พิพากษาปรับเงิน 2.5 แสน เอเอสทีวีหมิ่น พล.ต.อ.พัทชรวาท เป็นตอคดีลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” พาดพิงเกี่ยวข้องซื้อขายตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ ส่วน บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาให้ยกฟ้อง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า [b]ข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาด้วยเอกสารและดูหมิ่นโจทก์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องโจทก์เป็นตอขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล และเรื่องโจทก์เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ รวม 5 ฉบับ เป็นความผิด รวม 5 กระทง จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จึงต้องรับผิดสำหรับข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วย ในส่วนของจำเลยที่ 2 ได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน มีหน้าที่นำข่าวมาลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ซึ่งกองบรรณาธิการแบ่งเป็นหลายแผนกข่าว แต่ละแผนกมีบรรณาธิการและหัวหน้าข่าวรับผิดชอบหากนักข่าวรายงานข้อเท็จจริง หัวหน้าข่าวจะเป็นผู้ดูแลและบรรณาธิการควบคุมอยู่ และเมื่อบรรณาธิการแต่ละแผนกตรวจเสร็จแล้วจะส่งโรงพิมพ์ทันที จำเลยที่ 2 จึงมิได้เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าวแต่อย่างใด เพราะแบ่งแยกภาระงานแล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดตามฟ้องด้วย
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147630
มีคนเดียวที่ด่าแล้วไม่ผิดนะครัชช
ศาลปรับ 2.5 แสน เเอสทีวีหมิ่น “พัชรวาท” เป็นตอคดียิง “สนธิ”
พิพากษาปรับเงิน 2.5 แสน เอเอสทีวีหมิ่น พล.ต.อ.พัทชรวาท เป็นตอคดีลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” พาดพิงเกี่ยวข้องซื้อขายตำแหน่งโยกย้ายตำรวจ ส่วน บก.ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาให้ยกฟ้อง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า [b]ข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาด้วยเอกสารและดูหมิ่นโจทก์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องโจทก์เป็นตอขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล และเรื่องโจทก์เกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ รวม 5 ฉบับ เป็นความผิด รวม 5 กระทง จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน จึงต้องรับผิดสำหรับข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและดูหมิ่นเจ้าพนักงานด้วย ในส่วนของจำเลยที่ 2 ได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน มีหน้าที่นำข่าวมาลงในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ซึ่งกองบรรณาธิการแบ่งเป็นหลายแผนกข่าว แต่ละแผนกมีบรรณาธิการและหัวหน้าข่าวรับผิดชอบหากนักข่าวรายงานข้อเท็จจริง หัวหน้าข่าวจะเป็นผู้ดูแลและบรรณาธิการควบคุมอยู่ และเมื่อบรรณาธิการแต่ละแผนกตรวจเสร็จแล้วจะส่งโรงพิมพ์ทันที จำเลยที่ 2 จึงมิได้เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าวแต่อย่างใด เพราะแบ่งแยกภาระงานแล้ว ดังนั้น เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จึงยังไม่พอฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดตามฟ้องด้วย
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000147630
มีคนเดียวที่ด่าแล้วไม่ผิดนะครัชช