ฟังมุมมองของนักวิชาการ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ รวมทั้งการเปลี่ยนตัว พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ออกจาก ศอรส.



    และข้างล่างนี้เป็นกระทู้ที่นำมาจากเว็บประชาทอล์ค เจ้าของกระทู้ คุณ whitehawk โพสต์ไว้วันนี้ 3/12/56


         รังสีอำมหิตเริ่มแผ่คลุมประเทศไทย ตามแผนลับของผู้บงการ


ก่อนจะอธิบายแผนลับของผู้บงการ   ขอย้อนไปถึงข้อเสนอของม๊อบต่อต้านทักษิณตั้งแต่ต้น  โดยย่อๆ ดังนี้

ม๊อบพันธมิตร   เสนอระบบ  70:30  คือแต่งตั้ง70  เลือกตั้ง 30  แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่(รวมทั้งมวลชนของม๊อบเอง)

ม๊อบเสธอ้าย    เสนอแช่แข็งประเทศไทย 2 ปี   ไม่ให้มีการเลือกตั้ง  ปรากฎ  ม๊อบแป้ก

ม๊อบนกหวีด     เสนอสภาประชาชน ซึ่งเป็นแนวทางที่ขัดกับหลักการในระบอบประชาธิปไตยสากล และเป็นข้อเสนอที่แม้แต่พวกตัวเองยังสับสนในหลักการและเนื้อหา แต่เพื่อให้ม๊อบเดินหน้าต่อไปได้  มวลชนจึงจำเป็นต้องแสวงจุดร่วม  สงวนจุดต่างเอาไว้ก่อน โดยชูเป้าหมาย ต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งมีการวางยาไว้แล้ว (รายละเอียดหาข้อมูลเอาเองนะครับเดี๋ยวกระทู้จะยาวไป) แล้วต่อยอดมาเป็น ต้องการ ล้มระบบทักษิณ ซึ่งสามารถเรียกแขกได้เกินคาด

     แต่เป้าหมายที่แท้จริงของคนบงการไม่ใช่จะขจัดคุณทักษิณและพวกหรือระบอบทักษิณ(ตามวาทะกรรมที่เค้าสร้างขึ้นมา) แต่หมายรวมถึงการบอนไซฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่ได้อิงแอบคุณทักษิณด้วย ซึ่งวิธีการจะได้กล่าวต่อไป

     เข้าเรื่องเลยนะครับ  เมื่อแผนของผู้บงการเดินมาถึงจุดที่นายกเจรจากับหัวหน้าม๊อบนกหวีด โดยมีทหารเป็นตัวเชื่อม  และนายกได้ออกมาแถลงโดยสรุปว่า  จะไม่ทำตัวให้เป็นเงื่อนไขของปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาหรือลาออก  แต่ข้อเสนอของหัวหน้าม๊อบเรื่องการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยวิธีอื่น ไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีกฎหมายรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ ตรงนี้แหล่ะครับ ที่เข้าล๊อคแผนของเค้า เพราะข้อเสนอเรื่องสภาประชาชนนั้น  เค้ารู้ว่านายกที่มาจากการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยทำไม่ได้ แต่ถ้าเสนอให้นายกที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งหล่ะ  ถึงตรงนี้ เพื่อนๆคงสงสัย แล้วเค้าจะทำยังไงหล่ะ ชักสนุกๆ ตามมาๆดูกันต่อไป

     หลังจากนายกแถลงเสร็จ  วันนั้นม๊อบก็ยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ  มีการยิงลูกไฟใส่ทำเนียบนับไม่ถ้วน  พังป้อมยามทำเนียบ  เผารถยนต์ตำรวจ  เพื่อจะเข้ายึดทำเนียบ  รวมทั้งที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาลด้วย  ซึ่งส่วนใหญ่นำโดยนักเรียนอาชีวะและมวลชนที่บ้าคลั่ง โดยแกนนำม๊อบไม่สามารถควบคุมได้  และแกนนำเวทีใหญ่ ก็ประกาศ ตำหนิการกระทำของพวกก่อการและตัดเชือกพวกเหล่านี้ออกไป (ดราม่าจิงๆ  เด็กอมมือมันยังรู้)

