตกถึง 25%
คนดูของหนัง 60% เป็นผู้ชาย และ 64% อายุมากกว่า 25 ปี เปรียบเทียบกันAn Unexpected Journey มี 57% เป็นชาย และ 58% อายุเกิน 25 ยอดขายตั๋วสามมิติคิดเป็น 49% ของทั้งหมด ซึ่งเท่าๆ กับภาคแรก ส่วนหนังสามมิติในโรงไอแมกซ์ทำรายได้มากถึง 9.2 ล้านเหรียญ ซึ่งเท่ากับ 12.5% ของรายได้เปิดตัว ขณะที่นักวิจารณ์ให้ Smaug เหนือกว่า An Unexpected Journey แต่คนดูกลับให้คะแนนแค่ A- น้อยกว่าภาคแรกที่ได้ได้ A ถ้ารายได้ของหนังเป็นไปตามอัตราที่หนังภาคแรกทำได้ Smaug น่าจะปิดตัวที่รายได้ 260 ล้านเหรียญ
อันดับ 2 เป็น Frozen ที่ทำรายได้ตกลงมา 29% ทำเงินไป 22.6 ล้านเหรียญ ตอนนี้รายได้รวมเป็น 164.8 ล้านเหรียญ และน่าจะปิดโปรแกรมที่รายได้มากกว่า 250 ล้านเหรียญ
ด้วยโรงฉาย 2,194 โรง Tyler Perry's A Madea Christmas เปิดตัวแค่ 16 ล้านเหรียญ ต่ำสุดเป็นอันดับ 3 สำหรับหนังของไทเลอร์ เพอร์รี และต่ำสุดในหนังชุด Madea โดยหนัง Madea's Witness Protection เปิดตัวได้ 25.4 ล้านเหรียญเมื่อมิถุนายนที่ผ่านมา ถึงกระนั้น หนังที่เปิดตัวในเดือนธันวาคมมีน้อยกว่า ทำให้รายได้สัปดาห์ต่อมาจะทรงตัวเหนือกว่าระดับเฉลี่ย ทำให้ A Madea Christmas น่าจะทำเงินได้มากกว่า 50 ล้านเหรียญ หนังได้คนดู 67% เป็นผู้หญิง และ 63% อายุมากกว่า 25 ปี คนดูให้คะแนน A- ซึ่งเป็นค่าปกติของหนังชุดนี้
อันดับ 4 เป็น The Hunger Games: Catching Fire รายได้ตกจากสัปดาห์ก่อน 48% ทำเงินไป 13.7 ล้านเหรียญ และรายได้รวมอยู่ที่ 357.5 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะผ่าน 400 ล้านเหรียญไปได้
หลังเปิดตัวได้เละเทะ Out of the Furnace รายได้ตกอีก 2.4 ล้านเหรียญ ผ่าน 10 วันหนังทำเงินไป 9.6 ล้านเหรียญเท่านั้น
กับหนังที่กำลังจะเปิดฉายในวงกว้าง 20 ธันวาคมนี้ American Hustle ชิมลางด้วยการเปิดฉาย 6 โรงในนิว ยอร์ค และแอลเอ ซึ่งทำรายได้ดีมากๆ กับตัวเลข 740,455 เหรียญ หรือ 123,409 เหรียญต่อโรง รั้งอันดับ 14 หนังรายได้เปิดตัวเฉลี่ยต่อโรงสูงสุดตลอดกาล และอันดับ 4 ถ้านับเฉพาะหนังคนแสดง คนดูหนังแบ่งออกพอๆ กันระหว่าอายุมากกว่า และต่ำกว่า 35 แต่เป็นชาย 49% และหญิง 51% บวกกับคำวิจารณ์ที่ดี โดยไม่ต้องไปมองถึงคนแสดงและผู้กำกับ American Hustle อยู่ในสถานภาพที่ดีมากกับการเปิดตัวด้วย 2,500 โรงในสุดสัปดาห์นี้
แต่ Saving Mr. Banks กลับทำได้ไม่ดีเท่ากับ American Hustle หนังเรื่องจริงในฮอลลีวู้ด ทำเงินไป 413,373 เหรียญจาก 15 โรง เท่ากับ 27,558 เหรียญต่อโรง แต่นี่ไม่ใช่หนังที่หวังกลุ่มคนดูโรงอาร์ตเฮาส์ แต่กับการเปิดตัวในวงกว้างสุดสัปดาห์นี้ หนังน่าจะทำได้ดีกว่านี้
ในตลาดนอกอเมริกา The Hobbit: The Desolation of Smaug เปิดตัวใน 49 ตลาด และทำรายได้เป๋นกอบเป็นกำ 135.5 ล้านเหรียญ มากกว่าภาคแรก 3% จากตลาดเดียวกัน โดยหนังขึ้นอันดับ 1 ที่ เยอรมันนี 18.1 ล้านเหรียญ ทำได้ดีที่อังกฤษ 15.6 ล้านเหรียญ, ฝรั่งเศส 14.6 ล้านเหรียญ, เกาหลีใต้ 7.2 ล้านเหรียญ) สเปน 7.1 ล้านเหรียญ, เม็กซิโก 5.9 ล้านเหรียญ, อิตาลี 5.2 ล้านเหรียญ และบราซิล 5 ล้านเหรียญ หนังจะเปิดตัวในรัสเซียวันพุธนี้ (18 ธันวาฯ) จากนั้นเป็นออสเตรเลียในช่วงคริสต์มาส ก่อนจะเป็นญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตามด้วยจีน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2014 หนังภาคแรกทำรายได้นอกอเมริกา 714 ล้านเหรียญ ถ้า Smaug จะทำรายได้น้อยกว่า ก็ไม่น่าจะมากนัก
เปิดฉายอีก 25 ตลาด Frozen ได้เงินมาอีก 31.5 ล้านเหรียญ ตลาดที่เพิ่งเปิดตัวก็ได้แก่ รัสเซียซึ่งทำเงินเป็นอันดับ 1 ด้วยรายได้ 11.1 ล้านเหรียญ Frozen ทำรายได้รวมอยู่ที่ 101.6 ล้านเหรียญ และจะเปิดตัวที่อิตาลี และเม็กซิโกในสุดสัปดาห์นี้
Catching Fire รายได้หล่น50% ทำเงินมาอีก 19.5 ล้านเหรียญ รายได้นอกอเมริกาขยับเป็น 372.9 ล้านเหรียญ สัปดาห์นี้น่าจะทำรายได้รวมทั่วโลกชนะหนังภาคแรกที่ทำไว้ 691 ล้านเหรียญ และเป็นหนังทำเงินมากสุดของปีนี้อันดับ 5 ด้วยตัวเลข 730 ล้านเหรียญ และน่าจะมากกว่านี้อีก เมื่อหนังเปิดตัวในญี่ปุ่นสิ้นเดือนนี้ โดยรายได้ทั่วโลกน่าจะอยู่ราวๆ 825 - 850 ล้านเหรียญ
Gravity เปิดตัว 3.7 ล้านเหรียญในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ตลาดสุดท้ายของหนัง ตอนนี้หนังทำรายได้รวมนอกอเมริกาไปแล้ว 389.4 ล้านเหรียญ และน่าจะผ่าน 400 ล้านเหรียญในช่วงคริสต์มาส
อ่านคำวิจารณ์ของ The Hobbit: The Desolation of Smaug ได้ที่ http://bit.ly/1cCE0ls อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaosและติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงได้ที่ www.sadaos.com