     จนกระทั่งพวกม๊อบเข้ายึดทำเนียบและบชน.สำเร็จ  โดยตำรวจถอดหมวกวางโล่ห์ปล่อยให้เข้าฟรี โดยพวกม๊อบเองก็แปลกใจ (คงคิดว่ากูไม่น่ามาเหนื่อยพังประตูเล๊ย โง่จิงๆ) นี่เป็นคำสั่งจากรัฐบาลผ่านมายังศอรส.  ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลกำลังหาทางออก  โดยวิธีที่นิ่มนวลที่สุด  คือการยุบสภา ซึ่งเพื่อนๆคงฉงนปนสงสัยว่า จะยุบไปทำไม  พวกม๊อบมันไม่เอานี่   แต่จริงๆผู้บงการเค้าเอาครับ   หัวหน้าม๊อบก็รู้แต่ยังไม่เผยไต๋เพราะต้องรักษามวลชนเอาไว้  หลังจากนายกประกาศยุบสภา  หัวหน้าม๊อบจะประกาศชัยชนะและแถลงต่อมวลชนว่า พี่น้องมวลมหาประชาชนที่เคารพครับ  เราได้ชัยชนะเบื้องต้นแล้ว  แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์  แต่ถือว่ารัฐบาลนี้หมดอำนาจลงโดยสิ้นเชิง  จึงขอให้พี่น้องกลับไปพักผ่อนก่อน  แล้วเราจะกลับมาใหม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยสมบูรณ์ (เนื้อหาการปราศรัยคงประมาณนี้นะครับ  ไม่อยากเขียนให้เพอร์เฟ็ค  เดี๋ยวมีการก๊อปปี้เอาไปให้แกนนำ)  หลังจากนั้นมวลชนก็กลับบ้านใครบ้านมัน   (เพราะกูก็เหนื่อยจะแย่แล้ว เลื่อนวันประกาศชัยชนะบ่อยเหลือเกิน)

     ที่บรรยายมาข้างต้นนี่  ดาบหนึ่ง  นะครับ   หลังจากนายกประกาศยุบสภา  กกต. ก็จะประกาศให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน นายกก็ต้องรักษาการไปอีก จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ นี่หล่ะครับ  ดาบสอง  จะเริ่มทำงาน  โดย  ปปช. จะนำเรื่องที่พรรคฝ่ายค้านกล่าวหาว่า นายกและรัฐบาล ทุจริต เรื่องจำนำข้าว มาพิจารณา  แล้วลงมติว่า มีมูล  ซึ่ง นั่นหมายถึง  นายกและคณะรัฐมนตรีทั้งหมดต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ เอาแล้วซิ  ชักยุ่งๆ  แล้ว จะเอาใครมาบริหารหล่ะ   สภาก็ไม่มีแล้ว  รัฐบาลก็ไม่มี   อย่าลืมนะครับ   นายกยุบสภาเนี่ย   สภาผู้แทนราษฎรนะครับ   แต่ สภาของวุฒิสมาชิกยังอยู่นะครับ  และจะทำหน้าที่สรรหานายกรัฐมนตรีซึ่งจำเป็นต้องเอามาจากคนนอก และไม่ใช่นายกรัฐมนตรีรักษาการด้วย เนื่องจาก สภาผู้แทนยุบแล้วไม่สามารถกระทำได้โดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 172 จึงจำเป็นต้องสรรหาจากบุคคลภายนอกตามมาตรา 7 นั่นแหล่ะครับ  A man behind the scene จะโผล่ออกมา (ตามอักษรย่อที่แปลเป็นภาษปะกิดว่า enough bridge)  แตร่นแตร๊น  อ้าวแล้ว  กกต.ประกาศเลือกตั้งไปแล้ว  จะทำยังไง อ้าวก็เลื่อนออกไปซิครับ  แต่ไม่มีกำหนดนะครับ เพื่อนๆมีใครสงสัยตรงนี้ไม๊ครับ  ว่าจะทำได้ไง  ถ้าสงสัยผมแนะให้ไปถาม ศาลรัฐธรรมนูญ นะครับ  อิอิ

     หลังจากมีนายกรัฐมนตรีคนนอกแล้ว  ก็จะมีการแถลงถึงสถานการณ์การเมืองของไทยที่เข้าขั้นวิกฤต ซึ่งหากให้มีการเลือกตั้งทั่วไป และได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็จะเกิดปัญหาไม่จบสิ้น  จำเป็นต้องมีการปฎิรูปการเมืองใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หลังจากนั้นจะมีการใช้กุญแจผีเปิดช่องกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อ สร้างสภาปฎิรูปการเมือง  หรือสภาชื่อแปลกๆ เก๋ๆแล้วแต่จะคิด แต่ไม่ใช่ชื่อสภาประชาชน นะครับ  เดี๋ยวมันไม่เนียน เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตยแบบที่เค้าสามารถควบคุมได้ตลอดไป   หลังจากนั้น เมื่อแน่ใจว่าคุมเกมอยู่แล้ว คนบงการเค้าก็จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งทั่วไป โดยที่หัวหน้าม๊อบ ที่เป็นเลขาธิการชื่อประหลาดๆ ก็จะออกมาตั้งพรรคเอง โดยรวบรวมซี้เก่า เช่นคนที่ไปทำทีมฟุตบอล  คนที่อยู่โคราช กลุ่ม 3พ กลุ่มภาคตะวันออก และอื่นๆ  โดยจะเป็นพันธมิตรกับพรรคเก่าแก่  ใช้เจาะฐานเสียงทางเหนือและอีสานและภาคกลาง โดยเฉพาะ  

     ที่ผมเขียนวิเคราะห์มาทั้งหมดนี้  ผมรู้ว่าอาจจะทำให้ เพื่อนๆเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตย มีความเครียดบ้างไม่มากก็น้อย  อาจจะมีคำถามว่า แผนการของเค้านี่  กุนซือนายกไม่รู้เหรอ ผมว่ารู้ครับ  แต่โดนเค้าบีบทุกทาง ชนิดกระดิกตัวไม่ได้ ฉะนั้นใครจะวิจารณ์  ด่าว่าผมว่าเพ้อฝัน  จินตนาการไปเอง หรือยังไงก็แล้วแต่ ผมน้อมรับทุกประการครับ  โดยจะไม่ตอบโต้ใครทั้งสิ้น  แต่ผมมีความคิดอย่างหนึ่งว่า  ความเป็นธรรม เป็นสิ่งอมตะ ไม่มีใครสามารถบิดเบือนได้  พวกเรายังมีอาวุธที่ทรงอานุภาพมากๆ  นั่นคือเวลา  ไงครับ  ดังนั้น  หากมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครคาดคิด  สถานการณ์ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้และเป็นคุณแก่ฝ่ายประชาธิปไตยด้วย

      แล้วพบกันใหม่ครับ

  ปล. ขออภัยนะครับเนื่องจากผมพิมพ์ในเวิร์ด แล้วก๊อปบางส่วนมาปะติด ปะต่อ ทำให้ เนื้อหาคาดเคลื่อนนิดหน่อย  ขอเพิ่มเติมนิดนึง  ที่บอกม๊อบจะกลับหลังจากนายกยุบสภา ยังไม่ใช่นะครับ  ม๊อบจะอยู่ต่อจนกว่า ปปช.จะมีมติว่าคดีทุจริตมีมูล  แล้วค่อยเลิก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของวุฒิสภา  ในการคัดสรรนายก  แล้วนำตรงนี้ไปอ้างความชอบธรรมต่อเวที นานาชาติ ว่า นี่ไง นายกรักษาการโดนคดีทุจริต จึงจำเป็นต้องเลือกนายกใหม่ และนายกของเค้าก็มาจากการเลือกตั้งในระบบรัฐสภาซะด้วย(กลัวนานาชาติแอนตี้ อ่ะดิ่) อะไรจะหรูขนาดนั้น ส่วนคดีทุจริต คนบงการต้องการ ให้เป็นชนักติดหลังนายกไปตลอด เพื่อไว้ต่อรองอะไรบางอย่างในอนาคต